Strategic Plan - PDF Flipbook

Strategic Plan

117 Views
35 Downloads
PDF 14,064,855 Bytes

Download as PDF

REPORT DMCA


การวางแผนกลยุทธ์
Strategic Planning

รองศาสตราจารย์ ดร.จรัส อติวิทยาภรณ์

บทนา
การวางแผนยุทธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยุทธ์ (strategic planning)

เป็นการวางแผนท่ีมีการกาหนดวิสยั ทศั น์ มีการกาหนดเป้ าหมายระยะยาวท่ีแน่
ชดั มีการวเิ คราะห์อนาคตและคิดเชิงการแข่งขนั ท่ีตอ้ งการระบบการทางานท่ีมี
ความสามารถในการปรับตวั สูง สาหรับการทางานในส่ิงแวดล้อมที่มีการ
เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว เพ่ือให้ทนั กบั การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน ตอ้ งการ
ระบบการทางานท่ีคล่องตวั ตอ้ งการดาเนินงานมีประสิทธิภาพสูงในการนาสู่
เป้ าหมายในอนาคต สามารถเผชิญกบั การเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อความอยู่
รอด (survive) และความกา้ วหนา้ (growth) ขององคก์ าร ในอนาคต มีส่วนต่อ
การสร้างความเป็นผนู้ า (leadership) หรือในการสร้างภาพลกั ษณ์ (image) ท่ี
แสดงถึงจุดเด่นขององคก์ าร

การวางแผน (planning)
การวางแผน (planning) เป็นภารกิจหลกั อยา่ งหน่ึงท่ีทาใหเ้ ป้ าหมายของ

งานสาเร็จลุล่วงไปดว้ ยดีเพ่ือท่ีจะให้เขา้ ใจและสามารถวางแผนไดถ้ ูกตอ้ ง ขอ
นาเสนอ ความหมายของการวางแผน ความสาคญั ของการวางแผน ลกั ษณะของ
การวางแผนงานท่ีดี องคป์ ระกอบของการวางแผน ประเภทของแผน เครื่องมือ
สาหรับการวางแผนและระดบั ของการวางแผน ไวด้ งั น้ี

-224-

1. ความหมายของการวางแผน
“การวางแผน” (planning) มาจากคาในภาษาละตินว่า “แพลนมั ”

(planum) หมายถึงพ้ืนท่ีราบหรือพิมพเ์ ขียว คาภาษาองั กฤษใช้ “planning”
ซ่ึงหมายถึงกระบวนการวิเคราะห์และการตดั สินใจ ของผบู้ ริหารที่จะกาหนด
วิธีการไวล้ ่วงหน้าอย่างเป็ นระบบเพ่ือใช้เป็ นแนวทางปฏิบตั ิให้บรรลุผลตาม
เป้ าหมายและวตั ถุประสงคท์ ่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ โดยนาเอาขอ้ มูล
ข่าวสาร (information) ในอดีตมากาหนดหรือพยากรณ์อนาคต ดงั น้นั แนวคิด
ของการวางแผนจึงมีลักษณะเป็ น “ศาสตร์” ท่ีตอ้ งใช้ขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์
(empirical information) ที่มีความแม่นตรง และเชื่อถือได้ และจะตอ้ ง
ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบที่ชดั เจน และมีความต่อเน่ืองกนั ตามลาดบั ท้งั น้ี
เพื่อใหผ้ ใู้ ชแ้ ผน มีความรู้ และความเขา้ ใจที่จะสามารถนาแผนไปปฏิบตั ิ ให้
บรรลุผลสาเร็จได้

การวางแผน (planning) หมายถึงกระบวนการในการกาหนด
วตั ถุประสงคแ์ ละวธิ ีการวา่ จะทาอยา่ งไรใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคน์ ้นั หากจะกล่าว
ในแง่ของสถานการณ์ การวางแผนเป็ นกระบวนการในการเผชิญกบั ความไม่
แน่นอนโดยการกาหนดการกระทาข้ึนล่วงหน้าเพ่ือให้ไดผ้ ลตามที่กาหนดไว้
การวางแผนจะเก่ียวขอ้ งกนั 2 อย่างคือ จุดหมายปลายทางกบั วิธีการ จุดหมาย
ปลายทางกค็ ือจะทาอะไร วิธีการกค็ ือจะทาอยา่ งไร

การวางแผน (planning) คือความพยายามขององคก์ ารในการกาหนดและ
จดั ลาดบั ความสาคญั ของเป้ าหมาย การคาดคะเนถึงเงื่อนไขและทรัพยากรต่างๆ
การพิจารณาทางเลือกเพื่อให้ทรัพยากรและการดาเนินงานเพื่อให้บรรลุผลตาม
เป้ าหมาย ซ่ึงไดเ้ สนอรูปแบบการวางแผนเชิงระบบท่ีมีการนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
การวางแผนการศึกษากนั อยา่ งกวา้ งขวาง การวางแผนเป็นการตกลงใจว่าอะไร
ท่ีตอ้ งทา กาหนดวา่ จะไปทางไหน ซ่ึงตอ้ งระบุส่ิงจาเป็นเพ่ือให้เกิดประสิทธิผล
และประสิทธิภาพสูงสุดจากการกระทาและตอ้ งมาก่อนการนาไปปฏิบตั ิ เป็ น

-225-

การคาดหมายถึงผลสาเร็จท่ีจะไดร้ ับตามวตั ถุประสงคอ์ ย่างมีคุณค่าและมีความ
เที่ยงตรง ประกอบไปด้วยการระบุถึงความตอ้ งการ การจดั ลาดบั ของความ
ต้องการการกาหนดเป้ าหมายท่ีต้องการ การระบุทางเลือก การกาหนด
ยทุ ธศาสตร์และเคร่ืองมือตลอดจนวิธีการและแนวทางปฏิบตั ิ

จึงพอสรุปไดว้ ่า การวางแผน (planning) เป็ นความพยายามขององคก์ าร
และหน่วยงานในการกาหนดสิ่งท่ีจะตอ้ งปฏิบตั ิ เพื่อให้ตอบสนองต่อภารกิจ
ตอบสนองต่อปัญหาและความตอ้ งการให้ไดผ้ ลดีท่ีสุดดว้ ยวิธีการที่เหมาะสม
ท่ีสุด มีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ขอ้ จากดั ของทรัพยากรและการเปล่ียนแปลง
ของส่ิงแวดล้อมในอนาคต โดยมุ่งความสาเร็จและการดาเนินงานอย่างมี
ประสิทธิภาพเป็นหวั ใจสาคญั

2. ความสาคญั ของการวางแผน
การวางแผนเป็ นหน้าท่ีอันดับแรกของผู้บริ หาร เป็ นตัวกาหนด

ความสาเร็จของงาน การวางแผนจึงมีความสาคญั เป็นอยา่ งยง่ิ
1. การวางแผนเป็นแนวทางสาหรับปฏิบตั ิ นาไปสู่ความสาเร็จของงาน
2. การวางแผนเป็นตวั กาหนดทิศทางขององคก์ ารเปรียบเสมือนหางเสือ
ของเรือ
3. การวางแผนทาใหท้ ุกคนในองคก์ ารทราบความมุ่งหมายขององคก์ าร
อยา่ งชดั เจน
4. การวางแผนและแผนจะช่วยให้ผบู้ ริหาร และผปู้ ฏิบตั ิงานมองไปใน
อนาคต
5. การวางแผนทาใหผ้ บู้ ริหารตดั สินใจอยา่ งมีเหตุผล
6. การวางแผนเป็นเรื่องการเตรียมการไวล้ ่วงหนา้
7. การวางแผนมีส่วนช่วยให้ทุกคนในองคก์ ารเปล่ียนแปลงเพ่ือรองรับ
ส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต

-226-

8. การวางแผนทาใหผ้ บู้ ริหารตระหนกั ถึงความรับผดิ ชอบในหนา้ ที่
9. การวางแผนช่วยให้การควบคุมทาไดโ้ ดยอาศยั การวดั ผลสาเร็จตาม

แผนงาน
10.การวางแผนช่วยในการส่ือความให้ทุกฝ่ ายทราบถึงทิศทางของ

องคก์ าร และ ตรวจสอบความถูกตอ้ งของนโยบายปัจจุบนั
11.การวางแผนช่วยขยายขอบเขตของการคิดของผบู้ ริหาร และช่วยให้

ผบู้ ริหารคล่องตวั แกไ้ ขปัญหาหรือระดบั ผลงานไดด้ ีข้ึน

การวางแผนทุกระดบั จะมีประโยชน์ท้งั ต่อผบู้ ริหาร และผปู้ ฏิบตั ิดงั น้ี
1. ป้ องกนั มิใหเ้ กิดปัญหาและความผดิ พลาด หรือลดความเสี่ยงที่อาจจะ
เกิดข้ึนในการปฏิบตั ิงานในอนาคต
2. ทาให้องคก์ ารมีกรอบหรือทิศทางในการปฏิบตั ิงานที่ชดั เจนว่าจะทา
อะไร ที่ไหน เม่ือไร อยา่ งไร และใครทา ทาให้ผบู้ ริหารมีความมน่ั ใจในการ
ปฏิบตั ิงานใหบ้ รรลุผลสาเร็จไดง้ ่าย
3. ช่วยให้เกิดการประหยดั ทรัพยากรทางการบริหาร เช่น คน เงิน วสั ดุ
อุปกรณ์ เวลา ฯลฯ
4. ช่วยใหก้ ารปฏิบตั ิงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพราะมีแผนเป็นแนวทาง
“เปรียบเสมือนเรือที่มีหางเสือ”
5. ช่วยใหก้ ารปฏิบตั ิงานเป็นระบบ ผบู้ ริหารสามารถควบคุมติดตามการ
ปฏิบตั ิงานไดง้ ่าย

3. ลกั ษณะของการวางแผนงานทด่ี ี
1. ต้องเก่ียวข้องสัมพันธ์กับความต้องการที่แท้จริ งของการจัดทา

แผนงานและโครงการ

-227-

2. ตอ้ งสามารถแสดงแนวคิด เหตุผลท่ีสามารถนาไปจดั แผนงานและ
โครงการ

3. ตอ้ งมีความชดั เจนและส่ือความหมายได้
4. ตอ้ งมีความเป็นไปไดท้ ี่จะประสบความสาเร็จในระดบั สูง
5. ตอ้ งสามารถท่ีจะสงั เกตการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนได้
6. ตอ้ งสามารถวดั ผลและประเมินผลได้

ภาพท่ี 22 คุณลกั ษณะของการวางแผนท่ีดี
นอกจากน้ัน ยงั สามารถกาหนดคุณลกั ษณะของการวางแผนท่ีดี โดย
กาหนดไวว้ า่ แผนท่ีดีน้นั จะตอ้ ง “SMART”
S = Special มีความพิเศษ มีความแตกต่างจากส่ิงเดิม ๆ ที่มีอยู่

-228-

M = Measurable สามารถวดั ไดว้ า่ เมื่อไดด้ าเนินตามแผนแลว้ จะทาให้ดี
ข้ึนกวา่ เดิม

A = Agreement มีความเห็นพอ้ งตอ้ งกนั คนส่วนใหญ่มีความเห็น
สอดคลอ้ งกนั

R = Reason มีเหตุผลท่ีดาเนินการตามแผน
T = Timely เวลา และจงั หวะในการดาเนินการตามแผนเหมาะสม

4. องค์ประกอบของการวางแผน
องคป์ ระกอบของการวางแผนที่สาคญั คือ
4.1 การกาหนดจุดหมายปลายทาง (ends) ท่ีต้องการบรรลุ ซ่ึงมีหลาย

ระดบั คือ
1) จุดมุ่งหมายหรือเป้ าประสงค์ (goals) เป็ นการแสดงถึงความ

คาดหวงั ท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนในช่วงระยะเวลาขา้ งหนา้ ซ่ึงมกั จะมองในรูปของ
ผลลพั ธ์ (outcomes) ในอนาคตกาหนดอยา่ งกวา้ งๆ

2) วตั ถุประสงค์ (objective) เป็ นองคป์ ระกอบท่ีเป็นผลมาจากการ
แปลงจุดมุ่งหมาย (goal) ให้เป็ นรูปธรรมมากข้ึนเพื่อง่ายในการนาไปปฏิบตั ิ
วตั ถุประสงคจ์ ึงเป็นการกาหนดผลผลิต (output) ท่ีคาดหวงั ให้เกิดข้ึนอยา่ งกวา้ ง
ๆ แต่ชดั เจน และสามารถปฏิบตั ิได้

3) เป้ าหมาย (targets) เป็นองคป์ ระกอบท่ีเป็นผลมาจากการแปลง
วตั ถุประสงคใ์ หเ้ ป็นรูปธรรมในการปฏิบตั ิมากข้ึน เป้ าหมายจึงเป็นการกาหนด
ผลลพั ธ์สุดทา้ ยท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิบตั ิตามแผนโดยจะกาหนดเป็นหน่วยนบั ที่
วดั ผลไดเ้ ชิงปริมาณ และกาหนดระยะเวลาที่จะบรรลุผลสาเร็จน้นั ดว้ ย

4.2 วธิ ีการและกระบวนการ (means and process) เป็นองคป์ ระกอบท่ี
เกิดจากการนาขอ้ มูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์และกาหนดเป็นทางเลือก (alternative)
สาหรับเป็นแนวทางปฏิบตั ิ หรือกลวิธี (strategy) ให้บรรลุจุดหมายท่ีกาหนดไว้

-229-

จากน้นั จะถ่ายทอดออกมาเป็นแผนงาน (programs) และโครงการ (projects) ท่ี
เชื่อมโยงกนั โดยทว่ั ไปจะประกอบดว้ ย 2 องคป์ ระกอบหลกั คือ

1) กลวิธีการปฏิบัติ หรือมาตรการ (strategy) เป็ นการกาหนด
แนวทางปฏิบตั ิใหบ้ รรลุจุดหมาย (ends) ที่กาหนดไวอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

2) แผนงาน (programs) และโครงการ (projects) เป็นการกาหนด
แนวทางการกระทาที่เป็ นรูปธรรมในการปฏิบตั ิมากข้ึน ซ่ึงโดยทว่ั ไปจะมี
ประเดน็ ในการเขียนที่ชดั เจน ครอบคลุม และเช่ือมโยงกนั อยา่ งเป็นระบบ

4.3ทรัพยากร (resources) และค่าใช้จ่าย (cost) เป็ นองคป์ ระกอบท่ี
สาคญั อย่างหน่ึงในการวางแผนและการนาแผนไปปฏิบตั ิ ซ่ึงไดแ้ ก่ คน เงิน
วสั ดุอุปกรณ์ ซ่ึงผวู้ างแผนจะตอ้ งระบุให้ชดั เจนและมีความเป็ นไปไดใ้ นการ
ปฏิบตั ิ “มิใช่เขยี นแผนแบบวาดวมิ านในอากาศ” หรือ “เขยี นแผนแบบเพ้อฝัน”

4.4การนาแผนไปปฏิบตั ิ (implementation) เป็นองคป์ ระกอบท่ีแสดงถึง
กรรมวิธีในการตดั สินใจเลือกแผนงานและโครงการไปปฏิบตั ิให้เกิดผลสาเร็จ
ตามจุดหมาย (ends) ที่กาหนดไว้ ซ่ึงข้นั ตอนน้ีจะตอ้ งอาศยั กลยทุ ธ์หลายอยา่ ง
ท้งั กลยทุ ธภ์ ายในองคก์ ารและกลยทุ ธ์ภายนอกองคก์ าร

4.5การประเมินผลแผน (evaluation) เป็ นองคป์ ระกอบที่แสดงถึงการ
ตรวจสอบการควบคุมและการวดั ผลการปฏิบัติตามแผนเพ่ือให้ทราบถึง
ความกา้ วหนา้ หรือขอ้ บกพร่องหรือขอ้ จากดั ของแผนน้นั ๆ เพื่อจะไดป้ รับปรุง
แผนให้สามารถนาไปปฏิบตั ิไดบ้ รรลุตามเป้ าหมายและวตั ถุประสงคท์ ี่กาหนด
ไว้

แผนปฏิบตั ิการจะประกอบดว้ ย วตั ถุประสงค์ เป้ าหมาย กิจกรรม
ข้นั ตอนการปฏิบตั ิ งบประมาณ ผรู้ ับผิดชอบในการดาเนินงาน แผนปฏิบตั ิการ
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แผนใชป้ ระจา (standing plans) และแผนใช้
เฉพาะคร้ัง (single - use plans)

-230-

5. ประเภทของแผน
การแบ่งประเภทของแผนอาจใชว้ ิธีการต่างๆ กนั แลว้ แต่จะพิจารณาใน

แง่ใด แต่โดยทว่ั ไปการแบ่งประเภทของแผนใช้เกณฑ์ 3 อย่างคือ แบ่งตาม
ระยะเวลา แบ่งตามขอบเขตของกิจการ และแบ่งตามการนาไปใช้

1. การแบ่งตามระยะเวลา (time horizon) การแบ่งตามเกณฑน์ ้ีใชว้ ิธี
ง่ายๆ 3 ประเภทคือ แผนระยะส้นั (short-range plan) หมายถึง แผนท่ีครอบคลุม
เวลาการใชแ้ ผนไม่เกิน 1 ปี แผนระยะกลาง (intermediate-range plan) เป็นแผน
ท่ีครอบคลุมเวลา 1 ถึง 2 ปี และแผนระยะยาว (long-range plan) คือ แผนที่มี
ระยะเวลาการใชแ้ ผนครอบคลุมเวลาเกิน 2 ปี ข้ึนไปจนถึง 5 ปี หรือเกินกว่าน้นั
การแบ่งตามระยะเวลาทาให้มีความแตกต่างกนั ในเร่ืองต่างๆ เช่น การกาหนด
วตั ถุประสงคส์ าหรับแผนระยะส้ันจะตอ้ งชดั เจน ขณะท่ีวตั ถุประสงคส์ าหรับ
แผนระยะยาวจะเปิ ดกวา้ งขวางมากกวา่ การมีส่วนร่วมในการวางแผนกแ็ ตกต่าง
กนั กล่าวคือ หากเป็ นแผนระยะยาวผบู้ ริหารระดบั สูงจะเขา้ มาเกี่ยวขอ้ ง แต่ถา้
เป็ นแผนระยะส้ันผูบ้ ริหารระดบั กลางและระดบั ล่างเขา้ มามีส่วนมากกว่า แต่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ ายบริหารทุกระดบั จะตอ้ งเขา้ ใจและร่วมกันในการกาหนด
วตั ถุประสงคข์ องแผนระยะยาวดว้ ยเช่นกนั เพื่อให้เป็ นไปในแนวทางเดียวกนั
ท้งั แผนระยะส้ัน ระยะปานกลาง และระยะยาว มิฉะน้ันจะก่อให้เกิดความ
สบั สนและขดั กนั ระหวา่ งหน่วยงานต่างๆ ในองคก์ าร

2. การแบ่งตามขอบเขตของกิจกรรมท่ีทา (scope of activity) การแบ่ง
ตามเกณฑน์ ้ีจะแยกแผนออกเป็น 2 ประเภทคือ แผนกลยทุ ธ์ (strategic plan) กบั
แผนดาเนินงาน (operational plan) แผนกลยทุ ธ์เป็นแผนท่ีทาข้ึนเพ่ือสนองความ
ต้องการในระยะยาว และรวมเอากิจกรรมทุกอย่างขององค์การ ผูบ้ ริหาร
ระดับสูงที่วาแผนกลยุทธ์จะต้องกาหนดวตั ถุประสงค์ของท้ังองค์การแล้ว
ตดั สินใจว่าจาทาอย่างไรและจะจดั สรรทรัพยากรอยา่ งไรจึงจะทาให้องคก์ าร
สาเร็จตามเป้ าหมายน้นั จะตอ้ งใชเ้ วลาในการกาหนดกิจกรรมที่แตกต่างกนั ใน

-231-

แต่ละหน่วยงานรวมตลอดท้งั ทิศทางการดาเนินงานที่ไม่เหมือนกนั ให้อยู่ใน
แนวเดียวกนั การติดสินใจที่สาคญั ของแผนกลยทุ ธ์กค็ ือการเลือกวิธีการในการ
ดาเนินงาน และการจดั สรรทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากดั ให้เหมาะสมเพ่ือท่ีจะ
นาพาองค์การให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ แวดล้อม
ภายนอกท่ีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แผนดาเนินงานเป็นแผนท่ีกาหนดข้ึนมาใช้
สาหรับแต่ละกิจกรรมโดยเฉพาะ เพื่อใหบ้ รรลุเป้ าหมายของแต่ละกิจกรรมซ่ึง
เท่ากบั เป็นแผนงานเพื่อใหแ้ ผนกลยทุ ธ์บรรลุผลหรือเป็นการนาแผนกลยทุ ธ์ไป
ใช้นั่นเอง แผนดาเนินงานท่ีแยกเป็ นแต่ละกิจกรรมก็ได้แก่ แผนงานวิชากร
แผนงานการเงิน แผนงานประชาสมั พนั ธ์ เป็นตน้

3. การแบ่งตามการนาไปใช้ (frequency of use) การแบ่งตามเกณฑน์ ้ี
แยกเป็น 2 ประเภทคือ แผนที่ใชค้ ร้ังเดียว (single-use plan) กบั แผนท่ีใชป้ ระจา
(standing-use plan) แผนที่ใชค้ ร้ังเดียว หมายถึงแผนที่หมดไปกบั การใชห้ น่ึง
คร้ังแลว้ บรรลุวตั ถุประสงคข์ องแผนงานน้นั การใชแ้ ต่ละคร้ังถือตามเวลา เช่น 3
เดือน 1 ปี เป็นตน้ ตวั อยา่ งของแผนท่ีใชค้ ร้ังเดียวคือ งบประมาณและโครงการ
งบประมาณเป็นแผนกาหนดการใชท้ รัพยากรให้กบั กิจกรรมแต่ละอยา่ งภายใน
เวลาท่ีกาหนด งบประมาณแบ่งเป็ น 3 ประเภทคือ งบประมาณคงที่ (fixed
budget) งบประมาณยดื หยนุ่ (flexible budget) และงบประมาณฐานศูนย์ (zero-
based budget) งบประมาณที่จดั สรรทรัพยากรให้จานวนคงท่ีแน่นอนกบั
โครงการหรือหน่วยงานตามระยะเวลาที่กาหนด

โครงการ (project) เป็ นแผนท่ีใชค้ ร้ังเดียวอยา่ งหน่ึงซ่ึงระบุกิจกรรม
ต่างๆ ทุกอยา่ งที่ตอ้ งนาไปใชใ้ ห้บรรลุวตั ถุประสงคโ์ ดยการเช่ือมกิจกรรมต่างๆ
เขา้ ดว้ ยกนั ตามระยะเวลาตามเป้ าหมาย และทรัพยากรท่ีใช้ โครงการเนน้ ท่ีการ
บริหารเวลา หมายความว่า ต้องทาให้สาเร็จตามระยะเวลาที่กาหนด การ
จดั ลาดบั ความสาคญั ก่อนหลงั วา่ กิจกรรมอะไรทาก่อน กิจกรรมอะไรท่ีตอ้ งทา
ต่อมาตามลาดบั จนทุกอยา่ งสาเร็จสมบูรณ์ตามเวลา

-232-

แผนท่ีใชป้ ระจาเป็นแผนที่ใชซ้ ้า ๆ กนั ตลอดเวลา เมื่อใชไ้ ปแลว้ กก็ ลบั มา
ใชอ้ ีกซ่ึงไม่เหมือนกบั แผนที่ใชค้ ร้ังเดียวอยา่ งงบประมาณ เม่ือใชแ้ ลว้ ก็หมดไป
หรือจบโครงการ หากจะใชอ้ ีกก็ตอ้ งต้งั งบประมาณข้ึนมาใหม่ ซ่ึงเป็ นคนละ
แผนกัน แต่แผนประจาเกิดข้ึนซ้ าๆ กันอย่างเช่น นโยบาย กระบวนการ
ปฏิบตั ิงาน และกฎเกณฑ์ เป็ นตน้ นโยบาย (policy) เป็ นคาแถลงอย่างกวา้ งๆ
สาหรับใชเ้ ป็นแนวในการบริหารงานหรือแนวทางการทางานซ่ึงผบู้ ริหารหรือผู้
ปฏิบตั ิสามารถใชด้ ุลพินิจตดั สินใจได้ นโยบายจะกาหนดขอบเขตหรือแนวทาง
ในการตดั สินใจไม่ใช่เป็นการกระทาวา่ ตอ้ งทาอยา่ งน้นั อยา่ งน้ี แต่จะเนน้ เฉพาะ
เรื่องที่สาคญั ท่ีจะทาใหก้ ารตดั สินใจเป็นไปในแนวทางเดียวกนั

กระบวนการปฏิบตั ิงาน (procedure) เป็นการระบุข้นั ตอนของการกระทา
ว่าจะกระทาอะไรก่อนหลังอย่างไรโดยไม่ต้องใช้ดุลยพินิ จตัดสิ นใจ
กระบวนการเป็นข้นั ตอนการทางาน หรือบอกวิธีทางานไม่ใช่การใชค้ วามคิดซ่ึง
มีรายละเอียดแน่นอนว่าต้องทากิจกรรมอะไรไว้ชัดเจน และมักจะข้าม
หน่วยงานหรืออยใู่ นหน่วยงานเดียวกไ็ ด้

กฎเกณฑห์ รือขอ้ บงั คบั (rule and regulation) เป็นแผนประจาท่ีแคบและ
ชดั เจนที่สุด ซ่ึงระบุว่าอะไรตอ้ งกระทาหรือไม่ตอ้ งกระทา เป็นการบอกถึงการ
ตดั สินใจในสถานการณ์ต่างๆ กนั โดยไม่ตอ้ งอาศยั การใช้ดุลพินิจเลย มีความ
แตกต่างกบั กระบวนการการปฏิบตั ิงานตรงท่ีไม่ตอ้ งมีลาดบั เวลาก่อนหลงั ของ
การกระทา กระบวนการการปฏิบตั ิงานเป็ นเสมือนลาดับของกฎเกณฑ์หรือ
ขอ้ บงั คบั กฎเกณฑ์หรือขอ้ บงั คบั อาจเป็ นส่วนหน่ึงหรือไม่เป็ นส่วนหน่ึงของ
กระบวนการการปฏิบตั ิงานกไ็ ด้

ในแง่ของการเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งกบั แผนมากน้อยเพียงใดอาจแยกได้คือ
ผบู้ ริหารระดบั สูงจะเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งกบั แผนระยะยาว แผนกลยทุ ธ์และแผนที่ใช้
ประจามาก ผบู้ ริหารระดบั กลางจะเขา้ ไปเก่ียวขอ้ งกบั แผนดาเนินงานและแผนท่ี

-233-

ใชป้ ระจามาก ส่วนผบู้ ริหารระดบั ล่างจะเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งกบั แผนระยะส้นั และ
แผนที่ใชค้ ร้ังเดียวมาก

6. เคร่ืองมอื สาหรับการวางแผน
การวางแผนที่ดียอ่ มข้ึนอยกู่ บั เคร่ืองมือท่ีใชช้ ่วยในการวางแผนไม่วา่ การ

วางแผนน้ันจะกระทาร่วมกันหรือบุคคลใดบุคคลหน่ึงจัดทาข้ึน การเลือก
เคร่ืองมือจะตอ้ งพิจารณาให้เหมาะสมกับการวางแผนแต่ละเร่ืองและตามท่ี
กล่าวมาแลว้ วา่ การวางแผนมีประโยชน์หลายอยา่ ง ถา้ วางแผนไม่ดีก็อาจทาให้
แผนลม้ เหลวได้ สาเหตุที่ทาใหแ้ ผนลม้ เหลวกค็ ือ

แผนท่ีวางไวไ้ ม่สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะงานขององคก์ าร งานบางอยา่ ง
ที่เกิดข้ึนเป็ นประจาอาจเป็ นสาเหตุให้แผนไม่สาเร็จก็ได้หรือไม่
จาเป็นตอ้ งใชแ้ ผนกไ็ ด้

คนวางแผนไม่มีความรู้ในการวางแผน ไม่มีความเชี่ยวชาญพอที่จะ
วางแผนในแต่ละข้นั ตอนใหส้ อดคลอ้ งกนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

ขาดขอ้ มูลที่สาคญั และจาเป็นในการวางแผนทาใหก้ ารนาแผนไปใช้
ผดิ พลาดต้งั แต่เริ่มตน้

ขาดการสนบั สนุนจากบุคคลที่เกี่ยวขอ้ งกบั แผนทาให้แผนที่นาไปใช้
มีอุปสรรค

ผูบ้ ริหารเน้นในรายละเอียดมากเกินไปซ่ึงไม่ใช่เป้ าหมายของการ
วางแผน

ไม่มีการปรับแผนหรือเปล่ียนแปลงแผน และวตั ถุประสงค์เพื่อเอา
แผนใหม่หรือวตั ถุประสงคใ์ หม่มาใชแ้ ทน

มีการต่อตา้ นจากคนในองคก์ ารซ่ึงเป็นพฤติกรรมปกติของคนท่ีมีการ
ต่อตา้ นการ เปลี่ยนแปลง ทาใหไ้ ม่อาจนาแผนไปใชไ้ ด้

-234-

การจะป้ องกนั ไม่ใหเ้ กิดความลม้ เหลวในการนาแผนไปใชจ้ ะตอ้ ง
พยายามทาใหค้ นท่ีเกี่ยวขอ้ งมีความเขา้ ใจอยา่ งแทจ้ ริงเก่ียวกบั แผนน้นั และที่
สาคญั จะตอ้ งใหเ้ ครื่องมือในการวางแผนที่เหมาะสมดว้ ย เคร่ืองมือในการ
วางแผนมีดงั น้ี

การพยากรณ์ (forecasting) ไดแ้ ก่ การมองไปในอนาคตดว้ ยการ
กาหนดสมมติฐานว่าอะไรจะเกิดข้ึนในอนาคต การพยากรณ์ทาได้ 4
วธิ ีคือ

พยากรณ์เชิงคุณภาพ (qualitative forecasting) คือ การใชค้ วามเห็น
ของผเู้ ชี่ยวชาญคาดคะเนส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต ความเห็นอาจเป็ น
ของผเู้ ช่ียวชาญคนเดียวหรือผเู้ ชี่ยวชาญหลายคน แสดงความเห็นกนั
ในที่ประชุมสมั มนา จากความเห็นต่างๆ กน็ ามาปรับเปล่ียนให้เหมาะ
อีกคร้ังสาหรับใชใ้ นการวางแผน

การพยากรณ์เชิงปริมาณ (quantitative forecasting) คือ การใช้
วิเคราะห์เชิงสถิติและการคานวณขอ้ มูลต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งมาคาดคะเน
เหตุการณ์ในอนาคต มีเทคนิคต่างๆ หลายอย่าง เช่น การวิเคราะห์
อนุกรมเวลา (time-series analysis) ซ่ึงอาศยั ความสมั พนั ธ์ระหว่างตวั
แปรต่างๆ ที่เกิดข้ึนตามเวลาที่ช้ีใหเ้ ห็นส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต

รูปแบบทางเศรษฐกิจ (economic model) ซ่ึงอาศยั ความน่าจะเป็นและ
สมมติฐานต่างๆ ท่ีใชใ้ นการคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคตอนั แสดง
ใหเ้ ห็นถึงแนวโนม้ ทางเศรษฐกิจในวนั ขา้ งหนา้

การสารวจทางสถิติ (statistic survey) เป็ นการใช้การวิเคราะห์เชิง
สถิติสารวจความเห็นและทศั นคติของคนมาคาดคะเนเหตุการณ์ เช่น
รสนิยมในการบริโภค การเลือกต้งั ในทางการเมือง และ ทศั นคติทาง
สงั คม เป็นตน้

-235-

เปรียบเทียบหรือเรียกวา่ การหาจุดเด่น (benchmarking) ขององคก์ าร
อ่ืนมาใชเ้ พื่อทาให้องคก์ ารของเรามีมาตรฐานสูงข้ึน แต่ถา้ องคก์ าร
ของเราทาข้ึนมาเองยงั ไม่ดีข้ึนเทียบเท่าองค์การอื่นก็ให้ซ้ือหรือ
แสวงหาส่ิงนนั่ จากองคก์ ารอ่ืนท่ีดีที่สุดหรืออยา่ งนอ้ ยกด็ ีกว่าองคก์ าร
ของเราที่จะทาสิ่งน้นั ได้

การให้มีส่วนร่วมในการวางแผน (participative planning) การให้คน
ทุกระดบั มีส่วนร่วมในการวางแผนมีความสาคญั มาก เพราะคนทุก
คนลว้ นกระทบต่อการวางแผนไม่ทางใดก็ทางหน่ึง การให้คนมีส่วน
ร่วมจะทาให้ไดข้ อ้ มูลมากข้ึน ทาให้เกิดความคิดริเริ่มและความคิด
สร้างสรรคใ์ นการวางแผนก็จะไดแ้ ผนท่ีดีและสมบูรณ์ เมื่อมีการนา
แผนไปใช้คนก็จะมีความผูกพนั กนั แผน มีความเขา้ ใจและยอมรับ
แผนดว้ ยเช่นกนั ซ่ึงทาใหแ้ ผนดาเนินต่อไปจนเสร็จ

การใชภ้ าพ (use of scenario) การวางแผนท่ีดีจะตอ้ งทาใหเ้ ห็นภาพ
หรือฉากเหมือนกนั ของจริงที่เกิดข้ึน การใช้ภาพคือการทาให้เห็น
สถานการณ์ที่จะเกิดข้ึนให้เป็ นฉากเป็ นรูปร่างหรือเรื่องราวต่าง ๆ
เหมือนการดูภาพยนตร์หรือละคร ฉากหรือภาพจะทาให้เห็นความ
แตกต่างของแต่ละสถานการณ์ และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็จะเห็น
วา่ เปล่ียนแปลงไปอยา่ งไร เป็นวิธีการที่ทาให้เขา้ ใจไดว้ า่ ตอ้ งปรับตวั
หรือยดื หยนุ่ แผนใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์แต่ละอยา่ งจะทาอยา่ งไร

การใชท้ ี่ปรึกษาวางแผน (use of staff planner) การวางแผนเป็นเรื่อง
ยุง่ ยากซบั ซ้อน และตอ้ งอาศยั ผเู้ ชี่ยวชาญในการวางแผนโดยเฉพาะ
องคก์ ารอาจจา้ งผเู้ ช่ียวชาญวางแผนใหต้ ้งั คณะที่ปรึกษาเป็นผวู้ างแผน
ผเู้ ชี่ยวชาญในการวางแผนจะทาหนา้ ที่ประสานงานหน่วยงานต่างๆ
ท้ังองค์การ จะดาเนินข้นั ตอนต่างๆ ในการวางแผนโดยการใช้

-236-

เคร่ืองมือท่ีมีประสิทธิภาพในการวางแผนจนสาเร็จ ส่ิงที่คณะท่ี
ปรึกษาวางแผนทากค็ ือช่วยเหลือฝ่ ายบริหารในการจดั เตรียมแผน
พฒั นาแผนแต่ละแผนข้ึนมาตามท่ีไดร้ ับการร้องขอเก็บรวบรวมและ
เตรียมขอ้ มลู ในการวางแผน
ช่วยในการสื่อหรือแจง้ ให้คนในองคก์ ารรับรู้ตรวจสอบการใชแ้ ผน
และเสนอแนะแกไ้ ขเปล่ียนแปลงแผน

7. ระดบั ของการวางแผน
ถ้าจะแบ่งระดับของการวางแผนตามลกั ษณะของการบริหารงานใน

องคก์ าร สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดบั คือ
1. การวางแผนระดบั นโยบาย (policy planning) เป็นแผนระดบั สูงสุด

ขององคก์ าร มกั จะระบุแนวทางอยา่ งกวา้ งๆ ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานที่จะก่อให้เกิดแผน
ชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแผนระยะยาว (long - range plan) เช่น แผนพฒั นา
เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9

2. การวางแผนยุทธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยุทธ์ (strategic
planning) เป็นการวางแผนหลอมรวมครอบคลุมกิจกรรมท้งั หมดขององคก์ าร
หรือแผนงานใหญ่ขององคก์ าร โดยจะระบุไว้ “อย่างกว้าง” และ “มองไกล” ไป
พร้อมๆกนั ซ่ึงมกั จะเป็นแผนระยะยาว 5 - 10 ปี ซ่ึงจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั แผน
ระดบั นโยบาย

3. แผนปฏิบัติการ หรือแผนดาเนินงาน (operation plan) เป็นการ
วางแผนที่กาหนดจุดมุ่งหมายระยะส้นั ระยะเวลา ไม่เกิน 1 ปี ซ่ึงถ่ายทอดมา
จากแผนกลยทุ ธ์

การวางแผนยุทธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยุทธ์ (strategic planning)

-237-

เม่ือทราบความเป็นมา และความสาคญั ของการวางแผนยทุ ธศาสตร์ หรือ
การวางแผนกลยุทธ์ (strategic planning) จึงจาเป็ นตอ้ งศึกษาวิธีวางแผน
ยทุ ธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยุทธ์ ซ่ึงควรจะทราบความหมายของวางแผน
ยทุ ธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยทุ ธ์ ความสาคญั ของวางแผนยทุ ธศาสตร์ หรือ
การวางแผนกลยทุ ธ์ องคป์ ระกอบหลกั ในวางแผนยทุ ธศาสตร์ หรือการวางแผน
กลยทุ ธ์ และกระบวนวางแผนยทุ ธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยทุ ธ์

1. ความหมายของการวางแผนยุทธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยุทธ์
(strategic planning) การวางแผนยุทธศาสตร์ หรือการวางแผนกลยุทธ์
(strategic planning) เป็ นกระบวนการตดั สินใจเพื่อกาหนดทิศทางในอนาคต
ขององค์การ โดยกาหนดสภาพการณ์ในอนาคตท่ีต้องบรรลุและกาหนด
แนวทางในการบรรลุสภาพการณ์ท่ีกาหนดบนพ้ืนฐานขอ้ มูลท่ีรอบดา้ นอย่าง
เป็ นระบบ

การกาหนดแนวทางที่จะบรรลุสภาพการณ์ในอนาคตที่ตอ้ งการให้เกิด
จะตอ้ งต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานของขอ้ มูลที่รอบดา้ น คือ จะตอ้ งคานึงถึงสภาพการณ์
ท่ีต้องการให้เกิดศักยภาพหรื อขีดความสามารถขององค์การ และการ
เปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง และ
ส่ิงแวดลอ้ ม

การกาหนดแนวทางท่ีจะบรรลุสภาพการณ์ในอนาคตที่ตอ้ งการให้เกิด
จะตอ้ งเป็นระบบ คือ แนวทางท่ีกาหนดข้ึนจะตอ้ งดาเนินไปอยา่ งเป็ นข้นั เป็ น
ตอน

การวางแผนกลยุทธ์ หรือ strategic planning น้ันเป็ นสิ่งที่ใช้กัน
แพร่หลายมาก ในกิจการดา้ นการทหาร ในดา้ นการศึกการสงคราม ในดา้ น
การเมืองระหว่างประเทศ และโดยเฉพาะในการบริหาร ในวงการธุรกิจเอกชน
น้นั ประสบความสาเร็จสูงมาก กา้ วหนา้ และเป็นที่กล่าวขวญั ถึงกนั มาก ปัจจุบนั

-238-

น้ีการวางแผนแบบแผนกลยทุ ธ์ไดแ้ พร่หลายเขา้ มาในวงงานต่าง ๆ และวงงาน
ของราชการมากข้ึน แต่คาท่ีนิยมใช้และที่ไดร้ ับการยอมรับกนั ในวงราชการ
ส่วนใหญ่นิยมเรียกวา่ แผนยทุ ธศาสตร์

การวางแผนเชิงกลยทุ ธ์น้นั เป็นการวางแผนท่ีมีการกาหนดวิสยั ทศั น์ มี
การกาหนดเป้ าหมายระยะยาวที่แน่ชดั มีการวิเคราะห์อนาคตและคิดเชิงการ
แข่งขนั ที่ตอ้ งการระบบการทางานท่ีมีความสามารถในการปรับตวั สูง สาหรับ
การทางานในส่ิงแวดลอ้ มท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพ่ือให้ทนั กบั การ
เปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึน ตอ้ งการระบบการทางานท่ีคล่องตวั ตอ้ งการดาเนินงานมี
ประสิทธิภาพสูงในการนาสู่เป้ าหมายในอนาคต สามารถเผชิญกับการ
เปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อความอยรู่ อด (survive) และความกา้ วหนา้ (growth)
ขององคก์ าร ของหน่วยงาน หรือของธุรกิจของตนในอนาคต

การวางแผนกลยทุ ธ์หรือการวางแผนเชิงกลยทุ ธ์น้ี มีส่วนเป็นอยา่ งมาก
ต่อการสร้างความเป็นผนู้ า (leadership) หรือในการสร้างภาพลกั ษณ์ (image) ที่
แสดงถึงจุดเด่นของหน่วยงาน ขององคก์ ารหรือของธุรกิจในการวางแผนกล
ยทุ ธ์น้นั จะมีการกาหนดเป้ าหมายรวมขององคก์ าร สาหรับการดาเนินงานใน
อนาคต ท่ีเรียกวา่ วิสยั ทศั น์ มีการคิดในเชิงรุก มุ่งเอาดี เอาเด่น เอากา้ วหนา้ กา้ ว
ไกล มุ่งเอาชนะ เอาความยงิ่ ใหญ่ เนน้ คุณภาพ เอาความเป็นเลิศ

การวางแผนกลยุทธ์จะต้องตอบคาถามหลกั 3 ประการ คือ
1. องคก์ ารกาลงั จะกา้ วไปทางไหน (Where are you going?)
2. สภาพแวดลอ้ มเป็นอยา่ งไร (What is the environment?)
3. องคก์ ารจะไปถึงจุดหมายไดอ้ ยา่ งไร (How do you get there?)

2. ความสาคญั ของการวางแผนกลยุทธ์
1. การวางแผนกลยุทธ์เป็ นรูปแบบการวางแผนที่ช่วยให้หน่วยงาน
พฒั นาตนเองไดท้ นั กบั สภาพการเปลี่ยนแปลงไดอ้ ย่างเหมาะสม เพราะการ

-239-

วางแผนกลยทุ ธใ์ หค้ วามสาคญั กบั การศึกษาวิเคราะห์บริบทและสภาพแวดลอ้ ม
ภายนอกหน่วยงานเป็นประเดน็ สาคญั

2. การวางแผนกลยุทธ์ เป็ นรูปแบบการวางแผนที่ช่วยให้หน่วยงาน
ภ า ค รั ฐ ใ น ทุ ก ร ะ ดั บ
มีความเป็ นตวั เองมากข้ึน รับผิดชอบต่อความสาเร็จและความล้มเหลวของ
ตนเองมากข้ึน ท้งั น้ี เพราะการวางแผนกลยุทธ์เป็ นการวางแผนขององคก์ าร
โดยองคก์ ารและเพื่อองคก์ ารไม่ใช่เป็ นการวางแผนท่ีตอ้ งกระทาตามท่ีหน่วย
เหนือสงั่ การ

3. การวางแผนกลยุทธ์ เป็ นรูปแบบการวางแผนท่ีสอดรับกับการ
กระจายอานาจ ซ่ึงเป็ นกระแสหลกั ในการบริหารภาครัฐในปัจจุบนั และ
สอดคลอ้ งกบั ที่สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน ไดเ้ ตรียมออก
ร ะ เ บี ย บ ก า ห น ด ใ ห้ ห น่ ว ย ง า น ภ า ค รั ฐ ทุ ก ร ะ ดับ มี ก า ร จัด ท า แ ผ น
กลยุทธ์ใช้เป็ นเคร่ืองมือ ในการพฒั นางานสู่มิติใหม่ของการปฏิรูประบบ
ราชการ

4. การวางแผนกลยุทธ์ เป็ นเงื่อนไขหน่ึงของการจัดทาระบบ
งบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (performance base budgeting) ซ่ึงสานกั
งบประมาณกาหนดให้ส่วนราชการและหน่วยงานในสังกดั จดั ทาก่อนที่จะ
กระจายอานาจดา้ นงบประมาณโดยการจดั สรรงบประมาณเป็ นเงินกอ้ นลงไป
ใหห้ น่วยงาน

5. การวางแผนกลยทุ ธ์ เป็นการวางแผนที่ใหค้ วามสาคญั ต่อการกาหนด
“กลยทุ ธ์” ท่ีไดม้ าจากการคิดวิเคราะห์แบบใหม่ ๆ ท่ีไม่ผกู ติดอย่กู บั ปัญหาเก่า
ในอดีตไม่เอาขอ้ จากดั ทางดา้ นทรัพยากร และงบประมาณมาเป็นขอ้ อา้ ง ดงั น้นั
การวางแผนกลยทุ ธ์จึงเป็นการวางแผนแบบทา้ ทายความสามารถ เป็ นรูปแบบ
การวางแผนท่ีช่วยให้เกิดการริเร่ิมสร้างสรรคท์ างเลือกใหม่ ไดด้ ว้ ยตนเอง จึง
เป็นการวางแผนพฒั นาที่ยงั่ ยนื

-240-

ขอ้ แตกต่าง ระหวา่ งการวางแผนกลยทุ ธ์ กบั การวางแผนทวั่ ไป
การวางแผนกลยทุ ธ์ เป็นการวางแผนเพื่อนาองคก์ ารไปสู่ภาพลกั ษณ์ใหม่

กา้ วสู่วิสยั ทศั น์ที่ตอ้ งการในอนาคต การวางแผนกลยทุ ธ์จึงเป็นการวางแผนใน
ภาพรวมขององคก์ ารทุกกลยุทธ์ที่กาหนดข้ึนเป็นปัจจยั ที่ช้ีอนาคตขององคก์ าร
น้นั

การวางแผนทว่ั ไป เป็ นการวางแผนเพ่ือแกป้ ัญหา การป้ องกนั ปัญหา
หรือการพฒั นาผลผลิตขององคก์ าร ดงั น้นั การวางแผนทว่ั ไปจึงมีจุดมุ่งหมาย
เพียงเพื่อการให้ไดแ้ นวทางในการดาเนินงานท่ีทาให้งานโครงการขององคก์ าร
บรรลุผลสาเร็จอยา่ งมีประสิทธิภาพเท่าน้นั

3. องค์ประกอบหลกั ในการวางแผนกลยุทธ์
องคป์ ระกอบหลกั ที่ควรกาหนดอยใู่ นแผนกลยทุ ธ์ มีดงั น้ี
1.) พนั ธกจิ (mission) เป็ นสิ่งที่ส่ือถึงภารกิจหลกั ขององคก์ าร ซ่ึงจะ
สะทอ้ นถึงปรัชญาท่ีจะกาหนดการดารงอย่ขู ององคก์ าร เช่น พนั ธกิจของ
สถานศึกษา คือ “.....ผลติ นักเรียนท่ีมีคุณภาพ คุณธรรม สนองความต้องการ
ของสังคม…” ถือเป็นภารกิจหลกั ขององคก์ ารนน่ั เอง
2.) จุดมุ่งหมาย (goal) คือ ผลลพั ธ์ปลายทาง (outcomes) ที่องคก์ าร
ตอ้ งการให้เกิดข้ึนในอนาคต โดยไม่ตอ้ งระบุช่วงเวลาท่ีแน่นอนลงไป เช่น
จุดมุ่งหมาย ของสถานศึกษา คือ “...ผลติ นักเรียนให้นาความรู้ไปพฒั นาท้องถ่ิน
...”
3.) วตั ถุประสงค์ (objective) เป็นผลผลิต (output) ท่ีตอ้ งการให้เกิดข้ึน
เม่ือได้กระทาสิ่งต่างๆ ตามท่ีได้กาหนดพนั ธะกิจไว้ วตั ถุประสงค์จึงตอ้ ง
กาหนดให้ ชดั เจน วดั ได้ และปฏิบตั ิได้ เป็นรูปธรรมกว่าจุดมุ่งหมาย (goal) และ

-241-

ตอ้ งเกิดข้ึนก่อนผลลพั ธ์ เช่น วตั ถุประสงคข์ องสถานศึกษา “..เพอื่ ผลติ นักเรียนที่มี
ความรู้ความสามารถทีห่ ลากหลาย..”

4.) นโยบาย (policy) คือ ขอ้ ความหรือสิ่งท่ีองคก์ ารระบุไวว้ ่าจะปฏิบตั ิ
หรือกระทา เพ่ือใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ และจุดมุ่งหมายท่ีกาหนดไว้ ดงั น้นั การ
กาหนดนโยบายจึงเป็ นการกาหนดกรอบ กาหนดเกณฑใ์ นการจะปฏิบตั ิให้
กระชบั และมีประสิทธิภาพ

5.) กลวธิ ี/มาตรการ (strategy) แนวทางปฏิบตั ิยอ่ ยที่องคก์ ารยึดเป็นกรอบ
สาหรับคดั เลือก แผนงาน / งาน / โครงการ ต่างๆ ที่จะดาเนินให้บรรลุ
วตั ถุประสงค์ ซ่ึงกลวิธีต่างๆ จะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั นโยบายขอ้ น้นั ๆ

6.) แผนงาน (program) เป็นการจดั รวมกลุ่มของ งาน หรือ โครงการ
หรืออาจกล่าวว่า แผนงาน คือ งาน หรือโครงการย่อยๆ หลายโครงการ ซ่ึงมี
วตั ถุประสงค์สอดคล้องกัน ซ่ึงงานหรือโครงการจะประกอบด้วยกิจกรรม
(activities) ต่างๆ ที่ดาเนินการภายใตก้ รอบของงาน หรือโครงการหน่ึงๆ ซ่ึงจะ
มีเงื่อนไขระยะเวลาเร่ิมตน้ และสิ้นสุดในการทากิจกรรมต่างๆ

4. กระบวนการวางแผนกลยุทธ์ (strategic planning processes)
การวางแผนกลยุทธ์นอกจากจะกาหนดสาระของแผนกลยุทธ์ ไดแ้ ก่
พนั ธกิจ จุดหมายวตั ถุประสงค์ นโยบาย และกลวิธีหรือมาตรการ อนั เป็น .
ยทุ ธศาสตร์ . แลว้ การวางแผนกลยทุ ธ์
จะตอ้ งมีองคป์ ระกอบและกระบวนการที่สาคญั ดงั น้ี
4.1การวเิ คราะห์ผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholders analysis)

การวิเคราะห์เร่ืองผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย (stakeholders analysis) ท่ี
เกี่ยวข้องกับองค์การมีส่วนช่วยในการกาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และ
เป้ าประสงคห์ ลกั ของหน่วยงานไดถ้ ูกตอ้ ง เน่ืองจากหน่วยงานไม่เพียงแต่มี

-242-

ความผกู พนั กบั กระทรวงเจา้ สังกดั และผูร้ ับบริการเท่าน้ัน แต่ยงั มีผมู้ ีส่วนได้
ส่วนเสียอ่ืนๆ อีกดว้ ย

ผูม้ ีส่วนไดเ้ สียต่อองคก์ าร (stakeholder influence) ซ่ึงมีอิทธิพลต่อการ
วางแผนและการดาเนินงานของหน่วยงาน จาแนกไดเ้ ป็น 3 ประเภท ดงั น้ี

(1) ผู้มีส่ วนได้เสียภายในองค์การ (internal stakeholders) ได้แก่
ผบู้ ริหารทุกระดบั และ บุคลากรระดบั ปฏิบตั ิงาน

(2) ผู้ มี ส่ ว น ไ ด้ เ สี ย โ ด ย ต ร ง ใ น ก า ร รั บ บ ริ ก า ร ( marketplace
stakeholders) ถา้ องคก์ ารเป็ นสถานศึกษา จะไดแ้ ก่ นกั เรียน ผปู้ กครอง ผรู้ ับ
จา้ ง และการขายครุภณั ฑแ์ ละวสั ดุในการจดั ซ้ือจดั จา้ งตามระเบียบพสั ดุ เป็นตน้

(3) ผ้มู สี ่วนได้เสียในสังคมแต่อยู่นอกองค์การ (external stakeholders)
ไดแ้ ก่ ชุมชน กลุ่มการเมือง สถาบนั ทางศาสนา องคก์ ารบริหารส่วนทอ้ งถ่ิน
เป็ นตน้

4.2 การวเิ คราะห์สถานการณ์ท้ังภายในและภายนอกองค์การ
1) การวิเคราะห์สถานการณ์ภายในองค์การ โดยปกติจะใช้หลัก

“SWOT” ในการวิเคราะห์ ซ่ึงจะเป็ นการประเมินจุดเด่นหรือจุดแข็ง
(strengths) หรือศกั ยภาพของการดาเนินงานขององคก์ ารท่ีผา่ นมาท้งั ในอดีตและ
ปัจจุบนั วา่ ประสบความสาเร็จเพียงใด เช่น ตรวจสอบศกั ยภาพดา้ นทรัพยากรใน
การบริหาร อาทิ คน เงิน วสั ดุอุปกรณ์ สื่อการสอน เทคโนโลยสี มยั ใหม่ วิธีการ
จดั การหลกั สูตร วิเคราะห์จุดอ่อน (weakness) ขององคก์ ารว่ามีปัญหาอะไรบา้ ง
ตลอดจนวิเคราะห์โอกาส (opportunity) ที่จะสนบั สนุนให้มีการแกไ้ ขปัญหาหรือ
พฒั นาองคก์ ารให้เติบโต หรือมีความเป็ นเลิศ และวิเคราะห์ว่ามีอุปสรรค/
ขอ้ จากดั หรือภาวะคุกคาม (threat) อะไรบา้ งท่ีอาจเกิดข้ึนเม่ือเราดาเนิน
โครงการแลว้ ท้งั น้ีเพ่ือจะไดใ้ ชต้ รวจสอบสภาวะความเส่ียง (risks) และใช้
ป ร ะ ก อ บ ก า ร พิ จ า ร ณ า ตัด สิ น ใ จ เ ลื อ ก ท า ง เ ลื อ ก ใ น ก า ร ว า ง แ ผ น ไ ด้อ ย่า ง มี

-243-

ประสิทธิภาพ ตลอดจนทาใหอ้ งคก์ ารมีความเขม้ แขง็ ในการปฏิบตั ิงานใหส้ าเร็จ
ลุล่วงตามจุดหมายที่กาหนดไวใ้ นที่สุด

การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มภายใน ควรครอบคลุมประเดน็ ต่อไปน้ี
 ความเหมาะสมของโครงสร้างองค์การและความชดั เจนของนโยบายที่
หน่วยงานกาหนด
 ประสิทธิผลในระดบั ผลลพั ธ์ (ผลประโยชน์ต่อกลุ่มเป้ าหมาย) ในช่วง
เวลาท่ีผา่ นมา และประสิทธิภาพในระดบั ผลผลิต (เชิงปริมาณ เชิงคุณภาพตาม
มาตรฐานเชิงเวลา และเชิงตน้ ทุน) ในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมท้งั ความคุม้ ค่า
(B/C Ratio หรือ cost effectiveness) ของภารกิจในช่วงเวลาที่ผา่ นมา
 การบริหารบุคคลและการพัฒนาบุคลากร (อตั รากาลงั คุณภาพ
บุคลากร การคดั เลือกบุคลากร การให้รางวลั และการลงโทษ ขวญั และกาลงั ใจ
การฝึ กอบรมระหวา่ งการปฏิบตั ิงานของเจา้ หน้าที่ การฝึ กอบรมผบู้ ริหารระดบั
ต่างๆ การถ่ายทอดภมู ิความรู้ก่อนเกษียณอายุ เป็นตน้ )
 ประสิทธิภาพทางการเงนิ และการระดมทุน
 การบริหารพสั ดุ (การจดั ซ้ือจดั จา้ ง ความพร้อมใชข้ องครุภณั ฑ์ การใช้
ครุภณั ฑไ์ ดอ้ ยา่ งสมประโยชน์ การบารุงรักษาครุภณั ฑแ์ ละอาคารสถานท่ี การ
จดั หาวสั ดุสิ้นเปลือง เป็นตน้ )
 การบริหารจัดการ (การวางแผนปฏิบตั ิการ การวิจยั และพฒั นา การ
ติดตามผลการปฏิบตั ิงาน การประเมินผล การจดั ทาฐานข้อมูลและระบบ
สารสนเทศเพ่ือการจดั การ การสื่อสารภายในหน่วยงาน วฒั นธรรมองคก์ าร
และภาวะผนู้ า เป็นตน้ )

2) การวเิ คราะห์สถานการณ์ภายนอกองค์การ เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ ม
ต่าง ๆ ที่อยภู่ ายนอกองคก์ าร แต่อาจมีผลกระทบต่อการดาเนินงานขององคก์ าร

-244-

ท้งั ทางตรงและทางออ้ ม เช่น สภาพแวดลอ้ มทางดา้ น เศรษฐกิจ สงั คม การเมือง
กลุ่มผลประโยชน์ คู่แข่งขนั ความกา้ วหนา้ ดา้ นเทคโนโลยี ฯลฯ ปัจจยั ต่าง ๆ
เหล่าน้ีองคก์ ารควบคุมไดย้ าก ดงั น้นั ในการวางแผนกลยทุ ธ์ ผวู้ างแผนจะตอ้ งให้
ความสาคญั กบั การวิเคราะห์สถานการณ์ภายนอกองคก์ าร เพ่ือนามาใชเ้ ป็ นขอ้ มูลใน
การวางแผนกลยทุ ธ์ใหม้ ีประสิทธิภาพ

การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายนอก ควรครอบคลุมประเดน็ ต่อไปน้ี
 ปัจจยั เออื้ /ปัจจยั อปุ สรรคด้านสังคมและวฒั นธรรม

- ปัจจัยเอ้ือด้านสังคมในประเด็นที่เกี่ยวกับความต้องการของ
ประชาชน หรือปัญหาของสังคม หรือขอ้ เรียกร้องของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนได้
ส่วนเสีย รวมท้งั เครือข่ายความร่วมมือระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงาน
ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ภาคเอกชน ตลอดจนโครงสร้างประชากร การศึกษา อนามยั อาชีพ
ความรู้ เจตคติ พฤติกรรม แนวคิด อนุรักษ์ กระแสวฒั นธรรมจากต่างประเทศ
คา่ นิยมความเช่ือ ขนบธรรมเนียม และประเพณี เป็นตน้

 ปัจจยั เออื้ /ปัจจัยอุปสรรคด้านเทคโนโลยี (นวตั กรรม และความมีอยู่
ของเทคโนโลยี เป็นตน้ )

 ปัจจยั เออื้ /ปัจจยั อปุ สรรคด้านเศรษฐกจิ (ภาวะทางเศรษฐกิจ ภาวะการ
จา้ งงาน อตั ราดอกเบ้ีย และอตั ราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศเศรษฐกิจ
ระหวา่ งประเทศ เป็นตน้ )

 ปัจจัยเออื้ /ปัจจัยอุปสรรคด้านการเมืองและกฎหมายภายในประเทศ
และระหว่างประเทศ

- แนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ และกฎกระทรวง
เก่ียวกบั การแบ่งอานาจหนา้ ที่ของหน่วยงานภายในกระทรวง ปี 2545 และพระ
ราชกฤษฎีกาจดั ต้งั หน่วยงาน

-245-

- นโยบายของรัฐบาล
- เป้ าประสงคท์ ่ีกาหนดในแผนยทุ ธศาสตร์กระทรวง
- อุปสรรคเกี่ยวกบั การประสานงานระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐ
- อุปสรรคหรือขอ้ จากดั ที่เกิดจากกฎหมายหรือระเบียบ
- อุปสรรคหรือขอ้ จากดั ที่เกิดจากโครงสร้างส่วนราชการ
- อุปสรรคหรือขอ้ จากดั ท่ีเกิดจากมาตรฐานการปฏิบตั ิงานเพ่ือใหเ้ กิด
การยอมรับในระดบั นานาประเทศ
3.3 การประเมินสถานภาพของหน่วยงาน ควรครอบคลุมประเด็น
ต่อไปน้ี
„ ความโนม้ เอียงระหวา่ งจุดแขง็ และจุดอ่อน
„ ความโนม้ เอียงระหวา่ งโอกาสและภยั อุปสรรค
„ สรุปความเป็ นไปไดท้ ่ีจะมียทุ ธศาสตร์เชิงรุก เชิงรักษาสถานภาพ
ความเช่ียวชาญเชิงปรับปรุงส่วนดอ้ ย และเชิงตดั ทอนภารกิจ เป็นตน้

สังเคราะห์ปัจจยั ภายในและปัจจยั ภายนอกองค์การ

Opportunities=O Weakness = W Strengths = S
WO (พฒั นา) ใช้ความ SO(หลกั ) ใช้จุดแขง็
ได้เปรียบในโอกาสจาก ประสานกบั ความ
ภายนอกมาปิ ดจุดอ่อน ได้เปรียบโอกาสภายนอก
(เออื้ แต่อ่อน) (เออื้ และแขง็ )

-246-

Threats = T WT(ปรับปรุง) ST(ขยายงาน) ใช้จุดแขง็

ระมดั ระวงั จุดอ่อน หลบ และหลบหลกี ภยั คุกคาม

หลกี ภยั คุกคาม (ไม่เออื้ (ไม่เออื้ แต่แขง็ )

และอ่อน)

การกาหนดยุทธศาสตร/์ กลยทุ ธ์

O

กลยทุ ธเ์ ชิงรุก กลยทุ ธเ์ ชิงพฒั นา
- ขยาย - ส่งเสริม
- พฒั นา - ปรบั ปรุง

S

- ส่งเสริม -247- W
- สรา้ ง
- เร่งรดั
กลยทุ ธต์ ้งั รบั - แกไ้ ข
- ชะลอ - ประสานความร่วมมือ
- ปรบั ปรุง ขอรบั การสนบั สนุน
- ลดตน้ ทุน กลยทุ ธแ์ กป้ ัญหา
- ลดระยะเวลา - ยบุ เลกิ
- ถา่ ยโอน
- ควบกิจการ
- ปรบั เปลยี่ น Re-
engineering
- หลอมรวม

T

-248-

Stars Situation (SO) หรือ ดาว จะเอาจุดแขง็ ไปใชป้ ระโยชนจ์ าก
โอกาสไดอ้ ยา่ งไร

- สร้าง เปิ ด เพ่ิม บุก รุก ขยาย

ภาพที่ 23 กลยทุ ธ์เชิงรุก Stars Situation (SO) หรือ ดาว

-249-

Question Marks Situation (WO) หรือ เคร่ืองหมายคาถาม แกไ้ ข
จุดอ่อนเพื่อช่วงชิงโอกาส หรือ หาจุดแขง็ จากภายนอกมาเสริม

- ปรับปรุง พฒั นา แกไ้ ข ทบทวน
- ประสานความร่วมมือ ขอรับการสนบั สนุน

ภาพที่ 24 กลยทุ ธ์เชิงพฒั นา Question Marks Situation (WO) หรือ เครื่องหมาย
คาถาม

-250-

Cash Cows Situation (ST) หรือ แม่ววั ใชจ้ ุดแขง็ เพื่อลดความเสียหาย
ที่เกิดจากภยั คุกคามหรือทาจุดแขง็ ใหด้ ีข้ึน

- ปรับปรุง พฒั นา ลดตน้ ทุน ลดระยะเวลา

-251-

ภาพท่ี 25 กลยทุ ธ์ต้ังรับ Cash Cows Situation (ST) หรือ แม่ววั

Dogs Situation (WT) หรือ สุนัขจนตรอก เลิก/ลดภารกิจบางดา้ นที่มี
จุดอ่อนและภยั คุกคาม หรือคิดใหม่ ทาใหม่

-252-

- เลิก ลด ถ่ายโอน
- ปรับ เปล่ียน Re-engineering

ภาพท่ี 26 กลยทุ ธ์แก้ปัญหา Dogs Situation (WT) หรือ สุนัขจนตรอก

การจดั วางทศิ ทางขององค์การ

-253-

การจัดวางทิศทางเชิ งกลยุทธ์ขององค์การ มีข้อความที่สาคัญ
ประกอบดว้ ย “วิสยั ทศั น์ (vision)” “พนั ธกิจ (mission)” และ “เป้ าประสงคห์ ลกั
ขององคก์ าร (organization’s objective or goal)”

วสิ ัยทัศน์ (vision)
ความหมายวสิ ัยทัศน์
วิสัยทัศน์ หมายถึง การมองภาพอนาคตของผู้นาและสมาชิกใน

องคก์ าร และกาหนดจุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงกบั ภารกิจ ค่านิยม และ
ความเช่ือเขา้ ดว้ ยกนั แลว้ มุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ตอ้ งการจุดหมายปลายทางท่ี
ตอ้ งการ จุดหมายปลายทางดงั กล่าวตอ้ งชดั เจน ทา้ ทาย มีพลงั และมีความเป็นไป
ได้

สมมุติวา่ V คือ วสิ ยั ทศั น์ (vision)
I คือ ภาพฝันในอนาคต (image) และ
A คือ การกระทา (action)

สามารถเขียนเป็นสมการไดว้ า่ V = I + A

ความสาคญั ของวสิ ัยทศั น์
วิสัยทศั น์ กาหนดภาพอนาคตอนั ใกลข้ ององค์การ มีความสาคญั ต่อ
ผบู้ ริหาร และบุคลากรทุกคนท่ีอยใู่ นองคก์ าร พอจะแยกเป็นประเดน็ ไดด้ งั น้ี
1. วิสัยทศั น์ช่วยกาหนดทิศทางท่ีจะดาเนินชีวิตหรือกิจกรรมองคก์ าร
โดยมีจุดหมายปลายทางท่ีชดั เจน
2. วิสยั ทศั น์ช่วยให้สมาชิกทุกคนรู้ว่า แต่ละคนมีความสาคญั ต่อการมุ่ง
ไปสู่จุดหมายปลายทาง และรู้ว่าจะทาอะไร (what) ทาไมตอ้ งทา (why) ทา
อยา่ งไร (how) และทาเม่ือใด (when)

-254-

3. วิสัยทศั น์ช่วยกระตุน้ ให้สมาชิกทุกคนมีความรู้สึกน่าสนใจ มีความ
ผกู พนั มุ่งมน่ั ปฏิบตั ิตามดว้ ยความเต็มใจ ทา้ ทา้ ย เกิดความหมายในชีวิตการ
ทางาน มีการทางานและมีชีวิตอย่อู ยา่ งมีเป้ าหมายดว้ ยความภูมิใจ และทุ่มเท
เพื่อคุณภาพของผลงานที่ปฏิบตั ิ

4. วิสยั ทศั น์ช่วยกาหนดมาตรฐานของชีวิต องคก์ าร และสังคมที่แสดง
ถึงการมีชีวิตที่มีคุณภาพ องคก์ ารท่ีมีคุณภาพ และสงั คมท่ีเจริญกา้ วหนา้ มีความ
เป็นเลิศในทุกดา้ น

ลกั ษณะของวสิ ัยทัศน์ที่ดี
วิสัยทศั น์ที่มีลกั ษณะดี ย่อมทาให้ทุกคนในองคก์ ารเกิดความมน่ั ใจใน
อนาคต เสียสละกาลังกายและกาลังความคิด เพ่ือนาพาองค์การไปสู่ส่ิงท่ี
คาดหวงั ไว้ ลกั ษณะของวิสยั ทศั น์ท่ีดี พอจะสรุปไวด้ งั น้ี
1. วิสัยทศั น์ท่ีดี จะตอ้ งมีมุมมองแห่งอนาคต (future perspective)
สอดคลอ้ งเหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจ สังคมวฒั นธรรม และ
คา่ นิยมขององคก์ าร รวมท้งั วตั ถุประสงคแ์ ละภารกิจขององคก์ ารน้นั ๆ
2. วิสยั ทศั น์ที่ดี ควรจะริเร่ิมโดยผนู้ าและสมาชิกมีส่วนร่วมคิดและให้
การสนบั สนุน (share and supported) มีความน่าเช่ือถือ ทุกคนเตม็ ใจที่จะปฏิบตั ิ
ตาม การมีส่วนร่วมของสมาชิกจะก่อใหเ้ กิดความผกู พนั (commitment) ร่วมกนั
และทุกคนพร้อมท่ีจะใหก้ ารสนบั สนุน
3. วิสัยทศั น์ท่ีดี มีสาระครบถว้ นและชดั เจน (comprehensive and
clear) สะทอ้ นให้เห็นถึงจุดหมายปลายทางและทิศทางที่จะกา้ วไปในอนาคตท่ี
ทุกคนเขา้ ใจง่าย สามารถทาให้สาเร็จไดต้ รงตามเป้ าหมาย สาระต่างๆ จะช่วย
กระตุน้ ทา้ ทายความสามารถและความรู้สึกนึกคิดของบุคลากรท่ีจะปฏิบตั ิงาน

-255-

4. วิสัยทศั น์ที่ดี ทาให้เกิดความฝันและพลงั ดลใจ (positive and
inspiring) ทา้ ทาย ทะเยอทะยาน สามารถปลุกเร้า และสร้างความคาดหวงั ที่เป็น
สิ่งพึงปรารถนาท่ีมองเห็นได้ นนั่ คือ มีเสน้ ทางท่ีทา้ ทายความสามารถ

5. วิสัยทศั น์ที่ดี มีแผนปฏิบตั ิที่แสดงให้เห็นวิธีการที่มุ่งสู่จุดหมาย
ชดั เจน และเม่ือปฏิบตั ิตามแลว้ จะใหผ้ ลคุม้ ค่า ในอนาคต ท้งั ในดา้ นบุคคลและ
องคก์ าร ท้งั น้ี จะตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกบั จุดหมายปลายทางท่ีกาหนดเป็ น
วิสยั ทศั น์

การตรวจสอบวสิ ัยทศั น์
เมื่อกาหนดวิสยั ทศั น์แลว้ ควรมีการตรวจสอบวา่ วิสยั ทศั น์ที่จะนามาใช้
ในองคก์ าร มีความถูกตอ้ ง ครบถว้ น เหมาะสมท่ีจะกาหนดเป็ นวิสัยทศั น์ของ
องคก์ าร ซ่ึงควรจะตรวจสอบ ดงั น้ี
 เป็นส่ิงท่ีฝัน ท่ีมีความเป็นไปได้
 เป็นเรื่องเก่ียวขอ้ งกบั อนาคตขององคก์ าร
 เป็นเครื่องบอกทิศทางไปสู่จุดหมายท่ีตอ้ งการอยา่ งชดั เจน
 มีเป้ าหมายที่มีความเป็นไปได้
 มีพลัง ท้าท้าย และเร่งให้เกิดพฤติกรรมนาไปสู่การเปล่ียนแปลงที่
สร้างสรรค์
 มีความกระชบั ชดั เจน ทุกคนเขา้ ใจตรงกนั
 บอกท้งั เสน้ ทาง และเป้ าหมาย

กระบวนการสร้างวสิ ัยทศั น์
1. ข้ันเตรียมการ เป็ นข้นั ตอนการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ เก่ียวกบั
ความหมายและให้เห็นความสาคญั และความจาเป็ นในการสร้างวิสัยทศั น์ใน
องคก์ ารรวมถึงการมีเจตคติท่ีดีของสมาชิกที่มีต่อองคก์ าร

-256-

2. ข้นั ดาเนินการสร้างวสิ ัยทัศน์ มีข้นั ตอนดงั น้ี
2.1รวบรวมขอ้ มลู พ้ืนฐานที่เกี่ยวขอ้ งกบั หน่วยงาน เช่น วตั ถุประสงค์

ภารกิจหน่วยงาน ความคาดหวงั และความตอ้ งการของสมาชิก ผรู้ ับบริการและ
ห น่ ว ย ง า น ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง
เป็ นตน้

2.2วิเคราะห์สถานภาพปัจจุบนั ขององค์การ เพื่อให้ผูบ้ ริหารเขา้ ใจ
และตระหนกั ในสถานภาพปัจจุบนั และศกั ยภาพของหน่วยงาน

2.3กลุ่มผบู้ ริหารเสนอมุมมองแห่งอนาคต เป็นลกั ษณะของการสร้าง
ฝันของผูบ้ ริหารแต่ละคน (create individuals dream) จะได้มุมมองท่ี
หลากหลายและครอบคลุม

2.4นามุมมองของผูบ้ ริหารแต่ละคนมารวมและเชื่อมโยงกนั (share
and relate the dreams) เพ่ือให้มุมมองของแต่ละคนมาเชื่อมโยงกนั แลว้
เรียงลาดบั ความสาคญั

2.5คดั เลือกและตดั สินใจอนาคตของหน่วยงานท่ีเป็นความฝันของทุก
คน

2.6ขดั เกลาสานวนให้ส่ือความหมายชัดเจน ปลุกเร้า ทา้ ทา้ ย สร้าง
พลงั ดลใจ มีสาระครอบคลุมองคป์ ระกอบของวสิ ยั ทศั น์

3. ข้นั นาวสิ ัยทศั น์ไปปฏิบัติ เม่ือกาหนดวิสยั ทศั น์ตามข้นั ตอนการสร้าง
วิสยั ทศั น์แลว้ จะไดว้ ิสยั ทศั น์ของหน่วยงาน และเม่ือผบู้ ริหารเห็นชอบแลว้
ควรส่ือสารใหส้ มาชิกทุกคนไดร้ ับทราบและเขา้ ใจตรงกนั กาหนดแผนงานและ
โครงการใหส้ อดคลอ้ งกบั วิสยั ทศั น์ และนาแผน/โครงการไปปฏิบตั ิ

4. ข้นั ประเมินวิสัยทัศน์ การประเมินวิสยั ทศั น์ทาให้ทราบวา่ วิสยั ทศั น์
น้นั มีพลงั และมีประสิทธิภาพเพียงใด โดยพิจารณาจากผลการดาเนินงานตาม
แผน และโครงการว่ามีความกา้ วหนา้ ที่มุ่งไปสู่วิสยั ทศั น์เพียงใด ควรปรับปรุง
แกไ้ ขการดาเนินงานเพ่ือใหเ้ ป็นไปตามวสิ ยั ทศั นอ์ ยา่ งไร

-257-

แนวคดิ ในการทาวสิ ัยทัศน์
 เขียนวิสัยทัศน์จากข้อสรุปของกลยุทธ์หลัก หรื อผสมผสานกับ
ขอ้ สรุปกลยทุ ธ์การขยายงาน
 วิสัยทศั น์ตอ้ งสร้างภาพเชิงบวกให้กบั องคก์ าร จุดประกายความคิด
ใหแ้ ก่ผปู้ ฏิบตั ิงาน
 วิสัยทศั น์ส่วนใหญ่จะถูกกาหนดมาในลกั ษณะ Inside-Out มากกว่า
Outside-In การคิดแบบ Inside-Out (คือการท่ีผบู้ ริหารนง่ั กาหนด
วิสัยทัศน์จากภายในองค์การ โดยไม่ให้ความสนใจต่อการ
เปลี่ยนแปลงของปัจจยั ภายนอกท่ีจะส่งผลกระทบต่อองคก์ าร)
 การกาหนดวิสัยทศั น์ที่ดี จะตอ้ งเร่ิมตน้ จากการประเมินดูว่า จะมี
ปัจจัยภายนอกองค์การอะไรบ้าง ท่ีจะส่งผลกระทบองค์การใน
อนาคต (ส่วนใหญ่การกาหนดวิสยั ทศั นจ์ ะอยทู่ ี่ไม่เกิน 5 ปี )

องค์ประกอบสาคญั ทจี่ ะทาให้เกดิ การนาภาพอนาคต(วสิ ัยทัศน์)ไปสู่การ
ปฏิบตั ิที่เป็นรูปธรรมควรมีดงั น้ี

1. นโยบายและแผนงานที่ชดั เจน เป็ นไปอย่างมีระบบและประสาน
ประโยชน์ตามนโยบายและแผนอยา่ งจริงจงั

2. การปรับเปลี่ยนผบู้ ริหารไดง้ ่าย ในกรณีที่บริหารงานผิดพลาดหรือ
เป็นผทู้ ่ีขาดความกา้ วหนา้

3. ใชเ้ คร่ืองมือเคร่ืองใชเ้ ทคนิคการปรับปรุงงาน เพื่อทางานให้รวดเร็ว
และลดข้นั ตอนในการทางาน

4. การพฒั นาบุคลากรอยา่ งต่อเน่ือง เพ่ือใหส้ ามารถปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพและมีทศั นคติที่ดีต่อองคก์ าร ตลอดจนการปรับทศั นคติบุคลากร
ใหม้ ีจิตสานึกรับผดิ ชอบงานและสงั คม

-258-

5. การใชเ้ ทคนิควชิ าการบริหาร (management technique) มาช่วยในการ
บริหาร

6. การใชค้ วามรู้เฉพาะสาขา (professional) เพ่ือปฏิบตั ิงานใหไ้ ดผ้ ล
ตามลกั ษณะงานแต่ละสาขา

7. การใชเ้ ทคนิคอ่ืน ๆ ประกอบการบริหารใหเ้ ป็นผลสาเร็จ
8. การให้ความรู้ ขอ้ มูล สารสนเทศ ท่ีทนั ต่อการเปล่ียนแปลงของโลก
แก่ผทู้ ่ีอยู่ในสงั คมเมืองในภูมิภาคควรมีนโยบายในการกระจายอานาจ ท้งั การ
กระจายงานและกระจายเงิน เพื่อพฒั นาระบบบริหารในองคก์ าร
9. การปรับองคก์ าร โครงสร้างและกาลงั คนขององคก์ ารให้กะทดั รัด
และคล่องตวั เหมาะสมกบั ภาระหนา้ ที่ขององคก์ ารและสภาพปัจจุบนั
10. การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้สามารถปฏิบตั ิไดค้ ล่องตวั
และรวดเร็ว

พนั ธกจิ (mission)
พนั ธกิจ (mission) คือ ความมุ่งหมายพ้ืนฐานขององคก์ าร ท่ีจะ

ดาเนินการในระยะยาว เป็นขอบเขตในการดาเนินงานขององคก์ าร พนั ธกิจท่ีดี
จะสามารถแยกความแตกต่างและคุณค่าขององคก์ ารแต่ละแห่งไดอ้ ย่างชดั เจน
ดงั น้นั พนั ธกิจจะบ่งบอกว่ากิจการขององคก์ ารคืออะไร อะไรคือสิ่งท่ีองคก์ าร
ตอ้ งการจะเป็ น และบางคร้ังอาจจะแสดงส่ิงท่ีองค์การกาลงั ให้บริการแก่
ผรู้ ับบริการ

พนั ธกิจ จะตอ้ งบอกไดว้ ่าองคก์ ารต้งั ข้ึนมาทาไม และส่ิงใดที่องคก์ าร
จะตอ้ งดาเนินการเพ่ือสามารถดารงอย่ไู ด้ และยงั บอกไดว้ ่าองคก์ ารตอ้ งการ
อะไรและจะทาอะไรในอนาคต พนั ธกิจจะถูกเขียนข้ึนเพื่อประกาศออกให้
ชดั เจนต่อบุคลากรหรือแมแ้ ต่สาธารณชนท่ีเรียกวา่ ข้อความพนั ธกจิ (mission
statement) ขอ้ ความพนั ธกิจท่ีดีจะตอ้ งชดั เจนในประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี

-259-

„ ขอบเขตท่ีองคก์ ารจะทา (domain)
„ กลุ่มลูกคา้ ที่ตอ้ งการจะใหบ้ ริการ (customers)
„ ผลิตภณั ฑห์ รือบริการหลกั ขององคก์ าร (products or

services)
„ สถานที่หรือพ้ืนท่ีที่จะดาเนินการ (location) และ
„ ขอ้ ความจะตอ้ งส่ือสารถึงบุคลากร

พนั ธกจิ
 เป็นการกาหนดขอบข่ายงานท่ีเป็นลกั ษณะเฉพาะขององคก์ าร
 ง่ายต่อการแปลความเพื่อใหส้ มาชิกทุกฝ่ ายเขา้ ใจ
 สามารถใชเ้ ป็นแนวทางในการประเมินผลสาเร็จ
 ใชก้ ระตุน้ ใหบ้ ุคลากรเกิดความภกั ดี และรู้สึกเป็นเจา้ ขององคก์ าร
 เป็นขอ้ ความระบุหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบหรือบทบาทซ่ึงกาหนดจะทา
ในช่วง 4-5 ปี ขา้ งหนา้ ท่ีสอดคลอ้ งกบั กฎหมายการจดั ต้งั องคก์ าร

พนั ธกจิ อาจแบ่งเป็ น 2 แบบคอื
„ พนั ธกจิ แบบแคบ (narrow mission) เป็นพนั ธกิจท่ีจะจากดั ขอบเขต
การ ดาเนินงานขององคก์ ารบนพ้ืนฐานของผลผลิต เทคโนโลยี และ
ความตอ้ งการของผรู้ ับบริการ การวางพนั ธกิจ แบบน้ีเหมาะท่ีจะใช้
ในองคก์ ารขนาดเลก็ มีขอ้ เสีย กค็ ือ อาจเป็นการจากดั การ เติบโตของ
องคก์ าร
„ พนั ธกจิ แบบกว้าง (broad mission) เป็นพนั ธกิจที่ขยายขอบเขตการ
ดาเนินงานไปสู่ผลผลิต เทคโนโลยี และความต้องการของ
ผรู้ ับบริการที่แตกต่างกนั ซ่ึงทาใหโ้ อกาสที่องคก์ ารจะเติบโตมีสูง แต่

-260-

ขอ้ เสียก็คือบางคร้ังอาจจะกวา้ งเกินไปจนผรู้ ับบริการหรือบุคลากร
เกิดความสบั สน

การวางแผนยุทธศาสตร์
สาหรับการวางแผนยทุ ธศาสตร์ ขอจาแนกตามระดบั การบริหารจดั การ

ไ ว้ ดั ง น้ี
1) แผนเชิงยทุ ธศาสตร์ หรือ แผนเชิงกลยทุ ธ์ (strategic plans)
2) แผนเชิงยทุ ธวธิ ี หรือ แผนเชิงกลวิธี (tactical plans)
3) แผนเชิงปฏิบตั ิการ (operational plans)

1) แผนเชิงยุทธศาสตร์ หรือ แผนเชิงกลยุทธ์ (strategic plans)
แผนเชิงยทุ ธศาสตร์ หรือ แผนเชิงกลยทุ ธ์ (strategic plans) เป็นแผนซ่ึง

มีคุณลกั ษณะดงั น้ี
 คิดภาพรวมที่จะใหเ้ กิดข้ึนในองคก์ าร
 ไดแ้ นวคิดจากวสิ ยั ทศั น์ กาหนดทิศทาง
 รับคาปรึกษาจากผูบ้ ริหารระดับกลาง แต่ผูบ้ ริหารระดบั สูงเป็ นผู้
กาหนด
 เป็นแผนระยะยาวต้งั แต่หา้ ปี เป็นตน้ ไป

คาหลกั ที่ควรใชก้ บั แผนเชิงยทุ ธศาสตร์ หรือ แผนเชิงกลยทุ ธ์ (strategic plans)
o กาหนดทิศทาง ดว้ ยคา มุ่ง....... สู่......... แนวโนม้ ....... มุ่งมน่ั ......
o ไม่กาหนดกิจกรรม หรือ คาเฉพาะ แต่ใชค้ ากวา้ ง ๆ เช่น ทนั สมยั .....

-261-

สู่สากล.....

คากริยาท่ใี ช้เขยี นยุทธศาสตร์ ใชค้ ากริยานามธรรม และตอ้ งแสดง
ทิศทางของยทุ ธศาสตร์หรือนโยบาย เช่น

- “ขยาย/เพิ่ม/พัฒนา” เพ่ือการรุก
- “ปรับปรุง” เพื่อการแกไ้ ขส่วนดอ้ ย
- “คงสภาพ” เพื่อการประคองตวั และ
- “ตดั ทอน” เพ่ือการยตุ ิส่วนที่ควรยกเลิก

แนวคดิ การบริหาร แผนเชิงยทุ ธศาสตร์ หรือ แผนเชิงกลยทุ ธ์ (strategic plans)
Doing the right things

กาหนดให้ทาในสิ่งทที่ ถ่ี ูกต้อง

แผนเชิงยทุ ธวิธี หรือแผนเชิงกลวิธี (tactical plans)
แผนเชิงยุทธวิธี หรือแผนเชิงกลวิธี (tactical plans) เป็ นแผนซ่ึงมี

คุณลกั ษณะดงั น้ี
 สนบั สนุนต่อการนาแผนเชิงกลยทุ ธ์ใหบ้ รรลุผล
 มีความเฉพาะเจาะจง และเป็นรูปธรรม มากกวา่ แผนเชิงกลยทุ ธ์
 เป็นแผนระยะกลาง 1-3 ปี
 ผบู้ ริหารระดบั กลางเป็นผกู้ าหนด โดยร่วมปรึกษากบั ผบู้ ริหารระดบั
ตน้

คาหลกั ที่ควรใชก้ บั แผนเชิงยทุ ธวธิ ี หรือแผนเชิงกลวิธี (tactical plans)
- กาหนดความเฉพาะเจาะจง ดว้ ย คาวา่ กาหนดใหม้ ี....... ดาเนินการ....

สร้าง....... สนบั สนุน........... ส่งเสริม..........

-262-

- เป็นแนวคิดยอ่ ยท่ีสอดคลอ้ งกบั แผนเชิงยทุ ธศาสตร์ หรือ
แผนเชิงกลยทุ ธ์ (strategic plans)

คากริยาทใ่ี ช้เขยี นกลยทุ ธ์ ใชค้ ากริยาก่ึงรูปธรรม และตอ้ งแสดงแนวทางเพื่อ
ตอบสนองยทุ ธศาสตร์ เช่น

- “ส่งเสริม” หรือ “สนับสนุน” เพอ่ื ขยายกลุ่มผรู้ ับผลประโยชน์ใน
สงั คม

- “เสริมสร้ าง” หรือ “รักษาความเช่ียวชาญ” หรือ “รักษาสถานภาพ”
เพ่ือคงสภาพขององคก์ ารในยามวิกฤติและ “ทบทวน” เพ่ือพิจารณาตดั ทอนงาน
ท่ีควรยกเลิกหรือถ่ายโอนใหห้ น่วยงานอื่น เป็นตน้

แนวคิดการบริหาร แผนเชิงยทุ ธวิธี หรือแผนเชิงกลวธิ ี (tactical plans)
Doing things right
ทาส่งิ ท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ

แผนเชิงปฏิบตั ิการ (operational plans)
แผนเชิงปฏิบตั ิการ (operational plans) เป็นแผนซ่ึงมีคุณลกั ษณะดงั น้ี
 สนบั สนุนต่อการนาแผนเชิงยทุ ธวธิ ี มาปฏิบตั ิเป็นรูปธรรม
 มีความชดั เจนในการทากิจกรรม
 เป็นแผนระยะส้นั กวา่ 1 ปี หรือเป็นเดือน สปั ดาห์ วนั
 ผบู้ ริหารระดบั ตน้ เป็นผกู้ าหนดโดยร่วมปรึกษากบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน

คาหลกั ท่ีควรใชก้ บั แผนเชิงปฏิบตั ิการ (operational plans)
 กาหนดกิจกรรม ดว้ ยคา จดั ทา....... ปฏิบตั ิ......
 กิจกรรม โครงการ การสนองแผนเชิงยทุ ธวธิ ี หรือแผนเชิงกลวิธี

-263-

(tactical plans)

คากริยาทใี่ ช้เขยี นกจิ กรรมหลกั นาส่งผลผลติ ตอ้ งแสดงวธิ ีการหลกั ท่ีเป็น
รูปธรรมใหก้ บั แนวทางที่กาหนดในระดบั กลยทุ ธ์ เช่น

- เผยแพร่สารสนเทศให้แก่ผบู้ ริการ (เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมท่ีดีในดา้ น
.......)

- ก่อสร้างศูนยบ์ ริการในระดบั ชุมชน (เพ่ือส่งเสริมพฤติกรรมท่ีดีในดา้ น
......)

- จดั สรรเงินอุดหนุนใหแ้ ก่เครือขา่ ย (เพ่ือสนบั สนุนเครือข่ายให้เป็นแกน
นาในการป้ องกนั การแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน)

- ฝึกอบรมใหแ้ ก่เจา้ หนา้ ที่ (เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในการใหบ้ ริการ)
- จดั ทาระบบขอ้ มลู พ้ืนฐานใหม้ ีประสิทธิภาพให้แก่เจา้ หนา้ ท่ี (เพื่อสร้าง
เสริมขีดความสามารถ

แนวคดิ การบริหารแผนเชิงปฏิบัตกิ าร (operational plans)
Doing things clear

ทาส่ิงทีช่ ัดเจน เป็ นรูปธรรม

-264-
ยทุ ธศาสตร์

ยทุ ธวธิ ี1 ยทุ ธวธิ ี2 ยทุ ธวธิ ี3

ป1.1 ป.1.2 ป2.1 ป2.2 ป3.1 ป3.2 ป3.3

กระบวนการการวางแผนกลยุทธ์ มีข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี
1. กาหนดวิสยั ทศั น์ (vision) องคก์ ารตอ้ งการอะไร
2. กาหนดภารกิจหรือพนั ธกิจ (mission) องคก์ ารตอ้ งทาอะไร
3. กาหนดเป้ าประสงคห์ รือจุดมุ่งหมายเพ่ือการพฒั นา (goal) องคก์ ารทา

เพ่ืออะไร
4. กาหนดประเดน็ ยทุ ธศาสตร์หรือยทุ ธศาสตร์ (strategy) องคก์ ารตอ้ ง

ทาอยา่ งไร
5. กาหนดกลยทุ ธ์หรือแนวทางการพฒั นา องคก์ าร ทาอะไร อยา่ งไร

ใครทา
6. สู่การปฏิบตั ิ ทาอะไร ทาอยา่ งไร ใครทา ที่ไหน งบเท่าไร

โครงการ (project)
ความหมายของโครงการ

-265-

พจนานกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคา

โ ค ร ง ก า ร ว่ า ห ม า ย ถึ ง

"แผนหรือเคา้ โครงการตามท่ีกะกาหนดไว"้ โครงการเป็ นส่วนประกอบส่วน

หน่ึงในการวางแผนพฒั นาซ่ึงช่วยให้เห็นภาพ และทิศทางการพฒั นา ขอบเขต

ของการที่สามารถติดตามและประเมินผลได้

โครงการเกิดจากลกั ษณะความพยายามท่ีจะจดั กิจกรรม หรือดาเนินการ

ใหบ้ รรจุวตั ถุประสงค์ เพื่อบรรเทาหรือลดหรือขจดั ปัญหา และความตอ้ งการท้งั

ในสภาวการณ์ปัจจุบนั และอนาคต โครงการโดยทว่ั ไป สามารถแยกไดห้ ลาย

ประเภท เช่น โครงการเพื่อสนองความต้องการ โครงการพฒั นาทว่ั ๆไป

โครงการตามนโยบายเร่งด่วน เป็นตน้

โครงการ หมายถึง การวางแผนล่วงหน้าที่จัดทาข้ึนอย่างมีระบบ

ประกอบดว้ ยกิจกรรมยอ่ ยหลายกิจกรรมที่ตอ้ งใชท้ รัพยากรในการดาเนินงาน

และคาดหวงั ท่ีจะไดผ้ ลตอบแทนอยา่ งคุม้ ค่า แต่ละโครงการมีเป้ าหมายเพ่ือการ

ผลิตหรือการใหบ้ ริการเพื่อเพิ่มพนู สมรรถภาพของแผนงาน การเขียนโครงการ

จึงเป็ นส่วนสาคญั ส่วนหน่ึงของการวางแผนท่ีจะทาให้องคก์ ารบรรลุผลสาเร็จ

ตามเป้ าหมาย

ลกั ษณะของโครงการทดี่ ี

การนาแผนมาสู่การปฏิบตั ิอย่างชัดเจน ข้ึนอย่กู บั การเขียนโครงการ
ดงั น้ันโครงการท่ีนามาใช้ปฏิบตั ิงานจะสาเร็จลุล่วงไปโดยดีเพียงใด จะตอ้ ง
พิจารณาที่ลกั ษณะโครงการ โครงการที่ดีน้นั ควรมีลกั ษณะดงั น้ี

1. สามารถแกป้ ัญหาขององคก์ ารหรือหน่วยงานน้นั ๆ ไดต้ ามท่ีเจา้ ของ
โครงการปรารถนา

2. มีรายละเอียด วัตถุประสงค์เป้ าหมายต่าง ๆ ชัดเจน สามารถ
ดาเนินงานได้

-266-

3. รายละเอียดของโครงการต่อเนื่องสอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กนั
4. ตอบสนองความตอ้ งการของชุมชน
5. ปฏิบตั ิแลว้ สอดคลอ้ งกบั แผนงานหลกั ขององคก์ าร
6. กาหนดข้ึนอยา่ งมีขอ้ มลู ความจริงและเป็นขอ้ มูลที่ไดร้ ับการวิเคราะห์
อยา่ งรอบคอบ
7. ไดร้ ับการสนบั สนุนจากผบู้ ริหารทุกดา้ น โดยเฉพาะดา้ นทรัพยากรท่ี
จาเป็ น
8. มีระยะเวลาในการดาเนินงานแน่นอน ระบุวนั เวลาเร่ิมตน้ และสิ้นสุด
9. สามารถติดตามประเมินผลได้
10. กาหนดสถานท่ีชดั เจน เหมาะสม สามารถดาเนินโครงการได้

ลกั ษณะโครงการท่ดี ี
โครงการท่ีดีมีลกั ษณะดงั น้ี
1. เป็นโครงการท่ีสามารถแกป้ ัญหาของทอ้ งถิ่นได้
2. มีรายละเอียด เน้ือหาสาระครบถว้ น ชดั เจน และจาเพาะเจาะจง โดย

สามารถตอบคาถามตอ่ ไปน้ีไดค้ ือ
- โครงการอะไร = ช่ือโครงการ
- ทาไมจึงตอ้ งริเร่ิมโครงการ = หลกั การและเหตุผล
- ทาเพ่ืออะไร = วตั ถุประสงค์
- ปริมาณท่ีจะทาเทา่ ไร = เป้ าหมาย
- ทาอยา่ งไร = วิธีดาเนินการ
- จะทาเมื่อไร นานเท่าใด = ระยะเวลาดาเนินการ
- ใชท้ รัพยากรเทา่ ไรและไดม้ าจากไหน = งบประมาณ แหล่งท่ีมา
- ใครทา = ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
- ตอ้ งประสานงานกบั ใคร = หน่วยงานที่ใหก้ ารสนบั สนุน

-267-

- บรรลุวตั ถุประสงคห์ รือไม่ = การประเมินผล
- เม่ือเสร็จสิ้นโครงการแลว้ จะไดอ้ ะไร = ผลประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ
3. รายละเอียดของโครงการดงั กล่าว ตอ้ งมีความเก่ียวเนื่องสมั พนั ธ์กนั
เช่น วตั ถุประสงคต์ อ้ งสอดคลอ้ งกบั หลกั การและเหตุผล วิธีดาเนินการตอ้ งเป็น
ทางท่ีทาใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคไ์ ด้ ฯลฯ เป็นตน้
4. โครงการท่ีริเริ่มข้ึนมาตอ้ งมีผลอย่างน้อยท่ีสุดอย่างใดอย่างหน่ึงใน
หวั ขอ้ ต่อไปน้ี

- สนองตอบ สนับสนุนต่อนโยบายระดับจงั หวดั หรือนโยบาย
ส่วนรวมของประเทศ

- ก่อใหเ้ กิดการพฒั นาท้งั เฉพาะส่วนและการพฒั นาโดยส่วนรวมของ
ประเทศ

- แกป้ ัญหาท่ีเกิดข้ึนไดต้ รงจุดตรงประเดน็
5. รายละเอียดในโครงการมีพอที่จะเป็นแนวทางใหผ้ อู้ ่ืนอ่านแลว้ เขา้ ใจ
และสามารถดาเนินการตามโครงการได้
6. เป็นโครงการที่ปฏิบตั ิไดแ้ ละสามารถติดตามและประเมินผลได้

ข้นั ตอนการเขยี นโครงการ
1. วิเคราะห์ปัญหาหรือความตอ้ งการ ดาเนินการโดย

- ศึกษาสภาพแวดลอ้ มเพื่อคน้ หาปัญหา
- กาหนดสภาพแห่งการหมดปัญหา
- กาหนดแนวทางแกไ้ ข
2. เขียนโครงการ โดยมีเทคนิค ดงั น้ี
2.1 ก่อนลงมือ ตอ้ งต้งั คาถามและตอบคาถาม 6 W 1H

2.1.1 W1 = WHO หมายถึง ค า ถ า ม “ใ ค ร เ ป็ น ผู้
ดาเนินโครงการ”

-268-

2.1.2 W2 = WHAT หมายถึง ค า ถ า ม “จ ะ ท า
อะไรบา้ ง”

2.1.3 W3 = WHEN หมายถึง คาถาม “จะทา
เม่ือไหร่”

2.1.4 W4 = WHERE หมายถึง ค า ถ า ม “จ ะ
ดาเนินโครงการท่ีไหน”

2.1.5 W5 = WHY หมายถึง คาถามท่ีเกี่ยวกบั
“จะทาโครงการน้ีไปทาไม”

2.1.6W6 = TO WHOM หมายถึง คาถาม “ใครเป็นผไู้ ดร้ ับ
ประโยชน์”

2.1.7 H1 = HOW หมายถึง ค า ถ า ม “จ ะ ด า เ นิ น
โครงการอยา่ งไร”

2.2 ศึกษาเกณฑก์ ารคดั เลือกโครงการ
2.3 ลงมือเขียนโครงการ โดยใชภ้ าษาเขียนที่กระชบั สื่อความหมายได้
ชดั เจน

องค์ประกอบของโครงการ
องค์ประกอบพ้ืนฐานในโครงการแต่ละโครงการข้นั ตอนในการเขียน

โครงการน้นั ควรจะมีดงั น้ี
1. ช่ือแผนงาน
2. ชื่อโครงการ
3. หลกั การและเหตุผล
4. วตั ถุประสงค์
5. เป้ าหมาย
6. วธิ ีดาเนินการ

-269-

7. ระยะเวลาดาเนินการ
8. งบประมาณ
9. ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
10. หน่วยงานที่ใหก้ ารสนบั สนุน
11. การประเมินผล
12. ผลประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ
1. ชื่อแผนงาน เป็ นการกาหนดชื่อให้ครอบคลุมโครงการเดียวหรือ
หลายโครงการที่มีลกั ษณะงานไปในทิศทางเดียวกนั เพ่ือแกไ้ ขปัญหาหรือสนอง
วตั ถุประสงคห์ ลกั ท่ีกาหนดไว้
2. ชื่อโครงการ ให้ระบุช่ือโครงการตามความเหมาะสม มีความหมาย
ชดั เจนและเรียกเหมือนเดิมทุกคร้ังจนกวา่ โครงการจะแลว้ เสร็จ
3. หลกั การและเหตุผล ใชช้ ้ีแจงรายละเอียดของปัญหาและความจาเป็น
ที่เกิดข้ึนท่ีจะต้องแก้ไข ตลอดจน ช้ีแจงถึงผลประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการ
ดาเนินงานตามโครงการและหากเป็ นโครงการที่จะดาเนินการตามนโยบาย
หรือสอดคลอ้ งกบั แผนจงั หวดั หรือแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
หรือแผนอ่ืน ๆ ก็ควรช้ีแจงดว้ ย ท้งั น้ีผเู้ ขียนโครงการอาจจะเพ่ิมเติมขอ้ ความว่า
ถา้ ไม่ทาโครงการดงั กล่าวผลเสียหายโดยตรง หรือผลเสียหายในระยะยาวจะ
เป็นอยา่ งไร เพื่อใหผ้ อู้ นุมตั ิโครงการไดเ้ ห็นประโยชน์ของโครงการกวา้ งขวาง
ข้ึน
4. วตั ถุประสงค์ เป็นการบอกใหท้ ราบวา่ การดาเนินงานตามโครงการ
น้ันมีความต้องการให้อะไรเกิดข้ึน วตั ถุประสงค์ท่ีควรจะระบุไวค้ วรเป็ น
วตั ถุประสงคท์ ี่ชดั เจน ปฏิบตั ิไดแ้ ละวดั และประเมินผลได้ ในระยะหลงั ๆ น้ี
นกั เขียนโครงการท่ีมีผนู้ ิยมชมชอบมกั จะเขียนวตั ถุประสงคเ์ ป็ นวตั ถุประสงค์
เชิงพฤติกรรม คือเขียนให้เป็ นรูปธรรมมากกว่าเขียนเป็ นนามธรรม การทา
โครงการหน่ึง ๆ อาจจะมีวตั ถุประสงคม์ ากกว่า 1 ขอ้ ได้ แต่ท้งั น้ีการเขียน

-270-

วตั ถุประสงค์ไวม้ าก ๆ อาจจะทาให้ผูป้ ฏิบตั ิมองไม่ชัดเจน และอาจจะ
ดาเนินการให้บรรลุวตั ถุประสงค์ไม่ได้ ดงั น้ันจึงนิยมเขียนวตั ถุประสงคท์ ่ี
ชดั เจน-ปฏิบตั ิได-้ วดั ได้ เพียง 1-3 ขอ้

5. เป้ าหมาย ใหร้ ะบุว่าจะดาเนินการส่ิงใด โดยพยายามแสดงใหป้ รากฏ
เป็ นรูปตัวเลขหรือจานวนท่ีจะทาได้ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด การระบุ
เป้ าหมาย ระบุเป็นประเภทลกั ษณะและปริมาณ ให้สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์
และความสามารถในการทางานของผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ

6. วธิ ีดาเนินการหรือกจิ กรรมหรือข้ันตอนการดาเนินงาน คืองานหรือ
ภารกิจซ่ึงจะตอ้ งปฏิบตั ิในการดาเนินโครงการให้บรรลุตามวตั ถุประสงค์ ใน
ระยะการเตรียมโครงการจะรวบรวมกิจกรรมทุกอยา่ งไวแ้ ลว้ นามาจดั ลาดบั ว่า
ควรจะทาสิ่งใดก่อน-หลงั หรือพร้อม ๆ กนั แลว้ เขียนไวต้ ามลาดบั จนถึง
ข้นั ตอนสุดทา้ ยที่ทาใหโ้ ครงการบรรลุวตั ถุประสงค์

7. ระยะเวลาการดาเนินงานโครงการ คือการระบุระยะเวลาต้งั แต่เร่ิมตน้
โครงการจนเสร็จสิ้นโครงการปัจจุบนั นิยมระบุ วนั -เดือน-ปี ที่เร่ิมตน้ และเสร็จ
สิ้น การระบุจานวน ความยาวของโครงการเช่น 6 เดือน 2 ปี โดยไม่ระบุเวลา
เร่ิมตน้ -สิ้นสุด เป็นการกาหนดระยะเวลาที่ไม่สมบรู ณ์

8. งบประมาณ เป็นประมาณการค่าใชจ้ ่ายท้งั สิ้นของโครงการ ซ่ึงควร
จาแนกรายการค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจน งบประมาณอาจแยกออกได้เป็ น 3
ประเภท คือ

- เงินงบประมาณแผน่ ดิน
- เงินกแู้ ละเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
- เงินนอกงบประมาณอ่ืน ๆ เช่น เงินเอกชนหรือองคก์ ารเอกชน เป็น
ตน้
การระบุยอดงบประมาณ ควรระบุแหล่งที่มาของงบประมาณด้วย
นอกจากน้ีหวั ขอ้ น้ีสามารถระบุทรัพยากรอื่นท่ีตอ้ งการ เช่น คน วสั ดุ ฯลฯ

-271-

9. เจ้าของโครงการหรือผู้รับผดิ ชอบโครงการ เป็นการระบุเพื่อใหท้ ราบ
ว่าหน่วยงานใดเป็ นเจา้ ของ หรือรับผิดชอบโครงการ โครงการย่อย ๆ บาง
โครงการระบุเป็นชื่อบุคคลผรู้ ับผดิ ชอบเป็นรายโครงการได้

10.หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เป็ นการให้แนวทางแก่ผอู้ นุมตั ิและผู้
ปฏิบัติว่าในการดาเนินการโครงการน้ัน ควรจะประสานงานและขอความ
ร่วมมือกบั หน่วยงานใดบา้ ง เพื่อบรรลุวตั ถุประสงคท์ ี่ต้งั ไว้

11. การประเมินผล บอกแนวทางว่าการติดตามประเมินผลควรทา
อย่างไรในระยะเวลาใดและใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซ่ึงผลของการ
ประเมินสามารถนามาพิจารณาประกอบการดาเนินการ เตรียมโครงการที่
คลา้ ยคลึงหรือเกี่ยวขอ้ งในเวลาต่อไป

12. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เม่ือโครงการน้นั เสร็จสิ้นแลว้ จะ
เกิดผลอย่างไรบา้ งใครเป็ นผไู้ ดร้ ับ เร่ืองน้ีสามารถเขียนท้งั ผลประโยชน์
โดยตรงและผลประโยชนใ์ นดา้ นผลกระทบของโครงการดว้ ยได้


Data Loading...