อีบุ๊ค มลพิษ - PDF Flipbook

อีบุ๊ค มลพิษ

99 Views
69 Downloads
PDF 0 Bytes

Download as PDF

REPORT DMCA


สื่อประกอบการเรียนการสอน

เรื่อง ภาวะมลพิษทเ่ี กดิ จากการผลติ และการใช้ผลติ ภณั ฑ์

จากเช้ือเพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์

จดั ทาโดย

1. นางสาวกันยารัตน์ ยงั่ ยืนปิยรตั น์ เลขที่8.
2. นางสาวธนภรณ์ กันทะมาลา เลขที่14.
3. นางสาวศธิ าทพิ ย์ รฐั เขตบรรพต เลขท่ี24.

ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี6/1

เสนอ

ครูสภุ าลักษณ์ เทพวงค์

ส่ือประกอบการเรียนการสอนน้ีเป็นสว่ นหนง่ึ ของ รายวชิ าเคมี 5
(รหัสวชิ า ว 33232)

ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563

ภาวะมลพิษท่ีเกิดจากการผลติ และการใชผ้ ลติ ภัณฑ์

จากเชอื้ เพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์

ทำ้ ให้คณุ ภำพของอำกำศ นำ้ และดนิ เปล่ยี นแปลงไป
เกิดอันตรำยทังทำงตรงและทำงออ้ มต่อสิง่ มีชีวติ

ภำวะแวดลอ้ มทกี่ ่อให้เกดิ อันตรำยเรยี กวำ่ “ภำวะมลพษิ ”
สำรท่ีกอ่ ใหเ้ กิดภำวะมลพษิ ว่ำ “สำรมลพษิ ”

ภำวะมลพษิ ทส่ี ้ำคญั ไดแ้ ก่ ภำวะมลพษิ ทำงอำกำศ ทำง
นำ้ และทำงดิน

ภาวะมลพิษทางอากาศ

สำเหตสุ ว่ นใหญม่ ำจำก

✓ กำรเผำไหม้ เชือเพลงิ ในโรงงำนอตุ สำหกรรมหรอื ในเครอื่ งยนต์
ของยำนพำหนะ

✓ กำรเผำถำ่ นหินหรอื เชอื เพลิง เมอื่ ปะปนมำกับน้ำฝนท้ำใหเ้ กิดเป็น “ฝนกรด”
มีผลกระทบต่อกำรด้ำรงชีวิตของสตั วน์ ำ้
ทำ้ ให้สใี บไม้ซีดจำงและสงั เครำะหแ์ สงไมไ่ ด้
กัดกรอ่ นโลหะและอำคำรบำ้ นเรือน
ถ้ำรำ่ งกำยไดร้ บั แกส๊ นี จะทำ้ ให้เกิดอำกำรปวดเมือ่ ยเรอื รงั โลหติ จำง
และเป็นอนั ตรำยต่อระบบทำง เดินหำยใจและปอด

CO2 : ดดู รงั สอี ินฟรำเรดจำกผิวโลกและสะทอ้ นกลบั
เกดิ ภำวะเรอื นกระจก

บริเวณท่ีมกี ำรจรำจรตดิ ขดั หนำแนน่

จะมีปริมำณของแกส๊ C0 สูง ฟ้งุ กระจำยปะปนอยู่ในอำกำศ เม่ือหำยใจ
เอำแกส๊ CO เข้ำไปจะรวมกบั ฮโี มโกลบนิ ในเลือดเกิดเปน็ คำร์บอกซีฮีโมโกลบนิ
ทำ้ ใหเ้ มด็ เลอื ดแดงไมส่ ำมำรถรบั ออกซเิ จน
ไดต้ ำมปกติ เกิดอำกำรเวียนศีรษะ หำยใจติดขัด คลน่ื ไส้อำเจยี น ถำ้ รำ่ งกำย
ได้รับแก๊ส COปรมิ ำณมำก อำจทำ้ ให้เสยี ชวี ติ ได้

กำรเผำไหมข้ องเชอื เพลิงในเคร่ืองยนตต์ ำ่ ง ๆ จะมี
ไฮโดรคำร์บอนท่ีเผำไหมไ้ มห่ มดออกมำด้วยคอื “สำรประกอบ
อนิ ทรยี ร์ ะเหยง่ำย” เป็นสำรพิษทที่ ้ำให้เกดิ กำรระคำยเคืองตอ่
ดวงตำและระบบทำงเดินหำยใจ นอกจำกนียงั มีผลในกำรทำ้ ลำย
เนอื เย่ือท่ีใบของ พืชอกี ด้วย

ภาวะมลพษิ ทางน้า

ภำวะมลพษิ ทำงนำ้ แบง่ ตำมแหลง่ กำ้ เนดิ ไดเ้ ปน็ 2 แบบ ไดแ้ ก่

1. แหล่งทมี่ จี ดุ กำ้ เนดิ แนน่ อน (point source)
สำรปนเปื้อนจะถูกปล่อยจำกจุดท่แี นน่ อนได้ เช่น แหลง่ ชุมชน โรงงำน
อุตสำหกรรม สำมำรถกำรประมำณกำรและ กำรวำงแผนจัดกำรได้โดยตรง

2. แหล่งทมี่ จี ดุ กำ้ เนดิ ไมแ่ นน่ อน (non-point source)
ควบคมุ ได้ยำกกวำ่ เพรำะไมส่ ำมำรถหำแหลง่ พิษได้แนน่ อน
สำรปนเปอ้ื นกระจำยเปน็ วงกว้ำง

ภำวะทเ่ี กดิ จำกมนษุ ยส์ ว่ นใหญ่

1. เกดิ จำกชุมชน เกิดขึนจำกกจิ กรรมต่ำง ๆ
ของประชำชนทอี่ ำศยั อยเู่ ชน่ น้ำทเี่ กิดจำกกำร
ซกั ล้ำงและท้ำควำมสะอำดอำคำร นำ้ ท่ีใช้ใน
ระหวำ่ ง ประกอบอำหำร นำ้ เสียประเภทนีมี
สง่ิ สกปรกทีอ่ ย่ใู นรปู สำรอินทรียป์ ริมำณมำก

2. เกดิ จำกเกษตรกรรม เชน่ กำรเพำะปลกู
มี N,P,K ซง่ึ มำจำกปุ๋ยเคมีปะปนกำรเลยี งสตั ว์มี
สำรประเภทอนิ ทรยี เ์ ปน็ สว่ นมำก

3. เกดิ จำกอตุ สำหกรรม เกิดจำก
กระบวนกำรต่ำง ๆ ในโรงงำน

ปรำกฏกำรณย์ โู ทรฟเิ คชนั (eutrophication)

เกดิ จำกปุ๋ยเคมี ยำปรำบศตั รูพืชและผงซักฟอก
เป็นอำหำรท่ดี ขี องพชื นำ้ ทำ้ ใหพ้ ชื น้ำเตบิ โตรวดเรว็
เมือ่ พืชตำยจลุ นิ ทรีย์จะใช้ O2 จำ้ นวนมำก
เพื่อย่อยสลำย
ทำ้ ให้ O2 ในน้ำลดอย่ำงรวดเร็วและนำ้ เน่ำเสีย

กำรแกไ้ ขปญั หำ

อำจทำ้ ไดโ้ ดยกำรลด
ปรมิ ำณพชื น้ำท่ี

เจริญเตบิ โตรวดเรว็ เกินไป
และกำรเพม่ิ ปรมิ ำณออกซิเจนในน้ำ

เชน่ กำรใช้กังหันนำ้ ชัยพฒั นำ

สำรเคมแี ละวตั ถมุ พี ษิ ท่ใี ชใ้ นกำรเกษตร

เพ่ือเพิม่ ผลผลิตในกำรเพำะปลูก สำรก้ำจดั แมลงและ กำ้ จัดวชั พืช เช่น
สำรประกอบไนไตรดแ์ ละไนเตรต สำรประกอบคลอริเนเตดไฮโดรคำรบ์ อน
ออรแ์ กโนฟอสเฟต คำร์บำเมต
เมอื่ ตกค้ำงอยูใ่ นอำกำศหรือดนิ จะถกู น้ำชะลำ้ งลงสแู่ หล่งน้ำ ท้ำใหแ้ หลง่ นำ้ ใน
บริเวณเกษตรกรรม หรือสำยน้ำทไี่ หลผ่ำนมสี ำรพษิ สะสมหรอื ปะปนอยู่ กำรจบั
สัตว์น้ำจำกแหลง่ น้ำ ในบรเิ วณนนั มำบรโิ ภคจงึ มโี อกำส
ไดร้ บั พิษจำกสำรดงั กล่ำวดว้ ย

น้ำมนั

เปน็ สำรอกี ชนิดหนง่ึ ที่กอ่ ให้เกดิ ภำวะมลพษิ ทำงนำ้ เมอ่ื นำ้ มัน
รว่ั ไหลลงสทู่ ะเลหรอื แม่นำ้ ลำ้ คลองจะเกิดครำบน้ำมนั ลอยอยทู่ ีผ่ วิ นำ้
เกิดเป็นแผน่ ฟลิ ์มปกคลมุ ผวิ น้ำทำ้ ให้ออกซิเจนในอำกำศไม่สำมำรถละลำย
ลงไปในนำ้ ได้ สตั ว์น้ำทอ่ี ยใู่ นแหล่งนำ้ บริเวณนัน ๆ อำจตำยได้

วธิ ีกำรกำ้ จดั ครำบนำ้ มนั ในแหลง่ นำ้ มหี ลำยวิธี

เชน่ กำรใช้ทุ่นกำงล้อมนำ้ มันไม่ให้กระจำยตัว กำรใชส้ ำรเคมี กำรเผำ จะ
เลือกใช้วธิ ีกำรใดขึนอยกู่ ับปรมิ ำณและชนิดของน้ำมัน สถำนทเ่ี กิดเหตุ
และสภำพแวดล้อม

โดยทว่ั ไปนำ้ ในธรรมชำตจิ ะมอี อกซเิ จนละลำยอยู่ประมำณ 5-7 สว่ นใน

ล้ำนสว่ น ปรมิ ำณ ออกซิเจนในนำ้ หรอื Do (dissolved Oxygen) มี
ควำมส้ำคัญและจ้ำเป็นอย่ำงยงิ่ สำ้ หรับกำรด้ำรงชวี ิต ของพืชและสัตว์นำ้ กำร
บ่งชคี ณุ ภำพของน้ำอำจท้ำได้โดย

1. หำปริมำณออกซเิ จนทีจ่ ุลนิ ทรีย์ต้องใชไ้ ปในกำรย่อยสลำยสำรอินทรีย์
ในน้ำ เรยี กว่ำ “ค่ำ BOD (biological oxygen demand)” ซ่งึ จะบอก
ถงึ ปริมำณจลุ ินทรยี ์ท่ตี ้องใช้ออกซิเจนในนำ้

2. หำปรมิ ำณควำมต้องกำรออกซิเจนของสำรเคมีทอ่ี ยใู่ นนำ้ เรียกว่ำ
“คำ่ COD (chemical Oxygen demand)”ซึง่ จะบอกถึงปรมิ ำณของ
สำรเคมีทส่ี ำมำรถท้ำปฏิกริ ิยำกับออกซเิ จนในนำ้

ภาวะมลพิษทางดิน

ดินเปน็ ปจั จยั ส้ำคญั อกี ประกำรหนง่ึ ของส่ิงมีชีวติ จงึ จำ้ เปน็ ต้อง
รกั ษำดนิ ให้ใชป้ ระโยชนไ์ ด้นำนทสี่ ดุ กำรกำ้ จดั สำรพษิ ขยะมูลฝอยและสงิ่
ปฏกิ ูล โดยกำรฝงั ดิน กำรใชป้ ๋ยุ เคมี สำรเคมี ยำก้ำจดั ศตั รูพืชทำ้ ใหเ้ กิด
ภำวะมลพษิ ทำงดินไม่เหมำะสมกับกำรเพำะปลูก

กำรแกไ้ ข

ของใช้ตำ่ งๆในชวี ติ ย่อยสลำยยำกจงึ ตกคำ้ งในนดนิ จึงหำวิธกี ้ำจัดพลำสติกใช้
แลว้ รวมทังสังเครำะหพ์ ลำสติกย่อยสลำยได้ มวี ิธีตำ่ งๆ ดงั นี

1.ใช้ปฏกิ ริ ยิ ำชีวเคมี
พลำสตกิ มีควำมทนทำนต่อกำรยอ่ ยสลำยของ
เอนไซม์จำกจุลนิ ทรยี ์ จึงคดิ คน้ พลำสติกที่มโี
ครงสร้ำงทำงเคมที ่ีสำมำรถถกู ทำ้ ลำย ได้ด้วย
เอนไซม์ของจุลนิ ทรยี ์พวกแบคทเี รยี และเชือรำ
ตวั อย่ำงเช่น เซลลูโลสซำนเทต และเซลลโู ลส แอซีเตต หรือกำรผสม
แปง้ ขำ้ วโพดในพอลเิ อทิลีนแล้วน้ำมำผลติ เปน็ วสั ดุบรรจุภัณฑ์

2.ใช้สมบตั กิ ำรละลำยในนำ้ พลำสติกบำงชนดิ
เชน่ พอลิไวนลิ แอลกอฮอล์สำมำรถละลำย ในนำ้ ได้เมอ่ื อย่ใู นส่งิ แวดล้อมที่
มคี วำมชนื สูง หรืออยูใ่ นนำ้ ซ่ึงเป็นตัวท้ำละลำยในธรรมชำติ
เมอ่ื อุณหภมู ิสูงขึนพลำสตกิ จะละลำยได้เพ่ิมขึน

3.ใช้แสงแดด
นักเคมชี ำวแคนำดำพบว่ำกำรเตมิ หมฟู่ ังก์ชนั ท่ไี วต่อแสงอัลตรำไวโอเลต
เข้ำไป ในโซพอลเิ มอร์ เมอ่ื พลำสติกถกู แสงแดดจะเกดิ สำรท่ที ้ำปฏิกิริยำกบั
ออกซเิ จนในอำกำศท้ำใหพ้ ลำสติก เส่อื มคุณสมบัติ เปรำะแตก และหักง่ำย

4.ใช้ควำมร้อน
พลำสติกพวกทีเ่ ปน็ สำรประกอบไฮโดรคำร์บอน เมอ่ื ได้รบั ควำมรอ้ นถึงระดบั
หนึ่งจะสลำยตัวเป็นโมเลกลุ ขนำดเล็ก ในทสี่ ดุ จะได้แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์กับ
นำ้ หรือสำรพิษอื่นปนออกมำ ทังนขี ึนอยูก่ บั ชนดิ ของพลำสติก เชน่ พอลเิ อ
ทลิ นี ติดไฟงำ่ ย พอลิสไตรนี เผำไหมใ้ หค้ วันดำ้ และเขมำ่ มำก สว่ นพอลิไวนิล
คลอไรดต์ ดิ ไฟยำกตอ้ งให้ควำมร้อนตลอดเวลำและมีแก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ ซ่งึ
เป็นแกส๊ พิษเกิดขนึ ด้วย กำรเผำเป็นวธิ ีกำ้ จดั พลำสติกทร่ี วดเร็ว แต่มีขอ้ เสยี คือ
อำจเกิดสำรพษิ ท่ีก่อ ใหเ้ กิดภำวะมลพิษทำงอำกำศได้

5.แปรใช้ใหม่
พลำสตกิ ประเภทเทอร์มอพลำสติกสำมำรถน้ำมำแปรรูปเพื่อใชใ้ หมไ่ ด้ โดย
ล้ำงทำ้ ควำมสะอำดแล้วน้ำเขำ้ เครื่องตดั เป็นชนิ เลก็ ก่อนเขำ้ เคร่อื งอัดเมด็
เมด็ พลำสติกทไี่ ดจ้ ะสำมำรถ นำ้ ไปหลอมเป็นชินงำนไดอ้ ีก เช่น นำ้ ไปใช้
ท้ำโฟมกนั กระแทกในกำรบรรจุผลติ ภัณฑ์ ผสมในซีเมนต์ เพ่อื ใหร้ ับแรง
กระแทกได้ ใชถ้ มที่ดินชำยฝง่ั ทะเลแล้วอดั ใหแ้ น่นเพื่อสรำ้ งท่ีอยู่อำศยั หรอื
อำจนำ้ มำอดั ให้แนน่ ใช้ทำ้ เป็นอิฐหรอื วัสดุก่อสรำ้ งซงึ่ เป็นวิธที เ่ี หมำะสมใน
แงเ่ ศรษฐกจิ และลดกำรใช้ทรัพยำกร

นอกจำกนีกำรลดปญั หำขยะพลำสตกิ และขยะอนื่ ๆ สำมำรถทำ้ ได้โดยลด
ปริมำณกำรใช้ น้ำมำใชซ้ ำ้ หรือซอ่ มแซมเพอื่ ใหส้ ำมำรถน้ำกลบั มำใชใ้ หมไ่ ด้

ปญั หำควำมเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม กำรเกิดภำวะมลพิษทงั ทำง
อำกำศ น้ำ และดนิ อันเป็นผลของกำรพัฒนำทำงดำ้ นสังคม เศรษฐกจิ และ
อุตสำหกรรมเพือ่ สนองควำมตอ้ งกำรของประชำกรที่เพิม่ ขนึ

กำรป้องกนั เพอ่ื ไม่ให้เกดิ ปญั หำดังกล่ำวต้องอำศยั ควำมร่วมมือกัน
ตังแต่ระดับทอ้ งถ่ิน ระดบั ประเทศและระดบั โลก จงึ เปน็ หนำ้ ทแ่ี ละควำม
รบั ผดิ ชอบของทกุ ๆ คนทจี่ ะตอ้ งชว่ ยกนั ดแู ลรักษำสงิ่ แวดล้อมให้อยู่ในสภำพ
ท่ดี ี รวมทงั กำรใชเ้ ชอื เพลิงและผลิตภัณฑเ์ หลำ่ นอี ย่ำงประหยัดและรคู้ ณุ คำ่
และตอ้ ง แสวงหำแหลง่ พลงั งำนทดแทน เพอ่ื กำรดำ้ รงชีวติ ทีม่ คี วำมสขุ และ
ปลอดภยั รว่ มกันตลอดไป


Data Loading...