อิสลามแท้ - PDF Flipbook
อิสลามแท้ จากสุททโรวาทของท่านอิมามโคมัยนี่(รฮ.)
127 Views
54 Downloads
PDF 885,635 Bytes
ISBN 978-974-06-9674-2 ชื่อหนังสือ อิสลามแท จากสุนทรพจนของทานอิมามโคมัยนี (รฮฺ) TITLE : PURE ISLAM IN SPEECHES AND MESSAGES OF IMAM KHOMEINI (RH.) แปล/เรียบเรียงโดย เชคซัยนุลอาบิดีน ฟนดี้ EDITOR : SHEIK ZAINUL ABIDEEN FINDY อํานวยการผลิตโดย นายมุฮัมมัด ตัมฮีดี MANAGING DIRECTOR : MR.MOHAMMAD TAMHIDI จํานวนพิมพ ๒,๐๐๐ เลม CIRCULATION : 2,000 COPIES ปที่พมิ พ มิถุนายน ๒๕๕๑ YEAR OF PUBLICATION : JUNE 2008 ออกแบบปก/รูปเลม สุบาคี้ บินกามิตร GRAPHIC DESIGNED : SUBAKEY BINKAMIT จัดพิมพโดย ศูนยวฒ ั นธรรม สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐอิสลามแหงอิหราน ประจํากรุงเทพฯ เลขที่ ๑๐๖, ๑๐๖/๑ ซอยเอกมัย ๑๐ แยก ๖ (ซอยเจริญมิตร) ถนนสุขุมวิท ๖๓ คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๑๐ โทร. ๐-๒๓๙๒๒๖๒๐-๒ แฟกซ ๐-๒๓๙๒๒๖๒๓ PRINTED BY: THE CULTURAL CENTER, EMBASSY OF THE ISLAMIC REPUBLIC OF IRAN 106, 106/1 SOI EKAMAI 10 YEAK 6 (SOI CHAROEN MITT), SUKHUMVIT 63, KLONGTON NUA, VADHANA, BANGKOK 10110 TEL. 0-23922620-2 FAX 0-23922623
สารบัญ บทนํา สวนที่ ๑ เรื่องทั่วไป บทที่ ๑ ความเพรียบพรอมและศักยภาพแหงอิสลาม บทที่ ๒ สาเหตุที่มุสลิมลาหลัง สวนที่ ๒ คุณลักษณะอิสลามแท บทที่ ๑ อิสลามคือศาสนาทางการเมือง บทที่ ๒ รัฐบาลอิสลาม : เงื่อนไขการมีอยูของอิสลามแท บทที่ ๓ อิสลามคือศาสนาแหงการยืนหยัดสูและปลดปลอย บทที่ ๔ อิสลามของผูดอ ยโอกาส และผูถกู ละเมิดสิทธิ์ บทที่ ๕ อิสลามกับความเปนอยูอยางเรียบงาย สวนที่ ๓ ลักษณะเดนของอิสลามแบบอเมริกา บทที่ ๑ การแยกศาสนาออกจากการเมือง บทที่ ๒ อิสลามแหงความประนีประนอมและความมั่นคง สวนที่ ๔ ผูสนับสนุนอิสลามแท กับอิสลามตามแนวคิดอเมริกา บทที่ ๑ ผูปกปองอิสลามแท บทที่ ๒ ผูสนับสนุนอิสลามแบบอเมริกา สวนที่ ๕ ความเปนศัตรูตอ อิสลามแท บทที่ ๑ สาเหตุแหงการตอตานและการแสดงความเปนศัตรู บทที่ ๒ วิธกี ารตอสูและแสดงความเปนศัตรู
บทนํา เมื่อมองอิมามโคมัยนี้ในฐานะนักฟนฟูศาสนาและในฐานะนักแกไขสังคม ทานก็มสี ถานะอัน สูงเดนยิ่ง อิมามโคมัยนีเปนนักการศาสนา นักการศาสนามิไดทาํ หนาที่เพียงอธิบายหลักการศาสนา เทานั้นแตจะตองปกปองและดูแลศาสนาดวย ศาสนาที่มาจากพระเจานั้นถูกประทานลงมาเพื่อ มนุษยชาติ มนุษยซึ่งอาศัยอยูบนพื้นดิน ในชวงเวลาหนึ่งในสถานที่หนึ่ง และสภาพแวดลอมในสังคม หนึ่ง โครงสรางทางความคิด ปญญา และความรูสึกของเขาเปนผลมาจากตัวแปรที่แตกตางกันทั้งที่มา จากภายในและที่มาจากภายนอก มนุษยซึ่งเปนผูมีสิทธิ์เลือก แตขณะเดียวกันก็มคี วามจํากัดอยาง มากมายและเปนความจํากัดทางธรรมชาติ ซึ่งคงไมตอ งรอวามนุษยทกุ คนตองมีคุณสมบัติตรงตาม สัจ ธรรมและไมหนั เหออกจากแนวทางที่ถกู ตอง อยางไรก็ตาม มนุษยทกุ คนจะตองคนหาศษสนาแหงพระเจาทําความเขาใจและปฏิบตั ิไป ตามนั้น ความเขาใจและการนําพาของมนุษยคนหนึ่งนั้นถึงแมวา จะไมมีใครคอยจองทําลายเขาก็ตาม เขาก็อยูในสภาพที่ถูกถามและตั้งขอสังเกตอยูตลอดเวลา หาไมมีคาํ ถามและการตั้งขอสังเกต ก็จะไมมี การจาริกสูความสมบูรณทางความคิดของมนุษยไดเลย ความพยายามอยางแผกวางและความล้ําลึกทาง วิชาการ ความคิดของนักปรัชญาแหงพระเจา นักโตตอบปญหาความเชือ่ ทางศาสนา และนักปราชญที่ เปนผูคงแกเรียนตางก็มีคุณลักษณะทางธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งก็ถูกนําไปใชในทางที่ผิดจากน้ํามือของ ฝาย ตรงขาม ที่วา นี้ดว ย ในประเด็นนี้เราไมสงสัยเลยวา วิทยปญญาและความรูแจงเห็นจริงแบบ อิสลามนั้นยอมตองมีพลัง มีอํานาจเหลือเฟอ มีความล้าํ ลึก และมีอทิ ธิพลพิเศษ ทานอิมามโคมัยนีเปนหนึ่งในกลุมคนที่อยูในวงการของปรัชญาการโตตอบหลักความเชื่อ และการรูแจงเห็นจริงแบบอิสลามที่ดเี ดนที่สุดคนหนึ่ง และเปนหนึ่งในกลุมคนชั้นแนวหนาที่มี ความสามารถทางดานหลักความเชื่อและการใชปญ ญา ดวยเหตุนี้เองทานจึงมีความเนือกวานักการ ศาสนา และนักวินจิ ฉัยหลักคําสอนของศาสนาผูยงิ่ ใหญอกี มากมาย ซึ่งอาจเปนไปไดวา มีความโดด เดนเปนพิเศษในดานองคความรูทางศาสนาก็ตาม แตดว ยความที่มีขอ จํากัดดานองคความรูและความ เขาใจในทุกมิติขององคืความรูนั้น และผลของมันก็คอื การปราศจากซึ่งทัศนะที่กวางไกลนั่นเองเปน สาเหตุใหเขาเหลานั้นไมสามารถทําหนาที่ผูพิทักษศาสนาและเปนที่เชื่อถือไวใจได ดวยมุมมองเชนนี้ เราจึงเห็นวา โคมัยนี คือผูดแู ลศาสนาที่ยงิ่ ใหญ ผูสรางความมีชีวติ ชีวา ใหกบั หลักการและคุณคาของอิสลามและผูปกปองสิ่งเหลานั้นจากวาตภัยแกงความกังขาและอุทกภัย แหงความสงสัย แตการฟนฟูศาสนาดานอื่นก็มีความสําคัญกวาเปนหลายเทา ซึ่งในดานนี้อมิ ามโคมัยนีก็มภี าพ ฉายที่โดดเดนและชัดเจน ศาสนาของพระเจาตกอยูในสภาวะที่ถกู คุกคามจากสองดานตีขนาบคูกนั มา โดยตลอดและจะยังคงมีอยูตอ ไป หนึ่งก็คือ จากพวกความคิดสับสนที่มีทศั นะแคบซึ่งพยายามที่จะ
เสนอความเขาใจอันบกพรองและไมเปนกลางของตนในเรื่องศาสนาเขาไปแทนที่สัจธรรมอันเปน อมตะ และศาสนาอันเที่ยงแท ฉายภาพความคิดพื้นๆ และมารยาทธรรมดาๆ วาเปนความศักดิ์สิทธิ์ และเปนสากล และทําใหศาสนาของพระเจาซึ่งเปนคําบัญชาที่อยูเหนือกาลเวลาและเกี่ยวของกับ มนุษยชาติทุกยุคทุกสมัยตองตกอยูในสภาพถูกบีบรัดและสับสนในนามของศาสนาและบางทีอาจอาง วาเพื่อรับใชมวลชน... อีกดานหนึ่งก็คือศาสนาตกอยูในสภาพถูกโจมตีจากพวกคิดชั่วที่ตอ งการเพียงความสุขในโลก นี้ ซึ่งเมื่อพวกเขาเห็นวาศาสนาเปนตัวขวางความรูสึกบูชาอารมณของตนเอง ความตองการอันไมมีที่ สิ้นสุด หรือไมกพ็ ยายามเอาแนวคิดศาสนามาแฝงอยูในความคิดและการดําเนินชีวิต ของผูคนที่อยู ภายใตการครอบงําของพวกเขา ถางานดังกลาวไมงายนัก พวกเขาก็จะพยายามยืนยันภาพพจนอิสลาม ที่ถกู ดัดแปลงใหเหมาะสมกับความปรารถนาของพวกเขาเขาไปในสังคมและประวัติศาสตร ฝายที่อยูตรงขามของสองดานนี้ก็คือ ผูมีความเชื่ออยางแทจริงในศาสนาและมีความกลา ได ยืนหยัดปกปองเนื้อแทของศาสนา ฟนฟูและปรับปรุงสังคมที่มีศาสนา อดทนตอความยากลําบาก ทั้งหลาย และก็มักจะตองเสียสละชีวติ ไปในหนทางอันศักดิ์สิทธิ์นี้ สถานะของมุจญตะฮิดที่มีความคิดกระจางชัด และเปนนักสูอยางแทจริงคือประจักษพยานที่ ชัดเจนถึงรากฐานและการดํารงอยูของการปรับปรุงสังคมและการฟนฟูศาสนในสังคมอิสลาม อิมาม โคมัยนีคือมุญาฮิด (นักตอสูในวิถที างศาสนา) ซึ่งมั่นคงอยูในแนวคิดการมองการณไกล เพียบพรอม และเปดเผยแนวทางใหมใหกับทุกคนที่ตงั้ ใจอยางแนวแนทจี่ ะตอสูกับการบีบคั้น เปนผูนาํ ที่ไมเหมือน ใคร ซึ่งมีสวนรวมอยูในทุกสมรภูมิแหงการเผชิญหนาในสังคม เปนมุญาฮิดที่ลมรัฐบาลของทรราช และชอบผูกมิตรกับศัตรูของประชาชน เปนผูเปลี่ยนแปลงอิหรานซึ่งเปนเมืองขึ้นสูอสิ รภาพและ เพรียกหาเกียรติยศ ฉะนั้น โคมัยนีผูยงิ่ ใหญทา นนี้เองคือผลผลิตของการฟนฟูและการแกไขโลกทัศน ทางศาสนาในประวัติศาสตรอิสลามอยางไมตอ งสงสัย ชัยชนะของการปฏิวัติอสิ ลามแหงอิหรานคือ บทสรุปที่สําคัญที่สุดของความพยายามใชความคิดและการตอสูหลายสิบปของทานในสมรภูมขิ อง การฟนฟูศาสนาและการแกไขสังคม ขบวนการซึ่งไดรับการชี้นาํ ของทานนั้นประสบชัยชนะและลมลางรัฐบาลฉอฉลและเปน ปรปกษตอชาติและประชาชนเปนขบวนการตอสูทกี่ วางไกลที่สุด ลุม ลึกที่สุด และมีสวนรวมของ ประชาขนมากที่สุด... การปฏิวัติอสิ ลามไดรับชัยชนะในยุคที่การมีศาสนาเปนเรื่องยากและถูกจํากัดขอบเขตอยูใน วัฒนธรรมและอารยธรรมของคนสวนใหญ ทานนําอิสลามกลับมาสูเวทีอกี ครั้งในฐานะศาสนาที่ยงั ไม ตายและตัวชวยประชาชาติซงึ่ พวกลาอาณานิคมลิดรอนความปติสขุ และเสรีภาพ ศาสนาที่เรียกรองสู ความยุติธรรม อิสรภาพ เสรีภาพ และรัฐทีว่ างอยูบนความตองการ เจตนารมณ และความศรัทธาของ ผูคน...
ถึงแมวา ในตลอดประวัตศิ าสตรที่ผานมาเฉพาะอยางยิ่งศตวรรษที่ผานมานั้น มีผอู าวุโสที่ให ความสําคัญตอการฟนฟูศาสนาในสังคมและการเมืองทางสังคม แตขบวนการอิสลามซึ่งนําโดยอิมาม โคมัยนี้นั้นเมื่อพิจารณาในดานความลุมลึก กวางไกล และผลพวงที่เกิดขึ้นแลว ตองนักวายากจะ เปรียบเทียบกับผูอาวุโสเหลานั้น หากงานอันยิ่งใหญของทานอิมามมีเพียงมิติดา นการเมืองและสังคม นัน้ ภาพฉายของการเปนนักฟนฟูของทานนั้นก็ยงั คงยิ่งยงและจรัสแสง แตการฟนฟูศาสนาใชวา จะ สรุปอยูแ คเพียงการปฏิวัติอิสลามเทานั้นก็หาไม อิสลามซึ่งอิมามโคมัยนี้ทาํ หนาที่เปนผูอธิบายนั้น คือศาสนาซึ่งจําเปนตองสําแดงความ เหมาะสมและความสามารถของตนเองเขาไปในทุกสถานการณ เวทีแหงการดําเนินชีวิต และสภาพ ทางสังคมตอการจัดการโลกทัศนของประชาชน และเปนผูมีอาํ นาจทีจ่ ะจัดหาปจจัยที่สัมผัสและรับรู ไดของประชาชน คําพูดที่พรั่งพรูจากความทรงจําของทานอิมามเมื่อกลาวถึงอนาคตของประชาคม อิสลามและการพูดถึงอิสลาม ในฐานะศาสนาที่ยงั มีชีวติ ที่มีความสามารถและจําเปนตองเขาไปมีสวน รวมในพฤติกรรมทั้งหลาย ทานไดสําแดงความเหนือกวาของอิสลามในดานการจัดการชีวติ ของ มนุษยชาติใหเห็นนับตั้งแตทา นเริ่มใชชีวติ ในแวดวงวิชาการและสังคม ผลงานที่เปนขอเขียนในวัย หนุมของทานอิมามนั้นยังคงมีอยู การแสดงความคิดเห็นของทานตอสถานการณ นักการเมือง และ การเอาใจใสตอประเด็นปญหาที่เกิดขึ้นในสถาบันสอนศาสนาแหงเมืองกุมเปนประจักษพยานยืนยัน ถึงแนวคิดอันกระจางชัดที่ปรากฏอยูในสวนหัวที่สําคัญที่สุดของขบวนการอิสลามโลกทัศนเชนนี้ ยังคงจรัสแสงอยูตราบจนวาระสุดทายของชีวติ อันจําเริญของทาน ฟตวา (คําวินจิ ฉัยหลักการศาสนา) อันกระจางชัดและกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของทานอิ มามนัน้ ถูกนําเสนอเขามาในเวทีแหงการจัดกรปญหาสังคมแหงการปฏิวตั แิ ละสังคมของมนุษยชาติวนั ี้ และสิ่งที่จะขจัดปญหาความยุงยากในการจัดการระบบคําชี้นําอันทรงพลังของทานในเรื่องการที่ จะตองมีอจิ ญติฮาด (วินจิ ฉัยหลักการศาสนา) ทีเ่ หมาะสมและเพียงพอสําหรับการจัดการสังคมที่ ซับซอนในโลกเวลานี้และในอนาคต และตามทัศนะของทานแลวตองมีคณ ุ ลักษณะที่เปนมุจญ ตะฮิดญามิอุซซะรออิฏ (ผูรูขนั้ วินิจฉัยหลักการศาสนาทีม่ ีความพรอมในทุกดาน) และเหมาะสมที่จะ เปนผูนาํ ผูยิ่งใหญของการปฏิวัติอสิ ลามทัง้ หมดนั้นผุดขึ้นมาจากหลักการและมาตรฐาน ซึ่งแสดงให เห็นถึงชองวางทางความคิดแบบอิสลามของทานอิมามอับอิสลามแบบเฉยเมย และแข็งทื่อ ชองวาง ระหวางอิสลามที่มาเพื่อมนุษยชาติ ปลดปลอยมนุษย เชิญชวนมนุษยสูการดูแลอนาคตของตนเอง และ ทั้งหมดนั้นเปนบทนําสําหรับความผาสุกในดานอื่นของชีวิต กับอิสลามแบบต่าํ ตอย ชองวางระหวาง อิสลามแทที่มตี นแบบมาจากทานศาสดากับอิสลามเทียมที่มีตน แบบมาจากอเมริกา ดังที่ทานอิมามให คําจํากัดความของอิสลามแทวา “อิสลามซึ่งผูถือธงชัยคือพวกเทาเปลา พวกถูกกดขี่ และคนยากคนจน สวนศัตรูของอิสลามก็ คือพวกมิจฉาทิฐิ พวกปฏิเสธ พวกนายทุนและพวกบูชาเงิน อิสลามซึ่งมีพรรคพวกที่แทจริงเปนพวกที่
ไมอาจเขาถึงทรัพยสินและอํานาจ สวนศัตรูทแี่ ทจริงคือพวกเจาเลหเ พทุบายแสวงหาอํานาจ และพวก แสรงทําตัววาศักดิ์สิทธิ์” หนังสือ อิสลามแท : จากสุนทรพจนของทานอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ทีอ่ ยุในมือของทานผูอา นนี้ เปนการรวบรวมเอาคําพูด คําปราศรัย และสาสนาที่ทา นอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ไดมโี อกาสนําเสนอให ประชาคมโลกไดรับรูนบั ตั้งแตทา นไดทาํ หนาที่นักการศาสนาผูปกปองอิสลามตั้งแตวยั หนุม จนกระทั่งไดเขามาทําหนาทีผ่ ูนําขบวนการปฏิวัติอสิ ลามในฐานะผูนําศาสนา และสานตอแนวคิดอัน เจิดจรัสและทรงคุณคาของทานในฐานะผูน ําสาธารณรัฐอิสลามแหงอิหรานซึ่งทานพยายามที่จะสือ่ ให ประชาชาติมุสลิมโดยรวมและประชาชาติอหิ รานเปนการเฉพาะในบางสถานการณไดเห็นแนวคิด วิธีการ และผลพวงของอิสลามสองแบบที่ดาํ เนินอยูในโลกเวลานี้คือ อิสลามแทซึ่งมาจากแนวทางของ ทานศาสดามุฮมั มัด (ศ.) กับอิสลามเทียมซึ่งมาจากแนวทางที่ถกู วางไวโดยอเมริกา นี่คือแนวคิดแบบ อิสลามที่ถูกกลั่นออกมาจากภูมิความรูของนักการศาสนาที่ทาํ หนาที่ วะริษะตุลอันบิยาอ (ทายาทของ บรรดาศาสดาฮะดีษ) อยางแทจริง
สวนที่ ๑ เรื่องทั่วไป “ อิสลามมาเพื่อฝกฝนเรา และนําพาเราสู ความสมบูรณพนู สุข ”
บทที่ ๑ ความเพียบพรอมและศักยภาพแหงอิสลาม ความเพียบพรอมของอิสลาม “อิสลามมิไดเปนเชนศาสนาอื่นที่มีปรากฏใหเราเห็น อิสลามสรางทุกสิ่งทุกอยางของความ เปนมนุษย อิสลามสรางทั้งปญญาจรรยามารยาท การขัดเกลาจริยธรรม การประพฤติปฏิบัติ สรางทุก สิ่งที่มนุษยมีความจําเปนตองใชมัน อิสลามลวนเขาไปเกี่ยวของดวยกันทั้งสิ้น อิสลามไมเหมือนกับ การปกครองรูปแบบอื่นซึ่งเขาไปเกี่ยวของเฉพาะเรื่องทีเ่ ปนการเมือง การรวมตัวของประชาชน โดย ไมใสใจวาผูคนปจจเจกชนจะทําอยางไรเมื่ออยูในบานของตนเอง ไมวาพวกเขาจะทําอะไรในบาน ของตนเองรัฐบาลก็ไมเขาไปยุง เกี่ยวดวย ถาพวกเขาจะเลนการพนันในบานของตนเองก็เปนเรื่องของ พวกเขา แตถา เกิดทําลายความสงบสุขของบานเมือง ทางการก็จะเขาไปเกี่ยวของ อิสลามมีปฏิสัมพันธ กับพวกทานทั้งที่อยูในบานซึ่งเปนที่สวนตัวของพวกทานกับครอบครัวของพวกทาน อิสลามมีเรื่องที่ จะบอกกับพวกทานในประเด็นความสัมพันธระหวางตัวทานกับเพื่อนบานของพวกทาน อิสลามมีประเด็นวาพวกทานตองสัมพันธกับคนในหมูบานเดียวกันอยางไร ตองอยูรวมกับ ชนตางศาสนาอยางไร ทั้งหลายทั้งปวงนั้นมีมารยาทที่อสิ ลามไดสอนเอาไว นั่นหมายความวา อิสลาม ไมใชรูปแบบของรัฐบาลทั่วไป แตเปนรูปแบบการปกครองหนึ่งซึ่งมีทงั้ การเมืองการปกครอง การ สรางตัวตนของความเปนมนุษยในดานจิตวิญญาณ ซึ่งอิสลามตองเขาไปเกี่ยวของวา ทานตองมีความ เชื่อเชนไร มีจรรยามารยาทอยางไร มีความประพฤติอยางไร ตองทําอยางไรในบาน เรื่องเหลานี้ อิสลามลวนเขามามีบทบาททั้งสิ้น โดยที่ไมมีรฐั บาลของประเทศใดเขามายุงเกี่ยวในเรื่องเหลานี้ หมายความวา ไมมีรฐั บาลใดมาบอกกับพวกทานวา เมื่อพวกทานอยูในบานของตนเอง พวกทานตอง ไมทําอยางนั้น หามทําอยางนี้ เขาไมมีหนาที่ตอ งบอกวา ใครควรจะทําอะไรในบานของตนเอง แตทวา อิสลามนั้นอยูกบั พวกทาน มีปฏิสัมพันธกบั ทาน หมายความวา อิสลามจะบอกพวกทานวาตองทําอยาง นั้น ตองมีจรรยามารยาทเชนนี้ พวกทานตองคิดเชนไร พอตองปฏิบัตอิ ยางไรกับลูก เด็กๆ ตองมีหนาที่ อยางไรตอพอตอแม แมตอ งปฏิบัติตวั อยางไรตอลูก พี่นอ งตองทําอยางไรตอกัน ทุกคนในครอบครัว ตองมีปฏิสัมพันธกนั อยางไร ครอบครัวแตละครอบครัวในสังคมตองวางตัวกันอยางไร ทั้งหมดนี้ อิสลามมีแบบแผนใหปฏิบัติตาม มีแนวคิดของตนเอง...” “บรรดาศาสดาก็เชนนั้น พวกทานเหลานั้นไดทาํ หนาที่อธิบายทุกสิ่งที่เกี่ยวของกับจิตวิญญาณ เกี่ยวของกับระดับชั้นทางปญญาและเกี่ยวของกับศูนยกลางแหงสิ่งอันพนญาณวิสัยแกพวกเรา อัลกุ รอานก็ทําหนาที่อธิบายทุกสิ่งที่เปนหนาที่ของปจเจกชนแกพวกเรา การมีสวนรวมในการพัฒนามนุษย และสูความเปนมนุษยที่สมบูรณก็ถูกอรรถาธิบายอยูในซุนนะฮฺและคัมภีรเชนกัน ไดอธิบายถึงสิ่งที่
เกี่ยวของกับสังคมไมวา จะเปนดานการจัดระเบียบ และปลูกฝงคานิยมทางสังคม พวกเราทั้งหมดและ รวมถึงมนุษยทุกคนตางก็มีหนาที่ตามระดับขั้นที่ตอ งระมัดระวังตามสถานภาพเหลานั้น ซึ่งไมจํากัด เฉพาะฝายใดฝายหนึ่ง” “กฎเกณฑที่มีอยูในอิสลาม ไมวา จะเปนกฎเกณฑทางการเมืองไมวา จะเปนกฎเกณฑที่ เกี่ยวของกับการบริหารการปกครอง ไมวา จะเปนกฎเกณฑทเี่ กี่ยวกับสังคม ไมวา จะเปนกฎเกณฑที่ เกี่ยวกับปจเจกชน หรือไมวา จะเปนกฎเกณฑทเี่ กี่ยวของกับสังคม ทัง้ หลายทั้งปวงนั้นสอดคลองกับ ความตองการมนุษย หมายความวา อะไรก็ตามที่มนุษยมคี วามจําเปนตองการสิง่ นั้น เชนมีความ ตองการทางธรรมชาติ อิสลามก็มีกฎเกณฑเกี่ยวกับธรรมชาติ ความตองการทีอ่ ยูนอกเหนือสามัญ สํานึก-ซึ่งเราทานทั้งหลายยังคงละเลยอยู-ก็มกี ฎเกณฑปรากฏอยู อิสลามมาเพื่อสนองตอบความ ตองการเหลานั้น พูดใหงา ยขึ้นก็คืออิสลามมาเพื่อฝกฝนเราและนําพาเราสูความสมบูรณพูนสุข นัน่ เอง” “เราไมสบายใจเลยที่ มีการเดาสงเดชวาอิสลามไมมีอยางนั้น ไมมีอยางนี้ อิสลามไมมคี วาม เปนประชาธิปไตย-ตามความเขาใจของพวกทาน ตามคําพูดของพวกทาน เมื่อเราพูดถึงอิสลาม ทุก อยางจะอยูในอิสลามหมด อะไรที่เราตองการยอ มมีอยูในอิสลามทั้งสิ้น อะไรที่ประชาชาติตองการ ยอมอยูในอิสลามทั้งนั้น การวางเงื่อนงําทีว่ า อิสลามไมมีอยางนั้นไมมีอยางนี้ ตองปลอยวางเอาไวกอ น เรารูสึกไมสบายใจที่พวกทานคิดแบบเดาสุมวา เราไมมีสงิ่ ที่เราตองการ จึงตองไปแสวงหามาจาก ภายนอก สิ่งที่พวกเขานําเขามาจากภายนอก (อิสลาม) นั้นลวนเปนพิษภัยแทบทั้งสิ้น” ศักยภาพในการจัดการสังคม “กฎหมายอิสลามมีความกาวหนายิ่งกวากฎหมายใดในอารยธรรมโลก ดวยกับการสําแดง ออกเปนรูปธรรมนั่งเองที่เปนตัวกอรางสรางเมืองมะดีนะฮฺอันเจิดจรัส” “ในหลายศตวรรษที่ผานมาของรัฐอิสลามอันยิ่งใหญดว ยกัน การนําเอากฎหมายอิสลามมา ปฏิบัตเิ ปนรูปธรรมเพียงครึ่งหนึ่งเทานั้น ก็ยังสรางรัฐชาติที่ดีที่สุดและแสดงใหเห็นถึงอารยธรรมอัน วิเศษสุดไดเปนการดีถาลองยอนไปดูหนังสือของกุลสตาฟ เลอรบอง และหนังสือประวัติอารยธรรม อิสลาม ทั้งๆ ที่หนังสือเหลานั้นไมคอ ยมีเรื่องราวที่สาํ แดงใหเห็นถึงอารยธรรมของอิสลามมากเทาใด นัก มันเปนเพียงความเขาใจอันนอยนิดและขาดความสมบูรณของผูเขียนในเรื่องราวของอารยธรรม อิสลาม แตพวกเขาและอีกหลายๆ คนมองอารยธรรมอิสลามวาหมายถึงสถาปตยกรรม อันวิจิตร งาน ศิลปะอันล้ําคา อาคารอันใหญโตและเครื่องประดับอันตีราคามิได สิ่งเหลานั้นเปนเพียงสวนหนึ่งที่มี อาจเทียบคาไดกบั อารยธรรมอิสลามเลย” “ในอัลกุรอานอันจําเริญมีประจักษพยานวา อัลกุรอานและศาสนบัญญัติอิสลามนั้นมาเพื่อ ความเปนนิรันดรและมาเพื่อมนุษยทกุ คน เราขอยกมากลาวเพียงบางสวนตอไปนี้
๑. จากซูเราะฮฺฟศุ ศิลัต อายะฮฺที่ ๔๒ ความวา แทจริงสิ่งนี้ (อัลกุรอาน) คือคัมภีรอนั ทรงกิตติ คุณ ความเปนโมฆะไมอาจเขามากล้ํากรายในชวงเวลานี้และหลังจากนี้ (นั่น) เปนการประทานลงมา จากผูทรงปรีชาญาณ ผูทรงไดรบั การสรรเสริญ ถึงตอนนี้พวกทานกลับพูดวา เราอยาไปใหความสําคัญกับพระดํารัสของพระองคืเลย นี่มใิ ช การไมรูจักพระเจาดอกหรือ? เราจะตองนําเอากฎหมายยุโรป และกฎหมายที่ออกโดยสภาซึง่ เรารูจักผู ที่ตรากฎหมายเหลานั้นดีวา อยูในฝายที่ไมชอบธรรมนํามาเปรียบเทียบกับกฎหมายของพรเจาซึ่ง พระองคตรัสไวแลววา ไมมีความเปนโมฆะปรากฏอยูในนั้น ๒. อายะฮฺที่ ๔๘-๕๐ จากซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ ในโองการเหลานั้นไดกลาวถึงขอกฎหมาย ทั่วไปซึ่งไมมีใครมีสิทธิทจี่ ะตราบัญญัตใิ ดที่มิใชบทบัญญัตขิ องพระเจาซึ่งถูกประทานลงมา ฉะนั้น กฎหมายทั้งหลายซึ่งตราขึ้นมาใหประชาชนปฏิบัตติ ามนัน้ หากมันคือบทบัญญัติของพระเจาละก็ ก็วา ไปตามนั้น แตถาไมละก็ ผูตรากฎหมายเหลานั้นจะไดชื่อวาเปนผูปฏิเสธ ผูฉอฉล และผูอธรรม ๓. อายะฮฺที่ ๘๙ จากซูเราะฮฺอาลิอมิ รอน ความวา บุคคลใดแสวงหาศาสนาอื่นที่มใิ ชอสิ ลาม เขาจะไมถูกยอมรับ และในโลกหนาเขาจะเปนหนึ่งในบรรดาผูขาดทุน ถาหายยังมีศาสนาอื่นอีก (ที่คคู วรแกการยอมรับ) โองการนี้ก็ไมมีความหมาย ๔. ซูเราะฮฺ ฟาฏิ้ร อายะฮฺที่ ๔๒ ความวา เจาจะไมพบการเปลี่ยนแปลงใดในแบบแผน ของอัลลอฮฺเลย หมายความวา ทานจะไมพบวาพระบัญชาของพระเจามีการเปลี่ยนแปลงและสังคายนาได นี่ เปนเหตุผลหลักแหงความเปนนิรนั ดรของแบบแผนและพระบัญชาของพระเจา ๕. จากซูเราะฮฺอลั ฟุรกอน อายะฮฺที่ ๑ ความวา ทรงเปยมไปดวยความจําเริญ (พระองค) ผูซึ่ง ทรงประทานอัลฟุรกอนลงมาแกบา วของพระองค เพื่อจะเปนคําตักเตือนสําหรับชาวโลกทั้งผอง ๖. อายะฮฺที่ ๙๐ ซูเราะฮฺอลั อันอาม ความวา จงกลาวไปวาฉันไมไดของรางวัลใดสําหรับการนี้ สิ่งนี้เปนเพียงคําเตือนสําหรับชาวโลกทั้งผอง ๗. อายะฮฺ ๑๐๗ ซูเราะฮฺอลั อันบิยาอ ความวา เรามิไดสงเจามา (เพื่ออื่นใด) นอกจากเปนความ การุณยสําหรับชาวโลกทั้งผอง ตามนัยยะของโองการเหลานี้และอีกหลายโองการบอกวาพระเจาไดทรงเรียกขานทานศาสดา แหงอิสลามวาเปนผูตักเตือนและเปนความการุณยสําหรับชาวโลกทั้งผอง อีกทั้งทรงขนานนาม อัลกุรอานวาเปนคําเตือนและทรงกําหนดใหเปนศาสนบัญญัติสาํ หรับชาวโลกทั้งผอง และไมเปนที่ สงสัยวายอมตองมีนษุ ยในแตละยุคแตละสมัยและตองอาศัยอยูในประเทศใดประเทศหนึ่ง นัน่ ก็คือ ชาวโลกทั้งผอง ฉะนั้นโองการเหลานี้บอกเราวา ทานศาสดาไดนํากฎเกณฑทงั้ มวลมา และอิสลามก็ เปนกฎเกณฑสําหรับชาวโลกทั้งผองไมวา เขาจะเปนใคร อยูในยุคสมัยใด และอยูที่ใดก็ตาม หากวา กฎเกณฑถูกบัญญัติสําหรับชวงเวลาหนึ่งหรือสําหรับชนอีกกลุมหนึ่ง การฝาฝนกฎเกณฑเหลานั้นของ ประชาชนกลุมหนึ่งก็ยอมตองไมถูกวากลาวตักเตือน และการปฏิบตั ติ ามนั้นก็คงไมใชเรื่องดีที่ทาน
ศาสดาตองถูกแนะนําวาเปนผูตกั เตือนและเปนความการุณยสําหรับชาวโลกทั้งผอง และอัลกุรอานก็ เปนคําเตือนสําหรับสากลจักรวาล ๘. อายะฮฺที่ ๔๐ ซูเราะฮฺอลั อะฮฺซาบ ความวา มุฮัมมัดมิใชบดิ าของผูหนึ่งผูใดในหมูพวกทาน แตเขาเปนศาสดาของอัลลอฮฺและศาสนทูตคนสุดทาย ในโองการนี้พระเจาไดทรงประกาศวาตําแหนงศาสนทูตคนสุดทายวาเปนศาสดาของอิสลาม ดังนั้น บัญญัติจากฟากฟาและพระบัญชาของพระเจาที่สง ผานมายังศาสดาทานอื่นก็ไมไดถูกกําหนด สําหรับประชาชาติตอ ไป ฉะนั้นจึงเปนที่กระจางชัดวา กฎหมายอิสลามคือศาสนบัญญัติสุดทายของพระเจา ตาม ขอกําหนดของโองการนี้ กฎหมายอิสลามตองเปนนิรันดรและมาเพื่อมนุษยโดยรวม กฎหมายยุโรป ทั้งหลายซึ่งใชอยูในประเทศเราเวลานี้ (กอนการปฏิวัติอสิ ลามแหง อิหราน-ผูเรียบเรียง-) มิใชอนื่ ใด เลยนอกจากเปนควรามมืดบอด และไมอาจปฏิบัตติ ามได หากเราจําเปนตองนําหลักฐานจากโองการทั้งหลายมาอางอิงเพื่อใหบรรลุตามจุดมุงหมาย ดังกลาว มันคงตองพูดกันนานทีเดียว ฉะนั้นเราจึงขอหยุดไวเพียงเทานี้กอน” พิจารณกฎเกณฑทางกายภาพและจิตวิญญาณของอิสลาม “กฎเกณฑทั้งหลายของอิสลามมีสองมิติ พิจารณาทั้งดานชีวติ ในโลกแหงวัตถุและการเตรียม ความพรอมเพื่อใชชีวติ ดังกลาว และพิจารณาดวยการใชชีวิตทางดานจิตวิญญาณและความเหมาะสม ทั้งหลายที่จะสนองตอบเรื่องดังกลาว ตัวอยางเชน การเรียกตองเชิญชวนสูความเชื่อมัน่ ในเอกานุภาพ ของพระเจาและการมีความยําเกรงตอพระองคถอื เปนการเชิญชวนที่ยงิ่ ใหญที่สุดของอิสลาม เชนเดียวกับการเตรียมพรอมเพื่อการใชชีวติ ใหเหมาะสมกับชีวติ ทางจิตวิญยาณนั้น ก็มีสว นเขาไป เกี่ยวของอยางสมบูรแบบกับการใชชีวติ ในโลกแหงโลกียวิสัย ชวยเหลือภาระงานที่สรงความเปน ระเบียบเรียบรอยของประเทศ ชีวติ ทางสังคม และสรางรากฐานแหงอารยธรรม ชนกลุมหนึ่งหากพวก เขามีความเชื่อมั่นในเอกานุภาพของพระเจาและการสรางความยําเกรงตอพระองค แนนอนยิ่งจิต วิญญาณของพวกเขาก็จะยิ่งใหญและสมบูรณ ประเทศชาติของพวกเขาก็จะมีสถานะที่นา เกรงขาม การ ดําเนินชีวติ ในทางสังคมและการเมืองของพวกเขาก็จะรุงโรจน กฎเกณฑทางดานเศรษฐกิจก็เชนกัน อิสลามถูกวางไวเพื่อบริหารจัดการประเทศชาติและ ตอบสนองความตองการของการใชชีวติ ทางโลกแกงวัตถุ เปนไปในลักษณะที่ถูกจัดวางเพื่อการดําเนิน ชีวติ ดานจิตวิญญาณดวย และทําหนาที่ชว ยเสริมชีวติ ดานจิตวิญญาณดวย ดวยเหตุนเี้ องการใชจา ย ทรัพยสินมากมายเพื่อแสวงหาความใกลชดิ ยังอัลลอฮฺโดยอาศัยการใชชีวิตดานจิตวิญญาณจะมีสวนทํา ใหจติ วิญญาณของมนุษยแข็งแกรงขึ้น ในกรณีของกฎหมายปกครองและกฎหมายพิจารณาคดีความก็เชนกัน กฎหมายปกครองใน ประเทศทั้งหลายดูเหมือนวาสรางความเฟอ งฟูใหกับประเทศเหลานั้น แตมันก็ทําลายชีวติ ดานจิต
วิญญาณจนสิ้น และผลักไสเรื่องจิตวิญญาณออกไปโดยไมกลาวถึง แตในระบอบอิสลามนั้นมีสวน รวมสรางความสถาพรใหกับประเทศอิสลามไปพรอมๆ กับมีสวนรวมสรางชีวติ ทางดานจิตวิญญาณ ไปดวย ดังที่พระเจาไดตรัสถึงความมุงหมายดังกลาวไว...” ความกาวหนาและความเปนประชาธิปไตยในอิสลาม “อิสลามคือศาสนาที่กรุยแนวทางแหงความสูงสงทางจิตวิญญาณของมนุษยดว ยการจัด ระเบียบพฤติกรรมทางดานโลกียวิสัย ความกาวหนาที่แทจริงนั้นคือ ความเจริญของมนุษยกลายเปนเปาหมายของพฤติกรรม ทั้งหลายในโลกวัตถุของเขา อิสลามคือศาสนาแหงความกาวหนาที่วา นี้” “การเรียนรูหลักการของอิสลามนั่นเองที่จะชี้นําพวกเราสูการพัฒนาสังคมซึง่ เปยมไปดวย ศักยภาพ ความยําเกรงพระเจาของผูคนและความยุตธิ รรมทางสังคม” “อิสลามสามารถรักษาเสรีภาพของเราได อิสลามสามารถ รักษาอิสรภาพของเราได อิสลาม สามารถทําใหเรากาวหนาได อิสลามสามารถรักษาเศรษฐกิจของเราได” “อิสลามยอมรับความเจริญกาวหนาและอุตสาหการได แตตอ ตานการคอรัปชั่น อิสลาม ตอตานสิ่งซึ่งทําใหคนหนุมสาวของเราและรัฐบาลของเราตองไดรบั ความหายนะ อิสลามไปกันไดกับ ความกาวหนาและความมีอารยะทั้งปวง อิสลามไมยอมรับการที่พวกทานและตัวของพวกเราตอง พึ่งพิงคนอื่น อิสลามกลาววา อุตสากรรมของเราตองไมพึ่งพิงประเทศอื่น วัฒนธรรมของเราตองไม พึ่งพิงประเทศอื่น บรรดาที่ปรึกษาทั้งหลายตองไมมาสั่งการพวกเรา พวกเราตองบริหารจัดการตัวของ พวกเราเอง ตองไมใหที่ปรึกษาอเมริกา เขามาจัดการระบอบของเรา” “เมื่อเราพูดถึงอิสลาม ตองไมใชความลาหลังและไมพฒ ั นาแตตอ งกลับมา ตามความเชื่อของ เราที่วา อิสลามเปนศาสนาที่เรียกรองความกาวหนา” “อิสลามคือศาสนาแหงความกาวหนาและเปนประชาธิปไตยตามความหมายที่เปนจริง เรา ตองการสรางรัฐบาลหนึ่งขึ้นมาซึ่งเปนรัฐบาลที่มีความตางจากรัฐบาลทั้งหลายในโลกเวลานี้ กฎเกณฑ ของอิสลามคือกฎเกณฑซึ่งมีความกาวหนาอยางมาก มันประกอบไปดวยอิสรภาพ เสรีภาพ และการ พัฒนา” อิสลามคือหลักประกันความผาสุก และเสรีภาพของมนุษยชาติ “อิสลามมีทุกอยาง อิสลามมีเรื่องราวทีเ่ กี่ยวของกับโลกนี้ ขณะเดียวกันก็มเี รื่องราวที่เกี่ยวของ กับโลกหนาดวย อิสลาม มีมุมมองตอเรื่องราวในมิติตา งๆ มากมาย รัฐอิสลามไมเหมือนกับรัฐ รูปแบบ อืน่ ซึ่งมีมุมมองดานเดียว รัฐอิสลามคือรัฐบาลซึ่งถาประสบ ความสําเร็จในการดําเนินการแลวละก็ อิน ชาอัลลอฮฺ ประชาชาตินแี้ ละอิสลามจะสามารถดํารงตนในสภาพที่เคยเปนในยุคสมัยของทานศาสดาผู
ทรงเกียรติได หากอัลกุรอาน อัลฮะดีษของบรรดาอิมาม และเรื่องราวของอิสลามถูกถายทอดให เปนไปตามที่ควรจะเปนละก็ นั่นจะเปนหลักประกันความผาสุกทั้งโลกนี้และโลกหนา” “หากอีหมาน (ความศรัทธามั่น) ตอพระเจาและกระทํา ทุกอยางเพื่อพระองคในกิจการงาน ทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และการดําเนินชีวติ โดยทั่วไปละก็ ปญหาที่ยงุ เหยิงที่สุดของโลกทุก วันนี้ยอมตองไดรับการแกไขอยางงายดาย โลกทุกวันนี้เผชิญกับทางตันแลวแตกลับไมยอมกมหัว ใหกบั การชี้นาํ ทางของบรรดาอันบิยาอ (ศาสนทูต) อยางไรก็ตามในที่สุดแลว ก็ไมมท างเลือกใด นอกจากพวกเขา ตองยอมรับโดยดุษณี” “เราเชื่อมั่นวา มีแนวคิดเดียวที่สามารถชี้นําสังคมและนําพาสังคมสูค วามกาวหนาได นัน่ คือ อิสลาม โลกเวลานี้หากตองการหลุดพนจากปญหารอยแปดพันประการและดํารงชีวติ อยางเหมาะสม กับความเปนมนุษยละก็ มนุษยจักตองนอมรับเอาอิสลามมาปฏิบัต”ิ “อิสลามและรัฐอิสลามคือปรากฏการณหนึ่งที่มาจากพระเจา ถามันไดดําเนินไปอยางเต็มที่ละ ก็ มันจะเปนตัวจัดการความผาสุก ของลูกหลานสูสภาพที่ดีที่สุดทั้งในโลกนี้และโลกหนา อีกทั้งจะมี อํานาจ ในการขจัดการกดขี่ ความเสื่อมเสีย และการรุกรานทั้งมวลได และจํานาพามนุษยสูความ สมบูรณแบบตามที่ตองการ” “โครงการทั้งหลายของรัฐบาลอิสลามนั้นตองนํามาซึ่งความผาสุกของมนุษยทุกคน ทุกคน ตองมีชีวติ อยูอยางปลอดภัยและสุขสบายเคียงขางกันและกัน” “อิสลามนั่นเองที่ปลดปลอยพวกทานจากการที่ทา นไมมีอิสระเสรี อิสลามไดปลดปลอยพวก ทานจากแอกนั้น อิสลามไดใหหลักประกันความมีอสิ รภาพของพวกทาน จงหันหนาเขามาหาอิสลาม เถิด”
บทที่ ๒ สาเหตุที่มุสลิมลาหลัง “อิสลามคือศาสนาที่มาจากเบือ้ งบน มาเพื่อชี้นําประชาชาติทงั้ ผอง ขจัดความขัดแยงในหมู พวกเขา เชิญชวนสูความสมบูรณแบบในการเปนมนุษย กําจัดการกดขี่ และปลุกผูคนใหตื่นจากการ หลับใหล แตทวามุสลิมสวนใหญหรือเกือบจะทั้งหมด รวมทั้งรัฐบาลที่ปกครองโดยมุสลิมทั้งหลาย กลับหลงลืมหรือแกลงทําเปนหลงลืมตอสิ่งที่เปนเคล็ดลับ ซึ่งอิสลามนํามาบอก ความยุงยากทั้งมวลซึ่ง มุสลิมเผชิญอยูตลอดประวัตศิ าสตรที่ผานมา นั้นก็เปนเพราะพวกเขาออกหางจากคําสอนของอิสลาม และไมอาจรับรูไดถึงการชี้นําซึ่งอิสลามมาเพื่อการนี้ หรืออาจเปนเพราะความปวยไขทางจิตบาง ประการ ทําใหพวกเขาไมสามารถดําเนินชีวติ ไปตามนั้นได ปญหาหลักของมุสลิมก็คือหางไกลจาก อิสลามและอัลกุรอาน หากมุสลิมปฏิบัตติ ามพระบัญชาของอัลกุรอานที่วา พวกเจาตองยึดเหนี่ยวสาย เชือกของอัลลอฮฺโดยพรอมเพรียงกันและอยาไดแตกแยกกัน พวกเขาก็สามารถจะขจัดปญหาอุปสรรค ทั้งมวล ไมวา จะเปนปญหาอุปสรรคทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ไมมีอาํ นาจใดที่จะยืนหยัด ตอกรกับพวกเขาได แตนาเศราก็ตรงที่ เพราะความหลงลืมของใครบางคนและแกลงทําเปนหลงลืม พวกเขาจึงอยูในสภาพดอยโอกาสเชนนี้ ตราบใดที่พระบัญชาของพระเจานี้ยงั ไมไดรับการปฏิบัตใิ ห เปนจริง มวลมุสลิมก็ตองเผชิญกับปญหา เชนนี้ไปโดยตลอด” “มุสลิมตองคนหาอิสลามใหเจอ อิสลามไดจากพวกเขาไปแลว ตอนนี้เราไมรูเลยวาอิสลามคือ อะไร ตะวันตกนั่นเองที่เปากระหมอมเราอยูทกุ วี่ทกุ วัน และความเลวรายทั้งหลายนั่นเองที่ทําใหพวก เราหลงทางตราบใดที่พวกทานยังคนหาอิสลามไมเจอ พวกทานก็ไมอาจพัฒนาตนเองได อิสลามได หายไปจากศูนยกลางซึ่งมีอลั กะอฺบะฮฺอนั สูงสงอยู จากศูนยกลางทางสังคมของมุสลิมซึ่งผูคนจากกอง คาราวานของทุกประเทศที่มีมสุ ลิมลวนมุงหนาไปสูที่นั่น พวกเขาไมรูเลยวาอิสลามคืออะไร ฉะนั้น เมื่อมุสลิมมารวมตัวกันในอาณาบริเวณหนึ่งซึ่งอัลลอฮฺทรงกําหนดใหสถานที่นนั้ เปนการรวมตัวกัน ของมุสลิม มันเปนการรวมตัวกันทางจิตวิญญาณของมุสลิม พวกเขารวมกันแตไมรูวา กําลังทําอะไร กันอยู พวกเขาไมอาจใชประโยชนจากอิสลามไดเลย พวกเขาไดเปลี่ยนศูนยกลางทางการเมืองให กลายเปนพื้นที่ที่ไมสนอกสนใจมุสลิม พวกเขาตองคนหาอิสลามใหเจอหากมุสลิมไดคนพบพิธีกรรม ฮัจญ อันเปนแนวทางการเมืองที่ไดดาํ เนินอยูในพิธกี รรมดังกลาวจากแนวคําสอนของอิสลามละก็ มัน เปนการเพียงพอแลวที่พวกเขาไดคน พบ เพื่อที่พวกเขาจะไดคนหาอิสรภาพของตัวพวกเขาเอง แตนา เสียใจ เราไดหลงทางจากอิสลามแลว อิสลามที่ตอนนี้เราไดสูญเสียมันไปหมดแลว พวกเขาไดแยกมัน ออกจากแนวการเมือง พวกเขาไดตดั สวนหัวของมันทิ้งไปแลว พวกเขาไดตดั ขาดสิ่งอันเปนรากเหงา ของเรื่องดังกลาว พวกเขาไดแยกมันออกและใหสวนที่เหลือแกเราไว วันนี้ก็ไดสําแดงใหเราเห็นแลว วา เราไมรูจักสวนยอดของอิสลามเลย เราไมรูจักจริงๆ ตราบใดที่เรายังไมคน พบอิสลามที่วา นั้น ตราบ ใดที่มวลมุสลิมยังไมเจออิสลาม พวกเขาก็ไมอาจไปถึงซึ่งเกียรติยศของตัวพวกเขาเอง”
“หากเราเบี่ยงเบนออกไป ไปทางซายหรือไปทางขวา ไปทางซายก็ถกู ระบุวา เปนมัฆฎบิอะ ลัยฮิม (กลุมที่ไดรบั ความกริ้วโกรธ) ไปทางขวาก็ถกู ระบุวา เปน ฎอลลีน (ผูทหี่ ลงทาง) อันเปนฝายตรง ขามของแนวทางอันเที่ยงตรงและวิถที างอันเที่ยงตรง หากเราเดินไปในเสนทางอันเที่ยงตรง จากตรงที่ เราไดเริ่มเคลื่อนที่อนั เปนเสนทางอันเที่ยงตรงไมเบี่ยงเบนไป เราก็ไมใชตะวันออก ไมใชตะวันตก เรา อยูในทางอันเที่ยงตรง ไมเปนพวกขวา ไมเปนพวกซายในกิจการงานใด เราคลื่อนที่ตามแนวทางอัน เที่ยงตรงนับจากนี้ไปเรื่อยๆ เราจะเปนผูไดรบั ความสมบูรณพูนสุข ประชาชาติของเราก็ไดรับความ สมบูรณพูนสุข เราเปนผูทาํ ใหประชาชาติไดรับความสมบูรณพูนสุข หากเราเบี่ยงเบนไปทางซาย ขอ อยาใหเปนเชนนั้นเลย เราเบี่ยงเบนไปทางขวา เราก็เปนพวกเบี่ยงเบน และถาเรามีตาํ แหนงหนาที่การ งานในหมูป ระชาชน เราก็เปนผูนําใหประชาชาติเบี่ยงเบนไป”
สวนที่ ๒ คุณลักษณะอิสลามแท “ มัสญิดและมินบัร ในชวงอรุณรุงแหงอิสลามนั้น คือศูนยกลางแหงกิจกรรม ทางการเมือง ”
บทที่ ๑ อิสลามคือศาสนาทางการเมือง อิสลามเปนเนื้อเดียวกับการเมืองบริสุทธิ์ “อิสลามมิไดมีมิติดา นอิบาดะฮฺ (การเคารพภักดี) เทานั้น มิไดมีเพียงคําสอนในดานการเรียนรู เฉพาะภาคอิบาดะฮฺเทานั้น อิสลามมีมิตทิ างดานการเมืองดวย อิสลามไมไดอยูนอกสารบบของ การเมืองเลย อิสลามสรางรัฐอันยิ่งใหญขนึ้ มา สรางอาณาจักรอันยิ่งใหญขนึ้ มาแลวอิสลามเปนระบอบ หนึ่ง มันเปนระบอบทางการเมืองหนึ่ง ซึ่งแตกตางจากระบอบทั้งหลายที่มักจะพลาดในประเด็น สําคัญๆ ไป แตอสิ ลามไมมีวันพลาดประเด็นเหลานั้น อิสลามไดอบรมสั่งสอนใหมวลมนุษยไดเรียนรู มิติตางๆ ที่จาํ เปนสําหรับพวกเขา” (น. ๔๖) “การเมืองซึ่งเกิดขึ้นในชวงแรกของอรุณรุงแหงอิสลามคือการเมืองสากล ทานศาสดาแหง อิสลามไดยื่นมือของทานออกไปทั่วโลก ทานไดเรียกรองเชิญชวนประชาคมโลกสูอิสลาม สูการเมือง แบบอิสลาม ทานไดจดั ตั้งรัฐบาลอิสลาม ตัวแทนของทานภายหลังจากนั้นก็ไดจัดตั้งรัฐบาลอิสลาม นับตั้งแตอรุณรุงของอิสลามในยุคสมัยของทานศาสดาจวบจนชวงเวลาที่ยงั ไมมีการเบียบเบนออกจาก อิสลาม การเมือง กับการศาสนานั้นเปนเรื่องเดียวกัน... ประเด็นหลักอยูตรงที่อสิ ลามเปนศาสนาทาง การเมืองในทุกมิติหรือเปลาว อิสลามเขากันไดกับทุกปญหาทางสังคมของประชาชาติทั้งหลายในทุก มิติ เขากันไดกับปญหาทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และทุกเรื่องกับทุกคน หรือวาอิสลามตองถูกขจัด ออกไป ในชวงอรุณรุงของอิสลามนั้นบุคคลที่ไดจัดตั้งรัฐบาลอิสลาม พวกเขาลวนทําผิดทั้งหมดหรือ มวลมุสลิมตองรับรูวา กระบอกเสียงของพวกลาอาณานิคมมีไวเพื่อประกาศแยกอิสลาม ขจัดอิสลาม พวกเขาลบเนื้อหาของอิสลามออก” “ขาพเจาตองบอกวา การเมืองเปนสิทธิของนักการศาสนาศาสนทูต และผูเปนที่รักยิ่ง ของอัลลอฮฺ แตการเมืองซึ่งทานเหลานั้นมีอยูขอบเขตของมันเทียบกับการเมืองซึ่งคนพวกนั้นมีอยู ตางกัน หากเราสมมติวา มีบคุ คลหนึ่งเลนการเมืองที่ชอบธรรม มิใชเปนการเมืองแบบที่มารรายไดทํา ใหมันเสื่อมเสียมาแลว แลวเขาไดเขามาบริหารรัฐบาลเปนประธานาธิบดี ไดเขามาจักการรัฐ เลน การเมืองอันชอบธรรม ยอมสงผลดีตอ ประชาชน แนวการเมืองเชนนี้เปนมิตทิ างการเมืองหนึ่งของ บรรดาศาสดา ของบรรดาบุคคลอันเปนที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ และตอนนี้ สําหรับนักการศาสนาอิสลาม มนุษยมิไดมีมิติเดียว สังคมก็ไมไดมีเพียงมิตเิ ดียว มนุษยไมไดเปนเพียงสัตวที่มเี พียงการกินและ บริโภคทุกอยางที่เปนเรื่องของพวกเขาเทานั้น การเมืองของพวกมารรายรวมทัง้ การเมืองอันชอบธรรม ดวย หากมันชี้นาํ ประชาชนไปยังมิตเิ ดียวและนําพาสูมิตแิ หงความเปนสัตวมิติอันที่รวมของโลกียวัตถุ ทั้งหลาย การเมืองประเภทนีเ้ ปนสวนหนึ่งของการเมืองที่บกพรองจากมุมมองทางการเมืองอันมั่นคง ในอิสลามสําหรับบรรดาศาสดาและบรรดาผูเปนที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ พวกเขาตองการชี้นาํ ประชาชน
ประชาชาติทั้งหลาย สังคม และปจเจกบุคคล นําพาสูทกุ สิ่งอันเปนความเหมาะสมสําหรับประชาชนที่ พอจะวาดภาพไดและสําหรับสังคมตามความนักคิดได” การเมืองในอัลกุรอานและอัลฮะดีษ “การเชิญชวนของอัลกุรอานไมวา ตอนที่อยูที่มกั กะฮฺมุกั้รรอมะฮฺ (เมืองมักกะฮฺอนั จําเริญ) หรือที่มะดีนะฮฺมุเนาวะเราะฮฺ (เมืองมะดีนะฮฺอนั เจิดจรัส) มิใชเปนการเชิญชวนแบบปจเจกชนระหวาง บุคคลคนนั้นกับพระเจาไมอาจกลาวไดโดยปราศจากขอกังขาวาแมกระทั่งหนาที่สวนบุคคลระหวาง ตัวเขากับพระเจานั้นก็ยังมีความหมายทางสังคมและการเมืองซอนอยูดวย” “สํานักคิดอิสลามซึ่งที่มาของมันก็คอื อัลกุรอานนั้นไดรับการปกปอง ไมมกี ารเปลี่ยนแปลงใด แมเพียงอักษรเดียวนั่นเองที่อัลกุรอานรวบรวมทุกสิ่งไว หมายถึง เปนคัมภีรทเี่ สริมแตงมนุษย ดังที่ ทานนบีอาดัมเปนทุกอยาง มีความสูงสงทางจิตวิญญาณ มีความสมบูรณ ทางวัตถุ มีสภาวะดานนอก มี สภาวะดานใน อัลกุรอานมาเพื่อสราง เสริมมนุษย สรางเสริมทุกมิตแิ หงความเปนมนุษย หมายถึงทุก อยางที่มนุษยมีความตองการ ไมวา จะเปนความตองการสวนบุคคล สิ่งที่เกี่ยวของกับปจเจกชน ความสัมพันธระหวางบุคคลกับพระเจา ปญหาความเชื่อ เรื่องเอกานุภาพของพระเจา ปญหาความ เขาใจดานคุณลักษณะของพระเจา ปญหาความเชื่อเรื่องโลกหนา สิ่งเหลานี้มีอยู ปญหาทางการเมือง สังคม การสงครามกับผูปฏิเสธ อัลกุรอานเต็มไปดวยโองการตางๆ มีโองการหนึ่งที่บัญขาใหผูคนและ ศาสดาทําสงครามกับบุคคลที่เขามารุกรานกับผูกดขี่ทงั้ หลาย เปนคัมภีรหนึ่งซึ่งนําความเปลี่ยนแปลง มา กลาวคือ อาหรับในยุคสมัยที่อลั กุรอานถูกประทานลงมานั้นเปนกลุมชนที่แตกแยกเปนกกเปน เหลา เปนกลุมคนที่สูรบกันเอง มีแตเรื่องทะเลาะเบาะแวงกัน ไมเคยคิดเรื่องการบานการเมืองของ ตนเองในระหวางพวกเขากันเองมีสภาพปาเถื่อน ครึ่งสตวรรษกอนหนานี้ประมาณสัก ๓๐ ป ที่พวก จักรวรรดินยิ มไดเขาครอบครองรัฐทั้งหลาย หนึ่งในนั้นก็คอื รัฐอาหรับที่เคยอยูกบั ทานศาสดาแหง อิสลาม ศาสดาเปนผูสรางรัฐเหลานี้ขนึ้ มา มีอยูยคุ หนึ่งจักวรรดิอันยิ่งใหญทงั้ สองคือโรมและเปอรเซีย ซึ่งในยุคนั้นเกือบทั้งโลกอยูภายใตการยึดครองของจักรวรรดิทงั้ สอง ศาสดาแหงอิสลามนั่นเองที่เปนผู พิชติ จักรวรรดิทั้งสองมันไดสรางปรากฎการณการแผขยายจากคาบสมุทรไปสูดินแดนอื่นทั้งอิหราน และยุโรป การยึดครองที่วา นี้ไมใชการยึดครองแบบที่ทา นคิดวาเหมือนการยึดครองของนโปเลียนไม ซึ่ง เขาตองการเขายึดครองประเทศทั้งหลาย แตการยึดครองแบบอิสลามนั้นเปนแบบสรางเสริมมนุษย ทํา ใหพวกเขาเปนผูเชื่อมั่นในความเปนเอกานุภาพของพระเจา ทําใหประชาชนทั้งหลายเกิดสภาพความ เทาเทียมกัน และทําใหประชาชนรับรูถงึ ประเด็นปญหาตางๆ มันเปนเชนนี้...” “มีโองการอัลกุรอานและริวายะฮฺทกี่ ลาวถึงภาคการเมืองมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอิบาดะฮฺ หาพวกทานพิจารณาดูตํารับตําราศาสนาสัก ๕๐ กวาเรื่อง พวกทานจะพบวามีเรื่องที่เปนภาคอิบาดะฮฺ อยูประมาณ ๗-๘ เลมเทานั้น นอกนั้นเปนเรื่องที่เกี่ยวของกับภาคการเมือง การสังคม และการรวม
ปรึกษาหารือมันเปนอยางนี้ พวกเราปลอยวางสิ่งเหลานี้ไวขา งทางแลวไปนําเอามิติที่เขมขนนอยกวา มาใชพวกเขาแนะนําอิสลามในภาพลบ แลวพวกเราก็เชื่อตามนั้นวา อิสลามไมเห็นจะเกี่ยวกับการเมือง เลย การเมืองเปนสมบัติสว นตัวของจักรพรรดิ สวนเมียะฮฺรอบ (สถานที่ยืนนํานมาซ) เปนสมบัติของ พวกนักการศาสนา แมกระทั่งเมียะฮฺรอบพวกเขายังไมปลอยใหพวกเราไดครอบครองเลย อิสลาม เปนศาสนทางการเมือง มีสถาบันการปกครอง พวกเทานลองอานคูมือการปกครองของทานอิมามอะลี (อ.) ที่มอบใหทานมาลิกอานคูมือการปกครองของทานอิมามอะลี (อ.) ที่มอบใหทานมาลิกอัชตาร แลวพวกทาจะรูวา มันคืออะไรกัน พวกทานไดเห็นคําบัญชาตางๆ ของทานศาสดาและทานอิมามอะลี ในสมรภูมิรบและในทางการเมืองการปกครอง พวกทานก็จะรูวา อิสลามมีออะไรบาง เรามีอะไร มากมาย แตไมมีโอกาสไดใชมันเลย เหมือนกับที่อิหรานมีสิ่งตางๆ มากมายแตเอาไปใหคนอื่นใช เรา มีคัมภีรและแบบฉบับที่เหลือเฟอ มีทุกอยางอยูในนั้น แตพวกเขาอธิบายใหพวกเราฟงเปนลบ กลาวคือ ผูเชี่ยวชาญทั้งหลายใชเสนทางยุโรปที่ถกู เปดออกแลวมุงหนาสูเอเชียและตะวันออก พวกเขาไป รวมตัวกันที่นั่นและทํางานวิจัยกันที่นั่น พวกเขาตื่นตัวอยูตลอดเวลาแตเราและทานนั้นยังหลับใหลอยู ในสถาบันสอนศาสนา ขณะที่พวกเขาเรงอานและทํางานวิจัย งานวิจยั ของพวกเขาที่เกี่ยวของกับพวกเราก็คอื พวกเขาเห็นวามีสิ่งเดียวเทานั้นที่จะสกัดกั้น การรุกคืบของพวกเขาไดคอื อิสลามและผูท ี่รับใชอสิ ลาม พวกเขาก็เริ่มบดขยี้นบั จากนั้น พวกเขาทํา การแยกอิสลามออกจากประชาชาติอิสลาม ถึงขนาดแยกอิสลามออกจากผูรว มรับใชอลั กุรอาน ผูนําศาสนาและการเมือง “ศาสดาแหงพระเจาผูนั้นแหละไดมุงมั่นอยูกับการจาริกทางจิตวิญญาณอยูหลายป แตเมื่อสบ โอกาสทานก็ไดกอ ตั้งรัฐที่มีนัยยะทางการเมือง สําหรับการสถาปนาความยุตธิ รรม ใครมีอะไรก็ตอง นํามาสําแดงทั้งหมด เมื่อโอกาสยังไมอํานวย สภาพแวดลอมยังไมเหมาะสม นักจาริกทางจิตวิญญาณก ตองสําแดงการจาริกนั้นใหปรากฏนักปรัชญาก็ตอ งสําแดงการปรัชญาใหปรากฏ นักนิติศาสตรอสิ ลาม ก็ตอ งสําแดงหลักการใหปรากฏ แตเมื่อรัฐกลายเปนรูปแบบการปกครองทีท่ รงความยุติธรรมแหงพระ เจา และไดดาํ เนินการยุตธิ รรมแลว เขาจะไมปลอยใหพวกฉวยโอกาสไปถึงยังเปาหมายของตัวเอง เมื่อ สภาวะไดสงบขึ้น ทุกสิ่งทุกอยางก็จะเผยตัวของมันเองออกมา ไมมีสงิ่ ใดที่ถกู เรียกรองเชิญชวน เหมือนเรื่องทางการเมือง มันเปนเรื่องการเมืองเกิดขึ้นในสมัยของทานศาสดา สมัยทานอะมีรลุ มุฮ มินีน แตเมื่อสบโอกาสพวกเขาก็จองที่จะเฉไฉมันออกไปอีก มีผูรูบางคนของเราถึงขนาดกลาววา (ชุด ทหารเปนที่ตอ งหาม เปนชุดที่แสดงถึงยศถาบรรดาศักดิ์ยอ มเปนภัยตอความยุติธรรม) ถาอยางนั้น ทานอะมี้รก็ไรความยุติธรรม ทานอิมามฮุเซนก็ไรความยุตธิ รรม ทานอิมามฮะซันก็ไรความยุติธรรม และทานศาสดาก็ไรความยุตธิ รรมเชนกัน? ก็เพราะวาทานเหลานั้นไดเคยสวมใสชดุ ทหารดวยกัน ทั้งสิ้น พวกเขาฉีดตัวยานี้ใหกับพวกเรา พวกเขาฉีดยาขนานเดียวกับที่พวกกบฏฉีดใหพวกเรา ใหพวก เราเชื่อตามนั้น (วา) แกไปยุงอะไรกับเรื่องพรรคนั้นวาจะเปนอยางไรตอไป แกจะสอนหนังสือก็สอน
ไป แกจะสอนฟกฮฺกส็ อนไป แกจะยุงอยูกับเรื่องปรัชญาก็วา กันไป ในสมัยกอนมีปญหาหนึ่งเกิดขึ้น มี เพื่อนของเราคนหนึ่งซึ่งเปนคนที่ดมี าก เปนคนดีมีศีลธรรม เปนคนเอางานเอาการ แตเมื่อขาพเจาไป พบเขาพูดคุยเรื่องราวบางอยางกับเขาวาเราตองตรวจสอบอะไรบางอยาง เขากลาววา แลวมันเรื่อง อะไรของเรา เรื่องการเมืองเกี่ยวอะไรกับเรา ทานศาสดาพูดหรือวา เรื่องการเมืองไมเกี่ยวอะไรกับเรา ทานอะมีรลุ มะอมินนี ซึ่งปกครองรัฐพูดหรือวา รัฐก็แคเรื่องการอานอัลกุรอาน นมาซ และพิธีกรรมอีก เล็กนอย? มันเปนระบอบการปกครองมีรฐั บาลมีอาํ นาจ การปกครอง และมีการเตรียมกองกําลัง...” “แบบแผนของทานศาสดาแหงอิสลามในเรื่องกิจการภายในของมุสลิมและกิจการภายนอก ของพวกเขาสําแดงใหเห็นหนาที่อนั ยิ่งใหญหนึ่งของทานศาสดาผูจาํ เริญซึ่งก็คือการตอสูทางการเมือง ของทานนั่นเอง...” ความสัมพันธระหวางศาสนบัญญัติ และภาคพิธกี รรมกับการเมือง “ไมอาจปฏิเสธและไมจําเปนตองกลาวย้าํ วา อิสลามอันยิ่งใหญนั้นเปนศาสนาแหงเอกานุภาพ และทําลายการตั้งภาคี สภาพมิจฉาทิฐิ การเคารพบูชาเจว็ด และการบูชาตนเอง เปนศาสนาแหง ธรรมชาติดงั้ เดิม ศาสนาแหงการปลดปลอยจากพันธนาการตางๆ จากการกระซิบกระซาบของมารราย ทั้งที่เปนญินและมนุษย ทัง้ เปดเผยและซอนเรน เปนศาสนาแหงการเมืองสมัยใหม และชี้นาํ สูแนวทาง อันเที่ยงตรงไมมีตะวันออกไมมีตะวันตก เปนศาสนาที่ภาคพิธกี รรมเชื่อมเปนเนื้อเดียวกับภาค การเมือง และการเมืองก็คอื พิธกี รรมทางศาสนาดวย” “อิสลามมิใชแนวคิดซึ่งคิดเพียงดานเดียว อิสลามมีกฎเกณฑครอบคลุมทุกเรื่องราว เรื่องราว ตางๆที่เกี่ยวของกับโลกนี้ ที่เกี่ยวของกับการเมือง ทีเ่ กี่ยวของกับสังคม ทีเ่ กี่ยวของกับเศรษฐกิจ และ ไมวา จะเปนเรื่องราวใดที่มีสวนเกี่ยวของกันซึ่งชาวโลกยังไมรู ศาสนาแหงเอกานุภาพนั้นมาเพื่อดูแล เรื่องราวทั้สองโลกและอธิบายสิ่งนั้น มีกฎเกณฑทเี่ กี่ยวของกับเรื่องราวทั้งสองโดยตรง มีการอธิบาย มันไวมิไดเปนไปดังเชนใหความสนใจดานหนึ่งแลวละทิ้งอีกดานหนึ่ง สนใจเฉพาะเรือ่ งหนึ่งและไม สนใจอีกเรื่องหนึ่ง มิใชอยางนี้แนนอน มีทศั นะในดานหนึ่งก็ยอ มตองแสดงทัสนะในอีกหลายดาน เฉพาะอยางยิ่งอิสลามมีความเขมงวดยิ่งกวาศาสนาใดๆ ในการใหความหมายเชนนี้ ภาพรวมศาสน บัญญัติทั้งหลายมีกฎเกณฑทเี่ กี่ยวของกับการเมืองเปนภาคการเมืองบัญญัติ การนมาซก็รวมเปนเนื้อ เดียวกับการเมือง พิธีกรรมฮัจญก็เปนเนื้อเดียวกับการเมือง การจายทานบังคับก็เปนเรื่องการเมือง มีสา สนบัญญัติเรื่องการบริหารการปกครอง การจายคุมซฺ (ผลประโยชนทเี่ พิ่มขึ้น) ก็เพื่อบริหารจัดการ ประเทศชาตินนั่ เอง” “อัลกุรอานซึ่งอยูในมือของมวลมุสลิมขณะนี้ นับตั้งแตอรุณรุงอิสลามตราบจนทุกวันี้ยงั ไม เคยมีการเสริมแตงหรือตัดแตงแมเพียงอักษรเดียวนั้น หากพวกทานพิจารณาอัลกุรอานนี้อยางถองแท พวกทานก็จะพบประเด็นปญหาหนึ่ง ซึ่งประเด็นดังกลาวนี้มิใชเปนเพียงการเชิญชวนใหผูคนทั้งหลาย
นัง่ นิ่งอยูกบั บาน คอนแตจะกลาวซิกรุลลอฮฺและทําตัวปลีกวิเวกอยูกับพระเจาเทานั้น ใช สิ่งนี้ก็มอี ยู ในอัลกุรอาน แตไมไดจํากัดอยูแคเพียงสิ่งเหลานี้ มันยังมีประเด็นปญหาที่เปนการเรียกรองเชิญชวนสู การมีสวนรวมในสังคม เชิญชวนสูการทํางานภาคการเมือง เชิญชวนสูการบริหารปกครอง ประเทศชาติ ขณะเดียวกันก็บอกวามันทั้งหลายถือเปนสวนหนึ่งของภาคพิธกี รรม (อิบาดะฮฺ) ดวยภาค พิธีกรรมไมอาจแยกเด็ดขาดจากการเมืองและสังคมได ในอิสลามนั้นทุกเรื่องที่มกี ารเชิญชวนใหผูคน ปฏิบัตติ ามนั้นจะถูกนับวาเปนมิติดา นพิธกี รรมดวย แมกระทั่งการทํางานในโรงงาน ทําเกษตรกรรม สอนหนังสือ และฝกฝนอบรมผูคนทั้งหลาย ทัง้ ปวงนั้นลวนเปนไปเพื่อผลประโยชนของอิสลาม ทั้งสิ้น” พิธีกรรมฮัจญกบั การเมือง เนื้อในของการทําฮัจญ “ความเจ็บปวดอันยิ่งใหญที่สุดของสังคมอิสลามในเวลานี้คือ พวกเขายังไมอาจเขาถึงปรัชญา ที่แทจริงของศาสนบัญญัติสวนใหญของพระเจา จนถึงเดี๋ยวนี้การทําฮัจญก็ยงั คงเปนเพียงพิธีกรรมที่ไร น้าํ หลอเลี้ยง เปนการเคลื่อนไหวแบบไรทิศไรทาง และไมแสดงผลใดหนาที่อันยิ่งใหญหนึ่งของมวล มุสลิมก็คือ จะตองตามติดใหรูวา การทําฮัจญคอื อะไร ทําไมพวกเขาจะตองใชจา ยทรัพยสินไปเปน จํานวนมิใชนอ ยและตองเตรียมทางดานจิตวิญญาณเพื่อการนี้ดว ย” “การทําฮัจญเพื่อสรางความใกลชิดและเชื่อมสัมพันธระหวางมนุษยกับเจาของอาคารหลังนั้น ฮัจญมิไดเปนเพียงการเคลื่อนไหวการปฏิบัติ และการกลาวออกมาดวยวาจาเทานั้น ดวยกับคําพูด การ กลาวดวยวาจา และการเคลื่อนไหวแบบซังกะตายนั้นไมอาจทําใหมนุษยไปถึงพระเจาได ฮัจญคือองค รวมของการรูจกั พระเจาซึ่งในนั้นมีองคประกอบทางดานการเมืองแบบอิสลามที่ซอนอยูในทุกมิติของ การดําเนินชีวติ ที่จาํ เปนตองคนหาใหเจอ ฮัจญคอื การสงสาร การกอกําเนิด และการกอรางสรางสังคม หนึ่งซึ่งหางไกลจากความต่าํ ตอยทางดานวัตถุและความเสือ่ มทรามทางจิตวิญญาณ ฮัจญคือการ จําแลงงและการตอกย้ําภาวะแหงการสรางความรักใหบงั เกิด ในการดําเนินชีวติ ของมนุษยคนหนึ่งและ ของสังคมที่มีความสมบูรณในโลกนี้ พิธีกรรมฮัจญเปนพิธีกรรมแหงการดําเนินชีวิต นับจากจุดนั้น สังคมของประชาชาติอิสลามที่ประกอบไปดวยทุกเผาพันธุและทุกเชื้อชาติจะตองทําใหตัวเองเปน ดังอิบรอฮีม เพื่อเปนเนื้อเดียวกับคาราวานแหงประชาชาติของมุฮัมมัด พวกเขาตองกลายเปนหนึ่ง เดียวกัน ประสานมือกัน ฮัจญคอื การจัดระบบ การฝกฝน และการสรางรูปแบบการดําเนินชีวติ แบบมี ความเชื่อในพระเจาองคเดียว ฮัจญคอื ภาพฉายและกระจกเงาสะทอนศักยภาพและความสามารถทาง วัตถุและจิตวิญญาณของมุสลิม ฮัจญเหมือนอัลกุรอานในประเด็นที่ทุกคนจะไดรบั ประโยชนโดยถวน หนา ทวานักคิด นักสะสมของมีคา และผูที่รบั รูความเจ็บปวดของประชาชาติอสิ ลาม หากพวกเขาตอง ไมกลัวที่จะเขาใกลและมหานทีแหงความรอบรูของมัน พวกเขาจะตองไมกลัวที่จะเขาใกลและจมดิ่ง ลงไปในกฎเกณฑทางศาสนาและการจัดการทางสังคม พวกเขาจักไดอัญมณีแหงการชี้นํา
ความกาวหนา วิทยปญญา และอิสรภาพจากไขมุกแหงมหานทีนี้ และพวกเขาจะไมรูสกึ อิ่มเอมจาก ความหอมหวานแหงวิทยปญญาและความรอบรูของมันไปตลอดกาล แตตอ งทําอยางไรและความอด สูนจี้ ะดําเนินไปถึงไหน ฮัจญก็เหมือนกับอัลกุรอานที่ถูกละเลย คัมภีรแหงการดําเนินชีวิต ความ สมบูรณและความสวยงามยังคงถูกบดบังอยูในหลืบแหงมานกั้นที่เราสรางมันขึ้นมาเอง พอๆ กับที่ขุม คลังของความเรนลับแหงการสรางสรรคก็ยังคงถูกกลบฝงอยูในหัวใจที่เปนดังธุลแี หงความบิดเบี้ยว ของความคิดของพวกเรา ภาษาแหงความสมานจิต การชีน้ ํา การดําเนินชีวิต และปรัชญาแหงการ สรางสรรคชีวิตของเราถูกดึงลงมาสูระดับภาษาแหงความนาหวาดกลัว ความตาย และหลุดฝงศพ ฮัจญ ยังคงตกอยูในสภาพเชนนั้น มันเปนสภาพการณซึ่งมุสลิมหลายลานคนทั่วโลกในทุกปตางก็เดินทาง มายังมักกะฮฺเพื่อย่ํานรอยเทาของทานศาสดา นบีอบิ รอฮีม นบีอซิ มาอีล และทานหญิงฮะญั้ร แตทวาไม มีใครที่จะคอยถามวาทานเหลานั้นเปนใคร ทําอะไรไวบา ง พวกทานมีเปาหมายเชนไรและตองการ อะไรจากพวกเรา ดูเหมือนวานี่แหละเปนเรื่องที่ยงั ไมเคยไดรบั การฉุกคิดเลย เปนที่ชดั เจนแลววา ฮัจญ ซึ่งไรการประกาศศักดาเปนเอกเทศ และฮัจญทไี่ รซึ่งความเปนเอกภาพนั้นมิใชฮัจญ สรุปก็คือมวล มุสลิมทั้งหลายจําเปฯตองปรับปรุงจิตวิญญาณของฮัจญและอัลกุรอาน และตองพยายามนําทั้สองกลับ คือมาสูเวทีแหงการดําเนินชีวติ ของพวกเขา นักคนควาวิจัยที่ผูกพันอยูกบั อิสลามจักตองขจัดความคิด ในเรื่องฮัจญที่ถกู ถักทอดวยการหลงประเด็นของผูรูนอกคอกใหลงทะเลไปใหหมดดวยการอธิบายที่ ถูกตองและเปนจริง” “ตอนนี้ฮุจญาจญ (ผูประกอบพิธีกรรมฮัจญ-ผูแปล-) ทัง้ หลายตางก็ออกเดินทางจากบานเรือน ของตนและ(ทาง) โลก อพยพไปยังอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค ซึ่งเปนนิวาสถานแหงหัวใจ มิมี อะไรที่อยูเบื้อหลังพวกเขานอกความรักอันจริงแท ซึ่งไมมีอะไรเลยนอกจากพระองค ทั้งภายในและ ภายนอก พวกเขาตองรับรูไวดว ยวา ฮัจญอบิ รอฮีมี มุฮัมมะดี (ฮัจญตามแบบฉบับของทานศาสดาอิบรอ ฮีม และทานศาสดามุฮัมมัด ขอความศานติและความโปรดปรานจากพระเจาไดประสบกับทานทั้งสอง ไปตลอดกาล) นัน้ ถูกละเลยและแปลกแยกมาเปนเวลาหลายปแลว ทัง้ ในดานความสูงสงทางจิต วิญญาณ การจาริกทางจิตวิญญาณ อีกทั้งทางดานการเมืองและสังคม ฮุจญาจญอันเปนที่รักซึ่งเดินทาง มาจากประเทศอิสลามตางๆ จะตองปลดปลอยบานของพระเจาออกจากสิ่งแปลกปลอมนี้ในทุกดาน ความเรนลับทางดานจิตวิญญาณและความสูงสงทางจิตนี้เปนหนาที่โดยตรงของนักจาริกทางจิต วิญญาณที่รับรูอยางชัดแจง และเราในฐานะที่ทาํ งานดานการเมืองและสังคมก็ตอ งบอกวา เราอยูไกล เหลือเกิน เรามีหนาที่ตองชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป สถานที่ชุมนุมทางการเมืองซึ่งเปนการเรียกรองเชิญ ชวนของทานศาสดาอิบรอฮีมและศาสดามุฮมั มัดนี้จะตองถูกจัดตั้งขึ้น พวกเขาจะตองเดินทางมาจาก ทุกมุมโลกและหลืบเขามารวมตัวกันในบริเวณนั้น เพื่อผลประโยชนของมนุษยชาติยืนหยัดเพื่อความย ยุตธิ รรม ดําเนินงานหักโคนเจว็ดตามศาสดาอิบรอฮีม และมุฮัมมัด และโคนลมทรราชทั้งหลารยและ ฟรอูนตามศาสดาบูชาเจว็ดใดเลาที่เปนอันตรายยิ่งกวามารรายตัวใหญ (อเมริกา-ผูแปล-) ทรราชผูสวา
ปามโลกทั้งหลายซึ่งปาวประกาศใหผูดอยโอกาสทั้งหลายมากราบกรานและสรรเสริญตนเอง พวกเขา คิดวาบาวผูเปนอิสรชนของพระเจานั้นเปนบาวที่ตอ งเชือ่ ฟงคําสั่งของพวกมัน? ในพิธีกรรมฮัจญซึ่งเปน ลับบัยกฺ (ตอบรับคําเชิญชวน) สูองคสัจจริง และเปนการอพยพสูองค สัจจริงผูทรงสูงสงดวยความจําเริญของศาสดาอิบรอฮีมและมุฮัมมัด สถานะของคําวาไม นัน้ กลาวตอ เจว็ดทรราช มารราย และลูกหลานชัยฏอนทั้งหลาย เจว็ดตัวใดเลาจะใหญไปกวามารรายตัวใหญ อเมริกา ผูกระหายโลก และ(อดีต) โซเวีตรัสเซียผูรุกราน และจะมีทรราชญใดเลาที่อยูเหนือกวาทรราช ในยุคสมัยของเรา (หมายถึง มุฮัมมัด ริฏอ แหงราชวงศพะฮฺเลวี (ผูเรียบเรียง) ในตอนกลาว ลับบัยกะ ลับบัยกะ นั้น ทานไดกลาววลี ไม ตอเจว็ดทั้งหลาย และกองตะโกน วลี ไม ตอหนาทรราชทั้งหลาย และในตอนที่ทา นฏอวาฟ (เวียนรอบ) รอบอาคารอันเปนการ แสดงออกแหงความรักตอองคผูทรงสัจจริงนั้น จงทําหัวใจวางเปลาจากสิ่งอื่น จงทําใหชีวติ สะอาด ปราศจากความกลัวเกรงอํานาจอื่นนอกจากองคผูทรงสัจจริงจงปลดปลอยความรักที่มีตอ พระเจาจาก ปลดแอกแหงเจว็ดทั้งนอยใหญ ทรราช และสมุนของพวกมัน ซึ่งพระเจาผูทรงสูงสงและผูเปนที่รักยิ่ง ของพระองคไดประกาศเปนศัตรูกับคนพวกนั้นแลว และอิสรชนทั้งหลายในโลกนี้ตางก็เปนเอกเทศ จากพวกมัน ในตอนที่ทานสัมผัส ฮะญะรุลอัซวัด (หินดํา) นั้นจงประกาศการสวามิภกั ดิ์ตอพระเจาวาพวก ทานตองเปนศัตรูของพระองคของศาสดาของพระองคของผูมีคณ ุ ธรรมความดี และของอิสรชน ทั้งหลาย และจะตองไมกม หัวเชื่อฟงและตกเปนทาสคนพวกนั้นไมวาใครก็ตามและที่ใดก็ตาม จงขจัด ความกลัวและความออนแอ ออกไปจากใจซึ่งศัตรูของพระเจาและหัวหนาคนพวกนั้นคือชัยฏอน ตัว ใหญตา งก็ไรเกียรติ ถึงแมวา จะมีเครื่องมือฆาฟนมนุษย ทําลายลางและทําชั่วอยางเหนือชั้นก็ตามที และในตอนเดินซะแอ (วิง่ เหยาะ) ระหวางเทือกเขาศอฟาและมั้รวะฮฺนั้น จงพยายามใหบังเกิด ความสัตยจริงและความบริสทุ ธิ์ ซึ่งหากไดรับมันแลว โครงขายของดุนยาก็จะถูกตัดขาด ความสงสัย และความกังขาทั้งหลายจะดับมอดลง ความกลัวและความปรารถนาแบบสัตวเดรัจฉานก็จะสูญสลาย ไป ทุกความผูกพันในวัตถุก็จะถูกตัดขาด ความเปนอิสระก็จะผลิบานออกมา แอกของชัยฏอนและ ทรราชซึ่งถูกสวมใหกบั บาวของพระเจาเพื่อเปนทาสและจงรักภักดีตอ คนพวกนั้นก็จะแตกเปนเสี่ยงๆ และดวยกับสภาวะที่รับรูอยางแตกฉานแลวพวกทานก็มุงหนาสูมัชอะรุลฮะรอม และอะรอ ฟาต ในทกที่ทานหยุดพักนั้นมันตองสรางความมั่นใจตอสัญญาอันเปนสัจจะของพระเจาและอํานาจ การปกครองของผูดอ ยโอกาส จงใชความเงียบและความสงบมั่นพินิจพิจารณาสัญญาณทั้งหลายของ พระองค จงคิดถึงความรอดพนของบรรดาผูเสียสิทธิ์และผูดอ ยโอกาสทั้งหลายจากกรงเล็บของ มหาอํานาจและจงวอนขอแนวทางแหงการรอดปลอดภัยตอพระองคผูทรงสัจจะในทุกยางกาวอันทรง เกียรตินั้น”
บทบาททางการเมืองของมัสญิด “มัสญิดและมินบั้ร (ธรรมมาสน) ในชวงอรุณรุงแหงอิสลามนั้นคือศูนยกลางแหงกิจกรรมทาง การบานการเมือง การสูรบซึ่งถูกทําใหเกิดขึ้นในอิสลามนั้นสวนใหญก็ไดรับการวางแผนสูรบ ในมัสญิด” มัสญิดคือสถานที่ทเี่ ปนจุดประกายริเริ่มกิจกรรมทางการบานการเมือง มินบั้รก็เชนกันคือ สถานที่ซึ่งกลาวคําเทศนา คําเทศนอันสรางสรรคทเี่ กี่ยวของกับการบานการเมือง” “การเผยแผศาสนาอิสลามเริ่มจากมัสญิด การเคลื่อนกองกําลังเพื่อปกปองอิสลาม ทําลายลาง ศัตรูผูปฏิเสธ และนําพวกเขาเขาสูรม ธงอิสลามก็เริ่มตนจากมัสญิด ในชวงอรุณรุงแหงอิสลามนั้น มัสญิดยังคงเปนศูนยกลางแหงการเคลื่อนไหวและศูนยกลางแหงการรวมพลเสมอมา พวกทานซึ่งเปน ชุมชนของมัสญิดและเปนผูรปู ระจํามัสญิดจะตองปฏิบัตติ ามศาสดาแหงอิสลามและสหายธรรมของ ทานจักตองทําใหมัสญิดเปนแหลงสําหรับการเผยแผอสิ ลาม การเคลื่อนไหวอิสลาม ตัดตอนแนวคิด แหงการตั้งภาคีและการปฏิเสธ และสนับสนุนผูดอยโอกาสใหตอ ตานผูอหังการทั้งโลก” “เราจักตองนําเนื้อหาอันยิ่งใหญนี้กลับคืนมา และตองใหความสําคัญกับกิจการงานของมุสลิม มันมิใชประเด็นที่ตองพูดเทานั้น แตเรื่องราวทางการเมือง สังคมและความยากลําบากทั้งหลายของ มุสลิมนั้นจําเปนที่ทุกคนตองเอาใจใส มิเชนนั้นแลวเขาก็มิใชมุสลิม พวกทานทั้งหลายตองคอย สอดสองกิจการงานของมุสลิม พวกทานตองพยายามทําใหมัสยิดของเรากลับไปมีสภาพเหมือน มัสญิดในชวงอรุณรุงแหงอิสลาม พวกทานตองใสใจวา ในอิสลามไมมกี ารปลีกตัวออกจากสังคม นี่ เปนเรื่องของแนวคิดหนึ่งที่มิใชอิสลาม แตก็นาเศราตรงทีแ่ นวคิดที่วา นีก้ ็ยังฝงอยูในสังคมอิสลาม”
บทที่ ๒ รัฐบาลอิสลาม เงื่อนไขการมีอยูของอิสลามแท ลักษณะพิเศษเฉพาะของรัฐบาลอิสลาม ความยุตธิ รรมทางสังคม “โดยพื้นฐานแลว บรรดาศาสดาของพระเจานั้นไดรบั การแตงตั้งมาเพื่อรับใชปวงบาวของ พระองค เปนการรับใชทางดานเสริมสงทางจิตวิญญาณ ดานการชี้นํา และนําพามนุษยออกจากความ มืดมนอนธกาล สูรศั มีอันจําเริญ รับใชมวลชนผูถกู กดขี่ ผูถกู อธรรม และยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม อันเปนความยุติธรรมทั้งสวนปจเจกชนและสังคม” ลักษณะเฉพาะของเจาหนาทีร่ ฐั บาลอิสลาม หนาที่ของเจาหนาที่รฐั คือใสใจตอสิทธิพลเมือง “ในสาธารณรัฐอิสลามนี้ ผูปกครองตองไมแสวงหาลาภยศจากตําแหนงที่ตนเองมีอยู หรือ ตองดําเนินชีวติ ใหโดดเดนกวาบุคคลอื่น พวกเขาจักตองใสใจตอกฏเกณฑอสิ ลามทั้งในสังคมและใน ทุกระดับอยางเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งพวกเขาเปนเสมือนหนึ่งผูพิทกั ษกฏเกณฑของอิสลามเลย ทีเดียว” จําเปนตองเขาไปมีสวนรวมทางการเมือง “เรามีหนาที่ตอ งเขาไปยุง ในกิจการงานทั้งหลาย เรามีหนาที่ตอ งเขาไปมีสวนรวมในกิจการ งานทางการเมือง เรามีหนาทีต่ ามหลักการศาสนาตามที่ทา นศาสดาไดทาํ ไว ดังที่ทานอะมี้รไดทําไว” “คําพูดที่วา ศาสนาแยกออกจากการเมืองและคําพูดอื่นๆ ทีค่ ลายคลึงนี้ไมอยูในวิสัยทัศนของ อิสลามเลย การดําเนินการทางการเมืองถือเปนหนาที่หนึ่งตามหลักการศาสนาของมวลมุสลิม” “พวกทานทั้งหมดตองมีความคิดเห็นในเรื่องนี้ ตองมีความคิดเห็นในเรื่องการเมือง เพราะ การเมืองมิใชเรื่องเฉพาะของชนชั้นหนึ่ง ดังเชนความรูก็มใิ ชเปนสมบัตขิ องชนชั้นใดผูชายจําเปนตอง เขาไปมีสวนรวมทางการเมืองและปกปองสังคมของตนเอง เทาๆ กับที่ผูหญิงก็ตองเขาไปยุง เกี่ยวและ ปกปองสังคม ผูหญิงจําเปนตองทํากิจกรรมทางสังคมและการเมืองเคียงขางกับผูชาย แตพวกเธอตอง ระวังรักษาสิ่งที่อสิ ลามบอกไว อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ ตอนนี้มันก็ไดเกิดขึ้นในอิหราน” “ถอยคําของเราก็คือ ไมใชเฉพาะนักการศาสนาเทานั้น แตทุกภาคสวนตองเขามามีสว นรวม ทางการเมือง การเมืองมิใชสมบัตผิ ลัดกันชมของรัฐบาล หรือสมบัตขิ องสภาฯ หรือสมบัติของกลุมคน
ใดเปนการเฉพาะ การเมืองใหความหมายวา การจัดวางสิ่งซึ่งตองดําเนินการในประเทศและการจัดการ ดานตางๆ ทุกคนยอมมีหนาที่ตามความหมายนี้ สตรีมีหนาที่เขามายุงกับการเมือง หนาที่ของพวกเธอ เปนอยางนี้ นักการศาสนาก็มีหนาที่เขาไปยุงการเมือง หนาที่ของพวกเขาก็เปนเชนนี้”
บทที่ ๓ อิสลามคือศาสนาแหงการยืนหยัดสู และปลดปลอย อิสลามตอตานพวกสวาปามโลก “อิสลามคือหลักธรรมคําสอนซึ่งจะสรางมนุษยใหมีสภาวะทีจ่ ะไมยอมกมหัวใหกบั แนวคิดใด นอกจากตองเปนองคสัจธรรมและเปนองคปฐมบทของการสรางสรรค และจะไมยอมใหพวกเขาอยู ภายใตอิทธิพลของอํานาจใด พวกเขาจักตองไมปลอยปละละเลยปญหาของประเทศตนเองโดยอางคํา แกตัวใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขาจักตองปกปองอิสรภาพ และเสรีภาพของตนเองและรวมทั้งของปวงบาว ของพระเจาทุกคน โดยไมมีความอยากไดใครดหี รือความหวาดกลัวใด อีกทั้งพวกเขาจักตองออกหาง จากความเห็นแกตัวและความบองตื้น เพราะนั่นเปนตนตอแหงความอัปยศและความเสื่อม” “หากพวกทานตองการใหรัฐบาลของพวกทาน ประเทศชาติของพวกทานเปนอิสระ หากพวก ทานตองการทีจ่ ะหลุดพนออกมาจากเงื่อนปมของความยุง ยากทั้งมวลที่รายลอมตัวพวกทานอยู พวก ทานจักตองอาศัยอิสลาม” “อิสลามนั่นเองที่จะไมยอมปลอยใหผูใดมาปกครองเหนือมุสลิม อิสลามนั่นเองที่จะเปนตัว สกัดการใชกาํ ลังบีบบังคับ จะเปนตัวยับยั้งพวกเผด็จการทั้งหลาย...” “อิสลามชวยใหพวกทานปลอดภัยจากความชั่วรายของอํานาจทั้งหลาย จากการครอบงําของ อํานาจทั้งหลาย คําสอนของอิสลามทําใหพวกทานมั่นคงจนกระทั่งพรอมที่จะยืนหยัดเผชิญหนากับ ปญหาทั้งหลายทั้งปวง” “เรากําลังพูดวา ตราบใดที่การตั้งภาคีและการปฏิเสธยังคงมีอยู การตอสูก็ตองมีอยูเชนกัน ตราบเทาที่การตอสูยังดํารงอยู เราก็จะอยูดว ย เราไมไดตอ งการจะเปนศัตรูกับเมืองใดและประเทศใด เราตัดสินใจแลววา เราจะปกธง ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮฺ ใหโบกสะบัดเหนือยอดเขาอันสูงเดนแหงคุณ วิเศษและความสูงสง” “ทุกวันนี้โลกกระหายวัฒนธรรมอิสลามบริสุทธิ์ ในสภาวะแหงการรวมตัวกันอยางยิ่งใหญ ของอิสลาม มุสลิมจะเปนผูจัดการปราบการคุยโตโออวดของทําเนียบขาวและทําเนียบแดง วันนี้โค มัยนีไดแอนอกของตนเองรับลูกศรแหงบททดสอบ เหตุการณอนั ยุงยาก และเผชิญหนากับลูกระเบิด และขีปนาวุธของพวกศัตรูอิสลาม เขาปรารถนาการเปนซะฮีดวันแลววันเลาเฉกเชนผูหลงใหลในการ เปนซะฮีดทั้งปวง” “บรรดาขารัฐการทั้งหลายจักตองยืนหยัดปกปองอิสลามใหเขมแข็งยิ่งขึ้นดวยกับ ความสามารถอยางเต็มกําลัง ตอตานการรุกรานทางทหาร ทางการเมือง และทางวัฒนธรรมของผูสวา ปามโลก เพราะวาในทุกวันนี้ โลกของมหาอํานาจ เฉพาะอยางยิ่งพวกตะวันตกตางก็รบั รูถึงอันตราย
จากความกาวหนาของอิสลามบริสุทธิ์ (มุฮัมมะดี) ทีพ่ รอมตอตานผลประโยชนอันไมชอบธรรมของ พวกเขา” “ยังมีอะไรมากไปกวาการทีภ่ าพภายนอกของเราลวนตองพายแพตอ พวกสวาปามโลกและ กําลังถูกกําราบอยางเด็ดขาดอีกหรือ? ยังมีอะไรมากไปกวาการที่พวกเขาชอบตีตราพวกเราวาเปนพวก ที่ชอบความรุนแรงอีกหรือ? ยังมีอะไรมากไปกวาการที่พวกเราพยายามทําลายเกียรติยศแหงอิสลาม และมวลมุสลิมดวยอาศัยอิทธิพลของสมุนนักฆาและพวกหลงผิดอีกหรือ? ยังมีอะไรมากไปกวาการที่ ลูกหลานอันทรงเกียรติแหงอิสลามบริสุทธิ์ทวั่ ทั้งโลกกําลังเดินสูตะแลงแกงอีกหรือ? ยังมีอะไรมากไป กวาการที่สตรีและลูกเด็กเล็กแดงของพลพรรคแหงอัลลอฮฺตอ งถูกจับไปเปนเชลยอีกหรือ? จะปลอย ใหโลกแหงวัตถุอันต่ําทรามกระทําเยี่ยงนี้กับพวกเราหรือวาเราจะตองกระทําตามหนาที่แหงอิสลาม ของเราเอง” (น. ๑๕๐) “ความเห็นแรกและความเห็นสุดทายที่จะมอบใหแกพี่นองผูยนื หยัดและเปนนักรบของพวก เราวา พวกเขาตองเดินหนาตอไปและตองไมรูจักเหน็ดเหนื่อยตอหนาที่ของตนเอง ก็เพราะวาชีวติ คือ ความเชื่อและการตอสู มีประเด็นหนึ่งซึ่งไมตอ งสงสัยตามทัสนะของวิธีคดิ แบบอิสลามเลยวา ความ ตายยอมดีกวาการมีชีวติ อยูอยางต่าํ ตอย ฉะนั้นในสภาวการณปจ จุบนั นี้สําหรับเราแลวไมมแี นวทางใด นอกจากตองเดินหนาตอไปพรอมสรรพกําลังและเครื่องไมเครื่องมือที่มีอยู จนกวาจะไดเกียรติยศและ ความมีเกียรติของตนเองและคนรุงหลังดวยกับความยิ่งใหญของอิสลามกลับคืนมา “พวกเจาจงตระเตรียมสรรพกําลังตามที่พวกเจามีความสามารถอันไดแกการผูกมา (เพื่อที่) พวกเจาจะไดขมขวัญศัตรูของอัลลอฮฺและศัตรูของพวกเจาดวยสิ่งนี้ และ(ขมขวัญ) บุคคลอื่น นอกเหนือจากพวกเขาที่พวกเจาไมรูจักพวกเขา (แต) อัลลอฮฺทรงรูจักพวกเขา (อัลอันฟาล / ๖๐) หากพวกเจาชวยเหลืออัลลอฮฺ พระองคก็จะชวยเหลือพวกเจาและจะทรงยึดสนเทาของพวก เจาใหมั่นคงขึ้น (มุฮัมมัด / ๗) และพวกเจาอยาไดยอ ทอ-ตอการยืนหยัดในเรื่องศาสนาและอยาไดทกุ ขระทม พวกเจานั้น เหนือกวา หากพวกเจาเปนผูศรัทธา (อาลิอมิ รอน / ๑๓๙) “พวกเจาอยาไดแสดงความยอทอในการคนหาคนกลุมนั้นผูปฏิเสธ-หากพวกเจาบาดเจ็บ (จาก บาดแผลในการตอสู) แทจริงพวกเขาก็บาดเจ็บเหมือนกับที่พวกเจาบาดเจ็บ และพวกเจาอยากไดความชวยเหลือและสวรรค-จากอัลลอฮฺซึ่งพวกเขาไมอยากได (เชนนั้น) และอัลลอฮฺทรงรอบรู ทรง ปรีชาญาณ (อันนิซาอ / ๑๐๔) ฉะนั้น โอผูคนทั้งหลาย จงรีบเรงมุงหนาสูชัยชนะอันใกลนี้ ดวยความชวยเหลือของพระเจา พวกทานตองแจงขาวดีนแี้ กผูศรัทธาทั้งหลายดวย”
สถานะของการยืนหยัดและการตอสูในอิสลาม การยืนหยัดเพื่อพระเจาคือตัวการทําลายลางการกดขี่ “(จากโองการที่วา ) –จงกลาวออกไป อันที่จริงขาขอเตือนพวกทานอยางหนึ่งก็คือ พวกทาน ตองยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺสองคนหรือคนเดียวก็ตาม (ซะบะอ / ๔๖)-อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงกลาวคําเตือน อยางหนึ่งคําเตือนเพียงอยางเดียวที่ขา จะเตือนตอพวกเจามันเปนคําเตือนประการเดียวที่ผูกลาวคําเตือน คือพระเจา ผูรับสนองคําเตือนคือทานศาสดาผูทรงเกียรติ พระองคตรัสวา คําเตือนเพียงประการเดียว คําเตือนนี้ยอมตองมีความสําคัญอยางยิ่งยวดซึ่งมีเนื้อหาวา ใหพวกเจายืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺสองคนหรือ คนเดียว นี่ก็คือพวกเทานตองยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺพวกทานตองยืนหยัดเพื่อดํารงสัจธรรม” “ไมจาํ เปนที่ขั้นเริ่มตนจะตองรวมตัวกันกอน แลวหลังจากการรวมตัวกันเปนที่เรียบรอยแลว ฉันก็จะลุกขึ้นสู แตละคนลวนก็มีหนาที่ (เปนคูและเดีย่ ว) คนเดียวก็มีหนาที่เชนกัน เปนคูรว มกันก็มี หนาที่เชนกัน ณที่นเี้ ปนจํานวนขึ้นต่ําของการรวมตัวกัน หมายความวา ลําพังคนเดียวก็มหี นาที่ยืนหยัด เพื่ออัลลอฮฺ เปนสังคมซึง่ อยางนอยสองคน เริ่มตนจากสองคนจนมากกวานั้น ยิ่งมากเทาไรก็ยิ่งดี มาตร วัดก็คือมนุษยจะตองแยกแยะใหไดวา การยืนหยัดครั้งนี้เพื่ออัลลอฮฺ หากวามันเปนไปเพื่ออัลลอฮฺแลว จะมีเพียงลําพังเราคนเดียว จํานวนของพวกเราจะนอยนิดก็ตามยอมตองไมเกิดความหวาดหวั่นใด ทั้งสิ้น” “ทานศาสดาผูท รงเกียรติในตอนเริ่มตนที่ไดรับพระบัญชาใหทาํ หนาที่นนั้ ก็เปนหนาที่ลําพัง เพียงคนเดียว กุมฟะอันชิ้ร (เจาจงลุกขึ้นแลวทําการเตือน-อัลมุดดัษษิ้ร/๒) จงลุกขึ้นยืนหยัดและเชิญ ชวนผูคน การเชิญชวนเริ่มตนที่ตวั ของทานกอน ในวันนั้นที่มีการประกาศสภาวะการเปนศาสนทูต นั้น มีเพียงสตรีหนึ่งคนกับเด็กนอยอีกหนึ่งคนที่มีศรัทธาตอทาน แตการยืนหยัดซึ่งถือวาเปน ลักษณะเฉพาะของผูนาํ ที่เปนศาสนทูตนั้นอยูในตัวของทานศาสดาอยางพรอมมูล –จงยืนหยัดดังที่เจา ไดรับบัญชา (ชูรอ / ๑๕)- จงลุกขึ้นสูและยืนหยัด สองคุณลักษณะอันจําเพาะนี้มีสวนรวมตอการนําพา สูเปาหมายอันยิ่งใหญของทานศาสดาแหงอิสลาม การลุกขึ้นสูและการยืนหยัดนั่นเองที่มผี ลทําให ทั้งๆที่ทา นไมมอี ะไรอยูในมือเลย กอกปรกับอํานาจทั้งหลายในเวลานั้นก็อยูกับฝายตรงขามทาน โดย ที่ทานไมสามารถเชิญชวนผูคนอยางเปดเผยในมักกะฮฺได ทานก็หาไดสิ้นหวังไม เมื่อทานไมสามารถ ประกาศอยางเปดเผยได ทานก็ไดเชิญชวนแบบใตดิน ทีละคนสองคน จนกระทั่งทานไดอพยพไปยัง เมืองมะดีนะฮฺและไดรบั พระบัญชาใหประกาศเชิญชวนอยางเปดเผยโดยลุกขึ้นประกาศวา-จงกลาว ออกไป อันที่จริงขาขอเตือนพวกทานอยางหนึ่งก็คือ พวกเจาตองยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺสองคนหรือคน เดียวก็ตาม (ซะบะอ / ๔๖)- ณ ที่นี้คอื การประกาศเชิญชวนใหยนื หยัด การประกาศเชิญชวนใหลุกขึ้น ยืนหยัดนี้ครอบคลุมทุกคนที่สําคัญก็คอื การยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺ เพื่อพระเจา เคล็ดลับแหงชัยชนะของ ทหารหาญอิสลามในยุคเริ่มตนนั้นคือการยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺทงั้ ๆ ทีไ่ มมีเครื่องมือใดที่จะเรียกไดวา เปนอาวุธเลย การตอสู เพื่ออัลลอฮฺ ความศรัทธาตอพระเจาทําใหทา นศาสดา ประสบชัยชนะ ความไม สิ้นหวังและการยืนหยัดในแนวทางของพระเจานั่นเองที่ทาํ ใหทา นศาสดาไดรับชัยชนะ
สหายธรรมของทานศาสดาในยุคอรุณแหงอิสลามนั้นมีพลังศรัทธา พวกเขาเดินหนาดวยกับ พลังแหงศรัทธา จนมีชัยเหนือจักรวรรดิอันยิ่งใหญทงั้ สองในยุคนั้นคือโรมและเปอรเซียดวยกับ จํานวนอันนอยนิดและไมมีสรรพาวุธมากมาย พวกเขาทําการยืนหยัดตอสูเพื่อพระเจาพวกเขาลุกขึ้นสู และยืนหยัดอยางมั่นคง” (น.๑๔๕) “ความเห็นแกตัวและการละทิ้งการยืนหยัดสูเพื่อพระเจานั่นเองที่นําพาตัวเราสูชีวติ อันมืดมิด ทั้งในพวกสวาปามโลกเขามามีอาํ นาจเหนือพวกเขาและทําใหประเทศอิสลามทั้งหลายตองตกอยูใต อิทธิพลของประเทศอื่น การยืนหยัดเพื่อจิตใฝตา่ํ ทําใหแหลงความรูทงั้ หลายตองยอมศิโรราบเยี่ยงเด็กออน และทําให ศูนยกลางแหงความสามานย การยืนหยัดเพื่อตนเองนั่นเองที่ทาํ ใหศาสนสถานตองยอมศิโรราบ กลายเปนแหลงเสื่อมโทรมอยางไรเกียรติ การยืนหยัดเพื่อตนเองนั่นเองฉุดกระชากชุดคลุมแหงการรัก นวลสงวนตัวออกจากศีรษะของเหลาสตรี ณ เวลานี้เรื่องที่ขดั แยงกับศาสนาและกฏหมายก็ยังดําเนิน อยูในประเทศเวลานี้ (กอนการปฏิวัติอสิ ลามแหงอิหราน-ผูเรียบเรียง-) และไมมใี ครที่จะกลาพูดเลย การยืนหยัดเพื่อผลประโยชนแหงตนนั่นเองที่หนังสือพิมพทงั้ หลายทําตัวเปนสินคาแพรขยายความ เสื่อมทรามทางจริยธรรม...” “ซัยยิดุชชุฮะดาอ ซะลามุลลอฮิอะลัยฮิ ไดลกุ ขึ้นยืนหยัดพรอมกับสหายธรรมบางคน ครอบครัวของทาน และสตรีผูบริสุทธิ์บางคนเนื่องเพราะเปนการยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺจึงทําใหรากฐาน แหงอํานาจอันโสมมดังกลาวลมครืนลง ตามรูปการณแลว พวกทานเหลานั้นถูกสังหารเรียบ แตใน ความเปนจริงรากฐานแหงอํานาจอันจอมปลอมนั้นตางหากที่แตกพายไป รากฐานแหงอํานาจอัน จอมปลอมซึ่งตองการเปลี่ยนแปลงอิสลามใหมีสภาพเปนอํานาจของพวกละเมิด อันตราย ซึ่งมุอาวิยะฮฺ และยะซีดกระทําตออิสลามไมใชเพียงการปลนอํานาจการปกครองที่ชอบธรรมไปเทานั้น อันตราย ที่วา ยังนอยกวาอันตรายซึ่งพวกเขาตองการเปลี่ยนสภาพอิสลามใหเปนแบบราชาธิบดี พวกเขาตองการ เปลี่ยนสภาวะความสูงสงทางจิตวิญญาณใหเปนสภาวะความต่าํ ทราบแบบลวงละเมิด พวกเขา เปลี่ยนแปลงอิสลามใหเปนรัฐบาลฉอฉลโดยอางวาเราคือคอลีฟะฮฺของรอซูลลุ ลอฮฺ เรื่องนี้เปนเรื่อง สําคัญ คนสองคนนี้ตองการทํารายอิสลามหรือก็ไดทาํ รายไปแลวรุนแรงถึงขนาดที่ไมอาจสกัดกั้นมัน ไดเลย พวกเขาตองการถอนรากถอนโคนอิสลาม การปกครองแบบราชา การดื่มสุรา การเลนพนันมี ปรากฏใหเห็นในทองพระโรงของพวกเขาคนที่เปนคอลีฟะฮฺของทานรอซูลลุ ลอฮฺเมามายอยูกบั สุราใน ที่ประชุมขุนนาง? อยูในวงพนัน? อีกทั้งยังไปรวมนมาซในสภาพเชนนั้น อันตรายเยี่ยงนี้สําหรับ อิสลามแลวนากลัวมาก ทายซัยยิดุชชุฮะดาอ ซะลามุลลอฮิอะลัยฮิ เปนการยืนหยัดตอกรกับอํานาจของ พวกละเมิด อํานาจอันฉอฉลนี่เองที่ตอ งการเปลี่ยนอิสลามใหเปนอยางอื่น ถาพวกมันทําสําเร็จ อิสลาม ก็จะมีสภาพเปนเหมือนรัฐสองพันหารอยป (ระบบราชาธิปไตยของอิหรานในอดีต-ผูเรียบเรียง-) อิสลามมาเพื่อทําลายอํานาจอันไมชอบธรรมของอํานาจทั้งหลายและสถาปนาอํานาจแหงพระเจา ขึ้นมาในโลกนี้ ทําลายพระเจาจอมปลอมลงแลวนําเสนออัลลฮฺพระเจาทีแ่ ทจริงเขาแทนที่ พวกเขา
ตองการขจัดอัลลอฮฺออกแลวนําเอาพระเจาจอมปลอมทัง้ หลายเขาสวมแทน มันคือปญหาของพวกญา ฮิลยะฮฺ (ยุคอนารยชน) ในอดีต การที่ทา นอิมามฮุเซนถูกสังหารนั้นใชวา คือการพายแพเพราะการลุก ขึน้ ยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺนั้น ไมมีวนั พายแพเปนอันขาด อัลลอฮฺตรัสวา ขามีคาํ สั่งเสียหนึ่งเดียว ทานศาสดาเปนสื่อกลางในการสั่งเสียนี้ อัลลอฮฺเปนผู สั่งเสีย ประชาชาติอสิ ลามเปนผูรบั คําสั่งเสียดังกลาว มีคาํ สั่งเสียหนึ่งเดียวเทานั้นที่ขา (อัลลอฮฺ) ตองการสั่งเสียนั่นก็คือ พวกเจาตองยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺ เมื่อใดที่พวกเจาเห็นวาศาสนาของอัลลอฮฺตก อยูในภยันตราย พวกเจาก็ตอ งลุกขึ้นสูเพื่อพระเจา ทานอะมีรุลมุอมินนี เห็นวาศาสนาของพระเจาตกอยู ในอันตรายมุอาวิยะฮฺกาํ ลังทําลายศาสนาของพระเจา ทานจึงตองลุกขึ้นสู ชัยยิดุชชุฮะดาอ ก็เชนกัน ทานลุกขึ้นสูเพื่อพระเจา ประเด็นนี้มิใชจํากัดแคเพียงวาระใดวาระหนึ่ง แตมันเปนคําสั่งเสียตลอดกาล เมื่อใดก็ตามทีพ่ วกเจาเหนวาพวกเขากําลังทํารายอิสลาม ตอตานรัฐบาลอิสลาม พวกเขาตองการบดขยี้ อิสลามในนามของอิสลาม พวกเจาก็ตอ งลุกขึ้นยืนหยัดสู พวกเจาอยาไดกลัววาเราจะทําไมได เราอาจ แตกพาย ความพายแพไมมีอยูในสารบบนี้” ความแตกตางระหวางการยืนหยัดสูเพื่อพระเจา กับการยืนหยัดสูเพื่อสิ่งอื่น “พวกเราตองใหความสนใจวา หากเปนการยืนหยัดสูเพื่ออัลลอฮฺแลว ผูหนุนหลังคืออัลลอฮฺ หากพวกทานลุกขึ้นสูเพื่อพระเจา ยืนหยัดสูเพื่อพระเจา ยืนหยัดสูเพื่อกําจัดความอธรรม และลุกขึ้นสู เพื่อสถาปนากฎเกณฑของพระเจาผูทรงสูงสงและยิ่งใหญ พระเจาผูทรงสูงสงยิ่งก็จะอยูกบั พวกทาน พวกทานประจักษแลวใชไหมวา เมื่อเริ่มตนขบวนการตอสูนี้จนถึงปจจุบนั มีสัญญาณที่มองไมเห็น เกิดขึ้นมากมาย มีสัญญาณสนับสนุนจากพระเจาเกิดขึ้นมากมาย นี่เปนเหตุผลที่แสดงใหเห็นวา ขบวนการของพวกทานเปนไปเพื่ออัลลอฮฺ จากวันแรกที่พวกทานเขารวมขบวนการ ไมมใี คร คาดการณไดเลยวา ประชาชาติหนึ่งซึ่งไมมีกองทหาร ไมมีการฝกแบบทหาร ไมมอี าวุธยุทโธปกรณ ไมมีอาวุธสงครามจะสามารถเอาชนะกองกําลังที่มีทกุ อยาง ไมมีใครคาดเดาเชนนั้นเลย มีหลายคน รวมทั้งพวกเราบางคน พวกนักการเมืองอีหรานมักจะพูดวาไมมีทางเปนไปได ไมมีทางหรอกที่มือ เปลาไรอาวุธจะตอกรกับมหาอํานาจนั้นได นอกจากความตายแลวไมมอี ะไรเปนอยางอื่นเลย ไมมีวนั ที่ จะบรรลุสูเปาหมายแน พวกเขามีความเห็นที่เขาทา แตมีบางคนที่มาคุยกับขาพเจาแลวขาพเจาบอกพวกเขาวา เราทํา ตามหนาที่เทานั้น เราไมไดลุกขึ้นสูโดยหวังชัยชนะ เราตองการเพียงทําตามหนาที่ของตนเองเทานั้น ถาชนะก็ถือวาบรรลุผล ถาพายแพและเราถูกสังหาร บรรดาศาสนทูตและบรรดาผูเปนที่รกั ยิ่ง ของอัลลอฮฺมากตอมากที่ยนื หยัดสูแลวไมสามารถไปถึงยังเปาหมายทีว่ า ได เรามีหนาที่เพียงยืนหยัด ตอกรกับความอธรรมที่พยายามถอนรากถอนโคนอิสลามและความคิดคดที่พยายามสรางความ เสียหายตออิสลาม เราเพียงตองการสงเสียงตอตานอุตริธรรมทั้งหลาย ไมวา เราจะชนะหรือพายแพก็ ตาม
ในโลกนี้มีพวกที่เปนนักคิดซึ่งเมื่อคิดพิจารณาเรื่องการลุกขึ้นสูดงั กลาวแลว พวกเขามีความ เชื่อวาคงสําเร็จยาก แตพวกเขาลืมไปอยางหนึ่งวา ระหวางการลุกขึ้นสูมิไดเปนไปเพื่อพระเจา การ ตอสูที่มีผลประโยชนทางโลกนี้ เพื่อเอาชนะคะคานคนอื่น เพื่อแสวงหาอํานาจใหเหนือกวาบุคคลอื่น การลุกขึ้นสูในสภาพเชนนี้ยอ มแตกตางจากการลุกขึ้นตอสูเพื่อพระเจา พวกเขาไมรูจักประเด็นหลัก ที่วา วิธีการตอสูเพื่อพระเจาทั้งในดานเนื้อหา ทีม่ า ลวนแตกตางอยางสิน้ เชิงกับการตอสูเพื่อสิ่งอื่น การตอสูเพื่ออัลลอฮฺนั้นมีกองหนุนอยูที่พลังอํานาจแหงพระเจา มิใชปน มิใชขีปนาวุธ มันคือพลานุ ภาพของพระองค เมื่อพลานุภาพของพระเจาปรากฏขึ้นก็ไมมีอํานาจใดมาตอกรได ดวยเหตุนเี้ องที่เมื่อ ประชาชาตินี้ (อีหราน) รวมตะโกนกองวา เราตองการอิสลามทั้งหมดลุกขึ้นสูเพื่อทําลายการปฏิเสธ การกดขี่ ความอธรรม แลวแทนที่มันดวยความเที่ยงธรรมแบบอิสลาม เปนสาธารณรัฐอิสลาม การลุก ขึน้ ตอสูเยี่ยงนี้เปนไปเพื่ออัลลอฮฺสถานเดียว ประจักษพยานที่วา การลุกขึ้นตอสูดังกลาวนั้นเปนไปเพื่อ อัลลอฮฺก็คือ ประชาชนวางเดิมพันชีวติ ของพวกเขาดวยความบริสุทธิ์ใจ จิตวิญญาณของคนหนุมของ พวกเราที่เปดกวางดวยความบริสุทธิ์ใด ตางมุงหนาสูแนวหนา ประจักษพยานอีกอยางหนึ่งก็คือเรา ชนะดวยอะไร แลวเรามีอะไรไปชนะคนพวกนั้น? คนพวกนั้นมีทกุ อยาง มีอเมริกา มีโซเวียต มี ผูปกครองประเทศ อิสลามทั้งหลายเกือบทั้งนั้น อํานาจทางทหารของพวกเขายอมพูดไดวา ในซีกโลก ตะวันออกนี้ไมมีใครเทียมไดอีกแลว เราไมมีอะไรเลย เรามีพระเจา พวกทานก็รูดีวา พวกเขาสามารถ ทําลายลางอีหรานไดภายในคืนเดียว ชาฮผหู ลุดจากบัลลังกก็เคยพูดวา หากเขาตองจากไปละก็ เขาก็ ตองทําลายใหราบคาบกอนไป แตทวาอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงขวางความขยาดกลัวและความหวาดกลัวเขา ไปในหัวใจของพวกเขา จนไมอาจสรางความเสียหายอยางใหญหลวงได พระองคทรงถอดถอน ความคิดของพวกเขาที่จะสรางความชั่วรายอันต่ําทรามนัน้ พระองคทรงถอดถอนความคิดของพวกเขา ที่จะทิ้งระเบิดทั่วอีหราน ทิง้ ระเบิดกรุงเตหะราน พวกเขามีความสามารถที่จะทําได แตพระเจาทรง สกัดกั้นความคิดของพวกเขาไวโดยใหหวั ใจของพวกเขาบังเกิดความขยาดกลัวและหวาดวิตกอยาง แรงจนตองหลบหนีไปที่เปนเชนนี้ก็เพราะมันเปนขบวนการตอสูแบบอิสลาม ในชวงอรุณรุงแหง อิสลามก็มีประเด็นเรื่องความรูสึกขยาดกลัว การมีชัยเหนือความขยาดกลัวประเด็นนี้เองที่เมื่อชนกลุม หนึ่งที่มีจาํ นวนเพียงเล็กนอยตองเชิญกับกองกําลังมหึมาที่เพียบพรอมไปดวยอาวุธที่ทันสมัยแหงยุค นั้น แตมีความหวาดกลัวเกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา ความชวยเหลือแบบอิสลามจึงไดอุบัติขึ้น จากนั้นพวกทานก็เห็นแลววา ในชวงปเศษเราจําเปนตองมีรฐั บาล ประชาชาติของเราก็ออกเสียง รับรอง และทําใหมันเปนจริงขึ้นมา” การลุกขึ้นตอสูของผูดอ ยโอกาสเปนเพียงวิธกี ารเดียว ที่ทําใหพวกเขาไดรับสิทธิอยางสมบูรณ “ผูดอ ยโอกาสทั้งหลายจะตองลุกขึ้นตอสู ผูดอยโอกาสทั้งหลายไมวา จะอยูในประเทศใด อยู ในอาณาจักรใด พวกเขาจะตองเอาสิทธิของพวกเขากลับมาดวยกําปน พวกเขาตองไมรอคอยที่จะให คนพวกนั้นมอบสิทธิ์กลับคืนมาให พวกอหังการนั้นจะไมคนื สิทธิ์ใหกับผูใดทั้งสิ้น”
“ผูดอ ยโอกาสทั้งหลายในโลกตองลุกขึ้นยืนเผชิญหนากับพวกอหังการ เอาสิทธิ์ของพวกเขา กลับคืนมา พวกเขาจะตองรูไววา สิทธิเปนสิ่งที่ตอ งกระชากเอากลับมา มิเชนนั้นพวกเขาก็ไมมีวนั ยอม ใหงา ยๆ หรอก” “เราขอมีสวนรวมในความระทมทุกขของผูดอ ยโอกาสทั่วโลกและขอเปนแรงหนุนใหกับ ผูดอยโอกาสทั้งหลายในโลกนี้ และพวกเขาก็จะตองลุกขึ้นสูดวยตัวของพวกเขาเองตอตานพวกยโส โอหัง ผูดอยโอกาสจะตองไมนั่งรอคอยใหรฐั บาลของพวกเขาทําอะไรไปเรื่อยเปอยพวกเขาตองทํา เอง” “เราขอเปนแรงหนุนใหประเทศทั้งหลายที่ตกอยูภายใตอิทธิพลเพื่อใหไดอสิ รภาพเสรีภาพ อยางสมบูรณกลับคืนมา เราขอบอกพวกเขาอยางชัดถอยชัดคําวา สิทธิเปนสิ่งที่ตอ งกระชากเอามา พวกทานตองลุกขึ้นตอสู พวกทานตองจับพวกมหาอํานาจเหวี่ยงออกไปนอกเสนทางประวัตศิ าสตร” “ประชาชาติทงั้ หลายตองลุกขึ้นตอสู พวกเขาตองปลดปลอยตัวพวกเขาใหรอดพนจากน้ํามือ ของพวกชั่วราย จุดกําเนิดแหงการรอดพนตองมาจากตัวของประชาชาตินั้น อีหรานไมมใี ครชวยเหลือ เลย ประเทศอิสลามหรือมิใชประเทศอิสลามตางก็จองเปนศัตรูและถือหางรัฐบาลเกา แตเมื่อเปนควา ตองการของประชาชาติก็เกิดการโคนวงจรอุบาทลงได ประชาชาติหนึ่งนั้น หากพวกเขาตองการอะไร แลวก็ไมมีทางจะไปกดพวกเขาไดอกี ตอไป” “ประชาชาติทงั้ หลายจะตองลุกขึ้นยืน หากพวกเขานั่งอยูและรอคอยใหมใี ครสักคนมากระทํา การสิ่งหนึ่งใหพวกเขาไมวา จะเปนเรื่องวัตถุหรือจิตวิญญาณนี่เปนความผิดพลาด มันจะกลายเปนวา พวกเขาทําอะไรไมไดเลย เรื่องแบบนี้มีใหเห็นนักตอนักในประวัตศิ าสตรลกู หลานของพวกเขาก็ ดําเนินรอยตามพวกเขา แตหากพวกเขาสนใจพระเจา สนใจอิสลาม อัลลอฮฺผูทรงเกรียงไกรก็จะ เปดทางสะดวกใหพวกเขาเอง” “ขาพเจามีความปรารถนาวา อัลลอฮฺจะทรงประทานความสําเร็จกับเหลาประชาชาติ ผูดอยโอกาสทั้งหลายของโลกที่ไดยืนหยัดตอกรกับผูกดขี่และไมมีความหวาดกลัว พวกเขาตองไม คาดการณวา คนพวกนี้จะทําทุกอยางตามทีพ่ วกมันไดพูดออกไป เปลาเลย คนพวกนั้นตองการทํา ตามที่โฆษณาชวนเชื่อเอาไว อยาไดกลัวการโฆษณาชวนเชื่อของคนพวกนั้น ประเทศอีหรานไมเคย กลัว พวกทานไดเห็นแลววา พวกเขายืนเผชิญหนา ในอัฟฆานิสถาน คนพวกนั้นไดพงั ประตูเขาไป และสรางความเสียหายไปทั่ว ยิง่ ไปกวานั้น ในเลบานอนพวกทานก็ไดเห็นแลววา พวกเขาทําอยางไร โลกนี้ถูกเปลี่ยนไปแลว มวลมุสลิมตางใหความสนใจ พวกถูกกดขี่ตา งใหความใสใจวาพวกเขาจักตอง รักษาตัวพวกเขาเองและยืนหยัดตอกรกับมหาอํานาจทั้งหลาย” เชิญชวนสูการลุกขึ้นสู เชิญชวนมุสลิมสูการลุกขึ้นสูกับพวกอหังการโลก
“โอผูดอยโอกาสทั้งหลาย จงลุกขึ้นยืนและชวยตนเองใหรอดพนจากกรงเล็บของพวกกดขี่ผู ชั่วราย โอมวลมุสลิมทั่วโลกผูหยิ่งทะนงในเกียรติยศเอย จงตื่นขึ้นจากภวังคแหงการเพิกเฉย ตองชวย ใหอสิ ลามและประเทศอิสลามทั้งหลายปลอดภัยจากเงื้อมมือของพวกลาเมืองขึ้นและประเทศบริวาร” “ประชาชาติมสุ ลิมทั้งหลายเอย โอประชาชาติผูถูกกดขี่ในประเทศอิสลามทั้งหลาย ประชาชาติที่มเี กียรติทั้งหลายที่ตกอยูภายใตอํานาจของกลุมบุคคลที่ประเคนทรัพยากรของพวกทาน ใหกบั อเมริกาแลวพวกทานก็ตอ งดําเนินชีวติ อยางยากลําบากและนาอดสู พวกทานตองตื่นขึ้น ลุกขึ้น ยืน ผูดอยโอกาสทั้งหลาย พวกทานตองลุกขึ้นยืนและเผชิญหนากับพวกมหาอํานาจใหได หากพวก ทานลุกขึ้นยืนตอกรแลวพวกเขาก็ไมสามารถจะทําอะไรได พวกทานเห็นแลวใชไหมวาประชาชาติ มุสลิมอีหรานรวมใจเปนหนึ่งเดียวกัน พวกเขาลุกขึ้นตอสูพรอมกัน พวกเขามีมอื เปลาที่เขาฟากฟน อํานาจที่ยิ่งใหญแหงพวกมาร มุฮัมมัดริฎอ และยังมีอาํ นาจของพวกมหาอํานาจที่เรียงแถวเขามาผนึก กําลังกับพวกมันอีก แตประชาชาติอหี รานก็เขี่ยพวกมันตกขอบไปแลว พวกเขากระชากรัฐบาลผูฉอ ฉลและอํานาจที่ไรกฎหมายออกนอกเสนทางดวยกับพลังแหงศรัทธาของพวกเขา ดวยกับเสียงตะโกน กองอัลลอฮฺอักบั้ร (อัลลอฮฺผทู รงเกรียงไกร) และสงพวกเขาลงนรกญะฮันนัมไปแลว แทนที่รัฐบาลนั้น ดวยรัฐอิสลาม รัฐซึ่งพวกทานประจักษอยูในเวลานี้รัฐอิสลามซึ่งอยูเคียงขางผูออนแออยูเคียงขาง ผูดอยโอกาสทั่วโลก รัฐที่พวกเขาสถาปนาขึ้นมานั้นไรซึ่งอํานาจทางทรัพยสินทางกําลังทหาร แตมี พลังศรัทธาอยางเต็มเปยม อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ตรัสวา อินตันศุรลู ลอฮะ ยันศุรกุม วะยุษับบิตอักดามะกุม (หากพวกเจาชวยเหลืออัลลอฮฺ พระองคก็จะทรงชวยเหลือพวกเจาและยึดสนเทาของพวกเจาใหหนัก แนนมั่นคงขึ้น) หากพวกทานชวยเหลืออัลลอฮฺ การชวยเหลืออัลลอฮฺก็คอื การชวยเหลือศาสนาของ พระองค ชวยเหลือปวงบาวของพระองค และชวยเหลือผูดอ ยโอกาสทั้งหลาย หากพวกทานลุกขึ้นยืน ตอกร พวกกดขี่ทั้งหลายและตองการความยุตธิ รรมใหกับผูถกู เอารัดเอาเปรียบ พวกทานตองลุกขึ้นสู กับมหาอํานาจทั้งหลายที่ตอ งการเขามาปกครองมาเปนตัวแทนของโลกวัตถุ เปนตัวแทนอเมริกา เขา ตองการมาปกครองพวกเรา ใหเราและพวกทานตกอยูภายใตอาํ นาจของพวกเขา สูบเอาทรัพยากรของ พวกเราไป ที่นาเศราก็คือรัฐบาลทั้งหลายกลับเห็นดวยกับมัน สวนใหญก็เปนพวกมัน” “พีส่ าวนองสาวและพี่ชายนองชายที่รักยิ่ง ไมวา พวกทานอยูในประเทศใด พวกทานตอง ปกปองสถานะของอิสลามและประเทศชาติไว พวกทานตองปกปองประชาชาติและประเทศอิสลาม ทั้งหลายจากศัตรู ซึ่งก็คืออเมริกา ไซออนิสตสากล และมหาอํานาจทั้งซีกโลกตะวันออกและตะวันตก โดยไมตองเสียเวลาฉุกคิดเลย และพวกทานจักตองปกปองประเทศอิสลามทั้งหลายและพวกทานตอง เผยใหเห็นการกดขี่ของศัตรูอิสลาม นองชายและนองสาวมุสลิมของขาพเจาทั้งหลาย พวกทานตองรูวา ผลประโยชนทางวัตถุและ จิตวิญญาณของพวกเราทั้งมวลนั้นถูกริบเอาไปโดยมหาอํานาจทั้งตะวันออกและตะวันตก พวกเขาทํา ใหพวกเราตองตกอยูในสภาพตองพึ่งพิงทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการทหาร พวกทาน ตองตื่นตัวและคนหาบุคลิกภาพแบบอิสลามของตัวทานเองใหได อยาเขาไปอยูใตเงาของความอธรรม
พวกทานตองเผยแผนการณอนั ชั่วรายของผูส วาปามโลกระดับสากลซึ่งสวนหัวของพวกเขาคืออเมริกา อยางชาญฉลาด ทุกวันนี้ กิบละฮฺแหงแรกของมุสลิมยังตกอยูในอาณัตขิ องอิสราเอล มะเร็งรายของตะวันออก กลาง ทุกวันนี้พวกมันยังคงกดขี่บฑ ี าพี่นองปาเลสไตน เลบานอนของพวกเราอยู ทําใหพวกเขาตอง นอนจมกองเลือดอยูทุกวี่วัน ทุกวันนี้อิสราเอลยังคงสรางความราวฉานดวยสื่อแหงมารทุกรูปแบบ จึง เปนหนาที่ของมวลมุสลิมทุกคนที่พวกเขาจักตองตระเตรียมตัวเองใหพรอมตอกรกับอิสราเอล ทุกวันนี้มุสลิมแอฟริกันตางก็กูกองเสียงรองตะโกนที่ถูกกดขีข่ องพวกเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ปรัชญาแหงการทําฮัจญจกั ตองเปนตัวสนองตอบเสียงกองตะโกนที่แฝงไปดวยการถูกอธรรมเหลานี้ การเวียนรอบอัลกะอฺบะฮฺก็เปนเครื่องชี้ใหเห็นวา พวกทานจะไมวนเวียนรอบตัวของผูใด ยกเวนพระ เจาเทานั้น การขวางเสาหินก็เพื่อขวางมารรายที่มาในรูปของมนุษยและอมนุษย ดวยกับการขวาง เหลานั้น พวกทานไดใหสัญญากับพระเจาของพวกทานแลววาพวกทานจะขับไลมารที่มาในคราบ มนุษยและมหาอํานาจทั้งหลายใหออกไปจากประเทศอิสลามอันเปนที่รักยิ่งของพวกทาน” “โอมุสลิมทั้งหลายผูทปี่ ฏิบัตติ ามแนวคิดเอกานุภาพของพระเจา ปริศนาแหงความทุกขยากทั้ง มวลของประเทศอิสลามก็คอื ความแตกแยกและความไมลงรอยกัน และปริศนาแหงชัยชนะทั้งมวลคือ ความเปนหนึ่งและความรวมไมรวมมือกัน อัลลอฮฺตรัสไววา วะอฺตะศิมบู ิฮบั ลิ้ลลา ฮิญะมีอัน วะลา ตะฟรรอกู (พวกเจาตองยึดเหนี่ยวสายเชือกของอัลลอฮฺโดยพรอมเพรียงกันและอยาแตกแยกกัน) การ ยึดเหนี่ยวสายเชือกของอัลลอฮฺ อธิบายใหเห็นถึงความรวมไมรวมมือของมุสลิมทั้งมวล ทั้งหมดตอง ทําเพื่ออิสลาม มุงตรงสูอสิ ลาม และเพือ่ ผลประโยชนแหงอิสลาม และตองออกหางจากความแตกแยก การแยกกันอยู การยึดติดกลุมตัวเองซึ่งเปนที่มาของความอัปโชคและความลาหลัง ขาพเจาวอนขอ ตออัลลอฮฺขอพระอวคทรงประทานความยิ่งใหญแกอิสลามและมวลมุสลิม และใหมสุ ลิมมีความเปน หนึ่งเดียวกัน” “ตอนนี้ถึงเวลาแลวที่บรรดานักการศาสนา นักเขียน นักวิชาการ นักศิลปน นักปรัชญา นักวิจัย นักรหัสยนิยม และบรรดานักคิดซึ่งรูสึกเจ็บปวดกับปญหาเหลานั้นและรูสึกเศราใจในสภาพของ อิสลามและมุสลิมในทุกวันนี้ ไมวา พวกเขาจะอยูในมัซฮับและแนวคิดใด พวกเขาจักตองเขามาแบก รับภาระนี้เพื่อสกัดยับยั้งอันตรายอันยิ่งใหญที่อิสลามและมวลมุสลิมกําลังเผชิญอยู พวกเขาจักตองใช เครื่องมือทุกประการตักเตือนมุสลิมทั้งหลายในมัสญิด ฮุซยั นียะฮฺ และที่ชุมนุมทางศาสนาทุกแหง และถอนรากถอนโคนความหลงลืมใหออกไปจากตัวพวกเขา ตองใหพวกเขาเตรียมตัวใหพรอม สําหรับการสรางแนวรวมอิสลามในวงกวางขึ้น พวกเขาตองสําเหนียกวาเรื่องนี้เปนไปไดและตอง เปนไป แตมันตองใชความพยายามและการเสียสละ ประชาชาติอีหราน ขออัลลอฮฺทรงเทอดเกียรติ พวกเขา ไดปดหนทางแหงการมีขอ อางทั้งปวงไวแลว และไดสําแดงใหเห็นวาพวกเขามีความสามารถ ยืนหยัดตอมหาอํานาจทั้งหลายและจะยื้อแยงเอาสิทธิแหงความเปนมนุษยกลับคืนมา พวกเขาไมปลอย ใหความขลาดกลัวเขามากล้ํากรายพวกเขาดวยการมอบหมายตนตออํานาจอันเปนนิรันดรของพระเจา
ผูทรงสิทธิ์อันสูงสงซึ่งทรงกรุณาใหสัญญาเรื่องชัยชนะที่มีขอ แมวา เราตองชวยเหลือศาสนาของ พระองคดงั ที่วา หากพวกเจาชวยเหลืออัลลอฮฺ พระองคจะชวยเหลือพวกเจาและจะทรงยึดสนเทาของ พวกเจาใหมั่นคงยิ่งขึ้นพวกเขาเอาใจใสทจี่ ะทําใหเปาหมายแบบอิสลามดังกลาวเปนจริงขึ้นมา ซึ่งบท นําของมันนั้นเริ่มตนดวยการตัดมือไมของมหาอํานาจทีห่ ลงผิดและเปนภัยตออิสลามใหออกไปจาก ประเทศอิสลามและขจัดอุปสรรคภายในภายนอกใหหมดสิ้นไป พวกเขาพรอมตอกรกับการสราง พรรครัฐบาล กลุมกอนและบุคคลซึ่งตอตานกับขบวนการอิสลาม ซึ่งอัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺนบั วันจะเติบใหญ ขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาพรอมจะตอสูทางการเมืองกับพวกเขาเหลานั้นอยางมีแผนการทั่วโลกและพวกเขา มั่นใจในสัญญาอันแจงชัดของพระเจาวาพวกเขาตองประสบความกาวหนาและชวยใหผูถูกกดขี่รอด พนจากเงื้อมมือของพวกสวาปามโลกในที่สุด” เชิญชวนมุสลิมสูการยืนหยัดเพื่อฟนฟูอิสลาม “โอมุสลิมทั้งหลาย พวกทานเปนอะไรไป ทําไมถึงออนแอเชนนี้ ในชวงอรุณรุงแหงอิสลาม นั้น พวกทาน (ในนามมุสลิม) ทําลายมหาอํานาจในยุคนั้นดวยกําลังคนเพียงนอยนิดและสราง ประชาชาติอสิ ลามอันยิ่งใหญขนึ้ มาไดตอนนี้พวกทานมีกาํ ลังคนมากกวาพันลานคน (ปจจุบัน ประมาณ ๑,๖๐๐ ลานคน-พ.ศ.๒๕๕๑) มีทรัพยากรมหาศาลที่พรอมจะนํามาเปนอาวุธตอสูได พวก ทานรูใชไหมวา ความลาหลังของพวกทานนั้นมีทมี่ าจากความแตกแยกและความขัดแยงในหมู ผูปกครองของพวกทานทั้งหลาย ฉะนั้น จงลุกขึ้นยืน ถืออัลกุรอานไวในมือรวมตัวกันในนามของพระ บัญชาของพระเจา พวกทานตองนําเอาความยิ่งใหญของอิสลามกลับคือมาใหได พวกทานตองเดิน ออกมาแลวเงีย่ หูฟง โองการของพระเจาทีว่ า จงกลาวออกไป อันี่จริงขาขอเตือนพวกทานอยางหนึ่งก็ คือ พวกเจาตองยืนหยัดเพื่ออัลลอฮฺสองคนหรือคนเดียวก็ตาม (ซะบะอ / ๔๖) ทั้งหมดตองลุกขึ้นสูตอง ลุกขึ้นสูเพื่อพระเจาจงลุกขึ้นสูคนเดียวในการตอกรกับพลพรรคของชัยฎอนที่อยูภายในตัวของพวก ทาน และรวมกันตอกรกับมหาอํานาจของมารราย หากการยืนหยัดสูและขบวนการตอสูของพวกเรา เปนไปเพื่อพระเจาแลว พวกเราตองชนะอยางแนนอน มุสลิมทั้งหลาย ผูดอยโอกาสทั้งมวล จง ประสานมือเปนหนึ่งเดียวกัน มุงตรงยังพระเจาผูทรงยิ่งใหญ และจงพึ่งพิงอิสลามแลวเอาเรื่องกับพวก หยิ่งยโสและพวกรุกรานสิทธิ์ทงั้ หลายโอผูมาเยือนบัยตุลลอฮฺ พวกทานตองเปนหนึ่งเดียวกันในทุกที่ที่ แสดงถึงสัญลักษณของพระเจาและวอนตอพระเจาถึงชัยชนะของอิสลาม มุสลิม และผูดอ ยโอกาส ทั้งหลายในโลกนี้ พวกทานผูเปนนักพูดนักเขียนทั้งหลาย ในที่ชุมนุมอันศักดิ์สิทธิ์ไมวา จะเปนอะรอฟาต มินา มักกะฮฺ และมะดีนะฮฺ พวกทานตองนําเสนอปญหาทางสังคมและการเมืองในภูมภิ าคใหพี่นอ งผู ศรัทธาของพวกทานไดรบั รูและขอความชวยเหลือจากพวกเขาเหลานั้น โอผูมาเยือนบัยตุลลอฮฺ พวก ทานตองสดับตรับซึ่งแผนชั่วของทัง้ พวกซายและพวกขวาเฉพาะอยางยิ่งอเมริกานักปลนชิงและนัก รุกรานระดับโลก อีกทั้งอิสราเอลพวกชั่วชา พวกทานตองสนองตอบและตรวจสอบความเลวรายของ
คนพวกนั้น และจงแสวงหาหลักพึ่งพิงยังพระเจาผูสูงสงเพื่อแกไขสภาพของมุสลิมและตัดมือของพวก ชั่วชาเหลานั้น” “พวกทานจะตองฉลาด ตืน่ ตัว และระวังตัวอยูเสมอวา การเมืองแบบเปดที่ตองสัมพันธทั้ง ตะวันตกและตะวันออกพรอมกับการซิบกระซาบของมารรายจะตองไมลากพวกทานสูพวกแยงชิง สากลพวกทานตองยืนหยัดขจัดความผูกพันเหลานั้นดวยความตั้งใจจริง ขยันขันแข็ง และทําอยาง ตอเนื่อง พวกทานตองรูไววา เชื้อชาติอารยันและอาหรับนั้นไมไดดอยไปกวาเชื้อชาติของพวกยุโรป อเมริกาและโซเวียดเลย หากเขาคนพบตัวเองแลว และปดความสิ้นหวังออกไปใหไกล ไมมองผูใด นอกจาตนเอง เขาตองมีอํานาจขึ้นมาและสรรหาอํานาจขึ้นมาได อะไรก็ตามที่พวกเขาไปถึง พวกทาน ก็สามารถไปถึงได โดยมีเงื่อนไขอยูทมี่ อบหมายการงานตอพระเจา พึ่งพิงตนเองตัดขาดการพึ่งพาผูอื่น อดทนตอความยุงยากทั้งมวลเพื่อไปใหถงึ ยังชีวติ ที่มีเกียรติ และหลุดออกมาจากการครอบครองของ ผูใด” เชิญชวนสูการยืนหยัดสูกบั อิสราเอล “หลังจากที่ไดมีการกําหนดกฎเกณฑอันศักดิ์สิทธิ์แหงอิสลามแลว ขาพเจาไมรูวา จะมีเรื่องราว ใดที่มีความจําเปนสําหรับมวลมุสลิมมากไปกวาการที่พวกเขาตองปกปองชีวติ และทรัพยสินของพวก เขาไปในวิถีทางอันมีเกียรติแหงอิสลาม เมื่อพวกทานเห็นวาเลือดของพี่นองชายหยิงที่บริสุทธิ์ตองถูก หลั่งในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แหงปาเลสไตน และเมือ่ ใดที่พวกทานประจักษวา ผืนแผนดินของพวกเรา ตองถูกทําลายลางโดยน้ํามือของอาชญากรไซออนิสต ภายใตเงื่อนไขเหลานี้ไมมแี นวทางที่ตองดําเนิน ตอไปนอกจากการญิฮาดเทานั้นและเปนภาระหนาที่สาํ หรับมุสลิมทุกคนที่จะตองใหความชวยเหลือ ทั้งวัตถุและจิตใจไปในการญิฮาดอันศักดิ์สิทธิ์นี้ อัลลอฮฺทรงหนุนหลังเจตนารมณนี้ วัล้ ลอฮุมนิ วะรอ อิล้ ก็อศดิ” “คุณคาและการดําเนินการเหลนจี้ ะเปนตัวชวยใหมนุษยหลุดพนจากการเปนทาสอารมณใฝต่ํา ที่ผูกติดอยูกบั ตะวันตกและตะวันออก และนําพาตัวเขาสูตน ไมอนั จําเริญ ซัยตูนะฮฺ ลาชั้รกียะฮฺ วะลาฆ็ อรบียะฮฺ (ตนซัยตูน ไมมีตะวันออกและไมมีตะวันตก –อันนูร / ๓๕) หากมวลมุสลิมทั่วโลกคนพบ คลื่นแหงการเคลื่อนไหวของบรรดาศาสดา อะลัยฮิมุซซะลาม ซึ่งกําเนิดมาจากคัมภีรสรางสรรคมนุษย ฉบับสุดทาย อัลกุรอานอันจําเริญ คัมภีรชี้นําฉบับนี้ซึ่งออกมาจากปฐมเหตุแหงรัศมี อัลลอฮุนูรซุ ซะมา วาติวลั้ อั้รฎิ (อัลลอฮฺคือรัศมีแหงชั้นฟาทั้งหลายและผืนแผนดิน-อันนูร / ๓๕) สูประทีปอันเจิดจรัสใน หัวใจของศาสดาทานสุดทาย ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮวี ะซั้ลลัม เพื่อทําใหหัวใจของมนุษยชาติเปน อิสระจากมานแหงความหลงผิด และทําใหโลกเรืองรองดวยรัศมีแลวนั้นและพวกเขาถูกเชื่อมเขาสู มหาสมุทรแหงรัศมีอนั เรืองรอง พวกเขาก็จะไมมีวนั ตกเปนทาส ชัยฎอนและเปนลูกแหงของชัยฏอน อีกตอไป พวกเขาจะไมยอมรับเอาความต่าํ ตอยและการถูกดูหมิ่นเพื่อที่จะไดสวมตําแหนงผูปกครอง อันจอมปลอมเพียงไมกี่วันและพวกเขาจะตองไมเหี้ยนกระหือรือ ทีจ่ ะเอาตัวเองไปเขาใกลชยั ฏอนตัว ใหญและยอมรับสัญญาทาสแหงแคมปเดวิด เอยหยดน้ําเล็กๆ ทีแ่ ยกตนเองออกมาจากมหาสมุทร
แหงอัลกุรอานและอิสลามเอยรูสึกตัวกันไดแลว เชื่อมตัวเอง กลับสูมหาสมุทรแหงพระเจา และรับเอา รัศมีอนั อุดมนี้ไปเพื่อควักลูกตาแหงความทะยานอยากของพวกสวาปาม โลกทั้งหลายมือที่ยื่นยาว ออกมารุกรานของพวกเขาจะตองถูกตัดขาดแลวพวกทาน ก็จะไปถึงยังชีวติ ที่มเี กียรติและทรงคุณคา พวกทานตองปลดตัวเองออกจากชีวติ อันนาอัปยศที่อสิ ราเอลถักทอไวนั้นกําลังมีอาํ นาจเหนือพวกทาน พวกมันไดเหยียดหยามมุสลิมผูถกู กดขี่ตอหนาพวกทาน โอพระเจา ขอพระองคไดทรงโปรดประทาน การตื่นตัวใหกบั เหลาขาพระองคดว ยเถิด ขอไดโปรดปลุกผูปกครองประเทศอิสลามทั้งหลายให รูสกึ ตัวนํามาตรฐานอิสลามกลับมาปกครองมุสลิมดวยเถิด และใหพวกเขาไดทําลายเจว็ดแหงพระเจา จอมปลอมทั้งหลายดวยเทอญ” “เจาหนาที่รฐั ของประเทศอีหราน ประชาชนของเรา และประชาชาติอสิ ลามทั้งหลายจะไม วางมือจากการตอสูและโคนลม ตนไมแหงความชั่วรายนี้และดวยความชวยเหลือของพระเจา เขา จะตองใชประโยชนจากหยดน้ําเล็กๆ ที่แตกตัวออกไปของผูปฏิบัตติ ามแนวทางของอิสลาม ความสามารถทางจิตวิญญาณของประชาชาติมุฮัมมัด ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮวี ะซั้ลลัม และเครื่อง ไมเครื่องมือของประเทศอิสลามทั้งหลาย และดวยกับการรวมตัวตานของกองกําลังอิซบุลลอฮฺนนั่ เอง ที่สรางความผิดหวังใหกบั อิสราเอล และจัดการไลพวกมันออกไปจากผืนแผนดินมุสลิมที่ถูกแยงชิง ไปได ขาพเจาไดย้ําเตือนหลายตอหลายครั้งในชวงหลายปที่ผา นมาทั้งกอนการปฏิวตั ิและหลังการ ปฏิวัติ (อิสลามในอีหราน-ผูเรียบเรียง-) และจะยังคงกรอกหูใหรับรูถึงอันตรายที่คบื คลานเขามาของ ตอมโสมมและมะเร็งรายของลัทธิไซออนิสตทเี่ ขามาในเรือนรางของประเทศอิสลาม และขาพเจาขอ ประกาศการหนุนหลังอยงไมออ มคอมของตนเอง ประชาชาติอหี รานและรัฐบาลอิหรานตอการตอสู แบบอิสลามทุกรูปแบบของประชาชาติอหี รานและรัฐบาลอีหรานตอการตอสูแบบอิสลามทุกรูปแบบ ของประชาชาติทั้งหลายคนหนุมคนสาวที่กลาหาญชาญชัย และมุสลิมทุกคนในการปลดปลอยอัลกุดส ขาพเจาขอขอบใจเยาวชนคนหนุมชาวเลบานอนที่รักซึ่งไดสรางความโดดเดนใหกับประชาชาติ อิสลามและสรางความอับอายใหกับพวกสวาปามโลกทั้งหลาย ขาพเจาขอดุอาอใหผูเปนที่รกั ยิ่ง ทั้งหลายทั้งที่อยูในดินแดนที่ถกู ยึดครองหรืออยูเคียงขางประเทศที่ถกู แยงชิงไปนั้นใหประสบ ความสําเร็จในการโจมตีผลประโยชนทงั้ หลายของอิสราเอล ดวยกับการพึ่งพิงอาวุธแหงศรัทธาและ การญิฮาด และขาพเจาใหความมั่นใจกับพวกทานไดวา ประชาชาติอหี รานจะไมปลอยใหพวกทานสู เพียงลําพัง” “ขาพเจาเปนพวกของกลุมที่บอกวาประเด็นการปรากฏของอิสราเอลและการยอมรับการมีอยู นัน้ เปนหายนะอันใหญหลวงของมุสลิมและเปนระเบิดเวลาของประเทศอิสลามทั้งหลาย และขาพเจา ยืนยันวาการตอตานอิสราเอลนั้นเปนภาระหนาที่ทางศาสนาที่ยงิ่ ใหย ขาพเจาขอความคุมครอง ตออัลลอฮฺผูทรงยิ่งใหญใหพน จากแผนการนี้ซึ่งถูกรางแบบใหแกอสิ ลามโดยมุสลิมจอมปลอม” “ประชาชาติทงั้ หลายตองตื่นขึ้น ปลุกรัฐบาลทั้งหลายใหตื่นขึ้นและพวกเขาตองตอตานแผน ชั่วของผูป ฏิเสธคนเลว...หากรัฐบาลทั้งหลายขลาดกลัว ประชาชนก็จะยังตื่นตัวอยูและไมขลาดกลัว
ทั้งสิ้น หากเราทั้งหมดตายจากไปก็ยงั ดีกวาที่จะมีชีวิตอยูในสภาพตอยต่ําภายใตลัทธิไซออกนิสตและ น้าํ มือของอเมริกา นี่คอื ยางกาวอันสําคัญยิ่งตามคําสั่งของอเมริกา กาวยางนี้ถูกยกขึ้นมาเพื่อความตอย ต่ําของชาติอาหรับและความต่ําตอยของมุสลิม มันเปนความอดสูสําหรับชาวอาหรับที่เพียงกองกําลัง อันนอยนิดก็สามารถเขามามีอํานาจและทําใหพวกเขาตกอยูในสภาพตกต่ําขนาดนั้น และก็เปนความ นาละอายสําหรับเรา ทานทั้งหลายที่นั่งนิ่งเฉย รัฐบาลทั้งหลายก็เชนกัน รัฐบาลที่ไมใสใจตอประเด็น ปญหาดังกลาวหรือตั้งใจที่จะทรยศตออิสลามและประชาชาติอาหรับและมุสลิมโดยรวม พวกเขาตอง จัดการแผนการนี้มนั ไรคา ไมมีประเทศอิสลามเห็นดวยกับแผนดังกลาวซึ่งเปนทาศบริวารของ อิสราเอล” “ประชาติทั้งหลายตองออกมาเดินขบวนในวันกุตสและวันแหงการครบรอบการเปนซะฮีดอัน ยิ่งใหญของประชาชน ตองสําแดงใหเห็นถึงพลังและน้ํามันที่พรอมตอกรกับอเมริกาและอิสราเอล หากพวกมันไมฟง และอิสราเอลชั่วยังคงขมขูไปทั่วแมกระทั่งดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง (ฮะรอมัยน ในซะอุดอี ารเบีย) ซึ่งในตอนนี้ก็เห็นความตองการของพวกมันอยางชัดเจนแลวพวกมันคงตองบังคับขู เข็ญทุกอยาง เมื่ออิสลามและดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามถูกขมขูวา จะถูกรุกรานละก็ ยอมไมมี มุสลิมคนใดที่จะเฉยเมยโดยไมลุกขึ้นตอกรไดอกี แลว” วันกุดสคือวันแหงอิสลาม วันแหงเสรีภาพของปาเลสไตน “วันกุดสคือวันสากล มิใชวนั สําหรับกุดสเปนการเฉพาะเทานั้น มันเปนวันแหงการเผชิญหนา ระหวางผูดอ ยโอกาสกับผูอหังการ มันเปนวันแหงการเผชิญหนาของประชาชาติซึ่งอยูภายใตการรีดนา ทาเรนของอเมริกาและอื่นจากอเมริกา มันเปนวันแหงการเผชิญหนากับพวกมหาอํานาจทั้งหลาย มัน เปนวันที่ผูดอยโอกาสทั้งหลายตองเตรียมพรอมที่จะตอกรกับพวกอหังการใหหนาของพวกมันคะมํา ลงไปกับพื้น มันเปนวันซึ่งแยกความหนาไหวหลังหลอกออกจากพวกที่แนวแนทั้งหลาย พวกที่นว แน มันคงรูวา วันนี้คือวันกุดส วันแกงการปฏิบัติในสิ่งที่จําเปนตองทํา สวนพวกกลับกลอกนั้นก็คือพวกที่ รูจักกันในนามผูอยูหลังมานมหาอํานาจและเปนมิตรกับอิสราเอลยังคงทําเปนไมสนใจ วันนี้หรือไมก็ ไมปลอยใหผูคนทั้งหลายไดแสดงออกวันกุดสคอื วันที่ชะตาของประเทศผูดอ ยโอกาสทั้งหลายตอง เปนที่รับรู ประเทศผูดอ ยโอกาสทั้งหลายตองประกาศการมีอยูของตนเองตอตานการเขามายึดครอง ของผูอหังการทั้งหลาย ประเทศทั้งหลายตองทําเหมือนกับที่ประเทศอีหรานไดทําการลุกขึ้นสูและ กระแทกหมัดเขาไปที่จมูกของพวกอหังการใหลม คะมํากองกับพื้น ตองจัดการเอาเชื้อโรคแหงความ เสื่อมทรามลงถังขยะไปไดแลว วันกุดสคือวันที่พวกเดินตามกนรัฐบาลที่แลว (ของอีหราน-ผูเรียบ เรียง-) และมหาอํานาจที่แฝงตัวในประเทศตางๆ เฉพาะอยางยิ่งในเลบานอน ตองรูหนาที่ของตนเอง มันเปนวันที่พวกทานตองใหความสําคัญและใหความเอาใจใสตอ การปลดปลอยกุดสและตองชวยพี่ นองเลบานอนใหปลอดภัยจากการขมขูทงั้ มวล มันเปนวันที่เราจักตองนําเอาบรรดาผูดอ ยโอกาส ทั้งหลายหลุดพนจากกรงเล็บของพวกอหังการ มันเปนวันที่สังคมมุสลิมทุกคนจะตองแสดงออกวา พวกเขามีตัวตนและทวงเตือนไปยังพวกมหาอํานาจและกากเดนของพวกมัน ไมวา จะอยูในอีหราน
หรือในที่อื่น วันกุดสคือวันที่จะตองทวงติงไปยังมหาอํานาจวาพวกเขาตองวางมือจากบรรดา ผูดอยโอกาสและกลับไปอยูในที่ๆ ของตนเองไดแลว วันกุดสมิใชวันของปาเลสไตนเทานั้น แตเปนวันแหงอิสลาม วันแหงรัฐบาลอิสลาม ตองเปน วันที่ธงแหงรัฐอิสลามถูกชัดขึ้นสูยอดเสาเปนวันที่ตอ งทําใหพวกมหาอํานาจเขาใจวาพวกเขาไมอาจ เสนอหนาอยูในประเทศอิสลามอีกตอไปไดขา พเจาเชื่อวาวันกุดสคอื วันแหงอิสลาม วันแหงทานรอ ซูล เปนวันที่เราจักตองเตรียมพรอมสรรถกําลังทั้งหมดของเรา มุสลิมทั้งหลายตองหลุดออกมาจาก ความสันโดษที่คนพวกนั้นลากพวกเขาไปสูจุดนั้น และตองใชอาํ นาจ พละกําลังทุกอยางตอกรกับทุก คนและตองยืนหยัดตอตานสิ่งเหลานั้นเราจะตองไมอนุญาตใหผูใดก็ตามเขามามีอทิ ธิพลในประเทศ ของเรา มุสลิมจะตองไมปลอยใหผูใดเขามามีอิทธิพลในประเทศของตนเองในวันกุดส ประชาชน ทั้งหลายจักตองสงสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลของพวกเขาซึ่งเปนผูทรยศ วันกุดสคือวันที่เราจะเขาใจ ไดวา บุคคลใดหรือรัฐบาลใดที่เห็นดวยกับแผนชั่วสากลและขัดแยงกับอิสลาม คนที่ไมไดเขารวมก็ เทากับขัดแยงกับอิสลาม เห็นดวยกับอิสราเอล คนที่เขารวมก็คอื พวกที่หนักแนนมั่นคงและเห็นดีเห็น งามกับอิสลาม และปฏิเสธศัตรูอิสลามซึ่งหัวหนาของคนพวกนี้คอื อเมริกาและอิสราเอล มันคือวัน จําแนกสัจธรรมและโมฆะธรรมความจริงกับความเท็จ ขาพเจาวอนขอดุอาอตอ อัลลอฮฺ ขอพระองคทรงประทานชัยชนะใหกับอิสลามแกชนทุก ชั้นในโลกนี้ ใหบรรดาผูดอ ยโอกาสมีชัยเหนือผูอหังการทั้งหลาย ขอดุอาอตอ พระองคไดโปรด ประทานใหพี่นอ งของเราในปาเลสไตนตอนใตของเลบานอน และในทุกที่ทพี่ วกเขาอยูปลอดภัยจาก เงื้อมมือของพวกอหังการและจากเงื้อมมือของพวกหัวขโมย” เชิญชวนอุละมาออสิ ลามสูก ารยืนหยัดสู “นาฉงนยิ่งนัก ที่อลุ ะมาอและนักการศาสนาของหลายประเทศและประเทศอิสลามทั้งหลาย มิใชนอ ยเมินเฉยบทบาทอันสําคัญยิ่ง สาสนแหงพระเจา และประวัตศิ าสตรของตนเองในยุคสมัยที่ มนษยชาติกระหายความสูงสงทางจิตวิญญาณและศาสนบัญญัติอันเรืองรองของอิสลาม และไม สําเหนียกความกระหายของประชาชาติทงั้ หลายไมรับรูอาการเรงเราและการนอมนําของสังคมมนุษย สูคุณคาของวะฮฺยูและพวกเขามีบทบาททางดานแสดงอิทธิพลทางจิตวิญญาณนอยไป ในเงื่อนไขที่เต็ม ไปดวยสีสันของอํานาจแหงความรูและความกาวหนาในโลกวัตถุของคนรุนใหมนี้ อุละมาอ นัก บรรยายธรรม อิมามุมอะฮฺ และนักคิดอิสลามสามารถทีจ่ ะนําโลกเขามาอยูภายใตอทิ ธิพลและอํานาจ ของอัลกุรกอานไดดว ยความเปนเอกภาพ ความสมานฉันทความสํานึกในหนาที่ และทําตามหนาทีอ่ ัน หนักหนวงในการชี้นาํ และเปนผูนําประชาชน พวกเขาตองสกัดความเสื่อมทราม การตกเปนเบี้ยลาง และความไรเกียรติของมุสลิม และยับยั้งการเขาไปเปนเครือขายชัยฏอนเล็กและชัยฏอนใหญเชน อเมริกาของรัฐบาลอิสลามทั้งหลาย พวกเขาตองใหความสําคัญตอประเด็นปญหาอิสลาม สรางความ เปนหนึ่งเดียวของมุสลิม และคนควาวิจัยกฎเกณฑทางศาสนาอันเจิดจรัสแทนการขีดเขียน การพูดจาที่ สรางความแตกแยก การพูดประจบสอพลอผูมีอาํ นาจ และพูดจาใหรายตอผูดอยโอกาสทัง้ หลาย และ
ดวยกับการใชประโยชนจากทองทะเลอันไมเหือดแหงของประชาชาติอสิ ลาม พวกเขาจะไดแสดง จุดยืนเกียรติยศของตนเองและของประชาชาติมุฮมั มัดศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮวี ะซั้ลลัม มิใชเปนความอดสู สําหรับอุละมาอของประเทศอิสลามดอกหรือที่พวกเขามีอัลกุรอาน มีศา สนบัญญัติอันเรืองโรจน แบบฉบับของทานศาสดา ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮีวะซั้ลลัม และอิมาม มะอฺศูมีน อะลัยฮิมุซซะลาม แตกลับตองดําเนินการตามกฎเกณฑของผูปฏิเสธภายใตอิทธิพลของพวก เขาในประเทศอิสลามและยอมรับการตัดสินใจลวงหนาของพวกชอบใชกําลังและเปนปรปกษตอ อิสลามอยางแทจริง พวกนักการเมืองจากวังเครมลินและวอชิงตันจะคอยออกคําสั่งใหประเทศอิสลาม ปฏิบัตติ าม” เชิญชวนผูรูชาวคริสตสูการยืนหยัด ยาอัยยุฮั้ลละซีนะอามะนู กูนูเกาวามีนะลิ้ลลาฮิ ชุฮะดาอะบิ้ลกิซฏิวะลายัญริมนั นะกุมชันอานุ เกามิน อะลาอัล้ ลาตะอฺดิลู อิอฺดิลู ฮุวะอักรอ บุลิตตักวา วัตตะกุลลอฮะอินนั้ลลอฮะคอบีรุนบิมาตะอฺ มะลูน (โอบรรดาผูมีศรัทธา จงดํารงมั่นเพื่ออัลลอฮฺ (ใน)การเปนพยานยืนยันดวยความเที่ยงธรรม ความเคียดแคนตอกลุมชนหนึ่งจะตองไมบบี บังคับใหพวกเจา (แสดงความ) อยุตธิ รรม พวกเจาจง (แสดงความ) ยุติธรรม ความยุตธิ รรมเปนสิ่งที่ใกลเคียงตอการมีความยําเกรง และพวกเจาจงยําเกรง ตออัลลอฮฺแทจริงอัลลอฮฺคอื ผูทรงรูแจงในสิ่งที่พวกเจากระทําอยู- อัลมาอิดะฮฺ /๘-) นายินดีอยางยิ่งตอพฤติกรรมของพวกเขาเหลานั้นผูซึ่งกระหายความยุตธิ รรมจากการที่พวก เขาจะไดเสพยอยางอิ่มหนํา (อินญี้ล ฉบับมะธา บทที่ ๕ หมวดที่ ๖) นายินดีอยางยิ่งตอพฤติกรรมของพวกเขาเหลานั้นผูซึ่งพยายามอยางยากเข็ญที่จะใหได ประโยชนจากความยุติธรรม เพราะอาณาจักรแหงชั้นฟานั้นก็เปนของพวกเขาดวย (อินญี้ล ฉบับมะธา บทที่ ๕ หมวดที่ ๑๐) ขอแสดงความยินดีตอ ประชาชาติผูถูกกดขี่ทวั่ โลก คริสตชนทั้งหลาย และชาวคริสตใน ประเทศนี้ เนื่องในวันเฉลิมฉลองวันประสูตขิ องมะซีฮฺ (พระคริสต) ศาสดาผูยิ่งใหญทานหนึ่ง ซึ่งทาน ถูกแตงตั้งมาเพื่อเปนพวกเดียวกับผูถูกกดขี่และสถาปนาความยุตธิ รรมและเมตตาธรรมและดวยกับ คําพูดอันมีญาณหยั่งรูและพฤติกรรมที่แฝงไปดวยจิตวิญญาณอันสูงสงที่ไดตาํ หนิพวกกดขี่และพวก เผด็จการแตหนุนหลังผูถูกกดขี่และผูดอ ยโอกาสทั้งหลาย คุณพอและผูรูชาวคริสตทั้งหลายที่ปฏิบัติ ตามแนวทางของทานนบีอซี า ขอใหพวกทานลุกขึ้นยืนเพื่อหนุนหลังบรรดาของผูอหังการ และขอให พวกทานลั่นระฆังในโบสถของพวกทานใหเปนคุณตอผูถกู กดขี่ชาวอีหรานและเปนการประณามพวก เผด็จการเพื่อความพึงพอพระทัยของพระเจาและความยินดีของผูปฏิบัติตามคําสั่งของทานมะซีฮฺ คารเตอร หัวหนาพวกเผด็จการโลก รองขอใหพวกทานลั่นระฆังทั่วอเมริกาใหเปนเสียงที่เปน คุณตอพวกสายลับที่จอ งทําลายอีหรานนาจะเปนการดีและเหมาะสมกวาที่ระฆังทั้งหลายควรจะลัน่ ให เปนเสียงที่เปนไปตามพระบัญชาของพระเจาแหงโลกนี้และตามคําสั่งของทานมะซีฮฺโดยเปนคุณตอ ประชาชาติผูถกู กดขี่ซึ่งอยูภายใตท็อบบูทของพวกสนองบัญชาของคารเตอรที่ยงั คงนิ่งเงียบอยู
นายินดีเปนอยางยิ่งตอบุคคลผูซึ่งกระหายความยุตธิ รรมและพยายามอยางเต็มที่ทจี่ ะได ประโยชนจากความยุติธรรมแตขอตําหนิพวกที่เปนปรปกษตอ คําสั่งของทานมะซีฮแฺ ละขัดแยงตอทุก คําสั่งของบรรดาศาสดา ทีไ่ ดทาํ ตัวเปนคุณตอผูกดขี่ พวกสายลับ และพวกที่ชอบละเมิดสิทธิ์ของ ประชาชาติทั้งหลาย โอประชาชาติของมะซีฮฺและผูปฏิบัตติ ามแนวทางของทานนบีอซี า รูฮลุ ลอฮฺ ขอใหพวกทานลุกขึ้นยืนและปกปองเกียรติยศของทานมะซีฮฺและประชาชาติของทานนบีอีซาพวก ทานอยาไดอนุญาตใหศัตรูของคําสอนอันมาจากเบื้องบนและพวกปรปกษตอ พระบัญชาของพระเจา นั้น ไดบินเบือนภาพลักษณของประชาชาติมะซีฮฺและผูรชู าวคริสตไปในทางที่เสียหายในสายตาของ มนุษยผูดอยโอกาสทั้งหลาย พวกทานอยาไดปลอยปละละเลยใหพวกมหาอํานาจใชโบสถไปเพื่อการวิงวอนพระเจาให พวกสายลับและพวกทรยศตอผูถกู กดขี่และผูดอ ยโอกาส เพราะคนพวกนั้นไมไดคิดอะไรอื่น นอกจาก ใหไดมาซึ่งอํานาจที่มากขึ้นและเปนผูนําโลกที่ขัดแยงกับคําสอนจากเบื้องบน ประชาชาติของเราไดเผชิญกับการอวดอางของพวกเผด็จการและเจ็บปวดกับคนพวกนั้นมา นานหลายปแลว คุณพอทั้งหลายตองลุกขึ้นยืน และชวยใหทา นอีซามะซีฮรฺ อดจากกรงเล็บของพวกลิ่วลอซึ่ง ศาสดาผูยิ่งใหญทานนี้ไดแสดงตนเปนปรปกษตอ พวกกดขี่ทจี่ ะนําศาสนาไปเปนเครื่องมือกดขี่และขอ ดุอาอเพื่อเปนหลักฐานความชอบธรรมของพวกกดขี่ คําสอนที่มาจากเบื้องบนทั้งหลายลวนมาเพื่อ ปลดปลอยผูถูกกดขี่ โอผูดอยโอกาสทั้งหลายจงลุกขึ้นยืน และรวมมือกันขับไลพวกกดขี่ทั้งหลายให ออกไปจากแผนดินของพระเจา ผูที่จะรับชวงสืบอํานาจดูแลผืนแผนดินนั้นตองเปนผูดอยโอกาส เทานั้น” เชิญชวนนักคิดทั้งหลายไดลุกขึ้นยืนหยัดสู “นักคิดอิสลามทั้งหลายจะตองเห็นพองตองกันดวยความรูแ ละความเขาใจที่จะเขยาโลก นายทุนและคอมมิวนิสตตามแนวทางที่เหนือกวาและฉลาดกวา และเสรีชนทั้งหลายจะตองวาง แนวทางในการตบหนาพวกมหาอํานาจเฉพาะอยางยิ่งอเมริกา ตอการที่พวกเขาวางแผนจักการ ประชาชนผูถูกกดขี่ในประเทศอิสลามและประเทศโลกที่สาม” “พวกทาน เยาวชนผูมีความคิดอันกวางไกลทั้งหลาย พวกทานตองไมนงั่ นิ่ง พวกทานตองลุก ขึ้นสลัดความหลับใหลอันนําพาสูความหายนะ พวกทานตองรับรูถงึ การไมใสใจตางๆ ดวยการ แยกแยะความทุจริตและความเลวรายของพวกนักลาเมืองขึ้นและพวกที่ชอบทําตามคนพวกนั้นอยาง ไรวฒ ั นธรรม พวกทานตองออกหางจากความขัดแยง ความแตกแยก และการใชอารมณใฝต่ํานํา ซึง่ เปนตนเหตุความเสื่อมเสียทั้งปวง พวกทานตองพึ่งพิงยังพระผูอภิบาลซึ่งพระองคจะทรงชี้นาํ ทางพวก ทาน และทรงชวยเหลือพวกทานดวยกองทหารที่อยูเหนือธรรมชาติ” เชิญชวนเจาหนาที่รฐั สูการยืนหยัด
“บรรดาผูนาํ ประเทศอิสลามควรตองคิดถึงประเด็นปญหารายวันของประเทศอิสลามทั้งหลาย ที่ตอ งตกอยูภายใตการกดขี่และประชาชาติผูถกู กดขี่ทงั้ หลายที่ตอ งตกอยูภายใตรองเทาบูทของ ตางชาติและพวกหัวขโมยของเหลาปศาจตัวใหญและมารรายตัวอื่นที่จองฉกฉวยผลประโยชนของ พวกเขาไป และเผาผลาญประชาชาติทงั้ หลายใหตกอยูในความยากไรและความสิ้นเนื้อประดาตัว พวก เขาตองรูสึกตัวไดแลว พวกเขาตองชั่งน้ําหนักความขยาดกลัวและความนาสะพรึงกลัวที่มหาอํานาจ วาดภาพดวยการโหมโฆษณาใหพวกทานเห็นเปนภาพลวงตา จนกระทั่งพวกทานมองไมเห็น ผลประโยชนของประเทศของทาน ของมุสลิม และของผูถกู กดขี่ทวั่ ไป ดวยกการประเมินอยางถูกตอง พวกทานตองนั่งลงวินจิ ฉัยดวยความรูสึกรับผิดชอบชั่วดี และยิ่งไปกวานั้น พวกทานตองไมยอม ศิโรราบ พวกทานควรเรียนรูจากประชาชาติอีหรานและรัฐบาลแหงอีหรานซึ่งพวกเขาสลัดตัวเอง ออกมาจากการเปนเบี้ยในเกมสแหงอํานาจของขัว้ อํานาจทั้งสอง พวกเขาสงความเจิดจรัสแหงชัยชนะ ไปทั่วโลก พวกเขายืนหยัดตามแนวทางแหงเกียรติยศของอิสลามและความมีเกียรติของประเทศ อิสลามของตนเอง แนวทางดังกลาวนี้เองที่เปนแนวทางของบรรดาศาสนทูตผูยิ่งใหญ (อ.) คือ การ ปลอยวางโลกแหงวัตถุและสงเสียงกองตะโกน –ฮัยอาต มินนัซซิ้ลละฮฺ- (ความต่าํ ตอยไดหา งไกลเรา ไปแลว) ไปยังโสตประสาทของชาวโลกทั้งหลาย” “เราไดกลาวกับรัฐบาลในภูมภิ าคนี้หลายตอหลายครั้งแลววาพวกทานจงมารวมมือกันเถิด ปลดปลอยตัวเองออกจากกรงเล็บของมหาอํานาจทั้งหลาย ผูถูกกดขี่ทงั้ หลายไมอาจทนทุกขอยูภายใต การกดขี่ของมหาอํานาจไดอกี ตอไปแลว” “พวกทานคิดหรือวา เยอรมัน อังกฤษ และหัวโจกของพวกเขาคืออเมริกานั้นปรารถนาความ อยูดีมีสุขของพวกทาน? โซเวียตปรารถนาดีตอ พวกทาน? พวกเขาตองการเพียงความอยูดีกนิ ดีของ ตนเองเทานั้น พวกเขาลากพวกทานไปติดกับดักเพื่อที่จะใชประโยชนจากพวกทาน วันใดที่พวกเขา เห็นวาไมอาจใชประโยชนจากพวกทานไดแลว พวกเขาก็จะสลัดพวกทานทิ้งไมรว มกับพวกทานอีก พวกทานไดมาเห็นแลววา วันนี้สําหรับประชาชาติอหี รานเปนอยางไร พวกเขากาวหนาไปเพียงใด พวกเขาก็จะสลัดพวกทานทิ้งไมรวมกับพวกทานอีก พวกทานไดมาเห็นแลววา วันนี้สําหรับ ประชาชาติอหี รานเปนอยางไร พวกเขากาวหนาไปเพียงใด พวกเขาไมยอมสยบใหกับมหาอํานาจเขา มากาวกายกิจการในประเทศของพวกเขาเอง ดวยกับลักษณะเหลานี้ พวกทานตองกาวเดินไปดวยกัน ทุกคนเปนอิสระในประเทศของตนเอง แตพวกเขาตองรวมมือกันตอตานอํานาจทั้งหลายที่ตองการ กําจัดพวกเราออกไป พวกเขาตองการใหพวกเราเปนขี้ขา เมืองขึ้นของพวกเขา (นักลาอาณานิคมยุค ใหม) พวกเราตองหลุดออกมาจากกรงเล็บของพวกเขา พวกทานตองการเปนขาทาศอเมริกาไปถึงไหน กัน? และเปนบริวารของพวกที่ปรึกษาของอเมริกาไปถึงไหนกัน? “รัฐอสิลามทั้งหลายจักตองพูดเปนเสียงเดียวกัน คิดเหมือนกันทั้งหมดอยูในศาสนเดียวกัน มี คัมภีรเ ลมเดียวกัน ทุกคนเห็นรวมกันวา ยิง่ พวกเขาแตกแยกกัน คนอื่นก็จะไดประโยชน พวกเขารูจัก ความเจ็บปวด แตไมยอมหายามาทาน นับวันยิ่งมีความขัดแยงมากขึ้น พยายามทีจ่ ะแยกจากกัน รัฐ
ใหญก็มแี ตคําพูดที่วา พวกเราแยกกันอยูพวกเรายังคงเปนศัตรูตอ กัน พวกเรายังคงขะมักเขมนทําสิ่ง เหลานี้และพวกเขาก็ใชประโยชนไป มวลมุสลิมจําเปนตองมีความคิดพื้นฐานสําหรับตนเอง และรัฐ อิสลามทั้งหลายก็ตองมีแนวคิดหลักดวย พวกเขาตองไมคดิ วา ในแตละวันก็มีชีวติ อยูอยางสงบ มี อํานาจปกครองประเทศตนเอง พวกทานตองเยียวยาความเจ็บปวดจากความแตกแยก ดวยตัวเองมิ เชนนั้นแลวก็ไมอาจรักษาใหหายขาดได ไมวา จะเปนการประชุม การสัมมนา หรือการรวมชุมนุมใดๆ ก็ไมอาจเยียวยาได ขาพเจาวอนขอตออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดโปรดปลุกประชาชาติมสุ ลิม ทั่วไปและรัฐ อิสลามทั้งหลายเปนการเฉพาะใหพวกเขาตื่นขึ้นมากําชัยชนะเหนือปญหาของตนเองขอใหนาํ อิสลาม มาปรับใชในประเทศอิสลามดังเชนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต” การตอสูกบั ความอธรรมและไมปรองดอง อิสลามปฏิเสธการกดขี่และการยอมถูกกดขี่ “คําสอนของอิสลามกลาวววา พวกทานตองไมกดขี่ ขณะเดียวกันก็ตอ งไมยอมรับการกดขี่ การยอมตกอยูภายใตการกดขี่นั้นใชวา จะเลวรายนอยกวาการกดขี่ไม การยอมรับการกดขี่กเ็ ทากับกดขี่ ตนเอง และอธรรมตอประชาชาติ การกดขี่ก็เปนเนื้อเพียวกัน ทัง้ สองเปนที่ตอ งหามในอิสลาม พวก ทานไมมีสิทธิ์อธรรมตอบุคคลอื่น ขณะเดียวก็ไมมีสิทธิ์ยอมรับการกดขี่จากผูใด” “ประชาชาติอสิ ลามปฏิบัตติ ามแนวทางหนึ่งซึ่งมีระเบียบการสรุปภายใตถอยคําสองคํานี้ คือ ลาตัซลิมูน วะลาตุซละมูน (พวกเจาอยาไดกดขี่และอยายอมถูกกดขี่-จากอัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่ ๒๘๑-) ตลอดประวัติศาสตรที่ผา นมาเราตกอยูภายใตการกดขี่และความอธรรมของพวกมหาอํานาจทั้ง ภายในและภายนอก เฉพาะอยางยิ่งในชวงครึ่งศตวรรษที่ผานมา ประเทศมหาอํานาจตางเขามากุม ชะตารัฐบาลของประเทศนี้ (อีหราน) อังกฤษเขากุมริฎอคาน ประเทศมหามิตรก็เขากุมมุฮัมมัดริฎอ ในชวงเวลาเกือบหาสิบปมานี้ เราตองตกอยูภายใตการบีบคั้นและการกดขี่ทุกรูปแบบ การกดขี่และ การรุกรานทางเศรษฐกิจและสังคม เราอยูต ลอดในชวงหาสิบปในประเทศหนึ่งซึ่งอยูภายใตอาํ นาจ ของตางชาติโดยอาศัยมือของขี้ขา ของพวกเขาซึ่งเปนคนภายในประเทศนั้น เราเปนประจักษพยานถึง ความอธรรมตางๆ ซึ่งหากถูกบันทึกเปนหนังสือไวในประวัตศิ าสตรมนั ตองมีความหนาหลายบท ทีเดียว ความอธรรมซึ่งพวกเขาไดกระทําตอศาสนา ความอธรรมซึ่งพวกเขาไดกระทําตอประชาชาติ ตอสตรี ตอเยาวชนหนุมสาว ตอนักคิด และตอนักการศาสนาอิสลาม มันมิใชสิ่งที่จะอธิบายจบภายใน หนึ่งวันหรือตอใหอกี หลายวันประชาชาติของเราไดลกุ ขึ้นยืนหยัดสูภายหลังจากที่ชีวติ ของพวกเขาถูก บีบคั้นอยางหนักถึงขั้นจวนเจียนจะสิ้นลม การลุกขึ้นยืนหยัดสูนี้ใชเวลากวา ๑๕ ป พวกเขาเสียสละ อยางมาก พวกเขาตองแลกคากับเลือดของเยาวชนคนหนุม เหลือตกทอดเปนคนพิการ พวกเขาเปน ประจักษพยานถึงความอธรรมถึงขนาดตองแลกดวยชีวิต พวกเขายืนหยัดสู ปดมือแหงอํานาจของผู อธรรมและอํานาจทั้งหลายใหออกไปจากประเทศของพวกเขา ซึ่งมันก็คอื มือของบุคคลผูซึ่งฉกฉวย เอาประเทศนี้ไปในนามของพอคาที่เอาทุกอยางไปแบบไดเปลา เราผูอยูภายใตการนําของทานศาสดา
(ศ.) ปรารถนาที่จะไดนาํ เอาถอยความทัง้ สองกลับมาปฏิบัตใิ หเห็นจริง เราจะไมเปนผูกดขี่ ขณะเดียวกันก็จะไมยอมเปนผูถกู กดขี่ ตลอดประวัตศิ าสตรเราถูกกดขี่มาโดยตลอด ถูกกดขี่ในทุกา น วันนี้เราไมตองการเปนผูถกู กดขี่อีก แลวก็ไมตอ งการเปนผูกดขี่ดว ย เราจะไมรุกรานประเทศใด ทั้งสิ้น อันเปนไปตามหลักธรรมคําสอนที่เราไดรบั จากอิสลามเราจะไมรกุ ล้ําสิทธิของผูหนึ่งผูใดทั้งสิ้น เราจะ ไมทําอยางนั้นเด็ดขาด เราจะไมรุกรานประเทศใดๆ เราจะไมทาํ อยางเด็ดขาด แตเราก็จะตองสกัดการ รุกรานจากบุคคลอื่นดวย ประชาชนของเราทุกวันนี้ไมวา หญิงหรือชาย เด็กหรือผูใหญมคี วามพรอมใน การเผชิญหนากับการรุกราน ทุกรูปแบบมันถูกสกัดกั้นไวแลว พวกเขาลุกขึ้นยืน แลกชีวติ กับอิสรภาพ และเสรีภาพแลกกับการที่ตอ งหลุดออกจากแอกแหงการกดขี่ เรารอคอยเชนนี้จากประชาชาติและ ประเทศทั้งหลาย คําสอนของอิสลามบอกวา พวกทานตองไมกดขี่ผูอื่นและตองไมตกอยูภายใตการกด ขี่ของผูใด หากพวกเขาปฏิบัตติ ามแนวทางของอีซามะซีฮฺ ทานอีซามะซีฮฺ (อ.) นั้นก็ไมยินยอมใหมกี าร กดขี่ในทุกรูปแบบและไมยอมตกอยูภายใตการกดขี่เปนเด็ดขาด นี่คอื แผนงานของบรรดาศาสนทูต ทั้งหลาย มันคือแบบแผนของพระเจาซึ่งถูกประกาศมายังมนุษยชาติผานทานศาสนทูตทั้งหลายวา ประชาชนทั้งหลายจะตองไมเปนผูกดขี่ แมเพียงแลกกับสองดิ้รฮัม แลวนับประสาอะไรกับหนึ่งตูมาน และพวกเขาตองไมยอมรับการกดขี่ดว ย” การตอสูกบั ความอธรรมเปนหนาที่ทางศาสนา “นักลาเมืองขึ้นไดเขามาบีบบังคับใหรับระบบเศรษฐกิจสามานยโดยอาศัยน้ํามือของขี้ขาทาง การเมืองซึ่งมีอาํ นาจปกครองมุสลิมอยูจากผลดังกลาว ประชาชนจึงถูกแบงออกเปนสองจําพวก คือผู กดขี่และผูถูกกดขี่ ฟากหนึ่งมีมุสลิมหลายรอยลานคนตองทนหิวกระหาย ขาดสุขอนามัย และไร วัฒนธรรม สวนอีกฟากหนึ่งซึ่งเปนคนกลุมนอยอันประกอบไปดวยคนร่ํารวย เจาของอํานาจทาง การเมือง ซึ่งเปนพวกใชชีวติ หรูหราฟุมเฟอยและเสื่อมเสีย ประชาชนผูหวิ กระหายและตกอับตางก็ พยายามที่จะปลดปลอยตนเองออกจากการกดขี่ของผูปกครองที่ฉกฉวยประโยชน เพื่อที่จะใหชีวติ ของพวกเขาดีขึ้น ความพยายามเชนนี้ยงั คงดํารงอยู แตคนกลุมนอยที่เปนผูปกครองและมีอาํ นาจ ควบคุมรัฐบาลฉอฉลเหลานั้นสกัดยับยั้งพวกเขาไว เรามีหนาที่ตอ งปลดปลอยประชาชนผูถูกกดขี่และ ดอยโอกาสเหลานั้น เรามีหนาที่ตองหนุนหลังผูถกู กดขี่ทงั้ หลายและเปนศัตรูตอ ผูกดขี่ท้งั มวล นี่คือหนาที่ซึ่ง ทานอะมีรลุ มุอมินีน (อ.) ไดกลาวเตือนบุตรผูสูงศักดิ์ทงั้ สองของทานวา กูนาลิซซอลิมศ็อศมัน วะ ลิ้ลมัซลูมเอานัน (เจาทั้งสองจงเปนคูอาฆาตกับผูกดขี่และจงเปนผูชวยเหลือบรรดาผูถูกกดขี่) อุละมาออสิ ลามมีหนาที่ตอ งตอสูกับความตองการรวมศูนยและการใชประโยชนที่ไมถูกตอง ของพวกกดขี่ พวกเขาตองไมปลอยคนสวนใหญใหตอ งอดอาหารและอยูในสภาพดอยโอกาสสวน ขางๆ พวกเขาเหลานั้นมีพวกกดขี่ทคี่ อยฉกฉวยผลประโยชนและกินของตองหามอยูอยางฟูฟา ทานอะ มีรลู มุอมินีน (อ.) กลาวไววา ฉันยอมรับอํานาจการปกครองก็เพราะวา อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงเอาสัญญา
จากอุละมาออสิ ลามวา พวกเขาจักตองไมนิ่งเงียบตอการเผชิญหนาระหวางพวกตะกละตะกลามและ พวกฉกฉวยที่กดขี่ กับพวกหิวโซและดอยโอกาสที่ถูกกดขี่และยืนนิ่งโดยไรงานทํา ทุกวันนี้เราจะทนนิ่งเงียบไดอยางไร ก็ในเมื่อเราก็เห็นวามีพวกฉอฉล พวกสวาปามของ ตองหาม และตัวแทนตางชาติเขาครอบครองทรัพยากร และผลผลิตของมุสลิมหลายรอยลานคนโดย ความชวยเหลือของตางชาติและการบีบบังคับ พวกเขาไมปลอยใหมุสลิมเหลานั้นใชประโยชนจาก ความโปรดปรานเลยหนาที่ของอุละมาออสิ ลามและมุสลิมทั้งมวลคือหยุดยั้งสภาพการกดขี่เหลานี้และ กําจัดรัฐบาลของพวกกดขี่ตามแนวทางนี้ซึ่งเปนแนวทางแหงความผาสุกของมุสลิมหลายรอยลานคน และกอรางสรางรัฐบาลอิสลาม” “หลักการศาสนาและปญญาบอกเราวา เราจักตองไมปลอยใหสภาพของรัฐบาลทั้งหลาย ดําเนินไปแบบตอตานอิสลามหรือไมมีสภาพแบบอิสลาม หลักฐานในเรื่องนี้ชัดเจน เพราะการ สถาปนาระบอบการเมือง แบบมิใชอสิ ลามก็หมายความวา ไมปลอยใหระบอบการเมืองแบบอิสลาม ดํารงอยูเชนเดียวกันที่ระบบการเมืองอื่นที่มิใชอสิ ลามนั้นคือระบอบที่แปดเปอนไปดวยการตัง้ ภาคีเพราะผูปกครองคือฏอฆูต- เรามีหนาที่ทจี่ ะตองขจัดผลิตผลของการตั้งภาคีใหออกไปจากสังคม อิสลามและชีวติ ความเปนอยูของพวกเขา เหตุผลอีกอยางหนึ่งก็คือ เรามีหนาที่สรางเงือ่ นไขทางสังคม ที่เอื้อตอการฟูมฟกกลุมคนที่เปนศรัทธาชนและมีความประเสริฐ เงื่อนไขนี้ยอ มตรงกันขามกับเงื่อนไข ของผูปกครองฏอฆูตและอํานาจอันไมชอบธรรม เงื่อนไขทางสังคมที่เกิดจากน้ํามือของฎอฆูต และ ระบบที่เคลือบดวยการตัง้ ภาคีนั้นจะตามติดมาดวยความเสื่อมเสียซึ่งพวกทานประจักษเห็น นั่นก็คือ ความเสื่อมเสียบนหนาแผนดิน ซึ่งเราจําเปนตองขจัดใหสิ้น คนที่เปนตนเหตุตองไดรับการตอบแทน การกระทําของพวกเขาอยางสาสม มันคือความเสื่อมเสียซึ่งฟรอูนสรางมันขึ้นมาในดินแดนอียิปต ดังที่อลั กุรอานกลาววา อินนะฮูมินั้ลมุฟซิดีน (แทจริงเขาคือผูสรางความเสื่อมเสียคนหนึ่ง) ภายใต เงื่อนไขทางการเมืองและสังคมดังที่เปนอยูนี้ มนุษยผูมีศรัทธา ผูยําเกรง และผูรกั ความยุติธรรมไม อาจจะดํารงอยูได โดยใหคงสภาพความศรัทธาและการปฏิบัตติ นอยางดีเอาไวได เขาตองเผชิญกับทาง สองแพรงตองถูกบีบบังคับใหกระทําสิ่งที่แปดเปอนการตั้งภาคีและไมถฏู ตองหรือเพื่อที่จะไมตอง กระทําความชัว่ ดังกลาวและไมตอ งยอมรับคําสั่งและกฎเกณฑของพวกฎอฆูต พวกเขาก็ตองขัดแยง และตอสูกบั คนพวกนั้นจนเงื่อนไขแหงความเสื่อมเสียมลายสิ้นไป เราไมมีทางเลือกใดนอกจากตอง ทําลายองคกรเครือขายของรัฐบาลที่เสียหายและสรางความเสื่อมเสีย และเราตองลมลางระบอบของ ผูปกครองที่ฉอฉล สรางความเสื่อมเสีย อธรรม และชั่วชา นีเ่ ปนหนาที่หนึ่งซึ่งมุสลิมทุกคนในทุกประเทศจะตองทําใหไดแลวพวกเขาก็จะทําใหการ ปฏิวัติทางการเมืองแบบอิสลามประสบชัยชนะ” “ทานอะมี้ร (อ.) ไดยืนหยัดสูกับมุอาวิยะฮฺ ในสภาพที่มุอาวิยะฮฺมีภาพของอิสลามและปฏิบัติ ตนตามแบบอิสลามอยู บางทีก็อาจมีความเชื่อแบบอิสลามอยูบา ง หรืออาจจะไมมเี ลยก็ได
ทั้งๆ ที่แมจะมีใครบางคนทีเ่ ตือนทานอะมี้ร (อ.) แบบเบาความวา ขอใหทานปลอยมุอาวิยะฮฺ ไวในรัฐของทานสักพักหนึ่งและเมื่อรากฐานของรัฐบาลของทานแข็งแกรงแลวก็คอ ยจัดการเขา แต ทานอะมี้ร (อ.) ก็ไมใสใจคําพูดเหลานี้เลย เหตุผลของทานก็คือ คนๆ หนึ่งที่กระทําการฝาฝน บทบัญญัติแหงอิสลามและเปดทางใหความอธรรมเขาครอบงําบานเมือง ขาไมอาจปลอยเขาใหเปน ผูปกครองได แตถาหากยังปลอยใหเขามีอาํ นาจปกครองก็เปนการบงบอกวา คนชั่วมีอํานาจปกครอง แทนผูนาํ ที่แทจริง ทานยังไดจํากัดวงใหแคบอีกวาถึงแมวา ในชวงเวลานั้นการปลอยใหมอุ าวิยะฮฺดาํ รง อยูตอ ไปนั้นจะเปนการเสริมบารมีใหอาํ นาจการปกครองของทานแข็งแกรงยิ่งขึ้นก็ตามทานก็จะไม อนุญาติใหมุอาวิยะฮฺมีอาํ นาจปกครองอีกตอไป นี่เปนหลักฐานสําหรับเราวา หากเรามีความสามารถ เราจะตองขจัดรัฐบาลซึ่งปกครองดวยคนชั่วออกไป แตถาทําไมได ก็จะตองไมพอใจตอรัฐบาลของ พวกเขาแมเพียงวันเดียว หรือแมแตหนึ่งชั่วโมง ความพอใจนี้คือ ความพอใจตอความอธรรม พอใจตอ การรุกราน พอใจตอการฉกชิงทรัพยสินของประชาชน ไมมีมสุ ลิมคนใดที่มีสิทธิแสดงความพึงพอใจ ตอรัฐบาลของผูกดขี่แมเพียงหนึ่งชั่วโมง เราทั้งหมดมีหนาที่ตอ ตานรัฐบาลที่เขามาดวยวิธีการเหลานี้ และกระทําการฝาฝนบทบัญญัตขิ องอิสลาม หรือแมกระทั่งกฎหมายของตนเอง เราทั้งหมดมีหนาที่ ตองตอสูกบั พวกเขา ทุกคนตองสูตามกําลังความสามารถของตนเองไมมีขออางใดๆ ทั้งสิ้น” “มีรายงานหนึ่งจากคุฎบะฮฺของทานซัยยิดุชชุฮะดาอ (อ.)ที่ทา นไดกลาวถึงสาเหตุของการลุก ขึน้ สูกบั รัฐบาลฉอฉลในยุคนั้น นั่นก็คอื ทานกลาวกับประชาชนโดยอางคํากลาวของทานศาสดา (อ.) ที่วา บุคคลใดที่เห็นผูปกครองชั่วเปลี่ยนกฎศาสนบัญญัตจิ ากตองหาม (ฮะรอม) เปนอนุมัติ (ฮะลาล) สิ่งใดที่อลั ลอฮฺทรงหามเอาไว เขากลับปลอยใหกระทําไดอยางเสรี กระทําตนขัดแยงตอแบบฉบับของ ทานศาสดา (ศ.) ฉีกสัญญาที่ไดกระทําไวกับอัลลอฮฺ หากใครเห็นผูปกครองชั่วกระทําสิ่งดังกลาวแลว นิง่ เงียบ ไมยอมจัดการเปลี่ยนแปลงดวยคําพูดของเขา ไมยอมเปลี่ยนแปลงสภาพหลงผิดที่พวก ผูปกครองชั่วไดทําไวดว ยการแสดงออกของตนเอง อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดทรงตัดสินพระทัยเอาไวแลว พระองคทรงตัดสินพระทัยเอาไววา มนุษยคนใดที่นิ่งเงียบตอหนาผูปกครองชั่วที่ไมรักษาความ ศักดิ์สิทธิ์ของกฎศาสนบัญญัตขิ องพระองค ประพฤติตัวขัดแยงตอแบบฉบับของทานศาสดาของ พระองค ฉีกสัญญาที่มีตอ พระองค การนิ่งเงียบตอหนาผูปกครองอธรรมนี้กลายเปนการไมพยายาม เปลี่ยนแนวทางของผูปกครองชั่วทั้งคําพูกและการกระทํา มันเปนการตัดสินพระทัยที่พระองคจะทรง เปลี่ยนสถานะของเขาใหเขาแทนที่สถานะของผูปกครองชั่วในโลกหนา หมายความวาผูปกครองที่มี ลักษณะดังกลาว เปลี่ยนแบบฉบับของทานศาสดา (ศ.) ฉีกสัญญาที่มีตอ พระองค ละทิ้งการปกปอง ความศักดิ์สิทธิ์แหงบทบัญญัตศิ าสนา โดยปลอยใหกระทําอยางเสรี เขามองเห็นการกระทํานี้จากพวก เขา ถึงแมวา เขาจะกระทําการงานที่เปนวาญิบและมุซตะฮับอยางดี นมาซสามชวงเวลา ไปมัสญิดเปน บุคคลที่เผยแพรศาสนบัญญัตขิ องพระเจา ปฏิบัติตนตามความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ เขาทําการงาน ทั้งหลายอยางดีเยี่ยม ออกหางจากพฤติกรรมที่เลวทราม แตเขานิ่งเงียบตอผูปกครองอธรรมตามการ รายงานซึ่งถายทอดมาจากทานซัยยิดุชชุฮะดาอซึ่งบองบอกถึงเหตุผลของการลุกขึ้นสูตอตานรัฐบาล
อธรรมในยุคนั้นวาทานตองการปฏิบัตติ ามคําสอนของทานศาสดา โดยที่ไมมีวันจะละวางมันเปนอัน ขาด สวนบุคคลใดที่ขัดแยง เขาก็อยูในสถานะเดียวกับผูปกครองอธรรม หมายความอยูในนรกขุม เดียวกับที่ผูปกครองชั่วนั้นอยูมีสภานภาพเดียวกับที่ผูปกครองอธรรมมีอยูมนุษยคนที่วา นี้เลือกที่จะนิ่ง เงียบไมวา ผูปกครองชัว่ คนนั้นจะประพฤติปฏิบัติตวั อยางไร การนิ่งเงียบของเขาสงผลใหเขามีที่อยู เดียวกับผูปกครองอธรรมคนนั้นนั่นเอง” ความนารังเกียจของการนิ่งเงียบตอการกดขี่ การนิ่งเงียบของอุละมาออิสลาม “สําหรับขาพเจาแลวไมเคยสงสัยเลยวา การนิ่งเงียบตอหนาองคกรของพวกอหังการนั้นไม เพียงแตเปนการทําลายลางอิสลามและมัซฮับชีอะฮฺเทานั้น มันยังเปนการสูญเสียแบบตอยต่ําที่สุด วันนี้ครูบาอาจารย เฉพาะอยางยิ่งอุละมาอทวั่ โลกมีหนาที่อนั ยิ่งใหญ ตอหนาเบื้องพระพักต ของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ดวยกับการนิ่งเงียบของพวกเรานั้นจะสงผลใหคนรุนใหมตกอยูในความหลงผิด และปฏิเสธไปตลอดภาล และเรามีหนาที่ตอ งรับผิดชอบ อันตรายของอัสราเอลเองและเครือขายอันต่ํา ทรามของมันนั้นกําลังขมขูอิสลามและอีหรานใหพบกับความวิบัติ ขาพเจาไมยอมที่จะมีชวี ติ อยูอยาง ไรเกียรติและไรคาเปนอันขาด ขาพเจารอคอยอุละมาอและมุสลิมทั่วไปใหปกปองอัลกุรอานและ อิสลามจากภยันตรายที่อยูเบื้องหนาดวยการรวมมือกัน” “ความรักความผูกพันของอุละมาออสิ ลามตอประเทศชาติและกฎเกณฑอสิ ลามนั้นก็คือความ รักความผูกพันตอพระเจาทีไ่ มมีวันแยกจากกันเรามีหนาที่ที่รบั มอบจากพระเจาในการรักษา ประเทศชาติอสิ ลามและอิสรภาพเสรีภาพของประชาชน เราเชื่อวาการละทิ้งการตัดเตือนและนิ่งเฉยตอ ภยันตรายที่จะเกิดขึ้นนั้นถือวาเปนตราบาปสําหรับอิสลามและอิสรภาพของชาติ เราเชื่อวาเปนบาป ใหญ เราเชื่อวามันคือการเปดทางตอนรับความตายอันดําทะมึน ผูนําผูยงิ่ ใหญของเรา เชนทานอะมีรูล มุอมินีน (อ.) ไมอนุญาตใหนิ่งเฉยตอการกดขี่ทงั้ หลาย แลวเราก็ไมยอมดวยหนาที่ของเราคือชี้นํา ประชา แนะนํารัฐทั้งหลาย ชีแ้ นะองคกรทุกแหง เราจะไมยอมละวางหนาที่ตามประสงคของพระเจา เชนนี้ ในยุคนี้ การนิ่งเฉยตอการกดขี่ก็คอื การชวยเหลือผูอธรรมนั่นเอง” “(จากโองการที่วา ) อิซยะกูลุ เลาลายันฮาฮุมลุ ร็อบบานียูนะวั้ลอะฮฺบารุ อันเกาลิฮิมุลอิษมิ วะ อักลิฮิมุซซุฮฺตะ ละบิอซะมากานูยศั นะอูน (ทําไมบรรดาผูทาํ ตัวผูกพันอยูกับพระเจา และบรรดา นักปราชญ (ชาวยิว) จึงไมหามปรามพวกเขาจากคําพูดของพวกเขาที่เปนบาปและการรับสินบนของ พวกเขา สิ่งที่พวกเขาสรางสรรคไว ชางเลวรายเหลือเกิน-อัลมาอิดะฮฺ / ๖๓-) อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรง กลาวโทษตอทาทีของ ร็อบบานียูน (บรรดาผูทาํ ตัวผูกพันกับพระเจา) และอะฮฺบา ร (นักปราชญ ชาวยิว) วาทําไมพวกเขาซึ่งเปนนักการศาสนายิวจึงไมหามปรามและไมหยุดยั้งคําพูดที่เปนบาป หมายถึง คํากลาวของพวกทําบาป-ไมวา จะเปนคําพูดเท็จ การใสราย การดัดแปลงสัจธรรม และอื่นที่ อยูในขายนี้ – และการรับสินบน ซึ่งหมายถึงการกินของตองหาม ชัดเจนวาการประณามและตําหนินี้
มิใชเกิดเฉพาะผูรูชาวยิวเทานัน้ และมิใชเฉพาะผูรชู าวคริสตเทานั้น แตครอบคลุมถึงผูรูของสังคม อิสลามและผูรศู าสนาทัว่ ไป ฉะนั้นผูรูศาสนาของสังคมอิสลามหากยังคงนิ่งเฉยตอทัศนะ และ การเมืองของพากกดขี่ละก็ พวกเขาก็ตกอยูภายใตการประณามและตําหนิของพระเจาเชนกัน พระ บัญชานี้ไมไดเกี่ยวกับคนรุนกอนเทานั้น คนรุนกอนกับคนรุนใหมอยูในสถานะเดียวกันตามโองการ ดังกลาว ทานอะมีรลุ มุอมินีน (อ.) กลาวโดยอางอิงจากโองการดังกลาววา อุละมาอ อิสลามตองใชเรื่อง นีเ้ ปนอุทาหรณ ตองตื่นตัว ตองไมหยุดยั้งการกําชับกันใหทาํ ความดีและหามปรามกันจากความ เลวราย และพวกเขาจะตองไมยอมสยบตอสถาบันการปกครองพวกทรราช ทาน (อ.) ไดกลาวไว สอง ประเด็นโดยอางจากโองการดังกลาววา ๑. การไมเอาใจใสตอ หนาที่ตนเองขอบบรรดาอุละมาอเปนอันตรายยิ่งกวาความบกพรองใน หนาที่ในเรื่องเดียวกันของบุคคลอื่น พอคาหากทําผิดพลาดก็เกิดผลเสียกับตัวเอง แตอลุ ะมาอหาก ละเลยจากหนาที่ของตนเอง เชนนิ่งเงียบตอหนาพวกทรราช ผลเสียก็จะเกิขนึ้ กับอิสลาม หากเขาไดทํา หนาที่ของตนเอง ไมนงิ่ เงียบในสิ่งที่จําเปนตองพูด ผลดีก็จะตกกับอิสลาม ๒. ทั้งๆ ที่เขาตองหามปรามทุกเรื่องที่ขดั แยงกับบทบัญญัตศิ าสนา โดยอางจากเรื่องคํากลาวที่ เปนบาปและการกินสินบันก็คอื กินของตองหามนั้น เขาใจไดวา ความชั่วรายทั้งสองนี้อนั ตรายยิ่งกวา ความชั่วรายใดๆ เขาจะตองตอสูอยางจริงจังในเรื่องดังกลาวนี้ ก็เพราะวาคําพูดและการโฆษณาชวน เชื่อของเครือขายของพวกกดขี่นั้นมีอันตรายยิ่งกวาการกระทําและแนวทางการเมือของพวกเขาที่ กระทําตออิสลามและมุสลิมเสียอีก สถานะของอิสลามและมวลมุสลิมตกอยูในความสุมเสี่ยง อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดทรงประณามพวกเขาวา ทําไมไมยบั ยั้งคําพูดที่ไมถฏู ตองและการโพนทะนาการทําบาปของ พวกกดขี่? ทําไมพวกเขาจึงไมปฏิเสธบุคคลที่อางวา ขาเปนคอลีฟะตุลลฮฺ (ตัวแทนของอัลลอฮฺ) เปน เครื่งอมือดําเนินการของพระเจา และกฎเกณฑทางศาสนาก็คอื สิ่งที่ขา กระทําอยู ความยุติธรรมก็คอื สิ่ง ที่ขาดําเนินการอยู-ทั้งๆ ทีไ่ มมีแกนแหงความยุตธิ รรมเลย-? นี่คอื คํากลาวทีเ่ รียกวา คํากลาวที่เปนบาป ทําไมพวกเขาจึงไมยับยั้งคําพูดที่มีตราบาปซึ่งมีอันตรายอยางรายแรงตอสังคมเหลานี้? พวกเขากระทํา การทุจริตและสรางบิดอะฮฺ (คําสอนใหม) ในอิสลาม และตีอสิ ลามเขาอยงจัง ทําไมพวกเขาจึงไมหาม ปรามสิง่ เหลานี้ ทําไมไมยบั ยั้งความชัว่ เหลานี้? หากบุคคลใดอธิบายกฎเกณฑศาสนาแบทีอ่ ัลลอฮฺไมทรงพอพระทัยละก็ เทากับเขาไดสราง บิดอะฮฺในอิสลามแลว โดยใชชื่อวาอิสลามกําหนดใหเปนเชนนั้น เขาไดกระทําการขัดแยงกับอิสลาม จึงเปนหนาที่ของอุละมาอที่จะตองตอตาน เมื่อใดที่พวกเขาไมแสดงอาการตอตานออกมา พวกเขาก็จะ ตกอยูภายใตการสาปแชงของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) นี่คอื สิ่งที่ไดจากโองการอัลกุรอาน และจากอัลฮะดีษที่วา อิซาซอฮธ รอติ้ลบิดะอุ ฟะลิ้ลอาลิม อัยยุซฮิรออิ้ลมะฮู วะอิ้ลลา ฟะอะลัยฮิละอฺนะ ตุลลอฮฺ (เมื่อ บิดอะฮฺแพรหลายขึ้นมา เปนหนาที่ของผูรูทจี่ ะตองแสดงความรู (ศาสนา) ของเขาออกมา มิเชนนั้น แลว การสาปแชงของอัลลอฮฺก็จะตกอยูที่พวกเขา”
“หากเกิดบิดอะฮฺในอิสลามและการนิ่งเงียบของอุละมาอและผูนําศาสนาเปนเหตุใหเกิดการ ทํารายอิสลามและบั่นทอนความศรัทธาของมุสลิมละก็ เปนความจําเปนสําหรับพวกเขาที่จะตองใชสื่อ ทุกอยางที่เปนไปดทําการปฏิเสธบิดอะฮฺเหลานี้ ไมวา การปฏิเสธนั้นจะถึงขึ้นถอนรากถอนโคนความ เสื่อมเสียนั้นไดหรือไมกต็ าม เชนเดียวกัน หากการนิ่งเงียบของพวกเขาถือเปนการปฏิเสธความเลวรายเหลานั้นก็ตามที ณ ที่นี้ไมตองพิจารณาประเด็นเรื่องอันตราย แตตอ งพิจารณาประเด็นเรื่องความสําคัญตองมากอน หากในการนิ่งเงียบของอุละมาอและผูนําศาสนา เปนความกลัววา ความเลวรายจะกลายเปน เรื่องดี และความดีจะกลายเปนความเลวรายละก็ ยิง่ จําเปนสําหรับพวกเขาที่จะตองสําแดงความรู ออกมา ไมอนุญาตใหเงียบถึงแมวา เขาก็รูดีวา การปฏิเสธของพวกเขาจะไมสงผลอะไรตอตัวของ ผูกระทําสิ่งนั้นเลยก็ตาม ไมตอ งพิจารณาเรื่องอันตราย เพราะประเด็นนี้เปนกฎเกณฑศาสนาที่ไดรับ ความสําคัญอยางยิ่งยวดจากผูตราบทบัญญัตศิ าสนา” การนิ่งเงียบของรัฐบาลและเจาหนาที่รัฐทั้งหลาย “บททดสอบของอิสลามในวันนี้ก็คือ หูซงึ่ จําเปนตองเปดรับฟงประเด็นปญหาและความ ยุงยากของมุสลิมนั้นกลับหนวกไปแลว ลิ้นซึ่งจําเปนตองกระดกพูดถึงผลประโยชนของมุสลิมกลับ เปนใบไปแลว ดวงตาซึ่งจําเปนตองพินิจความทุกขโศกซึ่งเกิดขึ้นกับมุสลิมกลับมืดบอดไปแลว เราจะ พูดอยางไรกับอาการหูหนวก เปนใบ และตาบอดเหลานี้? รัฐในภูมิภาค (ตะวันออกกลาง) เหลานี้ไม สําเหนียกหรือวา ประเด็นปญหาเรื่องเลบานอนนั้นเปนความหายนะหนึ่ง? เปนความหายนะหนึ่ง สําหรับมุสลิมโลก? หรือวาการเขาโจมตีของอิสราเอลตอเลบานอนและเขนฆาอยางไรขอบเขตนั้น มิใชเปนความหายนะกระนั้นหรือ? มิใชเปนความหายนะสําหรับอิสลามกระนั้นหรือ? สําหรับมวล มุสลิมกระนั้นหรือ? การที่อเมริกากลาวอยางชัดเจนวาเปนการกระทําที่ถกู ตองแลวเสียงนี้ไมเขาไปใน โสตประสาทของพวกเขาหรือ? ถาหูของพวกเขายังใชการไดทาํ ไมจึงไมไดยนิ เสียงตะโกนและเสียง รองระงมของผูเปนที่รักยิ่งของพวกเราในเลบานอนเลา? ถาสยตาของพวกเขายังไมมดื บอล แลวทําไม พวกเขาจึงไมเห็นการเขนฆาที่เกิดขึ้นทุกวันทุกหัวระแหงในเลบานอน ในอีหราน ชายหนุมอันเปนที่ รักยิ่งของพวกเราตองออกไปในสมรภูมิ สตรี เด็กและคนชราตองอยูแนวหลัง ตองพบกับการทําลาย ลางตามเมืองตางๆ เลา? หากพวกเขายังมองเห็นและรับรูถงึ ความวิบัตเิ หลานั้น แลวทําไมไมพูดออกมา บาง? หากพวกเขามีความรักความผูกพันตอองคาพยพอิสลาม ตออัลกุรอาน ตอฮะรอมัยน (แผนดินอัน ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง) แลวทําไมทุกวันนี้จึงไมมีการพูดถึงอาณาบริเวณของศาสนานี้ที่ยงั คงอยูในอุงเทา อีกทั้งอิสลาม อัลกุรอาน และฮะรอมัยนฺชะรีฟยนฺยงั ไดรับการขมขูอยูเลา? ทําไมพวกเขาไมระดมกําลัง เขาชวยเหลือ? เกิดอะไรขึ้น ทัง้ ที่พวกเขาก็ประจักษถงึ ความหายนะเหลานั้น และเปนพยานยืนยัน อาชญากรรมของคนพวกนั้นไมเพียงแตพวกเขาเลือกที่จะนิ่งเงียบเทานั้น พวกเขากลับสงเสริมการ กระทําของคนพวกนั้นอีก? พวกเขายังคงสนับสนุนขอตกลงแคมปเดวิดและตงการใหมกี ารยืนยันตาม ขอเสนอแนะของฟะฮัด (อดีตกษัตริยข องซะอูด)ี้ อีกทั้งยังตองการใหอสิ ราเอลไดรับการรับรองอีก
ความหายนะเหลานี้พวกเราจะตองไปรองขอความกรุณาจากใครดีเลา? รองขอความกรุณาจากรัฐบาล ที่หูและดวงตาของพวกเขาปดสนิทและยอมอเมริกาอยางไมมีเงื่อนไขกระนั้นหรือ? พวกเขาเสียสละ พรอมกับประชาชนผูถูกกดขี่ซึ่งตกอยูภายใตการบีบคั้นของรัฐบาลเหลานี้ กระนั้นหรือ? ตองบอกเลาเรื่องราวเหลานี้กับประชาชาติทเี่ ปนดังเชนประชาชาติอีหราน ประชาชาติซึ่งเคย ไดรับความหายนะจากน้ํามือของอเมริกาและบริวารของมันซึ่งก็คอื รัฐบาลพะฮฺเลวี พวกเขาคือคน หนุมผูกลาแหงอีหราน คือประชาชาติอหี ราน คือทหารหาญของอีหราน คือทหารเรือ ทหารอากาศ และทหารบกของอีหราน คือกองกําลังพิทักษของอีหราน คือกองกําลังอาสาสมัครบะซีจญและชน กลุมนอยของอีหราน ที่พวกเขาเขาใจหนาที่รว มกันของพวกเขา พวกเขาตื่นจากภวังคแลวชูกาํ ปน ขึน้ มา กําปนนั่นเองที่ไลกระแทกรถถังใหตกขอบสมรภูมติ ราบใดที่ประชาชาติทั้งหลายยังไมตื่นจาก ภวังค ตราบใดที่ประชาชาติทงั้ หลายยังไมเปนหนึ่งเดียวกัน ก็จงรูไวเลยวา พวกเขาก็ยังตกเปนเบี้ยลาง รัฐบาลเสื่อม รัฐบาลที่อยูภายใตการปกครองของอเมริกาโจรชัว่ และมหาอํานาจตัวอี่น ทั้งๆ ที่มี ทรัพยากรมากมาย มีเครื่องไมเครื่องมือซึ่งหากปดทอน้ํามันที่สงใหพวกมันชั่วเพียงหนึ่งอาทิตย ปญหา ทั้งมวลก็จะไดรบั การแกไข พรอมๆ กับที่พวกเขาบอกวา เราไมมีวันทําอยางนี้หรอก เราไมอาจบอก เลาความทุกขโศกเหลานี้ตอ ผูใดไดเลย นอกจากตอพระผูอภิบาลเทานั้น? เราไมอาจฟองรองรัฐบาล เหลานี้ตอใครไดเลย นอกจากพระผูอภิบาล? เราจะไมฟองรองกับพวกเขาที่พยายามปดปากอีหราน ซึ่ง ยืนหยัดขึ้นมาและตองการเผชิญหนากับมหาอํานาจทั้งหลาย ทําอิสลามใหเปนที่ประจักษในโลกนี้ พูด ถึงเรื่องการญิฮาดตอตานอิสราเอลที่บงั อาจทําสงครามกับอิสลามและยังกลาวอยางบังอาจวา อาณา บริเวณตั้งแตลมุ แมนา้ํ ไนลถึงยูเฟรติสนั้นเปนของมัน เราตองทนเจ็บปวดกับสิ่งเหลานี้ไปถึงไหนกัน จะเลาความโศกเศรานี้ใหใครฟง? จะบอกกับใครใหรบั รูความนิ่งเงียบที่คอยประหัตประหาร ความนิ่ง เงียบที่เปนตัวสนับสนุนอาชญากรรมทั้งหลายและความนิ่งเงียบที่เปนกําลังใจใหพวกกดขี่ อีกทั้งจาก ใครเลาที่เราตองการความชวยเหลือและทําลายความนิ่งเงียบเหลานี้? ประชากรของพวกทานมีจาํ นวน นอย กระนั้นหรือ? ทรัพยากรของพวกทานมีนอยกระนั้นหรือ? น้ํามันของพวกทานก็ไมมอี ยางนั้น หรือ? ผืนแผนดินของพวกทานก็มีไมมากอยางนั้นหรือ? ศูนยกลางที่สําคัญซึ่งนับไดวา เปนจุด ยุทธศาสตรนั้นไมไดอยูในมือพวกทานหรอกหรือ? เครื่องไมเครื่องมือมีอยางครบถวน แตขาดเพียง อยางเดียวคืออีหมานความศรัทธา ไมมีอหี มานความศรัทธา อีหรานไมมีอะไรเลย แตมีอหี มาน อีหมานนั่นเองที่เปนตัวขับเคลื่อนใหพวกเขามีชยั เหนือ มหาอํานาจทั้งหลาย มุสลิมในประเทศทั้งหลายและรัฐบาลของพวกเขานั้นมีทกุ อยาง แตไมมีอหี มาน สิ่งที่ทําใหประเทศของเราประชาชาติของเรากําชัยชนะไวคอื อีหมานที่มีตอ พระเจาและความปรารถนา ที่จะไดรับซะฮีด (ผูที่เสียชีวติ ในวิถที างของอัลลอฮฺ) ความปรารถนาที่จะไดรับซะฮีดตอตานการ ปฏิเสธศรัทธาตอตานการกลับกลอก เพื่อรักษาอิสลาม เพื่อปกปองอัลกุรอาน แขกรับเชิญที่รักยิ่งของเราที่ไดมาเยือนเราคือผูถือสารของอีหรานที่จะนําไปบอกกับ ประชาชาติของพวกทานใหคดิ ถึงเรื่องนี้ อยานั่งนิ่งใหอเมริกาคอยชี้นิ้ว เราตองทนทุกขไปถึงไหนกัน?
ดวงตาทั้งหลายเมื่อไรมันจะสวางขึ้น ลิน้ ทั้งหลายเมื่อไรจะไดกระดกพูดเสียที ศุมมุน บุกมุน อุมยุน ฟะฮุมลายะอฺกิลูน (พวกเขาเปนใบ หูหนวก ตาบอด แลวพวกเขาก็ไมรูจกั ใชปญ ญาไตรตรอง-อัลบะกอ เราะฮฺ / ๑๗๑-)” การนิ่งเงียบของประชาชน “ขาพเจาไดเตือนพวกทานหลายตอหลายครั้ง ประชาชาติมุสลิมเอย และจะเตือนตอไป สภาพ นักการศาสนาและอิสลามกําลังตกอยูในอันตราย การนิ่งเงียบตอหนาองคกรเครือขายที่สรางความ เสื่อมเสียของพวกทรราชสําหรับประชาชาติอสิ ลามแลวมันคือความนาอดสู ขอใหพวกทานอธิบาย ความเสียหายเหลานั้นดวยถอยคําที่เต็มไปดวยเหตุและผลอันแข็งแกรงของอิสลาม จงขจัดพวกชอบ ทําลายกฎเกณฑใหหมดไป พวกทานตองแสดงการคัดคานออกมา จงประกาศสารออกไป สงเสียงไป ยังประชาชาติอิสลามทั้งหลาย โปรดทําใหพวกเขาไดเห็นพฤติกรรมอันไรมนุษยธรรมของคนพวก นั้น” “มุสลิมทั้งหลายเปนอะไรกันไปหมด พวกเขานิ่งเฉยตอปญหาที่เกี่ยวของกับอิสลาม เกี่ยวพัน กับสถานะของอิสลาม ทําตัวกลายเปนเพียงผูสังเกตการณ? เราไมมีความตองการกองทหารหรือกอง กําลังใดเลย เราจะจัดการมันเองตามกําลังของเราเอง แตนาเศราก็ตรงที่มุสลิมไมเคยใหความสนใจตอ ปญหาที่เกิดขึ้นกับอิสลามพวกเขาไมสนใจอัลกุรอาน ไมปฏิบัตติ ามสิง่ ที่อัลกุรอานไดกลาวไวทวี่ า หากมีชนกลุมหนึ่งหรืออาจเปนมุสลิมดวยกันเขารุกรานมุสลิมอีกกลุมหนึ่ง เปนหนาที่ของมุสลิม ทั้งหลายที่ตองเขาปกปองมุสลิมผูถูกกดขี่กลุมนั้น ทําไมพวกเขาไมสงนักขาวเขาไปดูเหตุการณที่ เกิดขึ้นในอีหรานวา เกิดความยากลําบากเชนไรกับพวกเขาเหลานั้น? ทําไมหากพวกเขาเปนนักขาว เมื่อไดเห็นสภาพที่แทจริง พวกเขากลับไมรายงานหรือพูดถึงในสถานีวทิ ยุ ความนิ่งเงียบที่นา สะพรึงกลัวนี้คืออะไร? พวกทานคิดหรือวามันเปนเรื่องของอิรักกับอีหรานเปนเรื่องของซัดดัมกับ ประชาชาติอหี ราน? มันไมใชเรื่องแคนี้ มันเปนเรื่องอิสลาม มันไมใชเรื่องเฉพาะของประชาชาติหนึ่ง มันเปนเรื่องของประชาชาติอิสลามทั้งหลาย มันเปนเรื่องของกลุมชนผูดอ ยโอกาส” ปฏิเสธการอยูรวมกับ องคกรเครือขายแหงการกดขี่และมารราย ไมอนุญาตใหเขารวมกับองคกรเครือขายของพวกมารราย “อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดทรงหามไวในอัลกุรอานไมใหยอมศิโรราบพวกมารรายและอํานาจ ทางการเมืองอันไมชอบธรรมของพวกมันพระองคไดโนมนาวใหประชาชนลุกขึ้นสูตอตานผูปกครอง เหลานั้น พระองคไดทรงบัญชาใหมูซายืนหยัดสูกับผูปกครองเหลานั้น” “มีรายงานจากทานอะบาอับดิ้ลลาฮฺ ความวา ทานศาสดา (ศ.) กลาววา ฟุกอ ฮาอ (นักการ ศาสนาผูวินจิ ฉัยความตามหลักการศาสนา) คือผูที่ไดรับความไววางใจของบรรดาศาสดา ตราบเทาที่ พวกเขาไมเขาไปเกลือกกลั้ว (แสวงหาความสุขและทรัพยสินอันมิชอบของ) โลกนี้มีคนกลาวขึ้นวา
โอรอ ซูลุลลอฮฺ การที่พวกเขาเขาไปในโลกนี้ มันหมายความวาอยางไร ทาน (ศ.) กลาวตอบวา การ ปฏิบัตติ ามผูปกครอง (ที่ไมชอบธรรม) ดังนั้น เมื่อพวกเขาไดทาํ เชนนี้กจ็ งระวังพวกเขาในเรื่อง (อันตรายที่อาจเกิดกับ) ศาสนาของพวกทาน” “หากผูนาํ รัฐบาลอิสลามรวมมือกับผูแทนกลายเปนเครื่องมือสืบทอดอํานาจทางการเมืองหรือ เศรษฐกิจของตางชาติตอรัฐบาลอิสลามแลว โดยที่อทิ ธิพลทางการเมืองนั้นเปนความนากลัวสําหรับ อิสลามหรือความเปนอิสรภาพของประชาชาติในอนาคตก็ตาม ถือวาผูนําและผูแทนเหลานี้เปนคน ทรยศ และสมมติวา การเขาสูตาํ แหนงดังกลาวของพวกเขาเปนสิทธิของพวกเขาก็ตาม ก็ตอ งปลด พวกเขาออกจากตําแหนงเปนหนาที่ของประชาชาติอสิ ลามที่ตอ งลงโทษพวกเขา ถึงแมวา จะดวย วิธีการอาริยะขัดขืนเชนไมรวมคบคาสมาคม ไมรวมคาขาย และไมสนใจ พวกเขาไมวา กรณีใดก็ตาม และพวกเขาตองใหความสําคัญที่จะตองขับไลคนพวกนั้นออกจากหนาที่ทางการเมืองและไมใหไดรับ สิทธิทางสังคมอืน่ ดวย” ญิฮาดขั้นสุดทายคือการตอสูกับความอลังการ “อิสลามและศาสนาทุกศาสนาลวนมีการเคลื่อนไหวทั้งสิ้นทําหนาที่ปลุกประชาชน คําสอน ของบรรดาศาสนทูตทําหนาที่ปลุกประชาชน เตรียมพรอมประชาชนเพื่อตอตานมหาอํานาจทั้งหลาย ตอตานบรรดาผูตั้งภาคี อาจกลาวไดวา อัลกุรอานคือคัมภีรแหงการตอสูคอื คัมภีรซึ่งตระเตรียม ประชาชนเพื่อการตอสู ขณะเดียวกันก็มีคําสอนเกี่ยวกับมนุษยชาติอยูในนั้น แตอะชิดดาอุอะลั้ลกุฟ ฟาร รุฮะมาอุบัยนะฮุม (เด็ดขาดตอผูปฏิเสธ มีเมตตาในระหวางพวกเขาดวยกัน-อัลฟตฮฺ / ๒๙-) และ กอติลุลมุชริกีนะ กาฟฟะฮฺ (พวกเจาจงตอสูกับบรรดาผูตงั้ ภาคีทงั้ หมด-อัตเตาบะฮฺ / ๓๖-) อัลกุรอานได โนมนาวผูคนและปลุกผูคน ใหกําลังใจกับประชาชนวามะลาอิกะฮฺจะอยูรว มกับพวกทานมะลาอิกะฮฺ ไดเคยอยูรว มกับพวกเขามาแลว มือเล็กๆ ทีเ่ คลื่อนไหวนั้นยอมหักสะบั้นอํานาจอันยิ่งใหญไดดว ยกับ พลังศรัทธาและการเคลื่อนไหวที่ศาสดาและอัลกุรอานไดสรางขึ้นมา” “ฉะนั้น อัลกุรอานและคัมภีรแ หงพระเจานั้นคือสําหรับที่แผกวาง ซึ่งทุกคนสามารถใช ประโยชนได แตเปนการใชประโยชนตามศักยภาพทัศนะอันเปนแกนของคัมภีรแหงพระเจาและ บรรดาศาสนทูตผูใหญก็คือแพรขยายการรับรูออกไป ทุกกิจการงานที่พวกเขาเหลานั้นไดกระทําไปก็ เพื่อทําหการรูจกั อัลลอฮฺตามสภาวะทีแ่ ทจริงนั้นแพรขยายออกไปสงครามทั้งหลายก็เพื่อสิ่งนั้น การยุติ ศึกก็เพื่อสิ่งนั้น จุดมุงหมายของความยุตธิ รรมทางสังคมก็เพื่อสิ่งนี้มิใชเมื่อโลกนี้อยูภายใตทัศนะของ พวกเขาแลว พวกเขาก็ตองการเพียงเพื่อแกไขโลกนี้เทานั้น พวกเขาตองการแกไขปรับปรุงในทุกเรื่อง ศาสนาใดที่ไมพูดเรื่องการสงคราม ยอมบกพรองถาเปนเชนนั้นจริง ขาพเจาคาดวา ในกรณีของทานน บีอซี า ซะลามุล ลอฮฺอะลัยฮิ หากพวกเขาเปดโอกาสใหทา นอีกสักเล็กนอย ทานก็ตองทําไปตาม ขั้นตอนที่ทานนบีมูซา ซะลามุลลอฮฺอะลัยฮิ ทําเหมือนกับที่ทา นนบีนูฮฺ ซะลามุลลอฮฺอะลัยฮิ ไดกระทํา
ไป นั่นก็คอื เผชิญหนากับพวกปฏิเสธ พวกที่ชอบเดาสุมวา ทานนบีอซี าไมทาํ งานเหลานี้เลย ทําหนาที่ เพียงตักเตือนเทานั้น พวกเขากําลังประทุษรายตอสถานภาพการเปนนบีของทาน ถาเปนอยางที่วา ก็ เขาใจไดวา ทานเปนเพียงนักเทศนเทานั้น มิใชศาสนทูต นักเทศนยอ มไมใชศาสนทูต ศาสนทูตนั้นยอม ตองมีคุณสมบัติพรอมที่จะแกไขปรับปรุงโลกนี้ ทําสงครามก็เพื่อทําใหประชาชนปลอดภัย เพื่อให ประชาชนปลอดภัยจากความเลวรายของคนพวกนั้น” “การตอสูของเราคือการตอสูท างความเชื่อ ไมมีขอบเขตทางภูมิศาสตรและเขตแดน เรา จําเปนตองจัดตั้งกองกําลังอาสาสมัครทหารของอิสลามขึ้นในโลก” “การตอสูลักษณะนี้เปนสิ่งจําเปนสําหรับความยุตธิ รรมหากประชาชนมีความเที่ยงธรรมแลว การตอสูกไ็ มมีความจําเปนหากประชาชนเปนมนุษย (ที่สมบูรณ) แลว การตอสูกไ็ มตองใช แตเมื่อยังมี คนกลุมหนึ่งซึ่งเปนคนสวนมากยังคงถูกเหยียบย่ําอยูเมื่อศักดิ์ศรีของอิสลามและมุสลิมยังตกอยูใน อันตราย เราไมไดเปนฝายเริ่มตนสงคราม เราอยูในสภาพปกปองตัวเอง” “การสงครามของทานศาสดาผูทรงเกียรติคือความเมตตาของทานซึ่งไมไดยิ่งหยอนไปกวาคํา ตักเตือนของทานเลย พวกที่ชอบคาดเดาวา อิสลามมิไดพูดวา สงคราม สงคราม จนกวาจะไดชยั ชนะ นั้น หากจุดมุงหมายของพวกเขาก็คอื ถอยความนี้ไมไดมีปรากฏอยูในอัลกุรอานละก็ ถือวาพวกเขาพูด ถูก แตถาจุดมุงหมายของพวกเขาคือไมมีพระดํารัสของพระเจาที่ใหความหมายสูงสงกวานี้อกี ละก็ พวกเขาผิดถนัด อัลกุรอานกลาววา กอติลูฮุม ฮัตตาลาตะกูนะ ฟตนะฮฺ (พวกเจาตองตอสูกบั พวกเขา จนกวาจะไมมีการสรางความวุนวายอีก-อัลบะกอเราะฮฺ / ๑๙๓-) พระองคทรงเชิญชวนมนุษยชาติ ทั้งหลายใหทําการตอสูเพื่อขจัดความวุนวาย หมายถึง สงคราม สงคราม จนกวาขจัดความวุนวานใน โลก นัน่ เอง สิ่งนี้ไมใชสิ่งที่เรากําลังกลาวอยู เราไดเอามาเพียงบางสวนที่เล็กนอยเทานั้น เราดํารงอยู ในวงกลมวงเล็กที่รายลอมดวยวงกลมวงใหญเทานั้น ทีเ่ ราพูดวา สงคราม สงคราม จนกวาจะไดชัย ชนะ จุดมุงหมายของเราก็คือ จนกวาจะไดรับชัยชนะเหนือซัดดาม หรือเปนชัยชนะที่สมมติวา เหนือกวาคนอยางซัดดัม สิ่งที่อลั กุรอานกลาวไมใชสิ่งนี้ อัลกุรอานกลาววา สงคราม สงคราม จนกวา ขจัดกความวุนวายในโลก หมายความวา บุคคลใดก็ตามที่ปฏิบัติตามอัลกุรอาน พวกเขาจะตองคิดอยู เสมอวา ตราบเทาที่พวกเขายังมีอาํ นาจอยู พวกเขาจะตองสูตอ ไปเรื่อยจนกวาจะสามารถขจัดความ วุน วายในโลกนี้ไดหมด นี่เปนความเมตตาหนึ่งสําหรับโลก เปนความเมตตาหนึ่งสําหรับทุก ประชาชาติในทุกสภาพการณทเี่ ปนอยูการ สงครามของทานศาสดานั้นคือความเมตตาอยางหนึ่งตอ โลก และเปนความเมตตาแมกระทั่งตอพวกปฏิเสธที่กําลังตอตานทานเอง เปนความเมตตาตอโลก เพราะถาไมมีความวุนวายในโลกแลว โลกก็จะรมเย็น หากพวกเขาเปนพวกอหังการละก็ ดวยการ สงครามนั่นเองที่จะทําใหพวกเขาตองกลับไปนั่งที่เดิม นี่เปนความเมตตาสําหรับประชาชาติหนึ่งซึ่ง เคยกําราบพวกอหังการได” “ในคัมภีรนิรันดรเลมนี้ เราเห็นวา อัลลอฮฺตรัสไววา กุลอินกานะ อาบาอุกุม วะอับนาอุกุม วะอิควานุกุม วะอัซวาุกุม วะอะชีรอ ตุกุมวะอัมวาลุกตะร็อฟตุมูฮุม วะติญารอตุนรัคเชานะกะซาดะ
ฮา วะมะซา กินุตรั้ เฏานะฮา อะฮับบะอิลยั กุม มินั้ลลอฮิ วะรอซูลิฮี วะญิฮาดินฟซะลีลิฮี ฟะตะร็อบบะศู ฮัตตายะอติยลั้ ลอฮุบิอัมริฮี วัล้ ลอฮุลายะฮฺดิ้ลเกามั้ลฟาซิกีน (จงกลาวไปวา หากบรรพบุรุษของพวก ทาน ลูกหลานของพวกทาน พี่นองของพวกทาน ภรรยาของพวกทาน เครือญาติของพวกทาน ทรัพยสินของพวกทาน ทีพ่ วกทานเสาะแสวงหามา การคาที่พวกทานกลัวการขายไมดี และบานเรือน ที่พวกทานมีความพึงพอใจมัน เปนที่รักยิ่งของพวกทานมากกวาอัลลอฮฺและศาสดาของพระองค และ (เปนที่รักมากกวา) การเพียรพยายามสูในวิถที างแหงพระองคแลวไซรดังนั้น พวกทานก็จงรอคอย จนกวาอัลลอฮฺจะทรงนําพระบัญชาของพระองคมา อัลลอฮฺจะไมทรงชี้นํากลุมชนผูละเมิด-อัตเตาบะฮฺ/ ๒๔) อัลลอฮฺทรงกลาวกับพวกเจตนาดี พวกประนีประนอม พวกที่รูสึกผิดตอการเปนซะฮีดของ เยาวชนคนหนุม พวกที่เศราเสียใจตอการสูญเสียทรัพยสิน สูญิสิ้นชีวิต และความสูญเสียทั้งหลาย และ ที่นา สนใจก็ตรงที่หลังจากที่พระองคกลาวถึงความรักที่มีตอ พระเจาและศาสดาของพระองคแลว พระองคไดกลาวถึงการญิฮาดในวิถที างของอัลลอฮฺ และทรงตักเตือนวา การญิฮาดอยูในฐานะสุดยอด ของศาสนบัญญัติซงึ่ เปนการปกปองรักษาหลักการศาสนา และพระองคยงั ทรงเตือนอีกวา ถานิ่งเฉย ตอการญิฮาดละก็ ใหพวกทานรอคอยผลที่จะตามมาไดเลย ไมวา จะเปนความตกต่ํา การเปนเชลย การ สูญสิ้นคุณคาแบบอิสลามและความเปนมนุษย และสิ่งที่พวกทานมีความหวาดกลัวอยูแลว ไมวา จะ เปนการสังหารหมูลูกเด็กเล็กแดง ผูอาวุโส และครอบครัวถูกจับเปนตัวประกัน เปนการชัดเจนเลยวา ทั้งหมดนั้นเปนผลของการละทิ้งการญิฮาด เฉพาะอยางยิง่ การญิฮาดแบบปองกันตัว ซึ่งเรากําลังเผชิญ อยูเวลานี้ และยังมีโองการอื่นที่ชี้ถงึ เรื่องนี้เอาไว กลาวคือฟลยะฮฺซะริ้ลละซีนะ ยุคอลิฟูนะ อันอัมริฮี อันตุศีบะฮุมฟตนะฮฺ เอายุศีบะฮุมอะซาบุนอะลีม (บรรดาผูซึ่งฝนพระบัญชาของพระองค ตองระวังตัว ไววา ใหดีวา ความสับสนวุนวายจะมาประสบกับพวกเขา หรือไมก็การลงทัณฑอนั เจ็บปวดยิ่งจะ ประสบกับพวกเขา-อันนูร / ๖๓-)” การตอสูและการยืนหยัดดาน พวกอหังการและพวกอธรรม การตอสูของบรรดาศาสนทูตตอพวกอหังการ “ขอการประสาทพรอันไมมีวนั จบสิ้นไดประสบกับบรรดาศาสดา ผูมงุ มั่น เชนฮิบรอฮีมผู ทําลายเจว็ด มูซาผูปราบมารราย และอีซามะซีฮฺ ซึ่งหากทานไดรับโอกาส ทานก็คงตองทําเชนเดียวกับ ทานเหลานั้น และรวมทั้งมุฮมั มัดมือปราบเจว็ดเต็มรูปแบบและปรปกษตลอดกาลตอพวกตั้งภาคีและ พวกกดขี่ ขอสงความศานติแดอบิ รอฮีมคอลีลลุ ลอฮฺ ผูซึ่งเขาจูโจมเจว็ดและผูบูชาเจว็ดอยางเดียวดาย หาวหาญไมกลัวกองเพลิงสวนมูซากะลีมุลลอฮฺก็กูตะโกนกองใสพวกฟรอูนทั้งหลายดวยไมเทาของ คนเลี้ยงแกะนี่แหละและไมเคยเกรงกลัวผูใด ขอสงความศานติและการประสาทพรแดมุฮัมมัด ฮะ บีบุลลอฮฺ ผูซึ่งยืนหยัดเพียงผูเดียว ทําสงครามจนวาระสุดทายของชีวติ กับพวกปฏิเสธที่อธรรมทานไม เคยคร่ําครวญถึงโชควาสนาเลย สําหรับศาสนาอันยิ่งใหญของบรรดาศาสดาแตกาลกอนและศาสนา
อิสลามอันยิ่งใหญนี้ ในขณะที่มือขางหนึ่งของพวกทานเหลานั้นถือคัมภีรแหงฟากฟา คัมภีรแ หงการ ชี้นาํ มืออีกขางหนึ่งก็ถืออาวุธพิฆาต อิบรอฮีมคอลีลลุ ลอฮฺ ซะลามุลลอฮิอะลัยฮิ มือขางหนึ่งมีศุฮุฟ (บท บันทึกคัมภีร) มืออีกขางหนึ่งถือขวานเอาไวฟนเจว็ด มูซะกะลีม ซะลามุลลอฮิอะลัยฮิ มีมอื ขางหนึ่งถือ คัมภีรเ ตารอต มืออีกขางหนึ่งจับไมเทา ไมเทาซึ่งเขนพวกฟรอูนลงไปคลุกฝุน ไมเทาซึ่งกลายเปนงู ยักษกลืนกินพวกทุจริตทั้งหลาย ทานศาสดาผูยงิ่ ใหญ อิสลามนั้นมือขางหนึ่งถือกัลกุรอาน อีกขางหนึ่ง ถือดาบ ดาบสําหรับโคนพวกฉอฉล อัลกุรอานสําหรับการชี้นํา ผูที่ยอมรับการชี้นาํ อัลกุรอานก็จะชี้นํา พวกเขา พวกที่ไมยอมรับการชี้นําและเปนกบฏดาบก็จะอยูเ หนือหัวคนพวกนั้น” “บรรดาศาสนทูตซึ่งไดรับการแตงตั้งมานั้นก็เพื่อดึงความสวางไสวทางดานจิตวิญญาณและ ศักยภาพของประชาชนออกมา ซึ่งพวกเขาเขาใจวา เรานั้นมิใชอะไรเลย ยิง่ ไปกวานั้นพวกเขายังได นําพาพวกออนดอยทั้งหลายออกมาจากอํานาจของพวกอหังการ นับตั้งแตศาสดาทานแรก พวกเขามี งานอยูสองอยาง งานทางดานจิตวิญญาณที่ตอ งนําพาผูคนออกมาจากทาศแหงอารมณ นําพาพวกเขา ออกมาจากทาสแหงการบูชาตน (ซึ่งเปนชัยฏอนตัวใหญ) และพวกเขาจักตองชวยใหผูคนและ ผูดอยโอกาสทั้งหลายรอดพนจากแอกของพวกกดขี่ งานทั้งสองประการนี้เปนงานของบรรดาศาสดา เมื่อมนุษยมองไปที่ทานนบีมูซา มองไปที่ทา นนบีอบิ รอฮีม และสิ่งทีไดรายงานถายทอดเรื่องราวของ พวกเขาไวในอัลกุรอาน เขาก็จะเห็นวาทานเหลานั้นมีแนวทางทั้งสองอยู หนึ่งเชิญชวนผูคนสูเอกานุ ภาพของพระเจา อีกหนึ่งก็คือชวยพวกไรทางสูใหออกจากการกดขี่ หากคําสั่งสอนของทานศาสดาอี ซา ซะลามุลลอฮฺอะลัยฮิ ในเรื่องนี้มีอยูไมมาก นั่นก็เปนเพราะทานมีอายุนอยและโอกาสสัมผัสกับ ผูคนนอย มิเชนนั้นทาทีของทานก็ตอ งเปนทาทีเหมือนทานนบีมูซา และศาสดาทั้งมวลผูที่อยูสูงที่สุด ของทานเหลานั้นก็คือรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮีวะซั้ลลัม พวกเราก็ไดแลเห็นทาทีทั้ง สองที่ไดแสดงออกมาในอัลกุรอานในแบบฉบับของทาน และในพฤติกรรมของทานรอซูลแลว อัลกุ รอานไดเชิญชวนสูความสูงสงทางจิตวิญญาณจนถึงระดับขั้นที่มนุษยสามารถไปถึงได จะเหนือกวา นัน้ หรือต่ํากวานั้นก็เปนไปอยางยุตธิ รรม ทานศาสดาและบุคคลอื่นที่พูดภาษาของวะฮฺยูนั้นก็จะมี ลักษณะทาทีทงั้ สองประการที่กลาวไปตัวของทานศาสดาเองก็มีพฤติกรรมเชนที่วา นี้จากวันที่ยังไมได สถาปนาอํานาจรัฐ ทานยังคงสรางความแข็งแกรงทางจิตวิญญาณเรื่อยมา จนถึงวาระที่สามารถ สถาปนาอํานาจรัฐไดทานก็สถาปนาอํานาจรัฐควบคูไปกับการสรางความสูงสงทางจิตวิญญาณทานได ปลดปลอยผูขัดสนออกจากแอกของพวกกดขี่ตามที่โอกาสอํานวยจําเปนที่บคุ คลที่เรียกตัวเองวาเปนผู ปฏิบัติตามศาสดาทั้งหลายจะตองทําใหวิถปี ฏิบัติอนั ดํารงอยูของศาสดาเหลานั้นคงอยูตลอดไป ไมวา จะเปนดานจิตวิญญาณซึ่งบุคคลกลุมหนึ่งรูจักสิ่งนั้นเปนอยางดี พวกเขาก็ตอ งทําใหมนั แข็งแกรงขึ้น และก็ตองทําใหความสูงสงทางจิตวิญญาณของประชาชนแข็งแกรงตามไปดวย ตัวของประชาชนเองก็ ตองทําสิ่งเหลานี้ และก็ตองดําเนินไปตามกรอบของการสถาปนาความยุตธิ รรมรัฐบาลอิสลามจะตอง ถูกสถาปนาขึน้ มาในชวงเวลาเดียวกับที่ทาํ ใหความสูงสงทางจิตวิญญาณถูกตองชัดเจนและแผขยาย ออกไป หากเราเปนผูปฏิบัตติ ามอิสลาม ตามศาสดาเหลานั้น นี่ก็คอื แนวทางของทานเหลานั้นและหาก
เราสมมติวา จะตองมีศาสดาคอไปตามความเหมาะสมของแตละบุคคล การสถาปนาความเที่ยงธรรม ในหมูประชาชนและการตัดมือของพวกกดขี่ก็ยังคงตองดําเนินตอไป และเราจําเปนตองสรางความ แข็งแกรงใหกับเรื่องทั้งสองนั้น” “การประนีประนอมกับผูกดขี่ ก็คืการกดขี่ตอ บรรดาผูถกู กดขี่ การประนีประนอมกับ มหาอํานาจทั้งหลาย ก็คอื ความอธรรมตอมนุษยชาติ พวกที่บอกกับพวกเราวาใหประนีประนอมนั้น ไมเปนพวกโงเขลา ก็เปนลูกจางของพวกกดขี่ หมายถึง ดึงมืองพวกกดขี่มาใหกดขี่ สิ่งนี้ยอมขัดแยงกับ ทัศนะของศาสดาทั้งหลาย ทานศาสดาผูยงิ่ ยงทําอยางสุดกําลังที่จะขุดรากถอนโคนการกดขี่จากพวก ชอบกดขี่ ไมวาจะเปนการขึน้ มินบัร การสั่งสอน การกําชับใหทาํ ความดีและหามปรามจากเรื่อง เลวรายย จะเปน อันซั้ลนั้ลฮะดีดะ ฟฮิบะอซุนชะดีด (เราไดสงเหล็กลงมา ในนั้นมีความแข็งแกรงอยาง มาก-อัลฮะดีด / ๒๕) อาคิรุดดะวาอ อัลกัย (ตัวยาสุดทายคือทําใหเดือด-เปนสุภาษิตอาหรับ-) จากนั้น ถาคําตักเตือนสั่งสอนไมเปนผลละก็ตวั ยาสุดทายที่จะรักษามันไดก็คือทําใหเดือด ดาบคือตัวยาสุดทาย นัน่ เอง” บรรดาอิมามคือผูแผวทางการตอสูกับพวกกดขี่ “อิสลามอันเปนอมตะนั้นไดกําหนดใหบรรดาอิมามของมุสลิมทําหนาที่เปนผูแผวทางการ ตอสูกบั พวกกดขี่และพวกทรราชที่แยงชิงสิทธิของพระเจา สิทธิของมวลมนุษยไป ขอสงความศานติ อันไรจดุ จบไปยังทานอะมีรุลมุอมินีนที่ไดตอ สูกับพวกที่มีรูปลักษณภายนอกเปนมุสลิมและพวกแอบ อางวามีศาสนาซึ่งเลวรายยิ่งกวาผูปฏิเสธเสียอีก และทานก็ไมเคยหวาดหวั่นคนพวกนั้นเลย ขออัลลอฮฺ ทรงประสาทพรแกฮุเซนบินอะลีซึ่งยืนหยัดตอตานความอธรรมของพวกที่แยงชิงอํานาจการปกครอง ไป ดวยสหายธรรมที่มีจํานวนเพียงเล็กนอย และดวยศักยภาพที่มีอยูอยางจํากัดแตกไ็ มเคยคิดที่จะ สมยอมกับพวกกดขี่เลยและทานไดทาํ ใหกั้รบะลาอเปนสมรภูมิเลือด แผนดินตายของตนเอง ลูกหลาน และสหายธรรมของทาน ทานไดสง เสียงกูกองไปยังโสตประสาตของผูร กั สัจธรรมทั้งหลายวา ฮัยฮาต มินนั้ซซิ้ลละฮฺ (ไปใหไกลจากเราความต่าํ ตอยดอยคาเอย)” “มีรวิ ายะฮฺ (รายงานหลักการศาสนา) มากมายที่ไดพดู โนมนาวใหมีการตอสูกบั การกดขี่และ กับบุคคลที่เขามาครอบงําศาสนา บรรดาอิมามมะอฺศูมีนและผูปฏิบัตติ ามทานเหลานั้น หมายถึง ชีอะฮฺ ไดทําการตอสูรัฐบาลฉอฉลและอํานาจทางการเมืองอันเปนโมฆะมาโดยตลอด ความหมายเชนนี้จะ พบไดในวิถีชีวติ ของพวกทานเหลานั้นอยางสมบูรณแบบ หลายตอหลายครั้งทานเหลานั้นตองเผชิญ กับความทุกขเข็ญจากผูปกครองธรรม ทานเหลานั้นก็ตองดํารงตนในสภาพตะกียะฮฺ (ปกปองตนเอง ตามหลักการศาสนา) และอยูใ นสภาพหวาดหวั่น แตความหวาดหวั่นที่วานั้นเปนไปเพื่อศาสนามิใช เพื่อตนเอง ประเด็นเหลานี้พบไดในริวายะฮฺตา งๆ” “บรรดาอิมามผูทรงธรรมมิไดตอ สูกับระบอบของพวกกดขี่รฐั บาลฉอฉล และทาสรับใชที่ สรางความเสือ่ มเสียเพียงลําพังตัวทานเองเทานั้น ทานเหลานั้นยังไดเรียกตองเชิญชวนใหมุสลิม ทั้งหลายรวมกันตอตานคนเหลานั้นดวย มีมากกวา ๕๐ ริวายะฮฺปรากฏอยูในตําราวะซาอิลุซชีอะฮฺ มุซ
ตัดร็อกฯ และตําราเลมอื่นที่ไดสั่งใหออกหางจากผูปกครอง และระบบกดขี่และใหพวกทานตะบัน หนาคนพวกนั้นใหคะมํา ใครมีปากกาหรือน้ําหมึกก็ใหเทใสคนพวกนั้น สรุปก็คือมีคําบัญชาไมให ความรวมมือกับคนพวกนั้นและตองตัดความสัมพันธใหสิ้น” “เดือนมุฮั้รร็อมคือเดือนที่ถูกเริ่มตนดวยวีรกรรมความกลาหาญและความเสียสละ เปนเดือนที่ โลหิตพิชิตศาสตราวุธ เปนเดือนที่พลานุภาพแหงสัจธรรมไดพิพากษาความเปนโมฆะทั้งหลาย เปน เดือนที่สอนคนรุนแลวรุนเลาใหรูจักแนวทางที่จะเอาชนะอาวุธได เปนเดือนที่ไดบันทึกความพายแพ ของมหาอํานาจเมื่อตองเผชิญหนากับถอยความแหงสัจจริงเปนเดือนที่อมิ ามของมุสลิมไดสอน บทเรียนการตอสูกบั พวกกดขี่ใหแกเรา เปนเดือนที่กําปนอันทรงพลังของเสรีชน ผูรักเสรีภาพและผู แสวงหาสัจธรรมจักตองเอาชนะรถถัง ปนกล และกองทหารอิบลีซ (หัวหนาของมารราย) ใหได ถอย ความแหงสัจจะจักตองลบลางความเปนโมฆะทั้งหลาย อิมามของมุสลิมไดสอนเราวา เมื่อพวกกดขี่ใน ยุคสมัยใดไดขึ้นมามีอาํ นาจปกครองมุสลิมละก็พวกเขาจะตองลุกขึ้นสูถงึ แมวา จะยังไมมพี ลังที่เปนรูป เปนธรรมก็ตามและตองแสดงความรังเกียจออกมา หากพวกทานทั้งหลายเห็นระบอบอิสลามตกอยูใน อันตรายพวกทานตองเสียสละและพรอมหลั่งเลือด” บรรดานักการศาสนาคือผูถอื ธงชัยดานความอธรรม “ในทุกขบานการและการปฏิวัตใิ นนามของพระเจาและเพื่อประชาชนนั้นอุละมาออสิ ลามคือ บุคคลกลุมแรกที่ไดเกลือกกลั้วกับเลือกที่หลั่งออกมาและจบลงดวยการเปนซะฮีดไมมกี ารปฏิวัตเิ พื่อ อิสลามหรือเพื่อประชาชนที่เรารับรูไดนั้นจะไมมีนักการศาสนาไดพลีตนตามแนวทางนั้นพรอมจะเอา คอขึ้นตะแลงแกง และยืนหยัดมอบรางอันบริสุทธิ์เพื่อการเปนซะฮีด ในเหตุการณ ๑๕ คุรดอด และ เหตุการณทั้งกอนและหลังชัยชนะแหงการปฏิวัติอสิ ลาม บรรดาซะฮีดกลุมแรกเปนใครกันเลา? ขอ แสดงความสํานึกในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของอัลลอฮฺที่มันเริ่มตนที่กาํ แพงสี่ดานของฟยฏียะฮฺ (สถาบัน สอนศาสนาอันมีชื่อเสียงของเมืองกุม) แลวไปสิ้นสุดที่โพรงอันเปราะบางและโดดเดี่ยวของชาฮจาก ตรอกซอกซอยและถนนจนถึงมัสญิดและเมียะฮฺรอบของอิมาม ุมอะฮฺและญะมาอะฮฺ จากหองทํางาน สูแนวหนา เลือดอันบริสุทธิ์ของซะฮีดที่มาจากสถาบันสอนศาสนาและนักการศาสนาไดเติมสีสัน ใหกบั วงการของอุละมาอและเมื่อสิ้นสุดสงครามรุกรานที่สรางความภาคภูมินั้น จํานวนซะฮีด นักรบ และผูสูญหายที่เปนอุละมาอน้นั มีจํานวนมากกวาประชาชนกลุมอื่นเสียอีก” ความหมายที่แทจริงของชัยชนะและพายแพ “เราเปนผูปกปองอิสลาม ปกปองอิสลามดวยชีวิต ทรัพยสินและบุคคลอันเปนที่รกั ของตนเอง และไมมีวันนั่งอยูเฉย ในโลกแหงวัตถุไมวา เราจะไดรับชัยชนะหรือไมวา เราจะแพพา ย ชัยชนะก็ยัง เปนของเราอยูดี ทานศาสดาแหงอิสลามบางครั้งทานกตอ งพายในบางสมรภูมิ แตชยั ชนะก็ตกเปนของ ทานอยูดี เอลิยอ (บาวผูเปนที่รกั ยิ่ง) แหงอิสลามก็เชนกัน บางครั้งศัตรูก็สามารถเอาชนะเขาเหลานัน้
ได แตชัยชนะก็ยังเปนของเขาเหลานั้นอยูดี ชัยชนะยอมอยูกับสัจธรรม สวนอธรรมทั้งหลายนั้นยอม มลายสิ้นไป อันนั้ลบาฏิละกานะซะฮูกอ (แทจริงความอธรรมยอมตองมลายสิ้น-อัลอิซรออ / ๘๑)” “เราจะไมวติ กกังวลวา ในการงานทั้งหลายที่เราไดทําไปนัน้ ไมวา จะงานสวนตนและเปนงาน ระหวางตัวเรากับพระเจาของเรา และไมวา จะเปนงานทางสังคมซึ่งเปนหนาที่ของคนอื่นเราจะตองไม วิตกกังวลวาเราอาจตองพายแพ เราจะตองเปนกังวลวาเราอาจไมไดทาํ หนาที่ของตนเองตางหาก ความ วิตกกังวลลวนมาจากตัวเราทัง้ สิ้น หากเราไดทาํ ตามหนาที่ทพี่ ระเจาไดทรงมีพระบัญชาแกเราแลว เรา ตองไมหวั่นเกรงวาเราจะพายแพ ไมวา จะเปนตะวันตกหรือตะวันออก ภายในหรือภายนอก หากเรา ไมไดทําหนาที่ของตัวเองแลว เราพายแพตวั เราเอง เราเปนผูสรางความปราชัยใหกบั ตัวเราเอง” การปฏิวัติอสิ ลามแหงอีหราน คือภาพฉายของขบวนการของศาสนทูตทั้งหลาย “ขาพเจาขอแสดงความยินดีแกผูดอยโอกาสทั้งหลาย ผูถูกกันสิทธิ์ และประชาชาติทั้งหลาย เฉพาะอยางยิ่งมวลมุสลิม เนื่องในวโรกาสวันวิลาดะฮฺ (วันเกิด) ทีเ่ ปยมลนไปดวยความผาสุก และวัน แหงการอพยพที่เต็มไปดวยความจําเริญของคอตะมุนนะบียนี และศาสดาที่ดเี ลิศสุด ซึ่งเปนตนกําเนิด ของขบวนการแหงอิสลาม รากเหงาของความยุตธิ รรม ตัวการสรางสรรคมนุษยชาติ และตนแบบแหง การเคลื่อนไหวสูการทําลายรากฐานการกดขี่ ยกระดับสูสถานะอันสูงสงแหงความเปนมนุษย การ อพยพจากการกดขี่ทั้งมวล จากคุณลักษณะของมารรายและความเปนสัตวสูรสั มีอนั สัมบูรณตาน้ําแหง ความสมบูรณแบบและผูสถาปนาประชาชาติและความเปนผูนํา การปฏิวัติทเี่ ปนแกนแท ยิง่ ใหญ และเปนอิสลามนี้ ซึ่งเรากําลังอยูในชวงแหงการเฉลิมฉลอง นี้คอื ภาพฉายของขบวนการที่เปยมไปดวยความยิง่ ใหญของทานศาสดามุฮัมมัด รอซูลุลลอฮฺ ซึ่งการถือ กําเนิดและการอพยพของทานนั้นไดสรางความเคลื่อนไหวในหวงเวลาที่ความมืดมนแหงความ เสียหายตอวิถีตอ วิถีของบรรดาผูดอ ยโอกาส ขบวนการอิสลามของประชาชนชาวอีหรานไดเขายึด ครองพื้นที่ในหวงเวลาที่เปรียบเสมือนหวงเวลาในสมัยญาฮิลยี ะฮฺ ภายใตบรรยากาศและสถานการณที่ มีแตการทําลายลางและการฆาฟน แทนที่จะมีความเสรีแตกลับเต็มไปดวยความยากจน” “พวกทานทั้งหลาย โอประชาชาตินักสู ทานกําลังเดินทางไปสูรมเงาแหงธงชัยที่กาํ ลังโบก สะบัดอยูเหนือโลกแหงวัตถุและโลกแหงจิตวิญญาณ พวกทานจะพานพบมันหรือไมกต็ าม พวกทานก็ กําลังดําเนินไปตามแนวทางซึ่งเปนแนวทางหนึ่งเดียวของบรรดาศาสดาและเปนวิถีแหงความสมบูรณ พูดสุขอยางแทจริง แนวทางนี้คอื สาเหตุหลักที่บรรดาเอาลิยาอไดโอบกอดเอาการพลีชพี เขามาไวใน ออมแขนของตนและเชื่อมั่นวาความตายมีความหอมหวานยิ่งกวาน้ําผึง้ เสียอีก (เปนคําตอบที่ทา นกอ ซิมบุตรชายของทานอิมามฮุเซนผูเปนอา) เยาวชนคนหนุมของพวกทานไดลมิ้ ชิมรสมันแลวใน สมรภูมิ พวกเขามาดวยความปตเิ ปนลนพนและแสดงมันใหมารดา พี่สาว-นองสาว บิดา และพี่ชายนองชายไดประจักษ และเราตองพูดความจริงวา ยาลัยตะนากุนนามะอะกุม ฟะนะฟูซุเฟาซันอะซีมา
(โอมันคือความปรารถนาของเราที่จะไดอยูเคียงขางกับพวกทาน แลวเราก็จะไดรับชัยชนะอันยิ่งใหญ นั้น-สวนหนึ่งของบทซิยาเราะฮฺ อิมามฮุเซน)” การปฏิบัติอสิ ลามคือการฟนฟูอิสลาม “ในอีหรานเราไดลกุ ขึ้นยืนหยัดซึ่งหวังในพระเจาผูทรงพลานุภาพ ผูทรงสูงสงยิ่ง เพื่อที่จะให มุสลิมทั่วโลกเขามาอยูภายใตรมธงแหงเตาฮีด (ความเชือ่ ในเรื่องความเปนเอกะของพระเจา) และยึด มั่นตอกฎเกณฑอนั กาวหนาของอิสลาม ตัดมือไมของมหาอํานาจที่มีตอ ประเทศอิสลาม และนําเกียรติ ศักดิ์ของมุสลิมในยุกอรุณรุงกลับคืนมานําเอาอํานาจการปกครองที่ไมชอบธรรมของพวกปฏิเสธที่ชว ง ชิงไปจากประเทศมุสลิม นําอิสรภาพและเสรีภาพกลับคืนมายังมุสลิม” การปฏิวัติอสิ ลามคือผลงานของการแข็งขืนตอการกดขี่ “ขบวนการอิสลามอันศักดิ์สิทธิ์ของทานทั้งหลาย ถึงแมจะเจิ่งนองไปดวยเลือดอันบริสุทธิ์ ของบรรดาซะฮีดและความระทมทุกขที่ตอ งสังเวยชีวติ ก็ตาม แตการแสวงหาอิสรภาพและเสรีภาพ ของทานทั้งหลายไดถูกบันทึกไวในหนาประวัตศิ าสตรแลว พวกทานไดขบั ไลศตั รูเริ่มแรกของตัวทาน เองและของประเทศชาติใหออกไปจากหนาแผนดิน และพวกทานก็ไดฝงกลบคนทรยศชาติไวใน สุสานทางประวัติศาสตรไปแลวดวยกับการลุกขึ้นสูและการยืนหยัดของพวกทานนั่นเองที่ทําให ประชาชาติผูดอ ยโอกาสทั้งหลายมั่นใจวาอาวุธยุทโธปกรณอนั ทันสมัยและมหาอํานาจของมารรายนั้น ไมอาจตอกรกับความตองการของประชาชาติซึ่งไดยืนหยัดปกปองความเชื่อและสิทธิ์ของตนเองอยาง หาวหาญได อีกทั้งพวกทานไดพิสจู นแลววาพลังอํานาจของประชาชาติที่มบี ทเรียนนั้นตองกําชัยชนะ เหนืออาวุธของมหาอํานาจ” “ประชาชาติทปี่ วารณาตนเองและทุกสิ่งที่เปนของตนเองเพื่ออิสลามแลวยอมตองไดรับชัย ชนะ เราชนะทั้งๆ ที่ถกู สังหารหรือไมก็ไดสังหารบรรดาศัตรูของประชาชาติผูดอ ยโอกาสทั้งหลายและ พวกขี้ขา มหาอํานาจผูกดขี่ตางก็เรียกหามารรายของตนเองเพื่อการสรางความแตกแยกในหมูมุสลิม แต เมื่อพวกมันเดินเกมสผดิ พลาดคลื่นมหาชนมุสลิมหลายลานคนที่มีพื้นฐานจากการเรียนรูหลักการ อิสลามไดทําการโคนลมคนพวกนั้นและตัดมือของพวกมันจากการวางแผนทรยศชาติ อิสลามอันเปนที่รักยิ่งของเราอันมาจากรอยดางที่พวกทรยศทําไวนั้นมีใหเห็นมากมายและถูก สงไปเก็บรักษาไวที่มารรายประชาชาติอนั เปนที่รักยิ่งของเรานั้นไดรบั ชัยชนะเหนือกําลังอํานาจอัน ยิ่งใหญของชัยฏอนมารรายดวยกับการกองตะโกนอัลลอฮฺอกั บั้ร ทัง้ ๆ ที่วันนั้นพวกเขาไมมอี ะไรเลย นอกจากกําปนและเลือดอันบริสุทธิ์ แตทกุ วันนี้อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ ประชาชาติของเรามีนกั รบเยาวชนคน หนุมสาวที่มาจากนองชายและนองสาวของเรา จะตองกําชัยชนะเหนือปญหาความยุงยากและกําลัง อํานาจของมหาอํานาจชัยฏอนดวยกับการเรียนรูยทุ ธวิธี รูจักคิดจัดการกับศัตรูของอีหรานและศัตรู ของอิสลาม ดวยกับการยึดมั่นตอพลานุภาพของพระเจาและการเสียสละในวิถีทางของอัลลอฮฺ ประชาชาติที่ผานรอนผานหนาวมาตลอดตั้งแตวนั ที่ ๑๕ คุร ดอด วันแหงการอาบโลหิต วันที่ ๑๗ ซะฮฺ รีวั้ร วันแหงความหวังใหมทโี่ ลหิตจะมีชัยและวันศุกรทไี่ ดรบั ชัยชนะอยางภาคภูมใิ จ พวกเขาไมหวาด
วิตกตอการปดลอมทางเศรษฐกิจและการทหารเลย พวกเขากลัวตอการที่จะมีความเชือ่ วา เศรษฐกิจ เปนตัวหลัก ทองเปนที่รวมความปรารถนาและโลกนี้เปนที่หมายปอง” การปฏิบัติอสิ ลามตอตานอํานาจทั้งตะวันออกและตะวันตก “ใชแลว คําขวัญของเราที่วา ไมมีตะวันออกไมมีตะวันตกเปนคําขวัญหลักของการปฏิวัติ อิสลามในโลกของผูหวิ กระหารและผูดอ ยโอกาส เปนคําขวัญที่แบงแยกการเมืองที่ไมใสใจคําสอน ของอิสลามของประเทศอิสลามทั้งหลายและประเทศทีใ่ นอนาคตอันใกลนี้ดวยการชวยเหลือของพระ เจาจะใหการยอมรับวาอิสลามคือแนวคิดที่ชวยใหมนุษชาติปลอดภัย และจะไมมีวนั เปลี่ยนแปลงไป จากแนวคิดทางการเมืองนี้เปนอันขาด ประเทศอิสลามและมุสลิมทั้งหลายจักตองไมผูกพันกับ ตะวันตก ยุโรป และเอมริกา ขณะเดียวกันก็จะตองไมผูกพันตอตะวันออกเชนโซเวียต อินชาอัลลอฮฺ พวกเขาจักตองผูกพันอยูกับอัลลอฮฺ ศาสดาของพระองค และอิมามแหงยุคสมัย และดวยกับความ เชื่อมั่นอยางเต็มเปยมการหันหลังกลับจากแนวคิดทางการเมืองระหวางชาติอสิ ลามนี้ ก็คือการหันหลัง กลับจากระบอบอิสลามและเปนการทรยศตอทานศาสดา (ศ.) และอิมามผูนาํ ทาง (อ.) และคงจะไมมี ใครคิดวาคําขวัญนี้เปนเพียงคําขวัญปาหี่ทางการเมืองเทานั้น แตมันคือแบบแผนของพฤติกรรมของ ประชาชนของเรา สาธารณรัฐอิสลามของเราและของมวลมุสลิมทั่วโลก ก็เพราะวา เงื่อนไขของการ เขาสูแนวทางแหงความโปรดปรานของผูทรงสัจจะนั้นคือความเปนเอกเทศและการออกหางจาก แนวทางอันหลงผิดซึ่งชนทุกกลุมและสังคมอิสลามทุกสังคมตองดําเนินรอยตามนั้น” “การปฏิวัติอิสลามแหงอีหรานก็เหมือนกับการปฏิวัตใิ นหนาประวัตศิ าสตรที่อยูในมือของ บรรดาศาสนทูตซึ่งไมตองผูกพันกับสิ่งใดทั้งสิ้น ถาจะตองมีความผูกพันก็ตอ งเปนความผูกพันตอ ปฐมบทแหงวะฮฺยูและผูกพันตอพระเจาผูทรงเกรียงไกรเทานั้น อีหรานมาจากการปฏิวัตินนั้ และไดรับการวางรากฐานมาจากการปฏิวัตนิ ั้น แนวทางก็คือ แนวทางของบรรดาศาสนทูต คือแนวทางของวิถที างอันเที่ยงตรง ไมมีตะวันออกไมมตี ะวันตก มีแต สาธารณรัฐอิสลาม ทุกวันนี้ประชาชาติของเราก็ยงั คงยึดมั่นตามแนวทางนี้ ไมวา จะตองเผชิญกับสิ่งที่ ไมคาดฝนและตองลิ้มรสความขมขื่นใด แนวทางอิสลามนี้ก็ตอ งถูกรักษาไว แนวทางนีต้ องเดินไป ขางหนาและมุง ไปขางหนาอยางทรงพลังยิ่งขึ้น” การปฏิวัติอสิ ลามคือแบบอยางสําหรับบรรดาผูดอ ยโอกาส “ประชาชาติของเราไดทาํ เรือ่ งราวหนึ่งซึ่งทั่วโลกตองตกอยูในภวังคประชาชาติของเรามีชัย เหนือมหาอํานาจที่ยิ่งใหญทสี่ ดุ ในโลกประชาชาติของเราไดตดั แขนตัดขาที่ทรงพลังที่สุดของ มหาอํานาจใหออกไปจากประเทศของพวกเขา ไดตดั มือไมของศัตรูแหงมนุษยชาติใหออกไปจาก ประเทศของพวกเขา นัน่ คือแบบอยางสําหรับประเทศผูดอยโอกาสทั้งหลาย” “พวกทานก็ไดเห็นแลววา อีหรานไดเผชิญหนากับมหาอํานาจหนึ่งซึ่งปกครองอีหรานอยาง ฉอฉลมารเปนเวลากวา ๒๕๐๐ ปดว ยกับจํานวนคนเพียงนอยนิด ไรซึ่งอาวุธและไมมกี ารจัดตั้งใด และทุกวันนี้ก็ยังมีมหาอํานาจคอยชวยเหลือพวกมันอยู ใหอาวุธและเครื่องไมเครื่องมือทุกอยาง
ประชาชาติตัวเล็กๆ ตองยืนหยัดเผชิญหนากับอภิมหาอํานาจ ทัง้ หลายไมวา จะเปนตะวันออกหรือ ตะวันตก ขอใหพวกทานอยาไดกลัวความตายเลย ขอใหเปนดังเชนมนุษยคนหนึ่งที่ปรารถนาที่จะได พบกับพระเจาผุทรงจําเริญผูทรงสูงสงยิ่งและปรารถนาทีจ่ ะไดเปนซะฮีด พวกเขาเดินไปถึงเปาหมาย แลว และกําลังเดินไปขางหนาประเทศอื่นก็เชนกันตองเปนเชนนี้ พวกเขาตองบอกรัฐบาลทั้งหลายให รูตัว หากพวกเขายอมโอนออนผอนตามและพรอมที่จะปฏิบัตติ ามหลักการศาสนาก็จงยอมรับพวกเขา แตถาไมพรอมที่จะทําเชนนั้นและยังกดขี่อีกละก็อยาไดกลัวสิ่งใดเลย” การยอมอดทนตอความทุกขยาก และปญหาเมื่อตองตอสู ความทุกขยากและปญหาอันหนักหนวงของบรรดาศาสนทูต “ในโลกนี้ สัดสวนของการยอมอดทนตอความยุงยาก ความเจ็บปวด การเสียสละ และการถูก กีดกันสิทธิ์นั้นจะเหมาะสมกับสัดสวนของเปาหมายอันยิ่งใหญ ความมีคณ ุ คา และสถานะอันสูงสง สิ่ง ซึ่งพวกทาน ประชาชาติผูทรงเกียรติและนักตอสูไดทาํ การยืนหยัดเพื่อสิ่งนั้นและกําลังดําเนินไป ตามนั้น ไดเสียสละชีวติ และทรัพยสินไปและกําลังทําอยูเยี่ยงนั้น คือ เปาหมายที่ดเี ดนที่สุด สูงสงที่สุด และทรงคุณคาที่สุด มันจะยังคงอยูในโลกไปโดยตลอดและหลังจากโลกนี้ก็ยังตองถูกกลาวถึงไปไมมี สิ้นสุดและจะตองเปนเชนนั้นระบอบของพระเจาตามความหมายที่ครอบคลุมและมีแนวคิดเรื่องความ เปนเอกะของพระเจาที่มาพรอมกับมิติอนั สูงสงในระดับตางๆ นั้นก็คอื รากฐานของการสรางสรรค และที่สิ้นสุดของมันซึ่งแพรกระจายครอบคลุมสิ่งมีชีวติ และอยูในระดับขั้นและชั้นความเรนลับสิ่งนั้น ถูกจําแลงอยูในระบอบของมุฮัมมัด ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮีวะซั้ลลัม สูความหมารยที่สมบูรณ แบบระดับขั้น และมิตตางๆ เปนความพยายามทั้งหมดของบรรดาศาศนทูตผูยงิ่ ใหญ อะลัยฮิมซะ ลามุลลอฮฺ และเอาลิยาอ ซะลามุลลอฮฺอะลัยฮิมเพื่อใหสิ่งนั้นเปนจริงขึ้นมา...” “เมื่อพิจารณาวา ตองการจัดตั้งรัฐบาลแหงความเที่ยงธรรม เมื่อนั้นก็ตองพบกับความ ยากลําบากเพื่อรัฐบาลเที่ยงธรรมนั้น จะตองเจออุปสรรคมากมาย ตองเจอกับความเจ็บปวด มิใชเพื่อ ตนเอง แตเพื่อตองการใหประชาชนพบกับความเที่ยงธรรมและไมตกอยูภายใตแอกใด นี่คอื สิ่งที่มีมา ตั้งแตเริ่มแรกของโลกจนถึงวาระสุดทายของมัน บุคคลใดลุกขึ้นสูเพื่อดํารงความยุตธิ รรม ก็ตอ งเจอ การตอตาน พวกเขาจับทานเหวี่ยงเขาไปในกองเพลิง นับตั้งแตเริ่มแรกของโลกจนถึงเดี๋ยวนี้ อะไรก็ ตามที่ทําเพื่อความยุติธรรมเพื่อการสถาปนาความเที่ยงธรรมก็ตอ งถูกตอตาน...” “การรักษาอิสลามเปนความจําเปนขั้นสูงสุด ซึ่งบรรดาศาสดาผูยงิ่ ใหญนบั ตั้งแตอาดัม อะ ลัยฮิซซะลาม จนถึงคอตะมุนนะบียีน ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮีวะซั้ลลัม ก็ไดเพียรพยายามและ เสียสละอยางสุดชีวติ มาแลวไมมีสิ่งใดมาหักหามทานเหลานั้นจากภาระหนาที่อนั ยิ่งใหญนี้ไปได เชนเดียวกัน ภายหลังจากทานเหลานั้นก็ยงั มีสหายธรรมผูที่ยดึ มั่น และอิมามแหงอิสลาม อะลัยฮิมศอ
ละวาตุลลอฮฺ ก็ไดพยายามรักษามันดวยกับความเพียรพยายามอยางสุดกําลังจนถึงขนาดตองเสียสละ ชีวติ ของตนเอง” บรรดาอิมามกับความอดทนยอมรับสภาพ “อิสลามคือศาสนาแหงเลือดสําหรับคนชั่วแตเปนศาสนาแหงการชี้นําสําหรับประชาชนทั่วไป เอาลิยาอของเราไดพลีเลือดโดยไมหวั่นเกรงและเขาสูสมรภูมิเลือดโดยไมกริ่งเกรง ทานอะมีรลุ มุอ มินีน ซะลามุลลอฮฺอะลัยฮิ มนุษยผูที่มีนะฮฺลุ บะลาเฆาะฮฺสําหรับชี้นําผูคนขณะเดียวกันก็มดี าบคอย จัดการกับพวกที่สรางความวุน วายเราพลีเลือดและใหซะฮีด อิสลามพลีเลือดและใหซะฮีด เราได คนพบกลุมชนมากมายเชนอะลี บินอะบีฏอลิบ อะลี บินฮุเซน และศีรษะที่ถกู เสียบอยูบนปลายหอก เชนซัยยิดชุ ชุฮะดาอและบรรดาสหายของทาน อิสลามกาวหนาตลอดทุกยุคทุกสมัยดวยกับเลือด ดาบ และอาวุธ” “พวกทานไดสละความสุขของตัวทานเองเพื่ออิสลาม เฉกเชนบรรดาเอาลิยาอของพระเจาที่ ไดสละชีวติ เพื่ออิสลาม อิสลามมีเกียรติยงิ่ กวาสิ่งที่เราคิดเอาไว อิสลามคือสิ่งที่ทานรอซูลไดเหนื่อย ยากอยางหนักก็เพื่อสิ่งนั้น ตองเจอกับความยุงาก และตองเสียสละทั้งคนหนุมและบุคคลผูกลาอีก มากมาย อิสลามมีเกียรติยงิ่ ถึงขนาดที่ลูกหลานของทานศาสดา ตองเสียสละชีวติ เพื่ออิสลาม ทานซัยยิ ดุชชุฮะดาอไดตอสูเพื่ออิสลามพรอมกับคนหนุมและสหายของทาน ทีไ่ ดสละชีวติ แลวทําใหอสิ ลาม ยังคงอยูตอไป” ประชาชนกับการยอมอดทนตอความทุกขยาก “ประชาชนผูมีเกียรติแหงอีหราน มุสลิม และบรรดาผูรกั เสรีภาพในโลกนี้จะตองรับรูไววา หากพวกเขาตองการยืนดวยลําแขงของตนเองไมเอนเอียงไปทางซายและขวา เปนอิสระจากอํานาจ ทั้งหลาย พวกเขาก็จะตองยอมจายราคาของอิสรภาพและเสรีภาพอยางงดงาม บทเรียนของการปฏิวัติอิสลามในอีหรานไดมาดวยกับการหลั่งเลือดซะฮีดและผูบาดเจ็บหลาย พันคน บานเรือนถูกทําลายยอยยับเรือกสวนไรนาถูกเผาราบเรียบ หลายชีวติ ตองถูกสังหารดวยระเบิด นาปาลม ลูกหลานของการปฏิวัตแิ ละของอิสลามตองถูกจับเปนเชลยดวยน้ํามือของพวกบะอษแหง อิรักและตองเผชิญกับการขมขูทกุ รูปแบบและการปดลอมทางเศรษฐกิจ ประชาชาติอีหรานไดเรียนรู บทเรียนของชัยชนะที่มีเหนือพวกปฏิเสธที่จองทําลายบานเรือนที่มีเด็กๆ นอนหลับอยูในนั้น ดวยกับ การเสียสละและการตอสูอยางไมรูจักเหน็ดเหนื่อยพวกเขาไดทาํ ประกันการปฏิวัติและประเทศชาติ ของพวกเขาไวแลว” “การยืนหยัดของพวกทานเพื่อพระเจาและปลดปลอยประชาชาติอสิ ลาม การยอมอดทนและ เจ็บปวดในวิถที างนั้นเปนสวนหนึ่งของอิลาดะฮฺ (การเคารพภักดีพระเจา) ที่ยงิ่ ใหญ ดวยความโปรด ปรานของพระเจามีมรรคผลของนักตอสูเพื่ออิสลามในยุคอรุณรุงสําหรับพวกทานรออยู ความ ยาวนานของแนวทางของพระเจาทําใหพวกทานกลาแข็งขึ้น ดังที่การยอมทนเจ็บปวดยี่สิบกวาปทาํ ให ทานศาสดาศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮีวะซัล้ ลัม กลาแข็งและเขมแข็งยิง่ ขึ้น”
บทที่ ๔ อิสลามของผูดอยโอกาส และผูถูกกันสิทธิ์ ความหมายและความคิดรวบยอด ของคําวาผูดอ ยโอกาส และผูอหังการ “ขาพเจาจําเปนตองอธิบายความหมายของคําวา ผูดอยโอกาสและผูอลังการเทาทีเ่ ปนไปไดใน ที่ประชุมแหงนี้ ผูอหังการไมไดใหความหมายเจาะจงทีผ่ ูปกครองทรราชเทานั้น ไมไดใหความหมาย เจาะจงที่หวั หนารัฐบาล ไมไดใหความหมายเจาะจงไปที่รฐั บาลของผูกดขี่ ผูอหังการใหความหมาย ครอบคลุมทั่วไป สวนตัวบงชี้ของคํานี้ก็คือชาวตางชาติที่คดิ วาประชาชาติทงั้ หลายออนแอและเขา รุกราน รัฐบาลทรราชและผูป กครองที่อธรรมทั้งหลายซึ่งคิดวาประชาชาติของตนเองออนแอและเขา รอนรานพวกเขาก็อยูในประเด็นนี้ดว ย มือแหงการรุกรานนี้ยนื่ ไปยังประชาชาติทั้งหลายดังเชนที่พวก ทานประสบมาเปนระยะเวลากวา ๕๐ ป เราก็ประสบเชนนั้น ประชาชาติทงั้ หลายก็ประสบเชนนั้น พวกเขาคาดคะเนเอาวาประชาชาติออ นแอและมองประชาชาตินั้นดวยสายตา แหงความอหังการ เขา รุกรานและลวงล้ําสิทธิของประชาชาตินั้น วันนี้เปนวันที่พระเจาผูทรงจําเริญผูทรงสูงสงไดประทานอิสรภาพและเสรีภาพใหกับเราแลว และพระองคกาํ ลังทดสอบเราดวยอิสรภาพและเสรีภาพนั้น พระองคทรงประทานเมตตาใหเราไดรับ อิสรภาพซึ่งพระองคจะทรงดูวา เราใชความมีอสิ ระนี้ทาํ อะไรบางเราเปนเอกเทศ พระเจาทรงประทาน เมตตานี้ใหแกเราแลวเราจะทําอะไรกันบาง เราจะเปนพวกอหังการหรือเราจะเปนพวกดอยโอกาส? ทุกคนมีสิทธิจะเปนผูอหังการและมีสิทธิ์ทจี่ ะเปนผูดอ ยโอกาส หากขาพเจาไดลวงเกินบุคคลที่อยูใน ความคุมครองขาพเจาแมเพียงสี่คนและคิดวาพวกเขาชางมีสถานะต่ําตอยกวาขาพเจา คาดคะเนวาบาว ของอัลลอฮฺมีสถานะอันนอยนิด ขาพเจาก็เปนผูอหังการและพวกเขาก็เปนผูดอยโอกาสและรวมอยูใน ความวา พวกอหังการและพวกดอยโอกาส หากพวกทานคือบุคคล ที่คิดวาผูอยูใตปกครองของพวก ทานมีสถานะอันไรคาและลวงล้ําสิทธิ์ของพวกเขา ขอพระเจาอยาไดพงึ ประสงคเชนนั้น พวกทานก็ กลายเปนผูอหังการและผูอยูใตปกครองพวกทานก็เปนผูดอยโอกาส” “นี่คอื อิสลามที่ไดใหสัญญาตอบรรดาผูดอ ยโอกาสไววา วะนุรีดุ อันนะมุนนะอะลั้ลละซีนัซ ตุฏอิฟูฟลอั้รฏิ วะนัจญอะละฮุมอะอิมมะตัน วะนัจญอะละฮุมลุ วาริษีน (เราปรารถนาทีจ่ ะประทาน ความโปรดปรานพิเศษแกบคุ คลผูซึ่งดอยโอกาสในแผนดินนี้และจะดลบันดาลใหพวกเขาเปนผูนํา และจะดลบันดาลใหพวกเขาเปนทายาท –อัลกอศ็อศ / ๕-) และมันก็จะตองเปนเชนนั้น ชนชั้นนี้ซึ่งถูก พวกที่อยูเหนือวาดูถูกพวกเขาบอกวา พวกชนชั้นลาง วาทะของพวกอหังการก็คือขายความอหังการ และความอวดดีตอสังคม พวกเขาคะเนวาประชาชาติของเราเปนชนชั้นลางแลวชนชั้นสูงคือใครกับ เลา?...”
อิสลามแทคือผูสนับสนุนผูดอยโอกาส ขาพเจาขอแสดงความสํานึกในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของอัลลอฮฺที่พระองคทรงมีเจตจํานงที่จะ ประทานความโปรดปรานพิเศาแกผูดอยโอกาสใหมีชัยเหนือผูอหังการและทําใหแผนดินสะอาด บริสุทธิ์จากความโสโครกของพวกอหังการ สงเสริมใหพวกดอยโอกาสไดปกครอง อิสลามมาเพื่อ เปาหมายนี้และคําสอนของอิสลามก็สอนสั่งตามความหมายนี้วา จะตองไมมีพวกอหังการบนหนา พิภพนี้ บรรดาพวกอหังการไมสามารถที่จะเอาบรรดาผูดอ ยโอกาสเปนเมืองขึ้นและหาประโยชนจาก พวกเขา เราปฏิบัติตามคําสอนอันสูงสงของอัลกุรอานและสิ่งที่เราไดรบั มาจากอิสลามที่มอี ยูในวิถี ชีวติ ของทานศาสดาผูทรงเกียรติและอิมามผูทรงธรรม และไดรบั แบบฉบับจากวิถชี ีวติ ของบรรดาศา สนทูตที่อลั กุรอานไดถายทอดเอาไววา บรรดาผูดอ ยโอกาสตองรวมตัวกันไวและตองปฏิวัติโคนลม พวกอหังการใหไดพวกเขาตองไมปลอยใหคนพวกนั้นชวงชิงสิทธิ์ของพวกเขาไว” “อิสลามสําหรับทุกๆ คน อิสลามถูกอุบัตมิ าจากมวลชนลก็ทาํ งานเพื่อปวงชน อิสลามมิไดถูก อุบัติมาจากชนชั้นสูง ทานศาสดาผูทรงเกียรติ (ศ.) ก็มากจากกลุมชนชั้นลางนี้ ทนดําเนินชีวติ อยูกับ กลุมคนนี้และยืนหยัดสูกบั กลุมคนนี้ สหายธรรมของทานก็มาจากกลุมชนชั้นลางนี้จากชนชั้นลางนี้ ชนชั้นสูงเปนผูฝาฝนทานศาสดาผูทรงเกียรติทา นถูกอุบัติขนึ้ มาในคนกลุมนี้และยืนหยัดทามกลาง กลุมคนนี้ทานไดนาํ ศาสนบัญญัติทเี่ ปนประโยชนกับกลุมชนชั้นลางนี้มา อินนะอักรอมะ กุมอินดั้ลลอ ฮฺ อัตกอกุม (แทจริงผูมีเกียรติที่สุดในหมูพวกทานคือผูมีความยําเกรงเปนที่สุด-อัลฮุรุ อด / ๑๓-) พระ เจาผูเกริกเกียรติผูทรงสูงสงมิไดมองที่ชนชั้นวานี่เปนชนชั้นสูง นี่เปนนายก นี่เปนเจานายชั้นสูง นีเ่ ปน นายพล อะไรเทือกนั้น ณ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) สิ่งเหลานี้ไมมีการเอยถึงเลย ในอิสลามพูดถึงตั๊กวา (การมี ความยําเกรงพระเจา) ใครมีตกั๊ วา ใครที่มีตกั๊ วามากกวาก็ไดรบั เกียรติมากกวา ณ พระองค คนงาน กรรมกรที่มีตั๊กวาปรากฏอยูในหนาที่การงานของเขานายกที่มีตกั๊ วาในหนาที่การเปนนายก มีตกั๊ วา ทางดานการเมือง รัฐมนตรีที่มีตกั๊ วานั้น พวกเขาจะเปนผูมีตกั๊ วาในหนาที่การงานของพวกเขา อยูกับ พระเจา ประธานาธิบดีที่มีตกั๊ วาก็เปนคนของพระเจา คนเหลานี้มีเกียรติ หากไมมีตกั๊ วาปรากฏอยูใน การงานของพวกเขา ทั้งหมดก็จะถูกปฏิเสธตามทัศนะของพระเจา ขอพระเจาอยาทรงประสงคเชนนั้น เลย วันใดที่ประชาชาตินนั้ มีตกั๊ วา วันนั้นพวกเขาก็จะเปนประชาชาติทบี่ รรลุผล มีเกียรติยศไดรับ เกียรติ ณ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) โองการที่วา อินนะอักรอมะกุม อินดั้ลลอฮฺ อัตกอกุม นั้นไมมีขอ ยกเวน ทาน ศาสดา (ศ.) มีตกั๊ วามากที่สุด ทานก็มีเกียรติมากที่สุด ทานอะมีรลุ มุอมินนี เปนผูที่มีตั๊กวามากที่สุด ภายหลังจากทานศาสดา (ศ.) ทานก็มีเกียรติมากที่สุด ไมมีเรื่องเชื้อชาติหรือสถานะทางสังคมเขามา เกี่ยวของ มีแตเรื่องตั๊กวาเทานั้น” ชัยชนะของพวกดอยโอกาสเหนือพวกอหังการ “(โองการที่วา ) วะนุรีดุอันนะมุนนะอะลั้ลละซีนัซตุฏอิฟูฟลอั้รฎิวะนัจญอะละฮุมอะอิมมะตัน วะนัจญอะละฮุมุลวาริษีน (เราปรารถนาทีจ่ ะประทานความโปรดปรานพิเศษแกบุคคลผูซึ่งดอยโอกาส
ในแผนดินนี้ และจะดลบันดาลใหพวกเขาเปนผูนํา และจะดลบันดาลใหพวกเขาเปนทายาท –อัล กอศ็อศ /๕-) เจตนารมณของอัลลอฮฺก็คือพระองคทรงฝากฝงบรรดาผูดอ ยโอกาสไวกบั การนําอันเปยม ไปดวยวิทยปญญาบรรดาศาสดาและทายาทของทานเหลานั้นใหชวยพวกเขาเปนอิสระจากรัฐบาล ทรราชและใหชะตาชีวติ ขึ้นอยูกับตัวพวกเขาเองตามพระบัญชานี้ ประชาชาติที่รกั ยิ่งนี้ตองดําเนินชีวิต เจริญรอยตามนักการศาสนาที่มีความรับผิดชอบ” “หวังวา คําสัญญาของพระเจาทีจ่ ะประทานความโปรดปรานพิเศษใหแกบรรดาผูดอ ยโอกาส จะเปนจริงขึ้นมาในเร็ววัน พระหัตถอนั ทรงพลังขององคผูทรงสัจจะจะทรงดึงมือของประชาชาติผูถูก กดขี่และการเปลี่ยนแปลงในนามของพระเจาที่ไดบงั เกิดขึ้นกับประชาชาติอหี รานนั้นขอใหบังเกิดกับ ประชาชาติและกลุมชนอื่นดวยตามพระประสงคของพระองคมือของผูกดขี่ทสี่ รางความเลวรายเอาไว กับบรรดาผูดอยโอกาสในโลกจะถูกตัดขาด และบรรดาผูถกู กดขี่ก็จะไดรับสิทธิ์ที่ถูกแยงชิงไป กลับคืนมา” นักการศาสนาเปนที่พึ่งของผูถกู กันสิทธิ์ทงั้ หลาย “หลายรอยปมาแลวที่นักการศาสนาอิสลามเปนที่พึ่งของผูถกู กันสิทธิ์ทั้งหลาย ผูดอยโอกาส ทั้งหลายตางก็ไดอมิ่ เอมจากน้ําทิพยแหงการเรียนรูของนักปราชญผูยิ่งใหญมาโดยตลอด เราไดผา น เรื่องราวการเพียรพยายามในดานความรูและวิถขี องพวกเขาเหลานั้นซึ่งตามความเปนจริงแลวมีคุณคา ยิ่งกวาหยาดเลือดของนักรบเสียอีกพวกเขาไดอดทนตอความทุกขยากและขมขื่นตลอดยุคตลอดสมัยที่ ผานมาเพื่อการปกปอง ความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาและประเทศชาติของตน พวกเขาตองตกเปนเชลย ถูกเนรเทศ ถูกคุมขัง และถูกทํารายสารพัด พวกเขาไดอุทิศชีวติ ของซะฮีดที่มีคุณคาอันสูงล้ําแกสัจ ธรรมอันศักดิ์สิทธิ์” “ขอพระเจาอยาไดใหมีวันนั้น วันที่แนวทางการเมืองของเราและของเจาหนาที่รัฐไปใน ทิศทางที่ไมปกปองบรรดาผูถกู กันสิทธิ์แตหนั กลับไปสนับสนุน และใหความสําคัญกับพวกนายทุน คนรวย และคนมั่งมี มะอาซั้ลลอฮฺ (ขอความคุมครองตออัลลอฮฺ) สิ่งนี้ไปกันไมไดกับวิถีของบรรดา ศาสดา ทานอะมีรลุ มุอมินีน และอิมามมะอฺศูมีน อะลัยฮิมุซซะลาม เลยสถานะและความบริสุทธิ์จาก สิ่งนั้นไปตลอดกาลนี่คอื ความภาคภูมใิ จและความจําเริญของประเทศ การปฏิวัติ และนักการศาสนา ของเรา ซึ่งพวกเขาตางก็ลกุ ขึ้นสนับสนุนผูคนที่ไมมีอะไรเลยและทําใหคาํ ขวัญที่ตองปกปองสิทธิของ บรรดาผูดอ ยโอกาสมีชีวติ ชีวาขึ้นมา” รักษาแนวทางหลักของการปกปองบรรดาผูดอ ยโอกาส “เราจักตองสําแดงความพยายามของเราทั้งหมดที่จะรักษาแนวทางของการปกปอง ผูดอยโอกาสไวในทุกสถานการณทเี่ ปนไปได เจาหนาที่รัฐของอีหรานจะตองรูไวดว ยวามีคณ ุ กลุม หนึ่งที่ไมใสใจเรื่องพระเจาที่พยายามทําลายลางการปฏิวัตใิ ครก็ตามทีต่ องการทํางานเพื่อคนยากจน
และดําเนินรอยตามการปฏิวตั ิก็จะถูกประณามวาเปนคอมมิวนิสตและพวกปฏิกิรยิ าทันที ไมตองกลัว คําใสรา ยพวกนี้จะตองใสใจอยูกับพระเจา ตองพยายามอยางหนักที่จะสรางความพึงพอพระทัยใหกับ พระองค จะตองทํางานเพื่อชวยเหลือคนยากคนจนและไมตอ งกังวลกับขอครหาอื่นเลย” “ขาพเจาในฐานะจอมทัพของสาธารณรัฐอิสลามแหงอีหรานขอสั่งการไปยังเจาหนาที่รัฐและ ผูมีอาํ นาจตัดสินใจทั้งหลายวา โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ พวกเขาจะตองเสริมสรางสมรรถนะทางดาน อาวุธ การเรียนรูยุทธศาสตรชั้นสูง และการคนควาวิจัยทีจ่ ําเปนเฉพาะอยางยิ่งการดําเนินการไปจนถึง ระดับที่พงึ่ พาตนเองไดในทางการทหาร พวกเขาตองคอยดูแลความพรอมประเทศนี้ใหทําหนาที่ ปกปองคุณคาอิสลามแท บรรดาผูถกู กันสิทธิ์ และบรรดาผูดอ ยโอกาส และจะตองไปปลอยใหการ สนใจเรื่องอื่นทําใหตองละเลยเรื่องนี้” อิทธิพลของบรรดาผูถูกกันสิทธิ์ ที่มีตอ ชัยชนะของการปฏิวัตอิ ิสลาม “การปฏิวัติอิสลาม การปฏิวตั อิ สิ ลามที่มีความสําคัญยิ่งนี้เปนหนี้ความพยายามของชนชั้นนี้ ชนชั้นผูถูกกันสิทธิ์ ชนชั้นกรรมาชีพคือชนชั้นหนึ่งที่ทาํ ใหขบวนการนี้บรรลุผลและเปนจริงขึ้นมา ขาพเจาเชื่อวาชนชั้นนี้ ชนชั้นกรรมาชีพนี้สูงสงกวาชนชั้นเจานายเสียอีก (หากพวกเขาเหมาะสมที่จะ ไดรับการเปรียบเทียบกับพวกทาน) เมื่อขาพเจาหวนไปคิดถึงบรรยากาศของการปฏิวัติ มีผเู ฒาคนหนึ่ง ที่มาจากชนชั้นนี้เดินออกมาจากบานอันซอมซอ แลวพูดขึ้นวา เมื่อเชาขึ้นมาเราก็ออกมารวมเดินขบวน พรอมกับลูกๆ ของเรา (โอผูเฒาเอย) เสนผมเพียงเสนเดียวของพวกทานนั้นมีคา ยิ่งกวาพวกชนชั้นสูงที่ ไมไดมีผลงานใหกับการปฏิวัตแิ ถมยังพยายามสกัดการปฏิวัตใิ นทุกวิถที างที่จะทําไดคนพวกนี้ไดทํา มาแลวและกําลังทําอยูอนั ที่จริงการเปรียบเทียบคุณคาเสนผมหนึ่งเสนของพวกทานกับคนพวกนั้นอาจ ยังไมถูกตองนัก” “จริงๆ แลวเมือ่ กลุม ชนเทาเปลาและชนชัน้ ผูมีรายไดนอยในสังคมไดรับการทดสอบ พวกเขา นําพาตัวพวกเขาเขาไปผูกพันกับหลักการศาสนาจนถึงขั้นสละชีวติ ผูเปนที่รักยิ่ง เยาวชนคนหนุม และ บริจาคทุกอยางเทาที่มีอยูนั้น และอยูในทุกสถานการณ อินชาอัลลอฮฺ ตองเปนเชนนั้นไปโดยตลอด พวกเขาไดเสียสละเลือดเนื้อตามแนวทางของอัลลอฮฺ แลวทําไมเราจะไมภูมิใจที่ไดทําหนาที่รับใชบาว ผูบริสุทธิ์ใจตอพระเจานี้และผูกลาอยางแทจริงนี้เลา? เราขอกลาวซ้ําอีกครั้งหนึ่ววาเสนผมหนึ่งเสน ของกลุมชนชั้นที่อาศัยอยูบา นดินและมอบซะฮีดใหอสิ ลามยอมมีเกียรติและมีคุณคามากกวาพวกที่ อาศัยอยูในบานอันหรูหรา” การรับใชผูถกู กันสิทธิ์และชาวบานเทาเปลา
“สาระสําคัญทางดานจิตวิญญาณที่ยงิ่ ใหญที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็คือการรับใชบางของอัลลอฮฺ รับใช ผูคนที่ถูกกันสิทธิ์สิ่งนี้จะคงอยูกับมนุษยไปโดยตลอดและมันจะเปนประโยชนสําหรับเขาในอีกโลก หนึ่ง ทรัพยสินซึ่งมนุษยใชมันหมดไปนั้นไมมีประโยชนสําหรับเขาอีก” “นี่คอื ความชวยเหลือของอัลลอฮฺ นี่คอื ความชวยเหลือซึ่งไมมีการบิดพลิ้ว ทุกความชวยเหลือ ที่พระองคทรงประทานให เราก็ชวยเหลืองานของพระองค เราเปนบาวผูอ อนแอ เราก็จะชวยเหลือบาว ของพระองค เพื่อพระองค พระองคก็ทรงลงบัญชีการชวยเหลือนี้วา เปนการชวยเหลือตอพระองคดว ย โดยผานตัวชวยมากมาย ทัง้ ๆ ทีพ่ ระองคนั้นทรงมีอยางมหาศาล พระองคทรงลงบัญชีการชวยเหลือผู ออนแอ การชวยเหลือผูถูกกดขี่วา เปนการชวยเหลือตอพระองคเอง ก็คอื พระดํารัสที่วา อินตันศุรูลลอ ฮะ ยันศุรกุม (หากพวกเจาชวยเหลืออัลลอฮฺพระองคก็จะทรงชวยเหลือพวกเจา-มุฮมั มัด / ๔) มิเชนนั้น แลว การชวยเหลือจะใหความหมายเชนไร? เราเปนใครทีจ่ ะชวยเหลืออัลลอฮฺ? โลกนี้เปนสิ่งใดหรือ? ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ลวนเปนศูนย ความชวยเหลือที่เราทําอยูก็เพื่อศาสนาของอัลลอฮฺ ความชวยเหลือ ที่เราทําอยูกเ็ พื่อบาวของพระองค พระองคทรงลงบัญชีการชวยเหลือนั้นวาเปนการชวยเหลือพระองค เรารูดอี ยูแลววา พระองคไมทรงตองการความชวยเหลือของเราทั้งสิ้น เราชวยเหลือบาวของพระองค เราชวยเหลือศาสนาของพระองค พระองคก็ทรงมีพระเมตตายอมรับตามนั้นวานี่คือความชวยเหลือตอ ขา” ชนชั้นที่ถูกกันสิทธิ์นั้นคือรากเหงาของขารัฐการ “คําสั่งเสียของขาพเจาตอประชาชาติทงั้ ในตอนนี้และอนาคตขางหนาคือ พวกทานจะตอง เลือกสรรตัวแทนของพวกทานที่มีความยึดมั่นตอหลักการอิสลาม และสาธารณรัฐอิสลามซึ่งสวนใหญ จะอยูในชนชั้นกลางของสังคม และชนชั้นผูถูกกันสิทธิ์อนั เที่ยงตรง โดนหันไปหาตะวันตกหรือไมก็ ตะวันออก และจะตองไมใชผูที่ฝกใฝอยูกับแนวคิดหลงผิด ตองเปนบุคคลที่มีการเรียนรู เขาใจปญหา รวมสมัย และการเมืองแบบอิสลามเขาไปในสภามัจญลซิ ดวยเจตนาอันแนวแน ผูกพันอยูกบั ศาสน บัญญัติอสิ ลาม และผลประโยชนของชาติ” “อัลลอฮฺทรงประทารนความโปรดปรานพิเศษแกเราทีเ่ อกอัครราชทุ๖และรัฐบาลของเราลวน มาจากบุคคลที่เขาใจปญหาของสังคม เพราะสวนใหญของพวกเขาเปนนักการศาสนาซึ่งมี ความสัมพันธอยูกบั ประชาชน พวกเขารูวา ประชาชนมีสภาพเชนไรและรับรูความเจ็บปวดของพวก เขา แตสภาพกอนหนานี้ บุคคลในคณะรัฐบาลไมสัมพันธกับประชาชนเลย พวกเขาไมเขาใจวาเกิด อะไรขึ้นกับประชาชนแตตอนนี้เปนพระประสงคของพระเจา รัฐบาลของผูดอ ยโอกาสไดรับการ สถาปนาขึ้นมา อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ ถึงตอนนี้ผลงานก็ยงั ดีอยู ขาพเจาหวังวาจากนี้ไปก็คงตองดียิ่งขึ้นไป”
การขจัดความยากจนคือพื้นฐานเฉพาะ ของเศรษฐกิจอิสลาม “ภาพรวมของบทบัญญัติอสิ ลามในประเด็นปญหาทางเศรษฐกิจนั้น เมื่อถูกพิจารณาถึงเนื้อหา ของอิสลามในสถานะเปนระบอบหนึ่งและไดรบั การดําเนินการอยางเต็มระบบแลวจะเปนรูปแบบที่ดี ที่สุด จะขจัดปญหาความยากจนใหหมดไปและสกัดกั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยกลุมคนที่เปน เจาของทุน ในภาพรวมก็คอื จะพิทกั ษปกปองสังคมจากความเสื่อมเสียและไมเปนอุปสรรคตอความ เจริญกาวหนาทางศักยภาพและสําแดงความโดดเดนในดานการคิดริเริ่มและการสรางสรรคของ มนุษย” “ทุกอยางตองเปนอิสลามใหหมดวันซึ่งเราจะไปถึงเปาหมายสุดทายก็คือทุกอยางของเรานั้น เปนอิสลามหมด ตลาดของเราก็ตอ งเปนตลาดอิสลาม พอคาซึ่งซื้อสินคาชิ้นหนึ่งมา ๑ ตูมาน แตขาย ใหคนยากคนจนในราคา ๓๐ ตูมานนั้น ระบบการตลาดเชนนี้มิใชระบบอิสลามพอคาซึ่งนําของหนี ภาษีเขามาขายในราคาแพงเกินจริง โดยตองการทําลายระบบการตลาดทั้งหมด ไมใชอสิ ลาม การตลาด ที่มิใชอสิ ลามก็ตองทําใหเปนอิสลาม พวกเขาตองทําระบบของตัวเองใหเปนอิสลาม พอคาซึ่งไมเคย คิดเรื่องคนออนแอและคนยากจน พอคาซึ่งมีคนประเภทนี้อยูรายลอมเขา แตเขาไมคดิ ถึงคนพวกนี้เลย นี่ก็มใิ ชระบบตลาดแบบอิสลาม ประชาชาติซึ่งเอาแตสรางอาคารใหญโต แตที่นั่นยังมีกลุมชนที่กาง กระโจมอยู (พวกทานทั้งหมดก็เห็นกลุมชนที่อยูในกระโจมวาเปนอยางไร พวกทานตองเคยเห็น มาแลว ขาพเจาก็เห็นแลว) ประเทศชาติที่มีกลุมคนอยูกระโจมซึ่งยังอยูในสภาพเชนนั้น ถือวามิใช ประเทศอิสลาม มีแตรูปลักษณแตเนื้อหาไมใช ทานอะมีร้ (อ.) กลาววา (ตามการรายงานหนึ่ง) นาจะมี ใครสักคนที่อดอยากอยุขางๆ เพื่อจะไดเกิดความรูสึกเจ็บปวด ซึ่งหวังวาไมนาจะมีใครอดอยากยิ่งไป กวาเขาแลว นัน่ คือผูนาํ ของเรา นั้นคือนายของเรา นั่นคืออิมามของเรา เราบอกวาอิมามวาอยางนั้น แต เราไมตามทาน และไมปฏิบตั ติ ามทานแตอยางใดเลย อิมามและชีอะฮฺ (ผูปฏิบัติ) คือความหมายทีว่ า ปฏิบัตติ ามกันเหมือนกับการแบกหีบใบใหญใบหนึ่ง ถาทุกคนแบกพรอมกันในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ การปฏิบัตติ ามกัน แตมีคนหนึ่งแบกไปทางหนึ่ง อีกคนแบกไปอีกทาง นี่ไมเรียกวาการปฏิบัติตามกัน ชีอะฮฺ (ผูที่ปฏิบัติตาม) จะตองเปนเชนนี้ ตองปฏิบัตติ ามอะลี แตเราไมมีอาํ นาจวาสนาพอที่จะตามทาน ไดทุกเรื่อง ไมมใี ครมีอาํ นาจวาสนาเชนนั้น แตเราจะปฏิบตั ติ ามทานในเรื่องสมถะ เรื่องตั๊กวา คอยดูแล ผูถกู กดขี่ และคอยดูแลคนยากคนจน เราไมอาจดําเนินชีวติ เฉกเชนทานได เราไมอาจจะมีวิถีชีวิตเชน ทาน เราทําไมได ทานคือสิ่งถูกสรางหนึ่งซึ่งเปนความมหัศจรรยทรี่ วมของสิ่งที่ตรงกันขาม ทานทําให สิ่งตรงกันขามมารวมกันได เปนมนุษยที่มีอํานาจหนึ่งซึ่งตามริวายะฮฺบอกวา มีสองบุคลิกอยูในตนเอง ตอสูอยางหาวหาญกับบุคคลที่ตอ ตานอิสลาม แตอีกบุคลิกหนึ่งเปนคนสมถะ เปนนักทําอิบาดะฮฺทนี่ ั่ง นมาซจนรุงสาง คนสมถะและนักทําอิบาดะฮฺมักจะไมใชนักรบ นักรบสวนใหญก็มกั จะไมใชกลุมชน ประเภทมีสมถะ เปยมไปดวยตั๊กวา ทานรวมทุกสิ่งซึ่งเราไมอาจทําไดเลย เราไมอาจตามไดทั้งหมด แต ก็ไดในบางสวน เราสามารถคอยดูแลคนยากคนจนในประเทศนี้ คอยดูแลคนออนแอของเรา”
ผลงานรัฐบาลของผูดอ ยโอกาสและผูถกู กับสิทธิ์ “หากเราตองการยืนหยัดตอตานความอธรรมโดยไมเกรงกลัว และหวาดหวั่น ปกปองสัจ ธรรม พลังอํานาจ อาวุธอันทันสมัยของพวกเขาและมารราย และการวางแผนรายของคนพวกนั้นไม อาจเขามาแผวพานหัวจิตหัวใจของพวกทาน พวกทานตองทําตัวใหเคยชินกับการดํารงชีพอยางเรียบ งายและระมัดระวังไมใหหัวใจของตนเองตองไปผูกกระหวัดอยูกับทรัพยสิน ความสะดวกสบาย หนาที่ และตําแหนง ผูยิ่งใหญ ซึ่งไดทาํ งานอันยิ่งใหญรับใชประเทศชาติและประชาชนนั้น สวนใหญ ตองดําเนินชีวติ อยางเรียบงายและไมใสใจตอความเยายวนของโลกนี้ บุคคลผูซึ่งเปนทาสอารมณใฝต่ํา และมีสัญชาตญาณสัตวมักจะยอมตนใหความต่าํ ตอยไรคา เพียงเพื่อรักษาหรือไปใหถึงในสิ่งที่ตองการ ยอมนบนอบตอการใชกาํ ลังและอํานาจแหงมารราย แตกลับกาวราวกับผูที่ออ นแอ สวนอิสรชนนั้น มักจะทําตรงกันขาม เพราะชีวติ หรูหราฟุมเฟอยนั้นไมอาจรักษาคุณคาแหงความเปนมนุษยและคุณคา แบบอิสลามได คนหนุมคนสาวของอีหราน สตรี และบุรษุ ซึ่งเติบโตมาดวยการสั่งสอนอบรมแบบฏอ ฆูต (มารราย) ยอมไมอาจยืนหยัดตอตานอํานาจของมารรายได แตเมื่อใดก็ตามมันถูกเปลี่ยนดวยน้ํามือ อันทรงพลังขององคผูสัจจริงที่มีตอคนปฏิวัติหา งไกลจากความผูกพันตอชัยฏอนมารรายละก็พวกเขาก็ สามารถโคนลมอํานาจที่วา ยิ่งใหญได...” “ลักษณะพิเศษของรัฐบาลของผูถกู กันสิทธิ์ ผูดอยโอกาสและรัฐบาลของประชาชนก็คือ สภา ผูแทนฯของพวกเขาเขาใจวาบรรดาผูดอ ยโอกาสและผูถกู กันสิทธิ์หมายถึงใคร คณะรัฐบาลและ รัฐมนตรีเขาใจวาหมายถึงอะไร ประธานาธิบดีและประธานสภาฯ รูดีวา สภาพถูกกันสิทธิ์นั้นเปน อยางไร เพื่อที่พวกเขาจะไดสัมผัสดวยตัวเอง ตัวของพวกเขาไดสัมผัสสภาพถูกกันสิทธิ์นั้น อยางนี้เอง พวกเขาจะเขาใจไดวา สภาพอดอยากคืออะไรและสภาพถูกกีดกันเปนอยางไร ฉะนั้น ลักษณะเดนที่ รัฐบาลของผูถูกกันสิทธิ์ทงั้ หลายตองมีนั้นมีอยูหลายอยางซึ่งในตอนนี้ขา พเจาขอยกมากลาวเพียง บางอยางดังนี้ หนึ่งในนั้นก็คือพวกเขารูสึกไดถงึ ความเปนผูถูกกันสิทธิ์ พวกเขาก็สามารถคิดถึงพวก ถูกกันสิทธิ์ได สามารถเขาใจไดวา ถาไมมีถนนหนทาง เวลามีคนปวยในชนบทและตองนําตัวสง โรงพยาบาลในเมืองมันชางลําบากลําบนขนาดไหน เมื่อไมมีถนนก็ตอ งนั่งลาหรือไมกใ็ หนงั่ เทียมมา พวกเขายอมเขาใจไดวา มันเปนอยางไร สมองวาดภาพไดเลย พวกเขาเขาใจวาสภาพการขาดแคลนยา และสาธารณสุขขั้นมูลฐานหมายถึงอะไร คนพวกนี้เขาใจวาสภาพการไมมีสิทธิ์ไดใชนา้ํ และไฟฟา เปนอยางไร จากการที่พวกเขาไดสัมผัสมาแลว พวกเขาจึงสามารถเขาใจถึงปญหาเหลานี้ได”
บทที่ ๕ อิสลามกับความเปนอยูอยางเรียบงาย ความเปนอยูอยางเรียบงายคือคุณคาอันสูงสง ของแนวคําสอนของพระเจาอันทรงคุณคา “คุณคาตางๆ ในโลกนี้นั้นมีมากมายตามแนวคิดและคําสอนตางๆ จากการตรวจสอบแนวคิด ที่มีอยูในโลกนี้และลัทธิตา งๆ ในแนวคิดที่มีอยูนั้นมีความแตกตางกัน มีความแตกตางกันทางดาน อุดมการณอยู หากพวกทานยอนกลับไปตรวจสอบแนวคิดวัตถุนิยมและโลกทัศนที่สนใจอยูแต เรื่องราวทางวัตถุและทําความเขาใจกับแนวคิดเหลานั้นโดยยังไมตอ งพิจารณาแนวคิดแหงเอกานุภาพ ของอัลลอฮฺ พวกทานก็จะเห็นวาแนวคิดทัง้ สองนี่มีความแตกตางกันอยางสิ้นเชิงแนวคิดของผูที่ เชื่อมั่นในพระเจาองคเดียวก็จะมีความเขาใจในคุณคาของสิ่งหนึ่ง มีรายละเอียดอยางหนึ่ง แตแนวคิด ของพวกวัตถุนยิ ม ไมวา จะเปนคอมมิวนิสต หรือทุนนิยม หรือแนวคิดอื่นมิใชแนวคิดที่มาจากเบื้อง บนละก็ คุณคาตางๆ ก็จะแตกตางกัน พวกทานลองพิจารณาประเทศของพวกทานเองในสมัย รัฐบาลฏอฆูตมีคณ ุ คาอะไรบาง ประชาชาติทยี่ อมรับสภาพนั้นมีคุณคาใดบาง ในสมัยนั้น สมัยที่ยังไม มีรถรา ก็ตองใชมา คุณคาอยูท รี่ ถมาวามีรถพวงมากี่ตัว มีมากยิ่งดี อาจถึงแปดตัว บางทีมากกวานี้ ติด สอยหอยตามดวยบริวารที่รายลอมมากมายมีทงั้ คนและสัตวที่นั่งอยูบนรถมา คุณคาแหงความเปน มนุษยที่พูดกันในหมูนักคิด ปญญาชน นักเขียน นักกลอน ศิลปนในยุคนั้นก็คอื ใครที่มรี ถลากมากกวา มีบริวารมากกวา ก็ถือวามีคา มากกวาเพื่อน ชนชั้นคนพวกนี้มีชื่อเรียกวาชนชั้นผูมเี กียรติ คาของคนใน ทัศนะคนพวกนี้คือยิ่งมีคนรับใชมากเทาไรใหมากถึงสิบคน มีมา เทาไร มีสุนัขกี่ตัว ในหมูพวกนายทุน ก็เชนกัน คาของคนอยูที่มีเงินทุนมากขนาดไหน มีเงินสะสมไวเทาไร มีเงินเก็บอยูในธนาคารเทาใด หรือมีสินทรัพยในโกดังมากขนาดไหนเมื่อเรามองคนสองกลุมนี้ ทัง้ ชายและหญิงของคนสองกลุมนี้ คุณคาของพวกเขาอยูที่เสื้อผา แบบ ลวดลาย การตัดเย็บ และการประดับประดาเสื้อผา ของตน ใครที่มี เสื้อผาหรูหรูใส ก็ดูดใี นสายตาของคนอื่น ดูวา มีคณ ุ คา ขึน้ มาผูหญิงที่แตงหนาไดอยางถอดแบบจาก ยุโรปและใสเสื้อผาที่ลอกเลียนพวกยุโรปมา ก็จะไดรับความนิยมชมชอบจากผูหญิงดวยกัน สวนใหญ เปนอยางนี้คณ ุ คาของคนพวกนี้อยูที่วัตถุ เมื่อใดก็ตามที่กําหนดวาคุณคาของคนอยูที่มา ลอ ลา สุนัข บาน สุนขั ลาเนื้อ และอื่นๆ คุณคาเหลานี้มีมากกวาคุณคาของตัวบุคคลเสียอีก หากมาเปนที่มาของ คุณคาอของมนุษยคนหนึ่งละก็มาตัวนั้นก็ยอ มตองมีคณ ุ คามากกวามนุษย เพราะมันไดใหคา แกมนุษย หากเฟอรนเิ จอร ของสะสม และการประดับประดาทําใหคณ ุ คาของมนุษยคนหนึ่งเพิ่มสูงขึ้น สิ่งนั้นก็ ยอมตองมีคามากกวามนุษย เพราะมันเปนที่มาของคุณคาของพวกเขา มนุษยไมมีคุณคาในตัวเองเลย คุณคาของเขาอยูที่การเปนเจาของคอกวัว พวกนั้นมีคุณคามากกวาเขาเสียอีก คุณคาของเขาอยูที่การ ดูแลสวน คุณคาของเขาอยูที่ดแู ลเฟอรนิเจอร ตามหลักคิดทางปญญาบอกวา หากที่มาของผลลัพธหนึ่ง อยู ณ จุดใดก็ตาม จากที่มานั้นกอใหเกิดคุณคาแกสิ่งหนึ่งไมวา จะเปนมนุษยหรือสิ่งอื่นใดที่มาของ ผลลัพธนนั้ ยอมตองมีคากวาสิ่งนั้นอยางแนนอน”
“พวกทานทั้งหลายที่ทาํ งานอยูในสถานทูต ตามหลักการทางศาสนาและวิธีคิดทั่วไปพวกทาน มีหนาที่ตองอยูอยางเรียบงาย สถานทูตของพวกทานตองเรียบงาย การปฏิสัมพันธกับบุคคลที่พวกทาน ทํางานอยูดว ย หรือที่พวกทานเรียกวาคนที่อยูในการปกครองของพวกทานนั้นตองอยูอยางพี่อยางนอง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ตองยอมรับตัวพวกทาน เมื่อพวกทานบอกกลาวเรื่องใด แตตองเปนแบบพี่นอ ง เชนเดียวกันสภาพแขกของพวกทาน ความเปนอยูของพวกทาน และสภาพทั่วไปของบุคคล ซึ่งทํางาน อยูที่นั่นก็ตองเปนอยางนี้ดว ย มันตองเปลี่ยนไปสูความเปนอิสลามซึ่งใครก็ตามมาที่นั่น พวกเขาก็จะ เห็นการปฏิบตั ิแบบอิสลาม ไมวา เราจะกองตะโกนวาเราเปนอิสลาม เราเปนรัฐบาลอิสลาม แตเมื่อ ผูคนเห็นเราปฏิบัติตวั แบบมิใชอสิ ลาม พวกเขาก็จะไมเชื่อถือเราอีก พวกเขาจะเชื่อถือเราก็ตอเมื่อ เรา พูดเรื่องรัฐอิสลาม การปฏิบตั ิตัวของเราก็ตอ งเปนอยางนั้นดวย มิใชปฏิบัติตวั แบบฏอฆูต คําพูดตอง เปนคําพูดแบบอิสลาม การปฏิบัติตวั แบบอิสลาม พฤติกรรมทั้งหลายก็ตอ งเปนอิสลาม การสนทนา แบบอิสลามเพื่อเปนตัวกระจายขาวออกไปวารัฐอิสลามอยูทา มกลางประเทศเหลานั้น” จําเปนตองรักษาสภาพการเปนนักเรียนศาสนา “ขาพเจาเชื่อมัน่ วาการประสบความสําเร็จของนักการศาสนาและอิทธิพลของพวกเขาใน สังคมอิสลามอยูที่คุณคาของพฤติกรรมและความสมถะของพวกเขา วันนี้มีเพียงแตตองไมลืมคุณคานี้ เทานั้น ยังตองทําใหมากขึ้นกวาแตกอนไมมีอะไรที่นารังเกียจไปกวาการหลงโลกของนักการศาสนา ไมมีอะไรที่สรางรอยดางพรอยใหแกนักการศาสนาไดเลวรายไปกวาการยึดติดโลก มีเพื่อนที่โงเขลา และศัตรูที่ชาญฉลาดมากมายที่ตอ งการเบี่ยงเบนวิถสี มถะของพวกเขาดวยการแสดงความเห็นอกเห็น ใจ บางพวกใหรายวานักการศาสนากําลังสนใจแตวตั ถุอาจดวยความไมรูหรือตั้งใจก็ตาม ในชวงเวลา หนาสิ่วหนาขวานและสําคัญตอการสรางอนาคตนี้ นักการศาสนาอยูในฐานะตัวหลักของประเทศและ อาจกอใหเกิดอันตรายจากการแอบอางใชนักการศาสนาอยางผิดๆ ก็ได จะตองระวังการขับเคลื่อนทุก อยางของตัวทานเอง มีกลุมคนมากมายที่อยูในองคกรของรัฐ สถาบันทางการเมือง และองคกรทั่วไปที่ เมื่อดูภายนอกแลวเปนอิสลาม แตพวกเขาตองการใชสถานะของตนเองทํารายอิสลาม” “พวกขี้ขา นักลาเมืองขึ้นตองการทําลายสถานะอิสลามใหปน ปพวกทานจะตองยืนหยัดตอตาน ดวยการรักตัวกลัวตาย ถวิลหาอยูกับตําแหนง ความยิ่งใหญ และการหยิ่งทนงมิอาจนําไปใชเพื่อตอกร พวกเขา ผูรูชั่ว ผูรูที่ลมุ หลงดุนยา ผูรูที่คิดอยูแตรกั ษาตําแหนงมิอาจตอกรกับศัตรูอสิ ลามไดเลยแตจะมี อันตรายยิ่งกวาคนอื่นเสียอีก จงทําใหทกุ อยางกาวมีศาสนา สลัดความรักโลภในดุนยาออกไปใหหมด จากหัวใจ เมื่อนั้นพวกทานจะสามารถตอสูไ ด”
สวนที่ ๓ ลักษณะเดน ของอิสลามแบบอเมริกา “ การเมืองตองแยกออกจากศาสนา มุสลิมจะตองไมเขาไปยุงเกี่ยว กับการเมือง ”
บทที่ ๑ การแยกศาสนาออกจากการเมือง อิสลามแบบอเมริกาดูที่การไมเขาไปยุงเกี่ยวกับการเมือง “ภายหลังจากทานศาสดา (ศ.) และชวงอรุณรุงแหงอิสลามมือโสมมและปญญาอันออนดอย เปนเหตุทําใหประชาชนคอยๆ หันเหออกจากประเด็นปญหาหลักซึ่งเคยดํารงอยูในอิสลาม มันทําให ผูคนสนใจแตเพียงปญหาขอปลีกยอย พวกเขาทําเปนไมรับรูในประเด็นปญหาทั่วไปซึ่งประเทศ อิสลามจําเปนตองใหความสนใจ และบางทีก็กลับปฏิเสธสิ่งเหลานั้นดวย นี่เปนแผนของมารรายซึง่ ถูก วางเอาไวนบั ตั้งแตสมัยบะนีอุมยั ยะฮฺและบะนีอบั บาซ ภายหลังจากนั้นผูมีอาํ นาจตอมาก็สนับสนุน เรื่งอนี้ และในทายที่สุดเมื่อแนวทางของตะวัออกและตะวันตกถูกเปดโลงใหเขามายังรัฐอิสลาม ทั้งหลาย เรื่องนี้ก็หวนกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งวา อิสลามเปนปญหาความสัมพันธระหวางยาวกับพระ เจาเทานั้น การเมืองตองแยกออกจากศาสนา มุสลิมจะตองไมเขาไปยุงเกี่ยวกับการเมือง นักการศาสนา ตองไมเดินเขาไปในสนามการเมือง พวกเขาตองจับเจาอยูแตในมัสญิด งานของพวกเขามีเพียงไปนํา นมาซและพร่ําบนดุอาอบางบทและกลับไปบาน นี่เปนแผนการรายหนึ่งซึ่งลงรากลึกมาตั้งแตอสิ ลาม ในยุคเริ่มตน ทุกวันนี้รัฐบาลของพวกตะวันออกและตะวันตก อํานาจอันยิ่งใหญของพวกตะวันออก และตะวันตกกําลังยืนหยัดตอกรกับอิสลาม มันกลับมาซ้ํารอยเดิมอีกแลว” “การพูดถึงปญหาแยกการเมืองออกจากนักการศาสนานั้น มิใชเปนเรื่องใหมเลย ปญหานี้มมี า ตั้งแตสมัยนะบีอุมยั ยะฮฺแลว และเริ่มทรงอิทธิพลมากขึ้นในสมัยบะนีอับบาซ ในชวงเวลานี้ที่มอื ไม ของพวกตางชาติที่ไดเขามาในรัฐตางๆ แลว พวกเขาไดขยายแนวคิดเรื่องนี้ถงึ ขนาดที่นา เศราตรงที่มีผู เครงครัดบางคนกับนักการศาสนากลับหลงเชื่อคนพวกนี้วา สมมติมีมุลลา (นักการศาสนา) เขาไปยุง กับการเมือง เขาก็จะเริ่มโจมตีทนั ที นี่เปนแผนการรายที่ไมธรรมดาของนักลาเมืองขึ้น ซึ่งมีบางคน หลงเชื่อตามนั้น” สโลแกนแยกศาสนาและนักการศาสนาออกจากการเมือง “ประเด็นปญหาหนึ่งซึ่งเปนเรื่องที่มีความสําคัญซึ่งพวกทานทั้งหมดหรือสวนใหญตางก็รูดี คือเรื่องการแยกนักการศาสนาออกจากสังคม ในเรื่องนี้มีแผนการตางๆ มากมาย อาทิเชน แยก การเมืองออกจากศาสนา ซึ่งนาเศราก็ตรงทีแ่ ผนการนี้สงผลอยางรายแรงและเปนความยุงยากของ มุสลิมสวนใหญหรืออาจบอกวาทั้งหมดก็ได เปนอุปสรรคขัดขวางที่มากกวาอยางอื่นเสียอีก” “ทานอะมี้ร (อ.) ไดบริหารประเทศหนึ่ง เปนนักการเมืองของประเทศนั้น แลวตอนนั้นอา คูนด (นักการศาสนา) ไมยงุ กับการเมืองหรือ? นี่เปนประเด็นที่นักลาเมืองขึ้นตองการแยกอาคูนดออก จากรัฐและประชาชน พวกเขาเปาหูเขา แลวอาคูนดก็เชื่อตามนั้น ตัวอาคูนดกลับมาตอตานเราวา พวก ทานไปยุงอะไรกับการเมือง อาคูนดคนนี้เปนนักการเมืองไปแลว นี่คอื สิ่งที่จะทําใหเราลาหลัง อาคูนด ยอมตองเปนตัวอยางแบบอิสลาม”
ปฏิเสธอาลิมทีเ่ ปนนักการเมือง “มือที่ทองไมเห็นของพวกสวาปามโลกไดเขามามีอทิ ธิพล โดยอาศัยคนกลุมหนึ่งหรือกลุม ตางๆ ที่แฝงอยูในภาคสวนของประเทศอิสลาม ตลอดหลายปที่ผา นมาพวกเขาไดดําเนินการแผนงาน หนึ่งและนาเสียใจตรงที่มนั ไดเสร็จสิ้นไปแลว และก็ไดสงผลงานอันนาชิงชังนั้นใหประชาชาตินนั้ ๆ ไปแลว ที่วา การเขาไปยุง สังคมและการเมืองในประเทศหนึ่งถือเปนความนาอับอาย ขัดแยงกับความ เที่ยงธรรมและตําแหนงของนักการศาสนา แมกระทั่งชุดทหารก็ถอื วาเปนชุดที่หากนักการศาสนาใส ชุดนั้นแลวตองขาดจากความเปนนักการศาสนาขาดจากสภาวะความเปนผูเที่ยงธรรม การเขาไปยุง การเมืองถูกตราหนาวาเปนเรื่องที่ขดั แยงกับสถานะของนักการศาสนา บอกวาอาลิมคนนั้น เปน นักการเมืองไปแลว ตองไมสวมคราบอาลิมอีก” “แมกระทั่งเรื่องการเขาไปยุงเกี่ยวการเมืองนั้นถูกตราหนาวาเปนบาปอยางหนึ่งและเปนความ ชั่วราย บางคนมองรายไปกวานั้นวา นี่คอื หายนะของอิสลามที่อสิ ลามเผชิญมากอนแลว๐ “หากมีรฮู านี (นักการศาสนา) คนหนึ่งพูดเรื่องการเมืองภาคประชาชน พวกเขาจะบอกวา ปลอยเขาไปเถอะ คนนี้เปนนักการเมืองไปแลว ความคิดเชนนี้มาจากชัยฏอนทั้งภายในและชัยฏอน ที่มาจากภายนอกอยางไมตอ งสงสัย” ผลของการไมเขาไปยุงเกี่ยวการเมืองตอสังคมอิสลาม “เราทั้งหมดรูดี และเราตองรับรูไวดว ยวา หลายศตวรรษมาแลวจนถึงเดี๋ยวนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับ มุสลิม เฉพาะอยางยิ่งในชวงสองศตวรรษที่ผานมา มือของตางชาติเริ่มสยายเขามาในประเทศอิสลาม เงาแหงความชัว่ รายของคนพวกนัน้ แผคลุมเปนเงาดําทะมึนไปทั่วประเทศอิสลาม พวกมันไดทํา ใหทรพัยากรที่พระเจาใหมาสูญสลายไป และยังเปนเชนนี้เรื่อยมา ความไมใสใจของมุสลิมในประเด็น ปญหาทางการเมืองและสังคมอิสลามนั่นเองที่ชักจูงใหพวกเขาตกไปอยูในมือของพวกนักลาเมืองขึ้น นักฉกฉวยผลประโยชน ขี้ขาตะวันตก ขี้ขา ตะวันออก ซึ่งแมกระทั่งอุละมาออสิ ลามสวนใหญก็ยังเดา สงเดชวาอิสลามปลอดจากการเมืองคนที่เปนมุสลิมจะตองไมเขาไปยุง เกี่ยวการเมือง พวกประจบ สอพลอสันดานโกงไดพยายามที่จะทําใหอิสลามกลายสภาพไปเหมือนแนวคิดคริสเตียนที่ถูกบิดเบือน ไปแลวโดยอาศัยมือของพวกขี้ขา ที่เรียกตัวเองวานักคิด พวกเขาไดกักขังอุละมาอไวในกรอบสี่เหลี่ยม ของการอิบาดะฮฺ อิมามมัสญิดวุนอยูแตในมัสญิด อยูในงานพิธกี รรมแตงงาน สวนพวกที่ดูวา มีศาสนา ก็หมกมุนอยูกับการพร่าํ บนแตดอุ าอ คนหนุมคนสาวของเรามัว่ อยูกับความสุขชั่วครูชวั่ ยาม พวกเขาได ทําใหคนเหลานั้นหลุดออกไปจากพื้นที่ทางการเมือง สังคม การเอาใจใสปญ หาของพี่นอ งมุสลิม และ ความทุกขยากของมวลมุสลิม พวกเขาอาศัยชองทางนี้ใชประโยชนจากความไมรูและหลงระเริงของ เรา เขาครอบครองประเทศมุสลิมหรือไมกเ็ ปดทางใหพวกฉกฉวย พวกเขาบงการใชผปู กครองมุสลิม ไดอาศัยมือคนพวกนี้ลากใหประชาคมตกอยูในความออนแอลาหลังจมปลักอยูกบั ความยากจน ไรถิ่น ฐาน ตอนนี้มุสลิมก็ยังตกอยูในสภาพไมรูสึกตัว ขี้ขา ของนักลาเมืองขึ้นก็ยงั คงโหมโฆษณาชวนเชื่ออยู
ตลอดเวลา มหาอํานาจก็อาศัยพวกประจบสอพลอเหลานั้นอยู พวกอาคูนดทเี่ ปนทาสรับใชก็ยงั คงแผ อิทธิพลควบคุมมุสลิม ความโงงมงาย และความหลงระเริงของพวกเขาอยู” “การปกปกรักษาอิสลามเปนหนาที่ทางศาสนาสําหรับเราทั้งหมด การปกปองประเทศที่มี แนวคิดเรื่องเอกานุภาพของพระเจาเปนหนาที่ทางศาสนาสําหรับทุกภาคสวนของประชาคม หาก ทั้งหมดไมรว มมือกัน ไมออกมาอยูแถวหนา ไมไปออกเสียงเลือกผูแทน ไมออกเสียงเลือกสภา ผูชาํ นาญการ ผูแทนซึ่งสมควรตองไดรับการเลือกตั้งแตไดคะแนนเสียงนอย อยางนี้เทากับทําขัดแยง กับหนาที่ ทุกคนตองมีสวนรวม และขาพเจาขอชีแ้ จงไปยังสถาบันนักการศาสนาวา การแปลกแยกตัว เองออกมาจะกอใหเกิดผลเหมือนในอดีตที่อลุ ะมาอของมัซฮับ ตางๆ ที่ทาํ เปนไมอนาทรรอนใจ มันคือ สาเหตุที่ประชาชาติของเราและ ผูอาวุโสของเราถูกแยกออกจากกัน อะไรที่พวกเขาตองการ พวกเขาก็ ทํา ตามอําเภอใจ พวกเขาปลอยใหประเทศชาติอยูในสภาพเชนนั้น หากพวกทานออกไปยืนอยูขา ง นอก อุละมาอ นักวิชาการออกไปยืนอยู นอกเวทีการเมือง มันก็จะเปนเหตุแหงปญหาที่มนั เคยเกิดขึ้น ในอดีต ยอนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ผลของการไมเขาไปยุงเกี่ยวการเมืองตอสถาบันสอนศาสนา “คนพวกนั้นตองการสรางเราและพวกทานใหเปนสิ่งมีชีวติ ที่ไรคณ ุ สมบัติเดน ไมมีสีสัน ไมมี สวนรวมใดไมวา ประเทศชาติจะเปนเชนไร ทรัพยากรของชาติตกอยูในสภาวะใด รัฐบาลจะทําอะไร พวกคนพาลจะทําอะรกับประเทศชาติ บานเรือนจะเปนเชนไร พวกเขาตองการคนที่ไรสีสันและมักจะ ใหเกียรติอยางงาม พวกมันปดพวกเราออกนอกเสนทางโชคชะตาของเราถูกเขียนขึ้นในอเมริกา ซาฮที่ ถูกขับไลและถูกสาปแชงก็ไดเอยปากออกมาเอง ฉะนั้น องคกรใดที่สามารถเกณฑประชาชนไดและ ถามีอาํ นาจขึ้นมาก็สามารถเรียกรวมพลในเรื่องราวใดๆ ก็ไดหากใหโอกาสเขา คนพวกนั้นก็จะระงับ ยับยั้งคนกลุมนี้ดว ยเลหเ พทุบายตางๆ หนึ่งในนั้นก็คอื การทําใหพวกผูรูและประชาชนเชื่อวาพวกเขา จะตองไมเขามายุงเกี่ยวการเมือง เรื่องนี้ขดั แยงกับสถานะของพวกเขา แมกระทั่งพูดวา ขัดแยงกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ขัดแยงกับความศักดิ์สิทธิ์ของคนที่มีความรู การเขามามีสวนรวมใน ประเทศและการเมืองเปนเรือ่ งที่ขดั กัน” “เมื่อสโลแกน ศาสนาตองแยกจากการเมือง ดังขึ้นสภาพของฟุกอฮะฮฺ (การเปนผูรูระดับ วินจิ ฉัยปญหาศาสนา) ก็จมปลักอยูกับกฎเกณฑศาสนาสวนบุคคลและมุงมั่นอยูกบั การอิบาดะฮฺอยาง ไมลืมหูลืมตา ตัวของฟะกีฮฺ (นักการศาสนาระดับวินิจฉัยปญหาศาสนา) เองก็ไมนาํ พาตัวเองออกมา จากวังวนนั้นและเขาไปมีสวนรวมในทางการเมืองการปกครอง ความเขลาของนักการศาสนาในเรื่อง การอยูรวมกับผูคนนั้นถูกทําใหดเู สมือนเปนความประเสริฐยิ่งไปกวานั้นบางคนยังไดรบั การใหเกียรติ ทั้งๆ ที่ตั้งแตหวั จรดเทาของคนพวกนี้มองเห็นแตความเบาปญญา หรือมิเชนนั้นนักการศาสนาหัวกาว หนาที่เอาจริงเอาจังและฉลาดหลักแหลมก็มีอาณาเขตเพียงไมถงึ ครึ่ง”
บทที่ ๒ อิสลามแหงการประนีประนอม และความมั่งคัง่ อิสลามของพวกชอบสบายและชอบประนีประนอม “นับตั้งแตอรุณรุงแหงอิสลามจนถึงปจจุบนั นี้ มีแนวทางอยู ๒ แนว แนวทางหนึ่งคือแนวทาง ของกลุมบุคคลที่ชอบความสะดวกสบายคนพวกนี้มักชอบแสวงหาความสําราญใจ กิน นอน ทําอิบา ดะฮฺตามที่มุสลิมทั่วไปเขาทํากัน แตเหนือสิ่งอื่นใดในทัศนะของคนพวกนี้คอื ความสบายไวกอ น มีคน พวกนี้อยูนบั แตเริ่มแรกอิสลามเลย เมื่อทานชัยยิดชุ ชุฮะดาอ ซะลามุลลอฮฺอะลัยฮิ มีความประสงคที่จะ เดินทางสูการผจญภัยอันยิ่งใหญ บางคนไดเตือนทานวา ทําไมถึงอยูที่นี่ไมได อยูที่นี่กป็ ลอดภัยแลว... อยูเฉยๆ นัง่ กินนอนกินก็พอแลว ยังมีบางคนถึงขนาดตัง้ ขอสังเกตวาจะตอตานอํานาจอันคับฟาดวย กองกําลังเพียงนอยนิดไดอยางไร ลักษณะเชนนี้มีอยูในหนาประวัตศิ าสตรเรื่อยมา ในตอนเริ่ม ขบวนการอิสลามของเรา เราก็ไดเห็นกลุมคนที่มีลักษณะดังกลาวเลือกความสุขสบายเหนือสิ่งอื่นใด คนพวกนี้เขาใจวาหนาที่ทา นสาสนาของพวกเขามีเพียงการนมาซและถือศีลอดเทานั้น นัง่ จับเจาอยูใน บานพร่ําบนดุอาอที่ตอ งการ มีการจองติฉินนินทาบุคคลอื่นในมัจญลิซ (ที่ชมุ นุมกิจกรรมทางศาสนา) นี่คือแนวทางหนึ่งซึ่งประชาชนบางกลุมที่ความหวังทั้งหมดของการมีชีวิตอยูในโลกนี้ของพวกเขาคือ การเสพยสุขในชวงเวลาอันนอยนิดในดุนยา นั่งทําอิบาดะฮฺอยูแตในบานพวกเขาสรุปวาอิสลามคือ กิจกรรมที่มุงอยูแตการอิบาดะฮฺเทานั้นนอกจากเหนือจากนี้แลว ไมรูอะไรเลย...” ตนเหตุแหงความประนีประนอมและการยอมจํานน “ขาพเจามีความเชื่อวา หากมนุษยคนหนึ่งมีชีวิตอยูดว ยความบากบั่นและความยากลําบากและ การดําเนินชีวติ ที่เปนตัวของตัวเองเขาจะมีชีวิตที่เปนอิสระ บริโภคสิ่งที่ตนเองหามาได มีคุณคายิ่งกวา พวกที่นงั่ เอกเขนกอยูในคฤหาสนอนั ใหญโตและยื่นมือออกไปใหสลามกับผูคน” “อินนะมาอาบัล้ ลอฮุซาลิกะอะลัยฮฺม ลิอนั นะฮุมกานูยะเรานะมินัซซุลมะฮฺ อัล้ ละซีนะ บัยนะ อัซฮุริฮิมลุ มุนกะรอวั้ลฟะซาด ฟะลายันเฮานะฮุมอัน ซาลิกะ ร็อฆบะตันฟมากานูยะนาลูนะ มินฮุม วะ เราะฮฺบะตันมิมมายะฮฺซูรูน (อันที่จริง อัลลอฮฺทรงตําหนิพวกเขาก็เพราะวา พวกเขาเห็นความเลวราย และความเสื่อมเสียอันมาจากความอธรรมซึ่งกระจางชัด อยูเบื้องหนาพวกเขา แตพวกเขากลับไมหา ม ปรามพวกนั้นใหงดเวนสิ่งนั้น เพราะความอยากไดใครดีในสิ่งที่พวกเขาไดรับมันจากคนพวกนั้น และ ความขยาดกลัวสิ่งที่คนพวกนั้นขูเอาไว-ตะฮุฟฟุลอุกุล หนา ๒๗๑) สิ่งที่พระเจาทรงรังเกียจพวกนักบวชเพราะเหตุผลหลักที่วา พวกเขาเห็นพวกอธรรมทําอะไร ไวบางและสรางความโหดทารุณใดไวแตพวกเขากลับนิ่งเงียบ ไมยอมหามปรามคนพวกนั้น การนิ่ง
เงียบของพวกเขานั้น-ตามการรายงานบทนี้-เพราะสองสาเหตุหลักคือเอาแตประโยชน และความดอย สมรรถภาพ เปนพวกที่ละโมบเอาแตไดและชอบใชประโยชนจากความอธรรม พูดอีกอยางหนึ่งก็คือเลือก รับเฉพาะ สิทธิในการนิ่งเงียบ หรือไมก็พวกขี้ขลาดเอาแตกลัวคนพวกนั้น” ผูปกครองประเทศอิสลามที่ชอบออนขอ “เราและพวกทานอยางนอยที่สุดก็ในชวง ๑๐๐ ปที่ผานมาถาไมไดประจักษเห็นการคืบคลาน เขามาของมหาอํานาจผูสวาปามโลกที่เขามายังประเทศอิสลามและประเทศเล็กๆ ดวยสายตาก็อาจ ไดรับการบอกเลาจากประวัตศิ าสตรที่ถกู ตองที่บอกกับเราวา ไมมีผูปกครองรัฐเหลานั้นคนใดที่คิดถึง ความเปนอิสระ เสรีภาพ และความผาสุกของประชาชาติตนเอง สวนใหญและแทบทั้งหมดตางก็มี ความเห็นสอดคลองไปในทํานองที่วา ยอมอยูภายใตแอกสิ่งที่พวกเขาทําไปก็เพื่อผลประโยชน สวน บุคคลหรือไมกเ็ ฉพาะกลุม หรือไมก็เปนความสะดวกสบายของชนชั้นสูง ไมวา ชนชั้นลางแบกะดิน จะมีความเปนอยูที่ไรซึ่งแมกระทั่งน้ําและอาหารที่พอจะประทังชีวิต พวกเขาไดความโชครายที่คน พวกนี้เผชิญอยูกเ็ พื่อความสุขสบาย ของชนชั้นที่อยูเหนือพวกเขาไป...” “เอาละ ประเทศอิสลามทั้งหลาย รัฐทั้งหลายที่มีชื่อวาเปนรัฐอิสลาม พวกเขาตองการอยู ภายใตความต่าํ ตอยนี้ไปถึงไหนกัน ยอมรับความอดสูนี้ไปถึงเมื่อไหร?” การนิ่งเฉยและการออนขอตออิสราเอล “เราไดผานวาระครบรอบกุดซป ๑๓๑๖ อันเปนชวงเวลาที่ขมขื่นและเจ็บปวดที่สุดเราไดผา น ชวงเวลาที่นา เศราที่สุดและตองระทมทุกขสุดคณานับ มิใชเปนเพียงความขมขื่นและเจ็บปวดสําหรับ บรรดาซะฮีดผูเรรอนและผูบริสุทธิ์ของเลบานอนผูถูกกดขี่ และมิใชเพียงความนาเศราและ โศกนาฏกรรมที่เกิดจากการโจมตีของอิสราเอลดวยการเขาถลมบานเรือนที่อยูอาศัย เผาผลาญที่อยูของ ชาวอาหรับและมุสลิมที่อยูในกรุงเบรุต ทําใหลกู เด็กแดงและคนเฒาคนแกหลายพันตองสังเวยชีวิต และไรที่อยู...” “นาประหลาด ยิ่งนานวันโศกนาฏกรรมเลือดของการรุกรานปาเลสไตนผานพนไปนานเทาใด การนิ่งเฉย การออนขอของผูปกครองประเทศอิสลาม และการผูกมิตรกับอิสราเอลผูรุกรานกลับเพิ่ม มากขึ้น แมกระทั่งการประกาศเชิญชวนและสโลแกนที่เกี่ยวของกับบัยตุลมุก็อดดิซไมไดเขามาใน โสตประสาท หากไมมีประเทศและประชาชนของประเทศหนึ่งซึ่งเหมือนกับอีหรานที่ไดลุกขึ้นมา สนับสนุนประชาชนปาเลสไตนและกูกอ งรองตะโกน ทั้งๆ ทีต่ นเองก็กําลังเผชิญหนากับการรุกราน สงคราม และการคว่าํ บาตรอยูก็ตาม คนพวกนัน้ กลับหันมารุมประณามและเปนเดือดเปนรอนเมื่อมี การประกาศจัดงานวันหนึ่งขึ้นมาโดยใชชื่อวา วันแหงกุดซ”
สวนที่ ๔ ผูสนับสนุนอิสลามแท กับอิสลามตามแนวคิดอเมริกา “ พวกทานตองไมละเลย ทีจ่ ะรับใชพวกเขาโดยเฉพาะอยางยิ่ง ผูดอยโอกาสทั้งหลาย ”
สภาพทั่วไปของพรรคพวกของอิสลามทั้งสองแบบ “มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกทานตองคิดใหจงหนักก็คอื ความมั่นคงของรากฐานอิสลามแทของทาน ศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะ อาลิฮวี ะซั้ลลัม อิสลามที่ผูถอื ธงชัยอิสลามนั้นเปนผูที่มแี ตเทา เปลา ผูถกู กดขี่ และคนยากคนจนของโลกนี้ สวนศัตรูของอิสลามก็คือ ผูแข็งขืน ผูปฏิเสธศรัทธา พวก ทุนนิยม และพวกบูชาเงินทั้งหลาย อิสลามซึ่งมีสมัครพรรคพวกที่แทจริงเปนพวกที่ไรซึ่งทรัพยสิน และอํานาจสวนศัตรูที่แทจริงคือพวกคดโกง พวกบาอํานาจ และพวกที่ชอบแสดงวาตนเองมีศาสนา” “แนวทางการตอสูกับอิสลามแบบอเมริกานั้นตองเผชิญหนากับความสลับซับซอนซึ่งทุก เหลี่ยมมุมของมันตองเปนที่กระจางชัดสําหรับมุสลิมเทาเปลา แตนา เศราก็ตรงที่ถึงตอนนี้แลวยังมี ประชาคมมุสลิมอีกจํานวนมากที่ยงั ไมอาจชี้ชัดลงไปอยางสมบูรณวา เสนแบงระหวางอิสลามแบบ อเมริกากับอิสลามแทของทานศาสดามุฮัมมัด อิสลามของประชาชนเทาเปลากับอิสลามของพวกแอบ อางวามีศาสนา พวกทุนนิยมไรศาสนา และพวกชอบเสวยสุขไรความรูสึกใดๆ การสรางความกระจาง ใหกบั ขอเท็จจริงนี้ซึ่งเปนไปไมไดทจี่ ะดํารงอยูในแนวคิดเดียวกันหรือศาสนาเดียวกัน มันเปนสอง แนวคิดที่ตรงขามและเผชิญหนากันอยู ถือเปนงานทางการเมืองที่มีความสําคัญยิ่ง”
บทที่ ๑ ผูปกปองอิสลามแท ผูดอยโอกาสและผูถูกกันสิทธิ์ทงั้ หลาย “เสรีภาพที่เรามีอยูตอนนี้และไมมีผใู ดอาจหาญเขามากาวกายในประเทศเราไดนั้น ใครเปน คนใหเรา? ไมมีใครเลยนอกจากพวกเทาเปลา พวกอยูกระโจม พวกนักศึกษาที่ไมไดรับสิทธิ์ ประชาชนตามตรอกซอกซอยและตลาดที่ไดรวมตัวกัน ลุกขึ้นสูเพื่อพระเจาสรางแนวรวม และสงพวก เราใหไปถึงยังอิสรภาพ อุปสรรคที่ยงิ่ ใหญซึ่งไมมีใครคาดวาจะลมครืนลงมาได พวกเขาก็พังทลายมัน ลงมาและสงพวกเราใหไปเปนรัฐมนตรี ประธานาธิบดี เปนสมาชิกสภาฯ ทัง้ หมดที่เรามีอยูนนั้ มาจาก ประชาคมมุสลิมกลุมนี้ อะไรที่เรามีไดก็เพราะมาจากประชาคมมุสลิมกลุมนี้ซึ่งที่จริงก็คือประชาชาติ อิสลามซึ่งปฏิบัตภิ ารกิจดวยการกองตะโกนวา อัลลอฮุอกั บัร” “คนยากคนจน คนขัดสน และพวกไกลปนเที่ยงทั้งหลายถือวาอยูแถวหนาของสังคม พวกคน เหลานี้ พวกที่อยูในกระโจม พวกที่อยูตามชายขอบ และพวกที่ถูกกันสิทธิ์ทงั้ หลายคือผูที่ทําใหการ ปฏิวัติครั้งนี้ประสบผลสําเร็จ คนกลุมนี้คือพวกที่สงผานทุกอยางของตัวเองในหนทางแหงอิสลามอัน เปนที่รักและเทิดทูน ตอนนี้พวกเขาก็ยงั ทําอยางนี้กันอยู คนกลุมนแี้ หละที่ตอนนี้กาํ ลังเสียสละอยูใน สนามรบคนหนุมคนสาวที่มจี ากคนกลุมนี้ก็ยังคงงวนอยูกับการทํางานเพื่อสนับสนุนอิสลามอยูทั่ว ประเทศทั้งภายในและนอกประเทศ ประชาชาติอนั มีเกียรติแหงอีหรานนี้ยอ มตองสํานึกในบุญคุณของ เยาวชนคนหนุมคนสาวเหลานี้ ตองสํานักในบุณคุณของครอบครัวที่มอบพวกเขาใหกบั สังคม สุดยอด อยูตรงที่ ณ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) พวกเขาจะมีรศั มีอนั เจิดจรัสเปนพิเศษ ถาไมมีกลุมคนที่ถูกกันสิทธิ์ของ สังคมที่มัวเมาในดุนยาที่พวกเขาคิดวามันเลิศเลอเหลานี้ ถาไมมีความเอาจริงเอาจังของคนกลุมที่ถูกกัน สิทธิ์เหลานี้ และความตั้งใจจริงของพวกชาวบานความเอาใจใสอยางแข็งขันของประชาชนที่อยูทางใต (ประเทศอีหราน) ถาไมมีคนพวกนี้ รัฐบาลทรราชกอนหนานี้ก็ไมอาจถูกกําจัดไปได และเราก็คงไม อาจยืนหยัดตอตานปญหาทัง้ หลายทั้งปวงได” พวกดอยโอกาสทั้งหลาย คือสหายของขบวนการของบรรดาศาสนทูต “ทุกคนที่ไดตรวจดูวิถีชีวติ ของบรรดาศาสดานับแตโลกในยุคแรกตราบจนถึงปจจุบันนี้ เขาก็ จะเห็นวา บุคคลที่รายลอมทานเหลานั้นก็คอื พวกถูกกดขี่ทงั้ หลาย สวนพวกที่ตั้งปอมเผชิญหนากับ ทานเหลานั้นก็คือพวกคนพาล เราไมเคยเจอวามีศาสนทูตคนใดที่ถูกหลอหลอมมาจากพวกคนพาล ตอตานประชาชาติของตนเอง และเราไมเคยพบเจอทายาทของศาสนทูตคนใดที่ถูกฟูมฟกมาให ตอตานประชาชนของตนเอง นี่คอื วิถีของศาสนทูตทั้งหลายนับตั้งแตกอกําเนิดโลกจนถึงยุคสมัยของ
ศาสดาคนสุดทายนี้ ซึ่งพวกทานเหลานั้นยืนหยัดตานอํานาจทั้งหลายซึ่งกดขี่ประชาชนทั้งหมดอยูใน สถานการณเดียวกัน พวกทานเหลานั้นเริ่มจากตรงนั้น” “ทุกศาสนาที่มาจากฟากฟาถือกําเนิดมาจากกลุมคนและไดทาํ การจูโจมพวกอลังการดวย ความชวยเหลือของพวกดอยโอกาสทั้งหลายผูดอ ยโอกาสเหลานั้นในตลอดหนาประวัติศาสตตา งก็ยืน หยัดชวยเหลือศาสนทูตทั้งหลาย พวกเขาทําใหพวกอหังการตองกลับไปอยูในที่ๆ ของพวกมัน ใน อิสลามก็เชนกัน ศาสดาแหงอิสลามก็ยนื หยัดขึ้นมาทามกลางพวกดอยโอกาสทั้งหลาย และดวยกับ ความชวยเหลือของพวกดอยโอกาสเหลานั้นที่ทา นไดทําใหพวกอหังการทั้งหลายไดรูสํานึกหรือไมก็ พบกับความวิบัต”ิ พวกนายทุน พวกชอบสบาย และพวกที่อยูในคฤหาสน มิไดมีบทบาทใดในการปฏิบัติเลย “ทุกวันนี้เมื่อพวกทานพิจารณาดูกลุมคนที่กําลังสละชีวติ อยูในแนวหนานั้นเปนคนระดับ ไหน หากพวกทานเจอวาทามกลางคนเหลานั้น มีสกั คนหนึ่งที่เปนพวกนายทุน มีบุคคลที่เคยมีอาํ นาจ วาสนาแตกอ น หากพวกทานเจอคนพวกนี้ละก็ มาเอารางวัลจากเราไดเลยแตขาพเจารูวา พวกทานหา ไมเจอหรอก หาจากคนกลุมนี้ไมเจอหรอก ตอนนี้คนกลุมนี้กาํ ลังกุมหัวใจของพวกเขาเอาไวปกปอง พวกทานคนกลุมนี้คือพวกที่คอยปกปองพวกทานและประชาชนในบานเมือง และตามหมูบาน ทั้งหลาย คนระดับนี้แหละที่มีบญ ุ คุณตอเรา มีบญ ุ คุณมาตั้งแตตน คนกลุมนี้ไมเคยที่จะนั่งวาดหวังอยู พวกทานก็รูดีวา ประชาชนเปนผูสรางรัฐ คนพวกนี้ มิใชประชาชนทั้งหมด แตเปนประชาชน เทาเปลา พวกพอคา พวกชนชั้นกลางและพวกถูกกันสิทธิ์ทงั้ หลาย การบีบคั้นทั้งปวงก็เกิดขึ้นกับคน กลุมนี้หมายถึง พวกเขาตองแบกรับภาระบีบคั้นจากการปฏิวัตเิ อาไว หากพวกทานดูตามทองถนนใน ตอนเดินขบวนของประชาชนในสมัยทรราชและหลังจากนั้นในยุคเริ่มตนปฏิวัติ หากตรวจดูกจ็ ะพบวา ในหมูคนพวกนั้นมีพวกชอบสบายอยูกี่คน มีพวกที่ไมไดรับสิทธิ์ที่พงึ มีอยูกี่คน? พวกที่ไมไดรบั สิทธิ์ ที่พึงมีนเี่ องที่ทํางานเยี่ยงนี้ได” เจาหนาที่รัฐทั้งหลายเปนหนี้ กลุมคนผูดอยโอกาสและมีหนาที่รับใชพวกเขา “ขาพเจาขอสั่งเสียไปยังสภาที่ปรึกษาอิสลาม รัฐบาล และเจาหนาที่รัฐทุกคนวา พวกทานตอง รูสาํ นึกในบุญคุณของประชาชาตินี้พวกทานตองไมละเลยที่จะรับใชพวกเขาเฉพาะอยางยิ่งพวกดอย โอกาสทั้งหลาย พวกไมไดรับสิทธิ์ทคี่ วรได และบรรดาคนยากคนจนซึ่งเปนแกวตาดวงใจของเราและ เปนเจาของความสุขที่เราไดรับอยู และสาธารณรัฐอิสลามแหงนี้ก็เปนของขวัญของพวกเขา (ที่มอบให เรา) และเปนจริงขึ้นมาไดก็ดวยความเสียสละของเขาเหลานั้น พวกทานตองทําความรูจักตัวเองโดย อาศัยพวกเขา และรูจักพวกเขาดวยตัวของพวกทานเอง”
“เราเปนประชาชาติที่มเี สรีภาพ เปนประเทศที่มีอสิ รภาพ และมีความภาคภูมใิ จวา เราไดถอน รากถอนโคนความเสื่อมทรามทั้งหลายไปแลว หรือถามันยังฝงรากอยูละก็ อินซาอัลลอฮฺ เราก็จะถอน มันออกอีกและนี่กเ็ ปนเพราะบะรอกะฮฺ (ความจําเริญ) ของกลุมคนผูไมไดรับสิทธิ์ที่ควรจะเปนนั่นเอง เขาเหลานี้ที่ไมมีอาหารตกถึงทองใน ตอนกลางวันและไรซึ่งอาหารเย็น แตดว ยกับความมุงมั่นอัน สูงสงยิ่ง ดวยกับพลังอํานาจที่มาจากเบื้องบน พวกเขากาวเทาออกมาเผชิญหนากับรัฐบาลทรราช มอบ ซะฮีดเอาไว และเปดศึกจนไดรบั ชัยชนะในรัฐอิสลามนั่นเองที่คนกลุมนี้แหละเปนผูสนับสนุนตัวยง และพวกเขายังยืนหยัดอยางเด็ดเดี่ยวที่สมรภูมิรบและแนวหนานั้น” นักการศาสนาคือรากเหงา “ความรูสึกสํานึกในหนาที่ตอ ประชาชนกลุมตางๆ นั่นเองที่หลอหลอมใหนกั การศาสนายังคง ดํารงอยู มั่นคง และเปนที่รัก จะมีอะไรที่มีเกียรติยิ่งไปกวาการมีนักการศาสนาที่ไมคอยมีปจจัยอยูใน มือ แตไดขับเคลื่อนความคิดแบบอิสลามแทกระจายเขาไปสูที่วา งทางความคิดของประชาชน และ สรางความโดดเดนใหสถานภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของฟุกอฮาฮเขาไปอยูในสวนพฤกษาแหงชีวติ และจิต วิญญาณของผูคงแกเรียนอีกมากมาย จริงๆ แลวหากใครสักคนคิดวาแนวคิดแหงการลาอาณานิคม สมัยใหมไมตามจองลางจองผลาญนักการศาสนาอยางเอาเปนเอาตายละก็ นี่มิใชความคิดที่เบาปญญา ดอกหรือ?” “พวกเขาเขาใจจากประสบการณอนั ยาวนานตั้งแตอดีตวาอุละมาอผูยงิ่ ใหญแหงอิสลามและ นักบรรยายศาสนธรรมผูไดรบั การเคารพไดนําพาประชาชาติอสิ ลามสูผ ลประโยชนรวมของอิสลาม และอัลกุรอานดวยการตอสูอยางตอเนื่องของตนเอง พวกเขาไมเคยละทิ้งหนาที่เพียงเพราะการขมขู และการติดสินบนจากเครือขายของพวกฉอฉลและสมุนรับใชของพวกมัน พวกเขารักษาสถานะของ ตนเองดวยพลังอํานาจอยางสมบูรณแบบ พวกเขามีมัสญิดและสังคมที่นอมรับใชอลั กุรอานอันจําเริญ และอิสลามอันเปนที่รักยิ่งอยูในมือ หากมีใครสักคนที่มีผาไพกหัวอยางไรเกียรติและไมรูจักพระเจา บังอาจทําตัวเขาขางพวกอหังการทั้งหลาย พวกเขาก็จะถูกขับไลออกจากสังคมของผูรูและสังคม อิสลาม ดวยเหตุนเี้ องที่พวกเขาไดวาดแผนการอันตรายขึ้นมาจนหลอนตัวเองวามือไมของอุละมาอผู ยิ่งยงและนักเผยแพรอิสลามถูกตัดขาดหมดสิ้นแลว และไดนําอิสลามกลับไปเปนของเลนของสมุน ของพวกมัน พวกมันไดถอดเอาพื้นฐานศาสนาออกเพื่อใหตวั เองไดไปถึงเปาหมายซึง่ ก็คอื ยึดกุม ทรัพยากรของประเทศ ปลอยใหประชาชนอยูในสภาพลาหลัง และรักษาสิ่งที่ตนเองเลามา” นักการศาสนากับการยืนหยัด ตอตานสมุนของนักลาอาณานิคม “อิสลามและมัซฮับอันศักดิ์สิทธิ์ญะอฺฟะรีเปนกําแพงขวางกั้นพวกสมุนรับใชทั้งหลายไมวา จะ เปนขวาหรือซายก็ตาม นักการศาสนาคือผูรักษากําแพงนั้น ดวยกับการมีอยูของพวกเขา ตางชาติไม
สามารถที่จะทําอะไรตามใจชอบกับประเทศอิสลามและเฉพาะอยางยิง่ ประเทศอีหราน ดวยเหตุนเี้ องที่ หลายศตวรรษมาแลวที่พวกเขาวางแผนที่จะทําลายกําแพงนีล้ งดวยกับเลหกลตางๆ นานา” “ขาพเจาขอเปนพยานดวยความเชื่อมั่นวา หากมีกลุมบุคคลอื่นที่มิใชนักการศานาเขามาทํา หนาที่นาํ ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิวัตแิ ละตัดสินใจละก็ วันนี้เราจะไมมอี ะไรหลงเหลืออยูเลย นอกจากความอดสู ความตอยต่ํา และความอับอายตอหนาอเมริกาและพวกสวาปามโลก และการหัน เหออกจากหลักธรรมความเชื่ออิสลามและการปฏิวัต”ิ
บทที่ ๒ ผูสนับสนุนอิสลามแบบอเมริกา พวกแอบอางอิสลาม “บุคคลที่กาํ ลังบดขยี้มุสลิม ขับไลไสสงอาหรับมุสลิม และทําลายลางประเทศอิสลามใหยอย ยับดวยขอหาความเปนอิสลามผูนั้นไมไดอยูในระดับชั้นของมุสลิมเลย ถึงแมเขาจะปาวประกาศวาขา คือมุสลิมก็ตาม กองตะโกนวาขาขอยืนยันคํากลาวปฏิญาณ ตนก็ตามแตนี่เปนอิสลามแบบกลับกลอก ซึ่งก็มักจะอางคําปฏิญาณตนและในยุคอรุณรุงของอิสลามก็มีการกลาวอางเชนนี้ แตพวกเขาเปนพวกมุ นาฟก (กลับกลอก) ซึ่งเลวรายกวาพวกกุฟฟาร (ปฏิเสธศรัทธา) เสียอีก ขาพเจาวอนขอตออัลลอฮฺ ตะ บารอกะวะตะอาลา วา ขอใหพระองคทรงปลุกประชาคมมุสลิมทั้งหลายใหตนื่ ขึ้นมาและปลุกสํานึก ประชาชาติอิรัก ใหพวกเขาปลดแอกตัวเองออกจามหาอํานาจ และเชื้อโรคที่สรางความเสื่อมเสียซึ่ง กําลังสังหารหมูมุสลิมในนามของอิสลามกําลังเหยียบย่ําหลักการอิสลามในนามของอิสลาม สังหารอุ ละมาออสิ ลามในนามของอิสลาม อุละมาอเชนซัยยิด มุฮมั มัด บาเก็ร อัศศ็อดรฺ มันสมองของนักคิด อิสลาม” “กอนหนานี้ใครก็ตามเขียนบทความขึ้นมาชิ้นหนึ่งก็เปนนักวิชาการอิสลามแลว เขียน บทความสองสามบทในหนังสือพิมพก็กลายเปนนักวิชาการอิสลามมีบางคนเขียนประวัติศาสตรขึ้นมา ชิ้นหนึ่งก็กลายเปนนักวิชาการอิสลาม หลังจากนั้นก็เผาตํารับตําราอิสลามเชนศ็อสโรแลวยังแอบอาง วาเปนศาสดาอีก การรูอสิ ลามกลายเปนเรื่องคุยโตโออวด ซัดดามก็ยงั เปนนักวิชาการอิสลามเลย อัน วารซาดัตก็ยังกลายเปนสวนหนึ่งของนักวิชาการอิสลามที่กลาฟนธงวาเรื่องอะไรบางที่สอดคลองกับ หลักการอิสลาม อะไรไมสอดคลอง เมื่อเร็วๆ นี้ คารเตอรก็เปนนักวิชาการอิสลามอีกคนหนึ่ง ในตอน ประชุมคราวเดินทางเยือนตางประเทศ มีการกลาวกันวาที่กําลังทํากันอยูในอีหรานนั้นไมไดสอดคลอง กับอิสลามก็เปนอันเขาใจไดวา เรามีนักวิชาการอิสลามเพิ่มขึ้นอีกคนแลวตอไปเบกิน (อดีต นายกรัฐมนตรีอิสราเอล) ก็คงไดกลายเปนนักวิชาการอิสลาม หรืออาจเปนไปแลวก็ได พวกเขามักจะ พูดวานั่นไมสอดคลองกับอิสลามแลว อิสลามเปนอยางไร อิสลามที่พวกทานยังไมรูเลยวาสะกดดวย ซีนหรือศ็อด แลวมายุงอะไรกับอิสลาม? เขียนหนังสือขึ้นมาเลมหนึ่ง แลวบอกวาขาคือนักวิชาการ อิสลามมีหลายคนที่อายุ ๓๐ ป ๘๐ ปแลว อยูกับอิสลามมาโดยตลอด ยังไมบอกวาตัวเองเปน นักวิชาการอิสลามเลย แตคารเตอรและสหายของเขากลับเขาใจตามนั้น” ผูนําประเทศทีอ่ ยูในฟากของอิสลามแบบอเมริกา “ความจริงอยูตรงที่ประเทศนักลาอาณานิคมตะวันออก และตะวันตก เฉพาะอยางยิ่งอเมริกา และ (อดีต) โซเวียตไดแบงโลกนี้ออกเปนสองระบบการเมือง ในสวนที่เปนอิสระไมขึ้นตอกันนี้ มหาอํานาจพวกนี้ไมยอมรับอาณาเขต เขตแดน และกฎหมายใดทั้งสิ้น การรุกราน ผลประโยชนของ
ผูอื่น การลาอาณานิคมและเอาประชาชาติทงั้ หลายมาเปนทาสนั้นไดรับการชี้แจงวาเปนเรื่องจําเปน อยางเรงดวน พวกเขาบอกวาเปนไปตามกฎหมายและสอดคลองกับกฎบัตรที่พวกเขาสรางกันขึ้นมา เองในสหประชาชาติ ในสวนที่อยูภายใตการกักกันทางการเมืองซึ่งนาเศราก็ตรงที่ในสวนนี้มปี ระเทศ ออนแอและดอยพัฒนาเฉพาะอยางยิ่งประเทศมุสลิมอยูแบบถูกจองจํา พวกเขาไมมแี มแตสิทธิ์ในการ ดํารงชีพและสิทธิ์ในการแสดงความเห็นกฎเกณฑกฎระเบียบ และแบบแผนปฏิบัติก็เปนกฎเกณฑที่ถูก บงการเอาไวและเปนไปตามความตองการของรัฐบาลที่มอื ของนักลาอาณานิคมกําผลประโยชนเอาไว แลว นาเจ็บใจก็คือตัวการขับเคลื่อนในสวนนี้คอื ผูนําประเทศที่ถกู บีบบังคับหรือไมก็พรอมดําเนินรอย ตามนักลาเมืองขึ้นเลานั้นอยูแลว แมกระทัง่ เสียงรองที่แสดงถึงความเจ็บปวดในชวงเวลาที่ถูกคว่ํา บาตรยังถือวาเปนความผิดที่ไมอาจอภัยใหไดผลประโยชนของพวกสวาปามโลกบีบบังคับไมใหใครมี สิทธิพูดวลีที่ทําใหพวกเขาตองออนลาลงหรือไมก็รบกวนการนอนอยางสุขสบายของพวกเขาในพื้นที่ ที่มุสลิมไมมีสิทธิ์ที่จะอธิบายความทุกขโศกซึ่งพวกผูนําไดทาํ ไวกับพวกเขาเพราะถูกบีบบังคับ ขูเข็ญ และจับกุมนั้น พวกเขาก็ตอ งสามารถที่จะอธิบายความทุกขยากและความเจ็บปวดนั้นไดอยางอิสระใน แผนดินที่เปนดินแดนแหงความปลอดภัยของพระเจา เพื่อที่จะใหมุสลิมไดคดิ หาทางออกของตัวพวก เขาเอง ดังนั้น เราขอเรียกรองในประเด็นนี้วา มุสลิมอยางนอยที่สุดในบานแหงพระเจาและดินแดน แหงความปลอดภัยของพระองคก็นาจะมีอสิ ระจากแอกของพวกกดขี่ได พวกเขาสามารถแสดงการ ประกาศการเปนปรปกษสิ่งที่พวกเขารังเกียจในการแสดงพลังเดินขบวนอันยิ่งใหญ และใชประโยชน จากทุกสื่อที่ทําใหพวกเขาเปนอิสระได” “รัฐบาลทั้งหลายที่กลาวอางวาเปนอิสลาม จะใหเรายอมรับคํากลาวอางเชนนั้นไดอยางไร โลกจะรับรูคํากลาวอางนี้ไดอยางไรกัน พวกทานกลาวอางอิสลามดวยคําพูดแตทําลายอิสลามดวยการ ปฏิบัติและทําใหศัตรูอสิ ลามกลาแข็งขึ้น อเมริกาเปนศัตรูกับทุกศาสนา แมกระทั่งศาสนาคริสต จริงๆ แลวอเมริกาไมใหความสําคัญกับศาสนาใดทั้งสิ้น นอกจากผลประโยชนของตนเองเทานั้น แมกระทั่ง ผลประโยชนของชาวอเมริกันเองก็ตาม เขาตองการผลประโยชนของรัฐบาลอเมริกาเทานั้น จุดไฟเผา ไปทั้งโลกและยังทําอยูอยางนี้ พวกทานอาแขนรับเขาเขามา ยอมใหทหารเขามาในดินแดนอิสลาม เพื่อที่จะขมขวัญเลบานอนและขูอหี ราน มุสลิมจะทําอยางไรดีกับกลุมชนที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้? มุสลิม ซึ่งตองทนทุกขกบั รัฐบาลพวกนี้ มุสลิมที่ตอ งทนทุกขอยูกับผูปกครองพวกนี้จะทําอยางไรกันดี? ตอง นิง่ เงียบและมองดูเฉยๆ? หากอีหรานมีความคิดเชนนี้วา ธุระไมใช เราควรยุงแตเรื่องการทํามาหากิน ของเราและไมตองไปยุงเกี่ยวกับปญหาแลว พระเจาทรงรูด ีวา ถาอํานาจเชนนั้นยังคงมีอยูละก็อะไรจะ เกิดขึ้นกับอิสลาม หากปลอยใหรฐั บาลที่มิใชอสิ ลามทําลายเนื้อหาของอิสลามอยางเหี้ยนเตียน เหลือ เพียงรูปลักษณที่ไรเนื้อหา หรือแมกระทั่งรูปลักษณก็ไมอาจรักษาไวได ความหายนะทีเกิดขึ้นในสมัย นั้น หวังวาประวัติศาสตรคงจะบันทึกไวแลว นักคิดนักเขียนไดเขียนถึงปญหาเหลานั้น บันทึกเก็บ เอาไว แลวคอยดูวา คนรุนใหมจะทําอยางไรกันตอ ตามขอตกลงที่ตอ งการใหรากเหงาอิสลามถูก
ทําลายจนสิ้น พวกเขาจึงไดเริ่มตนเปลี่ยนประวัตศิ าสตรอิสลาม พวกเขาไดเริ่มตนแลว พวกเขา ตองการแยกเยาวชนคนหนุมคนสาวของเราออกจากอิสลาม” พวกมุนาฟก มุนาฟก (พวกกลับกลอก) เลวยิ่งกวากุฟฟาร (พวกปฏิเสธสัจธรรม) “พวกมุนาฟก (กลับกลอก) เลวยิ่งกวาพวกกุฟฟาร (ปฏิเสธสัจธรรม) เสียอีก คือพวกที่ปาก บอกวาเปนมุสลิม แตมีพฤติกรรมขัดแยงอิสลาม และตองการที่จะทํากานขัดกับอิสลาม ในอัลกุรอาน คนพวกนี้ไดรับการปฏิเสธอมากกวากลุมบุคคลอื่น เรามีซูเราะฮุมุนาฟกูน แตไมมีซเู ราะฮฺกฟุ ฟาร เรา มีซเู ราะฮฺมุนาฟกูนสําหรับพวกมุนาฟก พูดถึงคุณลักษณะของพวกเขาตั้งแตเริ่มซูเราะฮฺอสิ ลามมักจะ ตกเปนเหยื่อกลุมคนลักษณะเชนนี้ ในชวงอรุณรุงอิสลามก็มีเปนจํานวนมาก ในยุคสมัยของทานอะ มีรลุ มุอมินีน (อ.) ก็มมี าก ในยุคสมัยของทานศาสดาผูทรงเกียรติ (ศ.) ก็มีอยูมิใชนอ ย ตลอดหนา ประวัติศาสตรอิสลามตองตกเปนเหยื่อปญหาที่เกี่ยวของกับคนพวกนี้ ผูที่ตกเปนเหยื่อก็เปนพวก มุสลิมดวยกัน คนดี และประชาคมอิสลามที่ถกู คนพวกนี้หลอกลวง บุคคลกลุมนี้มาในคราบของ อิสลามและทําการหลอกลวง มีเศรษฐีคนหนึ่งมาหาขาพเจาที่นะญัฟ ขาพเจาก็พดู คุยถึงเหตุการณในอี หรานเขาพูดวา ผมกลัววามันจะเลวรายไปใหญ ไมหรอกคุณ คุณไมไดกลั่ววามันจะเลวรายไปใหญ แตคุณกลัวตัวเอว ในตอนที่ริฏอคานจัอาลิมถอดผาโพกศีรษะจากนั้นก็ไดมีการตรวจสอบสถาบันสอน ศาสนาตามคํานิยามของเขา มีอลุ ะมาอเมืองกุมคนหนึ่ง ขออัลลอฮฺทรงเมตตาเขาบอกกับขาพเจาวา คือ พวกเขาตองการแยกสิ่งที่ไมดีออกจากสิ่งที่ดีไมนาจะมีปญ หาอะไรเลย ขาพเจาบอกกับเขาวา คนพวก นีเ้ ลวก็ดว ยความดีงามของทานนี่แหละ พวกเขาไมตองการรูจกั ความเลว พวกเขาตองการรูจักความดี งาม และไดทําลายความดีงามนั้น เลหเ พทุบายก็ยงั มีอยูเสมอจากวันแรกของอิสลามตราบจนปจจุบนั นี้ จากวันแรกที่มีมนุษยจนเดี๋ยวนี้ มีกลุมบุคคลที่ชอบหลอกลวง มาดวยรูปลักษณที่แผกแตกตางกันใน ประเทศอิสลามทั้งหลาย หนาตากเปนหนาตาแบบอิสลาม ดูดี มาอานนมาซ ถือศีลอด ภายนอกดูเปน อิสลาม แตภายใจตอตานอิสลาม การทําความรูจกั คนพวกนี้ยากมาก เปนปญหามาก เยาวชนคนหนุม สาวของเราจึงถูกคนพวกนี้หลอกไดงาย” “ทุกวันนี้ประชาชนสนใจอิสลาม พวกเขาก็หันมาหาอิสลามกลายเปนนักปฏิวัติ คนกลุมอื่น เสียสละคนหนุมของพวกเขา อีกกลุมหนึ่งตองสูญสิ้นทรัพยสินเงินทอง แตคนกลุมหนึ่งโวยวายอยูแต ในบาน ไมชวยไมทําอะไรเลย คอยดูวา ใครจะชนะ คอยเงี่ยหูฟงจากภายนอกอีหราน ในอีหรานก็นั่ง จับเจาคอยฟงอยู คอยจองดูวา กลุมไหนที่กาํ ลังตะลุมบอนกันนั้นจะเปนฝายมีชัย กลุมไหนชนะพวก เขาก็จะไปอิงแอบอยูใตรมชัยกลุมนั้น ตอนนี้มุสลิมเปนฝายชนะ พวกเขาก็มาอยูใตรม ธงมุสลิม แตก็ยัง ไมวางมือจากความชั่วรายของตน คอยๆ คืนไป ดูภายนอกก็รวมรองตะโกนดวย เผยแพรอสิ ลามดวย รวมประณามรัฐบาลกอนวาเปนทรราชกับเขาดวย เผยแพรอิสลามดวย รวมประณามรัฐบาลกอนวา เปนทรราชกับเขาดวย รวมชูธงวารัฐบาลปจจุบนั คือสาธารณรัฐอิสลาม แตยงั คงหลบอยูใตมา นเงาแหง
การปฏิเสธอิสลาม ขัดแยงกับสาธารณรัฐอิสลาม หากวันนี้คารเตอรกาวหนา คนกลุมนี้กต็ บอกดีใจกับ คารเตอร ตอนนี้พวกเขาก็ซอนการแสดงความดีใจเอาไวใหคารเตอร ตอนนี้พวกเขาก็มีสัมพันธกบั คาร เตอรทั้งโดยตรงและผานคนกลาง ทุกคนที่มาในแนวนี้ก็เปนอยางนี้ พวกมุนาฟกก็ทําตัวอยางนี้ นี่คือ ลักษณะของพวกมุนาฟก” นักการศาสนาเทียมและแสรงทําตัวศักดิ์สิทธิ์ “เอยมุสลิมผูทรงพลังทั้งหลาย รูสึกตัวไดแลว รูจักตัวเองไดแลว และตองรูจักอาลิมดวย พวก ทานตองขจัดความขัดแยงทางมัซฮับ และความขัดแยงในภูมิภาคที่เกิดจากน้ํามือของพวกสวาปามโลก และสมุนรับใชที่เสื่อมทรามของพวกมัน นั่นก็เพื่อปลนชินพวกทานและเหยียบย่ําเกียรติแหงความเปน มนษยและเกียรติแหงอิสลามของพวกทานตามขอบัญญัตขิ องพระเจาและอัลกุรอานแลว การเหินหาง และการสรางความแตกแยกที่มาจากพวกอาคูนด (นักการศาสนา) ที่กินเบี้ยหวัดและพวกชาตินยิ มที่ไม รูเรื่องอิสลามและผลประโยชนของมุสลิม ซึ่งอันตรายตออิสลามของคนพวกนี้มิไดนอยไปกวาพวก สวาปามโลกเลย พวกเขาสําแดงอิสลามกลับทิศกลับทางและเปดทางสะดวกสําหรับการเขาปลน ขออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดโปรดใหอสิ ลามและมวลมุสลิมปลอดภัยจากความชัว่ รายของพวกสวาปากโลก และพวกที่มีสมั พันธใกลชิดกับคนพวกนั้น” “ทุกวันนี้เราตองเผชิญหนากับพวกที่อา งนามอิสลามแตไมตอ งการปลอยใหมีรฐั บาลอิสลาม เปนคนกลุมหนึ่งที่ไมสนใจ ไมรับรูอะไรทั้งสิ้น และอีกกลุมหนึ่งเปนผูรูทไี่ มเอาไหน มีรายงานมาจาก ทานศาสดา (ศ.) วาทานกลาววา มีชนสองกลุมที่หกั หลังฉัน ผูรูที่ไมเอาไหน และคนเขลาที่สมถะ ขาพเจาไมรูวาอิสลามเสียหายจากคนกลุมไหนมากกวากัน จากผูรูที่ไมเอาไหนหรือจากคนเขลาที่ทํา ตัวสมถะ อยางไรก็ตามทั้งสองกลุมก็สรางความเสียหายใหกับอิสลามยังมีอยู และคงจะยังมีอยูตอไป จนวาระของการมาปรากฏของทานอิมามวะลียลุ อัมรฺ ซึ่งมีรายงานกลาววา มีอุละมาอที่ปฏิเสธทาน” “ในสมัยทานศาสดาผูทรงเกียรติตอนที่อยูที่มกั กะฮฺนั้นยังไมมีรฐั แตเมื่อมายังมะดีนะฮฺ รัฐก็ ไดรับการสถาปนาขึ้น พวกทานทราบดีวา พวกแสรงทําตัววามีศาสนาชาวมักกะฮฺและชาวมะดีนะฮฺ นัน่ เอง และพวกที่ชอบแสดงความเห็นอกเห็นใจนั้นทําอะไรไวกับทานศาสดา? พวกทานร็ดเี พราะอัล กุรอานก็กลาวเอาไว พวกทานไดอา นมาแลว? เมื่อทานมีบญ ั ชาวา พวกทานจงออกสูสมรภูมริ บ พวก เขาก็ไมไป หรือถาไป ก็จะหนีกลับมาดวยขออางสารพัด” “พวกชอบทําตัวศักดิ์สิทธิ์คิดวา การนั่งเฉยและไมเขารวมกับกิจการงานอิสลาม (เปนการดี และเหมาะสม) (แต) เขากําลังทําตัวขัดแยงกับอิสลาม” “ดังที่เราทราบกันดีวา ในยุคนี้ ไฟไดถกู จุดขึ้นในสมรภูมิที่นากลัวนี้อํานาจของพวกสวาปาม โลกทั้งตะวันออกและตะวันตกตางก็หวาดกลัวความเปนเอกภาพในหมูพี่นองมุสลิมพันกวาลานคน พวกเขาใชกาํ ลังทั้งหมดที่มีอยูทงั้ ทางตรงและทางออมโดยอาศัยมือของสมุนที่หลงผิด สรางความ ขัดแยงใหเกิดขึ้นเพื่อที่จะไดเขาครอบงํามุสลิมและมีอาํ นาจเหนือพวกเขาและปลนทรัพยากรอันไมมี วันหมดของพวกเขาไป อินชาอัลลอฮฺ ทานจะไดรับชัยชนะในการเผชิญหนากับการโฆษณาชวนเชื่อ
ขององคกรเครือขายของพวกมันและที่เลวรายยิ่งไปกวานั้นก็คอื พวกอาคูนด (นักการศานา) ราชสํานัก ซึ่งใชปากกาและคําพูดทํารายรัฐอิสลาม” “เราเฝาติดตามมาเปนเวลากวา ๒๐ ปแลวที่จะเห็นรัฐบาลอิสลามทั้งหลายเปนพี่นอ งกัน แตละ คนไมวา รายซึ่งกันและกัน ไมมีการประณามวาอีกคนหนึ่งเปนกาเฟร (ผูปฏิเสธสัจธรรม) คนพวกนี้ กําลังพนยาพิษ นาเศราก็ตรงที่พวกเขาสวมชุดมุฟตี (ผูนําศาสนา) หรือไมก็เปนมุฟตีอะอฺซ็อม (ผูนํา ศาสนาสูงสุด) พวกเขาไมรูเลยหรือวาการกระทําเชนนั้นขัดแยงกับอิสลามและเปนการสมรูรว มคิดกับ มหาอํานาจ? คนพวกนี้ไมรูเลยหรือวาไมวา พวกเขาจะร็หรือไมรูกต็ ามพวกเขาก็กาํ ลังรับใชมหาอํานาจ อยู? ทําไมคนพวกนี้ในฮิญาซ (มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ) ในคูเวต และในที่ตา งๆ ตองตีความคําพูด ตางๆ นานาตอตานรัฐบาลอิสลามซึ่งมีความพยายามที่จะสรางความเปนปกแผนใหเกิดขึ้นในหมูพี่ นองมุสลิม และมีความพยายามที่จะตัดมือของมหาอํานาจทีก่ ําลังแผอทิ ธิพลเขามาในประเทศอิสลาม พวกนั้นกําลังรับใชมหาอํานาจโดยรูหรือไมรูกต็ ามและพวกเขากําลังสรางความแตกแยกในหมูมุสลิม พวกเขาไมรหู รือวาจะตองไมสรางความแตกแยดในหมูมสุ ลิมและทําตัวขัดกับอัลกุรอาน? พวกเขาไม รับรูเลยหรือวากําลังทํางานรับใชใหกับมหาอํานาจขอพระเจาอยาทรงประสงคเชนนั้นเลย” กลาวหามุสลิมวาเปนพวกนอกรีต “เกิดอะไรขึ้น มีนักการศาสนาราชสํานักบางคนบอกวาอีหรานไมใชมุสลิม? อัลกุรอานกลาว อยางชัดเจนวา หากมีใครอางความเปนอิสลาม ก็ใหถอื วาเขาเปนมุสลิม ใหยอมรับเขา อยาไดปฏิเสธ เขา (ความหมายจากซูเราะฮฺอันนิซาอ อายะฮฺที่ ๙๔) คนพวกนี้รูอะไรบางเกี่ยวกับอิสลาม? เราปาว ประกาศวาเราเปนมุสลิม และตงการนําอัลกุรอานและคําสอนอิสลามมาใชในประเทศนี้ และเรายังได ประกาศการเปนศัตรูตออิสราเอลและอเมริกามามากกวา ๒๐ ปแลว” ตัฟซี้ร (อรรถาธิบายอัลกุรอาน) แบบไมรจู ริง และดัดแปลงความหมายอัลกุรอานและริวายะฮฺ “พวกเห็นแกตัวและมารรายไดเอาอัลกุรอานมาเปนเครื่องมือสําหรับรัฐบาลที่เปนปรปกษ ตออัลกุรอาน มุฟซซิ้ร (นักอรรถาธิบายอัลกุรอาน) และผูเชี่ยวชาญที่รูจริงเกี่ยวกับอัลกุรอานซึ่งไดรับรู ความหมายเหลานั้นจากทานศาสดาศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮวี ะซั้ลลัม และสุรเสียง อินนีตาริกุนฟกุ มุษษะกอลัยนฺ อยูในโสตประสาทของพวกเขา พวกเขาไดบบี บังคับใหคนเหลานั้นตองลาถอยไปดวย ขออางสารพัดและแผนชั่วทีไ่ ดเตรียมกันเอาไว และกับอัลกุรอานนั้นพวกเขายังไดถอดถอน ความหมายที่แทจริงของอัลกุรอานซึ่งเปนระบอบการดําเนินชีวติ ในดานวัตถุและจิตวิญญาณที่ย่งิ ใหญ ที่สุดสําหรับมนุษยชาติ ตราบจนวันที่ตอ งเดินทางมายังสระน้ํานั้น (วันกิยามะฮฺ) พวกเขาไดขีดฆา รัฐบาลอันเที่ยงธรรมแหงพระเจาซึ่งเปนหนึ่งในอุดมคติของคัมภีรอันศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกเขาไดฝงราก การหลงผิดจากศาสนาของพระเจา คัมภีร และแบบแผนของพระเจาถึงขนาดที่ปากกาก็ละอายที่จะ อธิบายมันออกมาเปนตัวอักษร ยิง่ โครงสรางอันบิดเบี้ยวนี้โผลมามากเทาใด การหลงทางและการหลง
ผิดก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น จนพวกมันไดสลัดทิ้งอัลกุรอาน ซึ่งถูกสงลงมาจากองคผูทรงเอกะมายังผูเปดเผยอัน สมบูรณมุฮัมมัด (ศ.) เพื่อทําใหชาวโลกไดเจริญขึ้นและเปนจุดศูนยรวมของมุสลิมทั้งหมดไมเพียงเท นัน้ ยังเปนจุดศูนยรวมของครอบครัวประชาคมโลกอีกดวย ซึ่งมนุษยชาติตอ งไปใหถึง และเปนตัวชวย ใหผลพวงของพระนามอันวิจิตรของพระเจา (หมายถึงมนุษย) ไดหลุดพนจากความชัว่ รายของชัยฏอน และมารรายทัง้ หลาย นําพาโลกสูความเที่ยงธรรมและความยุตธิ รรม และสงมอบรัฐใหกบั เอาลิ ยาอุลลอฮฺ มะอฺศูมีน อะลัยฮิม ศอละวาตุลเอาวะลีนะวั้ลอาคิรีน เพื่อที่ทานเหลานั้นจะไดจัดการให เหมาะสม พวกมันไดสลัดอัลกุรอานทิง้ จนถึงขนาดที่อลั กุรอานไมมีอิทธิพลตอการชี้นาํ อะไรเลย เลย เถิดจนถึงขนาดที่อัลกุรอานที่อยูในมือของรัฐบาลฉอฉลและอาคูนดที่ต่ําทรามยิ่งกวาพวกฏอฆูตนั้นก ลายเปนเครื่องมือเพื่อการดํารงอยูของการกดขี่ การสรางความเสื่อมเสีย และขออางของพวกกดขี่และ เปนปรปกษตอองคผูทรงธรรม ยิง่ นาเศราไปกวานั้นก็คือตกอยูในมือของศัตรูที่มีแผลการราย และมิตร ผูโฉดเขลาอัลกุรอาน คัมภีรแหงการสรางสรรคไมมีบทบาทใดเลยนอกจากอยูในสถานที่ฝงศพและ อานในงานรําลึกถึงคนตายอัลกุรอานแทนที่จะเปนสื่อเพื่อการรวมตัวกันของมุสลิมและประชาชาติ และเปนธรรมนูญสําหรับการดําเนินชีวิต กลับกลายเปนเครื่องมือที่สรางความแตกแยก และการ ขัดแยง หรือไมก็ถกู สลัดออกจากกรอบไปเลย ซึ่งเราเห็นแลววาหากใครสักคนดําเนินการเพื่อใหไดมา ซึ่งรัฐอิสลามและพูดถึงการเมืองซึ่งเปนบทบาท อันยิ่งใหญของอิสลามและของทานศาสดา ศ็อลลั้ลลอ ฮฺ อะลัยฮิวะอาลอีวะซั้ลลัม อีกทั้งอัลกุรอานและซุนนะฮฺก็เต็มไปดวยการเมือง ก็ดเู หมือนวาเขาคนนั้น ไดกระทําบาปอันยิ่งใหญที่สุด คําวาอาคูนตเลนการเมืองถูกนําไปเปรียบเทียบกับอาคูนดทีไมมศี าสนา ตอนนี้ก็ยงั มีอยู” บิดเบือนความหมายของฮัจญทแี่ ทจริง “จะมีโอกาสใดที่เหมาะสมและดียงิ่ ไปกวาการรวมชุมนุมในพิธีฮจั ญซึ่งอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ไดทรง ประทานใหมสุ ลิม นาเสียใจก็ตรงที่มิติตา งๆ ของขอบังคับอันยิ่งใหญกลับถูกเก็บงําไวอยางคลุมเครือ โดยอาศัยสภาพหลงทางของรัฐลาลฉอฉลในประเทศอิสลาม อาคูนดราชสํานักและความเขาใจที่บดิ เบี้ยวของพวกที่มีผาโพกศีรษะและแสรงทําตัววานาเคารถ มีความเขาใจที่ผิดเพี้ยนถึงขนาดบอกวาการ จัดตั้งรัฐอิสลามเปนสิ่งผิดและเลวรายกวารัฐบาลของพวกฏอฆูตเสียอีก เปนความคิดที่ไมเขาทาที่ กําหนดใหพิธีกรรมฮัจญอยูในวงจํากัดเพียงรูปลักษณภายนอกไรซึ่งเนื้อหาและการพูดถึงปญหาความ ทุกขยากของมุสลิมและประเทศอิสลามเปนเรื่องขัดแยงกับหลักคําสอน อาจเลยเถิดถึงขึ้นนับวาเปน การปฏิเสธเลยทีเดียว พวกขึ้นตรงกับรัฐบาลฉอฉลที่หลงผิดไดชี้ชวนใหเห็นวาเสียงรองของผูถูกกดขี่ ที่ดังมาจากตรอกซอยทั่วโลกแลวมารวมตัวกันที่ศูนยกลางแหงนี้เปนพวกนอกรีตและขัดแยงกับ อิสลาม” “อัลลอฮฺ (ซ.บ.) และรอซูล ศ็อลลั้ลลอฮุอะลัยฮิวะอาลิฮี ไดทรงรองเรียกและปาวประกาศไป ทั่ววาพระองคและศาสดาตางก็เปนปรปกษกับพวกตั้งภาคี วะอะซานุมมินั้ลลอฮิวะรอซูลิฮีอิลันนาซิ เยามั้ลฮัจญิ้ลอักบะริ อันนั้ลลอฮะบะรีอุมมินั้ลมุชริกนี ะวะรอซูลุฮู (มีคําสั่งประกาศจากอัลลอฮฺและ
ศาสดาของพระองคไปยังมนุษยชาติในวันพิธีกรรม ‘ฮัจญ’ อันยิ่งใหญวา อัลลอฮฺและศาสดาของ พระองคทรงเปนปรปกษตอ บรรดาผูตงั้ ภาคี-อัตเตาบะฮฺ / ๓) ในวันนั้ยงั ไมปรากฎแนวทางของอเมริกา และพวกอาคูนดราชสํานักที่เปนตัวการจัดผลประโยชนใหกับชัยฏอนตัวใหญ ซึ่งไดออกฟตวา (คํา วินจิ ฉัยทางศาสนา) วา อัลลอฮฺและรอซูลของพระองคไดมีคําบัญชาทีข่ ดั แยงกับพิธีกรรมฮัจญ อัลอะ ยาซุบิ้ลลาฮฺ (ขอความคุมครองตออัลลอฮฺ) และก็ปฏิบัตติ ามนั้น อีกทั้ง (บอกวา) ฮัจญตองหางไกลจาก ประเด็นปญหาเหลานั้น เมื่อถึงวันที่วะลียลุ ลอฮฺอลั อะอฺซ็อม อิมามแหงยุคสมัย อัจญะลั้ลลอฮุตะอา ลาฟะรอญะฮุซซะรีฟ ไดปรากฏตัวขึ้น เพรียกหาความเที่ยงธรรม และกองตะโกนสิ่งที่ขัดแยงกับพวก กดขี่และพวกปฏิเสธอเมื่อนั้นพวกอาคูนดกลุมนี้แหละก็จะตั้งขอหาสงสัยในความเปนมุสลิมของทาน พรอมกับสนับสนุนพวกอธรรมอยางเต็มที”่
สวนที่ ๕ ความเปนศัตรูตอ อิสลามแท “ ทําไม พวกเขาตองแนะนําอิสลาม ไปในทางที่เสียหาย ตองแนะนํา นักการศาสนาไปในทางที่เสียหาย? ”
บทที่ ๑ สาเหตุแหงการตอตาน และการแสดงความเปนศัตรู อิสลามขัดแยงกับผลประโยชน ของพวกนักลาอาณานิคมสมัยใหม “อิสลามและมัซฮับญะอฺฟะรีเปนปราการหนึ่งที่คอยขัดขวางพวกตางชาติและพวกขี้ขา ของ พวกมัน ไมวา จะเปนซายหรือขวา นักการศาสนาซึ่งเปนผูพิทักษปกปองอิสลามก็เปนเครื่องกีดขวาง หนึ่งซึ่งพวกตางชาติไมอาจทําอะไรไดตามอําเภอใจ ตอประเทศอิสลามทั้งหลายเฉพาะอยางยิ่ง ประเทศอีหราน ดังนั้น หลายศตวรรษที่ผานมาพวกนั้นจึงจองคอยทําลายปราการอันนี้ใหพงั ทลายลง บางทีกอ็ าศัยแนวทางใหพวกขี้ขา อันโสมมของพวกเขาเขามามีอาํ นาจปกครองประเทศมุสลิมเหลานั้น และบางทีกอ็ าศัยแนวทางการสรางมัซฮับที่หลงผิด เผยแพรคาํ สอนของพวกบาบา พวกบาไฮ และพวก วะฮาบี หรือบางทีกใ็ ชวิธกี ารสรางพรรคการเมืองที่หลงทางขึ้นมา” “ทําไม พวกเขาตองแนะนําอิสลามไปในทางที่เสียหาย ตองแนะนํานักการศาสนาไปในทางที่ เสียหาย? ก็ทานเหลานั้นยืนหยัดเพื่ออิสลาม ตอตานคนพวกนี้ คนที่ตองการดําเนินการในเรื่องนี้ก็คือ นักการศาสนา พวกเขาไมตอ งการใหเรื่องนี้เปนจริงขึ้นมา พวกเขาตองการใหอธิบายอิสลามไปในเชิง ที่เสียหาย ใหผูคนหันหางออกจากอิสลาม และเมื่อนักการศาสนาออกนอกแนวทางไปแลว ก็จะเหลือ พวกเขา และคนที่พวกเขาไวใจไดเทานั้น” อิสลามตอตานพวกลาอาณานิคมสมัยใหมและพวกหัวขโมย “อะบูซุฟยานและพลพรรคของเขาตองการใหทา นศาสดาแหงอิสลามไมประสบความสําเร็จ ในคาบสมุทรอาหรับ ความตั้งใจของคนพวกนี้ก็คืออิสลามจะตองไมปรากฏขึ้นมา เพราะพวกเขาเห็น วาอิสลามตอตานผลประโยชนของพวกเขา พวกเขารูวา ถาทานศาสดาไดรับชัยชนะเมื่อใด พวกมันก็ ไมอาจกดขี่และรุกรานไดอกี ตอไป จึงตองรวบรวมสรรพกําลังอยางเต็มอัตราศึกเพื่อตอตานอิสลาม แตอลั ฮัมดุลิ้ลลาฮฺ พวกมันไปประสบความสําเร็จ ทุกวันนี้ก็ยงั คงเปนเชนนี้อยูเปนเหมือนในยุคสมัย เริ่มแรกอิสลามทานศาสดาผูทรงเกียรติไมไดเตรียมการเผชิญหนาพวกปฏิเสธมากอน เพราะมีจาํ นวน นอย มีเครื่องไมเครื่องมือนอย สวนฝายตรงขามนั้นมีความเพียบพรอมทุกอยาง เครื่องไมเครื่องมือ พรอมแตเมื่ออัลลอฮฺทรงประสงค และฝากความหวังไวกับพระองค พวกเขาจึงไดรับชัยชนะ จํานวน คนอันนอยนิดสามารถเอาชนะกลุมคนจํานวนมหึมาได ผูคนซึ่งไมมีเครื่องไมเครื่องมือที่เหมาะสม สามารถเอาชนะกลุมคนที่มีเครือขายอยูรอบคาบสมุทรอาหรับซึ่งไมตองการใหอสิ ลามอุบัติขึ้นมา คน กลุมนอยและมีปจจัยนอยเอาชนะคนกลุมใหญและมีปจ จัยไมจํากัดได พวกเรา อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ ตอนนี้ เรามีประชากรที่พอใชการไดแลว แตเมื่อตองเผชิญหนากับมหาอํานาจหากปราศจากซึ่งอิสลาม อํานาจ
แหงอิสลามแลว เราถือวาไมมีอะไรเลย แตเมื่อมีอสิ ลามก็เทากับมีทกุ อยาง ดวยกับการมอบหมายตน ยังอัลลอฮฺนั่นเอง ที่พวกเราก็จะเปนเหมือนทหารหาญในยุคเริ่มแรกอิสลามที่จาํ นวนเพียง ๓๐ หรือ ๓๑ คนเทานั้นแตเอาชนะคน ๖ หมื่นคนได ๖๐ คนตอ ๖ หมื่นคน เริ่มแรกมีคนแค ๓๐ คนที่ตองการ ออกไปรบ จากนั้นก็กลายเปน ๖๐ คน หกสิบคนที่เปนนักสูเพื่ออิสลาม เปนนักสูที่พลีตนเพื่อพระเจา เอาชนะคนหกหมื่นคนได อิสลามทําใหพวกเขามีชัยเหนือคนพวกนั้น ตอนนี้สภาพของประเทศของเราและสภาพของอิสลามก็เหมือนกับยุคอรุณรุงอิสลามนั้น มีอะบูซุฟยาน มีพรรคพวกอะบูซุฟยานมีคนที่จะเขารวมกับคนพวกนี้ พวกเขาเขามารวมมือกันเพื่อ ตอกรกับอิสลาม พวกเขาจะไมยอมปลอยใหอสิ ลามเกิด ตอนนี้ก็เปนอยางนี้พวกเขากําลังยืนหยัด ตอตานอิสลามและเจอพิษสางของอิสลาม พวกเขาเขาใจวาหากอิสลามเปนจริงขึ้นมา เปนจริงตามที่ ควรจะเปนละก็มือไมของพวกตางชาติและมือไมของพวกที่ตดิ สอยหอยตามคนพวกนี้ และสนับสนุน คนพวกนี้กจ็ ะถูกตัดขาดทันที ตอไปพวกเขาไมอาจเขามามีอาํ นาจปกครองในประเทศของเราได พวก เขารับรูไดและเห็นถึงพิษสงแลว แตไมยอมวางมือ พวกเขาจะไมยอมปลอยใหอสิ ลามบังเกิดขึ้นมาก็ เหมือนในสมัยเริ่มแรกอิสลามที่พวกอะบูซุฟยานก็ไมยอมปลอยเรื่องนี้ไว พวกเขาวางแผนรายดวย ขออางสารพัด ดวยการอางประเด็นปญหามากมายดวยการตั้งขอสังเกต” “อิสลามคือศาสนาแกงการเคลื่อนไหว อัลกุรอานอันจําเริญคือคัมภีรแหงการขับเคลื่อน ขับเคลื่อนจากโลกแหงวัตถุไปสูโลกแหงจิตวิญญาณ เปนการเคลื่อนไหวตามแนวทางแหงความ ยุตธิ รรม เปนการเคลื่อนไหวเพื่อการสถาปนาธรรมาภิบาล แตเปนที่นาเศราพวกที่ตองการเอาโลก ตะวันออกเปนเมืองขึ้นและหวังใหประชาชาติอสิ ลามทั้งหลายเปนขาทาสบริวาร พวกเขาโหมโฆษณา จนพวกตะวันออกก็เชื่อคนพวกนั้นนั่นเปนพวกที่ไมรูจักอิสลามและแนวคิดเอกานุภาพของพระเจา เลย” นักการศานาอิสลามคือปราการขวางกั้นพวกสวาปามโลก “ชาวยุโรปเขาใจประเด็นหนึ่งมาอยางยาวนานวา ดวยบทบาทของนักการศาสนาและพลังแหง ความสัมพันธของคนที่มีศาสนาตอศาสนานั้นเปนการยากมากที่พวกเขาจะเขามามีอทิ ธิพลเหนือ รัฐบาลอิสลามอยางงายดาย และชวงชิงเอาทรัพยสมบัตไิ ปจากมือของพวกเขาอยางอุกอาจ และดําเนิน ตามเปาหมายของการลาเมืองขึ้นหรือการแสวงหาประโยชนของตน พวกเขาไดขอ สรุปแลววา รากเหงาของความสัมพันธระหวางผูคนกับศาสนาก็คอื การเผนแพรของนักการศาสนาอิสลาม และ ดวยกับความรักความผูกพันของประชาชนที่มีตอ นักการศาสนานั่นเอง เปนไปไมไดเลยที่จะถอดถอน ความรักความผูกพันตอศาสนาของประชาชน พวกเขาประจักษแลววา สนธิสัญญายาสูบถูกทาทาย ดวยกับการบอยคอตใหญในสมัยการนําของมัรฮูมมี้รซาชีราซีและในที่สุดพวกเขาก็ไมอาจดําเนินการ ไปถึงเปาหมายที่วางไวไดนับจากวันนั้นหรือกอนหนานั้นพวกเขาไดรับบทเรียนที่ตองจําไปโดยตลอด และเขาใจไดวา ดวยอิทธิพลของพวกเขานั้นไมอาจแยงชิงทรัพยากรอันมีคา ของประชาชาตินไี้ ปได...”
“อํานาจของนักการศาสนานั่นเองที่พวกเขาไดแลเห็นดวยตาและประสบการณจริงวา อํานาจ ของนักการศาสนาสามารถยับยั้งความเสื่อมเสียซึ่งคนพวกนั้นตองการสรางขึ้นมา สามารถสกัด ผลประโยชนซึ่งพวกเขาตองการยึดไปจากเรา และควบคุมพวกเราไว พวกเขาทําไดแคนี้ กรณียาสูบใน ยุคของทานมี้รซาทําใหพวกเขาเขาใจไดวา ดวยกับคําฟตวาหนึ่งเดียวของนักการศาสนาคนหนึ่งซึ่งอยู ในชนบทในอิรกั สามารถคว่าํ จักรวรรดิลงได ผูปกครองในสมัยนั้นพยายามอยางหนักที่จะรักษาสัญญา นัน้ ไวใหไดแตเขาก็ทาํ ไมไดประชาชนชาวอีหรานไดลกุ ขึ้นตอตานและฉีกสัญญาอัปยศนั้นทิ้ง นี่คือ ประสบการณจริงสําหรับพวกเขา ซึ่งไดประจักษดว ยสายตาวานักการศาสนาอาวุโสที่อาศัยอยูใน ชนบทคนหนึ่งเมื่อไดเขียนถอยความหนึ่งขึ้นมาวา วันนี้การใชยาสูบถือเปนการทําสงครามกับอิมาม ซะมานก็เกิดคลื่นความคิดที่เรียกรองคนอีหรานทุกคน โดยซาฮตอ งเขาบดขยี้ ปากกาของอาลิมทานนี้ ไดเขาบดขยี้ศาสตราวุธของวันนั้นได พวกเขาไดเขาใจแลววา จําเปนตองริบเอาอํานาจนี้ออกไปตราบ เทาที่อาํ นาจนี้ยังคงดํารงอยูคงไมปลอยใหคนพวกนั้นไดทาํ ตามใจปรารถนาได ไมปลอยใหรัฐบาลที่ ถูกกุมบังเหียนไดทําอะไรตามอําเภอใจตนเอง” รูจักพลังอํานาจแหงอิสลาม “พลังอํานาจซึ่งพวกเขาเขาใจวามีพลังพอที่จะสกัดกั้นพวกสวาปามโลกและอํานาจของคน พวกนั้นไดก็คือพลังอํานาจแหงอิสลามซึ่งอยูในอาณาจักรอิสลามและความเชื่อแบบอิสลามพวกเขา เริ่มตนคานหลักการอิสลาม พวกนักเผยแพรของพวกนั้นตางก็รวมคานทุกศาสนาอยางกวางขวาง เฉพาะอยางอิสลาม ในทุกประเทศอิสลาม และพวกเขาตองการสําแดงอิสลามในรูปแบบอื่น สวนตัว ประชาชนซึ่งอาศัยอยูในประเทศอิสลามและมีความเชื่อแบบอิสลาม พวกเขาก็ตองการใหคนพวกนั้น หันเหออกจากอิสลาม ดูอสิ ลามไรคา และดูไมด”ี “พวกเขากลัวอิสลาม พวกเขาสัมผัสถึงพลังแหงอิสลาม พวกเขาเขาใจแลววาอิสลามคืออะไร เขาใจวามหาอํานาจทั้งหลายไมอาจเผชิญหนากับพลังแหงอิสลามได” ความกลัวอิทธิพลของอิสลามในรัฐทั้งหลาย “สิ่งที่พวกทานเห็นก็คือ พวกตางชาติประเภทนี้กําลังโหมโฆษณาชวนเชื่อตอตานอิสลามและ สื่อสารมวลชนของกลุมนี้ทํางานตอตานเราอยางไมรุจักเหน็ดเหนื่อย ก็เพราะการลุกขึ้นสูนเี้ พื่ออิสลาม เราตองการใหวฒ ั นธรรมอิสลามแพรเขาไปในทุกที่ คนพวกนี้กลัววา อิสลามจะกาวล้ํานําหนาใน ประเทศของพวกเขา แลวคนพวกนี้ก็จะไมมีที่ยืน” “ทุกวันนี้ ทุกกลุมที่อยูภายนอกกําลังทะเลาะกับอิสลามทั้งทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน และสื่อสิ่งพิมพของพวกเขา ปญหานี้มิใชปญ หาเรื่องอีหราน ถาหากเปนปญหาเรื่องอีหรานพวกเขาคง ไมตองใหความสําคัญมากนัก แตมันเปนการเผชิญหนากับอิสลามตางหากมิใชเผชิญหนากับอีหราน
แตเปนเพราะพวกเขาเขาใจวา สิ่งทีเกิดขึ้นในอีหรานสอดรับกับความเปนตัวตนของอิสลาม มิได เปนไปตามที่พวกตะวันตกกําลังอธิบายอยู” โจมตีพลพรรคของอิสลามแท “มนุษยนั้นหากไดรับการแกไขใหดีขนึ้ ทุกสิ่งทุกอยางก็จะไดรับการแกไขใหดตี ามไปดวย หลายปมานี้ พวกเขาไดเพียรพยายามที่จะไมใหมนุษยเปนมนุษย (สมบูรณแบบ) พวกเขาไมปลอยให มนุษยคนหนึ่งมีความเปนมนุษยอยางเพียบพรอม พวกเขาเห็นแลววา หากพบมนุษยที่แทจริงหนึ่งคน มนุษยผูนนั้ ก็จักตองชี้นาํ ประชาชาติหนึ่งได และเปนไปไดวา ประชาชาตินนั้ คงตองทําอะไรขัดหูขัด ตาพวกเขาเปนแนพวกเขาจึงไมสบายใจที่จะปลอยใหคนทั่วไปไดคน พบมนุษยคนหนึ่งที่มีคณ ุ สมบัติ เปนมนุษยสมบูรณแบบ”
บทที่ ๒ วิธีการตอสูและแสดงความเปนศัตรู หลอกลวงและดูหมิ่น “เปนที่รูกันวา ตอจากนี้ไปพวกสวาปามโลกและศัตรูของประชาคมโลกจะไมยอมอยูนิ่ง พวก เขาจะใชวิธกี ารหลอกลวง ลอหลอก และตีหลายหนา พวกนักการศาสนาเทียม และผูร รู าชสํานัก พวก ผูปกครองที่ขายตัว พวกชาตินิยม และพวกกลับกลอกไดนําเอาปรัชญาตัฟซี้ร และการอางอิงที่ผิดและ หลงประเด็น พวกเขาทําทุกอยางที่จะปลดอาวุธมุสลิมและฟาดฟนไปที่จุดแข็ง เกียรติยศ และอํานาจ อันชอบธรรมของประชาชาติมุฮัมมัด” “มุสลิมจะตองหาตัวเองใหเจอ หมายถึงตองเขาใจวาตัวเองนั้นมีวฒ ั นธรรม ตัวเองมีประเทศ ตัวเองมีสถานะ พวกเขาสอดแทรกเขาไปในความคิดของเยาวชนคนหนุมสาวของเรา เชนบอกวา มี แนวคิดหนึ่งซึ่งควรไดรับการแพรขยายในที่นี้ แนวคิดที่พวกทานมีอยูนั้นไมมีอะไรเลย นี่คอื การ โฆษณาชวนเชื่อที่มหาอํานาจไดดาํ เนินการในอิหราน พวกเขาไดสรางวัฒนธรรมหนึ่งขึ้นมาใหเรา ซึ่ง เรากลายเปนคนแปลกหนาของตัวเราเอง และพวกเขาก็ไดเอาทุกอยางที่เรามีอยูไป ไดเอาสถานะที่เรา มีอยูไป” หนาที่ของเราคือการเรียนรูอสิ ลาม “เรามีหนาที่อนั ยิ่งใหญหนึ่ง มิใชเพียงเราเทานั้น แตเปนพี่นองมุสลิมทั้งมวลและก็มใิ ชเฉพาะ พวกทานเทานั้นแตตองเปนกลุมชนทั้งผองทั้งที่อยูในอีหรานและนอกอีหรานที่มหี ลักยึดมั่นอยูกับ อิสลามเรามีหนาที่อนั ยิ่งใหญ นั่นก็คือ เราตองนําเสนออิสลามแบบที่ควรจะเปน อิสลามซึ่งพระเจาได ทรงบอกเอาไว อิสลามที่ปรากฏอยูในรายงานเรื่องราวตางๆ และที่อยูในอัลกุรอานของเราใหแก ประชาชนทั่วไป และเราตองนําเสนออิสลามนั้นแกชาวโลกดวย ความเปนตัวตนของอิสลามนั้นมี อิทธิพลที่ยิ่งใหญกวาอาวุธยุทโธปกรณใดๆ สิ่งที่จะบังเกิขนึ้ ไดดว ยกับการชี้นําก็คืออิสลามไดเปลี่ยน หัวใจของผูค นได งานอยางนี้และศิลปะเชนนี้มาจากหลักการของอิสลาม อาวุธยุทโธปกรณไรซึ่ง ความสามารถที่จะทําได พวกทานก็เห็นแลววาประเทศมหาอํานาจทั้งหลายทุกวันนี้กาํ ลังเผชิญกับสิ่งที่ เรียกวาความปราชัย” สถาปนาความเปนหนึ่งเดียวระหวางพี่นองมุสลิม “จําเปนที่จะตองเรียนรูหลักธรรมคําสอนของศาสนาอิสลามดังที่อสิ ลามไดมีบัญชาวา ศรัทธา ชนทั้งหลายไมวา จะอยู ณ แหงหนตําบลใดก็ตาม พวกเขาเปนพี่นองกัน อิสลามไดมีบญ ั ชาวา พวก ทานตองยึดเหนี่ยวสายเชือกแหงอัลลอฮฺ ตองไมแตกแยกกัน อีกทั้งยังมีบัญชาในเรื่องความขัดแยงซึ่ง กันและกัน มิเชนนั้น พวกทานก็จะออนแอ เมื่อใดก็ตามที่พี่นองมุสลิมทั้งหลายสามารถปลดแอกจาก
กรงเล็บของมหาอํานาจและรัฐบาลของพวกเขาที่นํามาซึง่ ความเสื่อมแลว ซึ่งนั้นก็คอื การตอบสนอง ตอพระบัญชาของพระเจา สิง่ นี้เปนการเรียกรองเชิญชวนของพระองค พวกเขาไดตอบรับการเรียกรอง เชิญชวนนี้นบั ตั้งแตอรุณรุงแหงอิสลามตราบจนกาลอวสาน”
“...อิสลาม คือศาสนาแหงการเคลื่อนไหว อัลกุรอานอันจําเริญ คือคัมภีรแหงการขับเคลื่อน ขับเคลื่อนจากโลกแหงวัตถุไปสูโลกแหงจิตวิญญาณ เปนการเคลื่อนไหวตามแนวทางแหงความยุตธรรม เปนการเคลื่อนไหวเพื่อสถาปนาธรรมาภิบาล...” ความเพียบพรอมและศักยภาพแหงอิสลาม ความกาวหนาและความเปนประชาธิปไตยในอิสลาม อิสลามคือหลักประกันความผาสุกและเสรีภาพของมนุษยชาติ อิสลามเปนเนื้อเดียวกับการเมืองบริสุทธิ์ การเมืองในอัลกุรอาน และอัลฮะดีษ ความสัมพันธระหวางศาสนบัญญัตแิ ละภาคพิธกรรมกับการเมือง การแยกศาสนาออกจากการเมือง อิสลามของพวกชอบสบายและชอบประนีประนอม ผลของการไมไปยุงเกี่ยวกับการเมืองที่มีผลตอสังคมอิสลาม ผูปกปองอิสลามแท พวกดอยโอกาสทั้งหลายคือสหายของขบวนการของศาสนทูต นักการศาสนากับการยืนหยัดตอตานสมุนของนักลาอาณานิคม อิสลามขัดแยงกับผลประโยชนของพวกนักลาอาณานิคม รูจักพลังอํานาจของอิสลาม ความกลัวอิทธิพลของอิสลามในรัฐทั้งหลาย
Data Loading...