รวมพลคนธาตุแมว - PDF Flipbook

รวมพลคนธาตุแมว

115 Views
83 Downloads
PDF 6,790,132 Bytes

Download as PDF

REPORT DMCA


โครงการพิเศษด้านการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง เรื่อง รวมพลคนธาตุแมว

โดย นางสาวธนัตดา เนตรแพ รหัสนักศึกษา 6111050431002

โครงการพิเศษนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ปีการศึกษา 2564

หัวข้อโครงการ

รวมพลคนธาตุแมว

ผูด้ ำเนินโครงการ

นางสาว ธนัตดา เนตรแพ

ที่ปรึกษาหลัก

อาจารย์ วรรณิกา เกิดบาง

หลักสูตร

หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง

ปีการศึกษา

2564 บทคัดย่อ

โครงการพิเศษนี้เป็นการศึกษาเพื่อออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยแมว ความผ่อนคลายสนุกสนานไปกับการได้ใกล้ชิดและเล่นกับแมว สร้าง กิจกรรมระหว่างคนกับแมว ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการเลี้ยงแมว การเลี้ยงแมวจึงมีประโยชน์มาก มี สินค้าเพื่อตอบสนองต่อทาสแมว เป็นการกระตุ้นธุรกิจสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับแมว โดยโครงการนี้ จะจัดงานภายใต้ชื่อ “รวมพลคนธาตุแมว” ธาตุในที่นี้ เป็นการผสมผสานคำว่า ทาส+ธาตุ เนื่องจากผู้ ที่เลี้ยงแมวมักจะมีนิสัยบางอย่างคล้ายกับแมว จึงเหมือนเป็นธาตุแฝงอยู่ในตัว ภายในงานมีด้วยกัน ทั้งหมด 4 โซน ดังนี้ แมวมีบุญ แมวซุกซน แมวกวัก และคาเฟ่แมว แมวมีบุญ คือโซนที่ได้ให้ความรู้ใน เรื่องของสายพันธุ์แมวต่างๆ ลักษณะนิสัยของแมว สุขภาพ โรคติดต่อ ซึ่งจะมีศูนย์ตรวจสุขภาพ สำหรับน้องแมวฟรี และมีการช่วยเหลือแมวจรจัด ทั้งการบริจาคเงินหรือสิ่งของ และพิจารณารับแมว ไปเลี้ยง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและตะหนักถึงคุณค่าของแมว แมวซุกซน เป็นโซนที่นำหลักความ เชื่อ นิสัยที่เกี่ยวกับแมว มุมมองการการมองเห็น มาจัดกิจกรรมให้ผู้ร่วมงานได้จำลองชีวิตแบบแมวๆ เพื่อความสนุกสนานและการผ่อนคลาย แมวกวัก เป็นโซนที่ขายอุปกรณ์ของใช้ ของเล่น อาหาร ที่ จำเป็นสำหรับแมว จากที่ต่างๆมารวมไว้ในงานให้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเป็นการส่งเสริมธุรกิจ ของใช้ที่เกี่ยวกับแมว คาเฟ่แมว เป็นโซนที่นำแมวจำนวนหนึ่งมาไว้ภายในงาน มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ไป นั่งเล่นกับแมว ซึ่งในการเล่นกับแมวทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง ในส่วน ของสถานที่จัดงานคือ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ (IMPACT Exhibition Center) ฮอลล์ 6 เป็น สถานที่ที่มีความกว้างและสูงเหมาะสมในการจัดงาน และได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในการออกแบบ ดังนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง COVID-19 กับยุค New normal หลักการจัดนิทรรศการ หลักการออกแบบ ทฤษฎีสีที่ใช้ในการบำบัดความปลอดภัยในการจัดแสดง สถานที่จัดงาน Event and Exhibition ที่ เกี่ยวข้องกับแมว โดยมีวิธีการดำเนินโครงการ 4 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาค้นคว้า ข้อมูลพื้นฐาน ศึกษากรณีศึกษาการจัดงานศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาและเก็บข้อมูลเบื้องต้น ขั้นตอน ที่ 2 การจัดแสดงงานและการออกแบบ ศึกษาสถานที่การจัดแสดงงาน หารายละเอียดของพื้นที่และ

ตัวอาคาร นำผลวิเคราะห์กรอบแนวคิดในการจัดงานมาสร้างรูปแบบและรายละเอียดการจัดงาน ขั้นตอนที่ 3 แบบงานนิทรรศการและการจัดแสดง เขียนแบบภาพ 2 มิติ กำหนดพื้นที่ทั้งหมดของงาน ลงไปในแบบที่เขียนไว้ ประกอบด้วยภาพ plan และภาพ elevation สร้างแบบงานเป็นแบบ 3 มิติ ด้วยโปรแกรมคอมพิว เตอร์ และผลิตแบบจำลอง model ขั้นตอนที่ 4 ประเมินความคิดเห็นของ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบการจัดงานเพื่อประเมินภาพรวมของงาน รูปแบบ ของโครงสร้างให้มีความหน้าสนใจและการประเมินความคิดเห็นของงานโดย เนื้อหาในงานนิทรรศการ และการจัดแสดง ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายและจุดประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ โดยผลปะเมินนั้น รวม 4.4 คือเหมาะสมมากที่สุด

กิตติกรรมประกาศ ในการศึกษาและดำเนินโครงการพิเศษในครั้งนี้ สามารถสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี ผลงานมี ความสมบูรณ์ได้ต้องอาศัยระยะเวลาในการเตรียมงาน ความอดทนและความมีมานะ สิ่งที่จะขาดมิได้ เลยคือความร่วมมือของผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือโดยประกอบไปด้วย ขอขอบพระคุณ คุณพ่อและคุณแม่ที่สนับสนุนทุกอย่างเป็นอย่างดีในเรื่องการเรียน การเงิน การดำเนินชีวิต กำลังใจ คำชี้แนะและอบรมสั่งสอนจนทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณ ผ.ศ. ว่าที่ ร.ต. ดร. ศรัฐ สิมศิริ, นายสธนวัชร์ ประกอบผล ผู้ทรงคุณวุฒิด้าน การออกแบบ และนายสัตวแพทย์อภิวัฒน์ เกษมทวีศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญสัตวแพทย์ ที่ให้คำปรึกษาและ ข้อเสนอแนะ โครงการ รวมพลคนธาตุแมว ที่ถือเป็นหนึ่งในการสนับสนุนความสำเร็จครั้งนี้ ขอขอบพระคุณ คณะกรรมการและอาจารย์ประจำหลักสูตรออกแบบนิทรรศการและการจัด แสดงทุกท่าน ที่ถ่ายทอดความรู้ในด้านวิชาการและคอยตักเตือนให้แนะนำในชีวิตด้านการเรียนและ การทำงาน ตลอดจนคำแนะในการดำเนินการสอบโครงการพิเศษให้สำเร็จสมบูรณ์ ขอขอบพระคุณ น.ส.วรรณิกา เกิดบาง และ ผ.ศ. ว่าที่ ร.ต. ดร. ศรัฐ สิมศิริ อาจารย์ที่ปรึกษา โครงการพิเศษที่ให้ความ ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทั้งคำแนะนำ คำพูดสร้างกำลังใจ และการดำเนิน โครงการพิเศษในครั้งนี้ ขอขอบคุณ เพื่อนร่วมรุ่น EVEX61 ที่คอยช่วยผลักดันกัน ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ และผ่าน มาได้ ถึงวันนี้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณตัวเองที่สามารถใช้ความพยายามอดทนอดกลั้น ฟันฝ่าอุปสรรค ต่างๆมาได้จนถึงทุกวันนี้เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่องราวต่างๆ ได้รู้จักมิตรสหาย ได้มีความคิดและ ความทรงจำต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้และนำมาสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ เพื่อให้ได้ก้าวไป ข้างหน้าอีก ครั้งหนึ่งในชีวิต และประกอบอาชีพด้วยความภาคภูมิใจ โครงการพิเศษนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรศิลปะศาสตรบัณฑิต อาจมีเนื้อหา หรือข้อความบางส่วนอ้างอิงผู้อื่น วัน เวลา และสถานที่จัดงานที่ได้แสดงไว้ในแผนโครงการ เป็น เพียง การอ้างอิงเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาให้ดูเหมาะสมและใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยที่ผู้จัดท ำไม่ได้มี เจตนาหรือกระทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อผู้ใด

นางสาวธนัตดา เนตรแพ เมษายน 2564

สารบัญ บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญ วัตถุประสงค์ กรอบแนวคิด ขอบเขตของโครงการ นิยามศัพท์ ประโยชน์ที่ได้รับ บทที่ 2 เอกสารและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ประวัติความเป็นมาของแมว การจำแนกพันธุ์แมว แมวพันธุ์ไทย ประเภทแมวไทย แมวไทยสายพันธุ์ใหม่ แมวพันธุ์ต่างประเทศ พฤติกรรมแมว การเลี้ยงดูแมว โรคและวิธีการรักษา การขยายพันธุ์และการคุมกำเนิด แมวช่วยให้มีความสุข-สุขภาพดี แมวกับความเชื่อ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง Covid -19 กับยุค New normal หลักการจัดนิทรรศการ หลักการออกแบบ ทฤษฎีสี ความปลอดภัยในการจัดแสดง สถานที่จัดงาน Event and Exhibition ทีเ่ กี่ยวข้องกับแมว สรุปท้ายบท

หน้า 1 1 2 3 3 4 5 6 7 8 11 19 20 23 46 52 62 67 69 70 75 79 81 84 89 91 92 94 96

สารบัญ (ต่อ) บทที่ 3 วิธีและขั้นตอนการดำเนินโครงการ วิธีการดำเนินโครงการ ขั้นตอนการออกแบบ ขั้นตอนการจัดแสดง เครื่องมือที่ใช้ในโครงการ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ บทที่ 4 ผลลัพธ์ของโครงการ Inspiration ในการดำเนินโครงการ Mood & Tone การออกแบบพื้นที่งาน Plan การออกแบบภาพด้าน งาน Elevation การออกแบบทัศนีย์ภาพ Presentation ภาพ Logo ภาพ Poster งานออกแบบ Sing กำหนดการภายในวันงาน งาน Model การประเมินความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผล สรุปและอภิปรายการดำเนินโครงการพิเศษ ข้อเสนอแนะ เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก ภาคผนวก ก. แบบประเมิน ภาคผนวก ข.ภาพการให้ ค ำปรึ ก ษาโดยผู ้ เ ชี ่ ย วชาญและประเมิ น โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคผนวก ค. ประวัติผู้ดำเนินโครงการ

หน้า 97 97 98 99 100 100 101 104 104 105 105 107 108 112 112 113 115 116 117 120 120 122 123

สารบัญตาราง ตารางที่ ตารางที่ 2.1 แสดงรูปวาดแมวไทยโบราณที่ให้คุณตามตำราดูลกษณะแมวของสมเด็จ พระพุทธาจารย์ ตารางที่ 2.2 แสดงรูปวาดแมวไทยโบราณที่ให้โทษตามตำราดูลกษณะแมวของสมเด็จ พระพุทธาจารย์ ตารางที่ 2.3 ลักษณะสีของแมวไทย ตารางที่ 2.4 อายุของแมว ตารางที่ 2.5 โปรแกรมการฉีดวัดชีนในประเทศไทย ตารางที่ 2.6 ประยุกต์จากโปรแกรมการฉีดวัดชีนตามมาตรฐานของสัตวแพทย์สมาคม ในสหรัฐอเมริกา ตารางที่ 4.1 แสดงค่าเฉลี่ยและส่ว นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระดับ ความคิดเห็นของ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อความเป็นไปได้ดานออกแบบ (N=3) แบบประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง

หน้า 13 14 19 57 59 59 118

สารบัญภาพ ภาพที่ ภาพที่ 2.1 บาสเต็ทเทพเจ้าแห่งอียิปต์และมัมมี่แมว ภาพที่ 2.2 แมวพันธุ์ขนยาว (A.) ภาพที่ 2.3 แมวพันธุ์ขนสั้น กระดูกใหญ่ล่ำสัน (B.) ภาพที่ 2.4 แมวพันธุ์ขนสั้น กระดูกเล็กระหง (C.) ภาพที่ 2.5 แมวพันธุ์ขนยาวด้านหน้า – ด้านข้าง ภาพที่ 2.6 แมวพันธุ์ขนสั้นกระดูกใหญ่ด้านหน้า – ด้านข้าง ภาพที่ 2.7 แมงพันธุ์ขนสั้นกระดูกเล็กด้านหน้า – ด้านข้าง ภาพที่ 2.8 แมววิเชียรมาศ ภาพที่ 2.9 แมวสีสวาดหรือแมวโคราช ภาพที่ 2.10 แมวขาวมณี ภาพที่ 2.11 แมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดง ภาพที่ 2.12 แมวโกญจา ภาพที่ 2.13 แมวศุภโชคหรือแมวเบอร์มิส ภาพที่ 2.14 แมวท็องกินีส ภาพที่ 2.15 แมวท็องกินีส ภาพที่ 2.16 แมวไทยมอคค่าหรือวิฬาร์กรุงเทพ ภาพที่ 2.17 แสดงรูปร่างตาแมว 3 แบบ ภาพที่ 2.18 สีของเส้นขนทั้ง 5 แบบ ภาพที่ 2.19 Ameriean Shorthair ภาพที่ 2.20 Scottish Fold ภาพที่ 2.21 Abyssinian ภาพที่ 2.22 Japanese Bobtail ภาพที่ 2.23 Russian Blue ภาพที่ 2.24 Egyptian Mau ภาพที่ 2.25 Tonkinese ภาพที่ 2.26 Sphinx ภาพที่ 2.27 Felis Bengalensis ภาพที่ 2.28 Munchkin ภาพที่ 2.29 Devon Rex ภาพที่ 2.30 Cornish Rex

หน้า 8 8 9 9 9 10 10 15 16 17 17 18 20 21 22 22 23 24 25 26 26 27 28 28 29 29 30 31 31 32

สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ ภาพที่ 2.31 Savanna ภาพที่ 2.32 Oriental ภาพที่ 2.33 Havana Brown ภาพที่ 2.34 Pixie Bob ภาพที่ 2.35 Snowshoe ภาพที่ 2.36 Burmilla ภาพที่ 2.37 Toyger ภาพที่ 2.38 Ocicat ภาพที่ 2.39 Bombay ภาพที่ 2.40 Felis chaus ภาพที่ 2.41 Donskoy ภาพที่ 2.42 Persian Longhair ภาพที่ 2.43 Himalayan ภาพที่ 2.44 Turkish Angora ภาพที่ 2.45 Turkish Van ภาพที่ 2.46 Maine Coon ภาพที่ 2.47 Birman ภาพที่ 2.48 Somali ภาพที่ 2.49 Balinese ภาพที่ 2.50 Regdall ภาพที่ 2.51 Nebelung ภาพที่ 2.52 American Curl ภาพที่ 2.53 Selkirk Rex ภาพที่ 2.54 Ragamuffin ภาพที่ 2.55 ภาพการเผยแพร่ พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพ สัตว์ ภาพที่ 2.56 ภาพการเผยแพร่ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ภาพที่ 2.57 ภาพเผยแพร่การกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ภาพที่ 2.58 กฏหมายเกี่ยวกับเจ้าของสัตว์ ภาพที่ 2.59 ทฤษฎีสี ภาพที่ 2.60 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

หน้า 32 33 33 34 35 35 36 37 37 38 39 40 40 41 41 42 42 43 43 44 44 45 45 46 76 77 78 79 90 93

สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ ภาพที่ 2.61 Logo Nyanpaku Neko Expo ภาพที่ 2.62 รักษ์แมวปาร์ตี้ ภาพที่ 2.63 โปสเตอร์งาน Pet Variety ภาพที่ 4.1 Mood&Tone ภาพที่ 4.2 Plan top ภาพที่ 4.3 พื้นที่ในการจัดแสดงงาน ภาพที่ 4.4 เส้นทางการเดินในห้องนิทรรศการและการจัดแสดง ภาพที่ 4.5 Elevation โซน 1 แมวมีบุญ ภาพที่ 4.6 Elevation โซน 2 แมวซุกซน ภาพที่ 4.7 Elevation โซน 3 แมวเริงรมณ์ ภาพที่ 4.8 Elevation โซน 4 แมวกวัก ภาพที่ 4.9 ภาพการจัดแสดงโซน 1 แมวมีบุญ ภาพที่ 4.10 ภาพการจัดแสดงโซน 1 แมวมีบุญ มุมบอร์ดให้ความรู้ ภาพที่ 4.11 ภาพการจัดแสดงโซน 1 แมวมีบุญ มุมตรวจสุขภาพ ภาพที่ 4.12 ภาพนิทรรศการโซน 2 แมวซุกซน ภาพที่ 4.13 ภาพนิทรรศการโซน 2 แมวซุกซน มุมเล่นเสียง Purr ภาพที่ 4.14 ภาพนิทรรศการโซน 3 แมวเริงรมณ์ ภาพที่ 4.15 ภาพนิทรรศการโซน 3 แมวเริงรมณ์ มุมเล่นแมว ภาพที่ 4.16 ภาพการจัดแสดงโซน 4 แมวกวัก ภาพที่ 4.17 ภาพการจัดแสดงโซน 4 แมวกวัก ด้านใน ภาพที่ 4.18 จุดแลนด์มาร์ค ภาพที่ 4.19 Logo งานรวมพลคนธาตุแมว ภาพที่ 4.20 Poster งานรวมพลคนธาตุแมว ภาพที่ 4.21 เพจประชาสัมพันธ์ใน Instagram ภาพที่ 4.22 เพจประชาสัมพันธ์ใน Facebook ภาพที่ 4.23 ป้ายบิลบอร์ด ถนนสายหลักและทางด่วน ภาพที่ 4.24 ป้ายโฆษณา BTS ภาพที่ 4.25 ป้ายโฆษณาที่ท่ารถเมย์ ภาพที่ 4.26 เสื้อ staff ภาพที่ 4.27 ภาพต้นแบบโซนแมวมีบุญ ภาพที่ 4.28 ภาพต้นแบบโซนแมวซุกซน

หน้า 94 95 95 105 105 106 106 107 107 107 108 108 108 109 109 110 110 110 111 111 111 112 112 113 113 114 114 115 115 116 116

สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ ภาพที่ 4.29 ภาพต้นแบบโซนแมวเริงรมณ์ ภาพที่ 4.30 ภาพต้นแบบโซนแมวกวัก ภาพที่ 4.31 ภาพต้นแบบ Landmark ภาพที่ 4.32 การประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ

หน้า 116 117 117 118

1

บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญ ปัจจุบันผู้คนเกิดความเครียดกันมากขึ้น เกิดเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในทุก เพศทุกวัย และปัจจุบันนี้พบว่าคนส่วนใหญ่มักมีอาการเครียดสะสม อันเนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่ตึง เครียด บางรายมีความกดดันมาก และมีความคาดหวังในชีวิตสูงซึ่งพอไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำ ให้มีอาการเครียดสะสมโดยไม่ร ู้ตัว ได้เช่น กัน ในบางรายอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) หรือ โรควิตกกังวล (Anxiety disorders) ได้ในอนาคต ความเครียดสะสมเป็นภาวะที่สร้าง ความกังวลและรบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในบางรายที่มีอาการเครียดสะสมมากๆ อาจส่งผล กระทบต่อการทำงานและคนรอบข้างได้ (โรงพยาบาลศิครินทร์, 2564) ทุกคนมีวิธีกำจัดความเครียดที่แตกต่างกันออกไป การเลี้ยงสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีผ่ อนคลาย ความเครียดได้ดี มีงานวิจัยว่า เวลาที่มนุษย์รู้สึกเครียดชีพจรจะเต้นเร็วขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้น ตามไปด้วย แมวจะเข้ามาคลอเคลีย ช่วยเพิ่ มระดับออกซิโตซินซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยขจัดความเครียด และความวิตกกังวล แม้ว่าจะไม่ทำให้หายเครียดทันทีแต่ก็ช่วยทำให้จิ ตใจผ่อนคลาย ลดความเครียด ลง บทความจาก Time health กล่าวว่า สัตว์เลี้ยงจะช่วยให้ความดันในเลือดของเราต่ำลง อัตราการ เต้นของหัวใจคงที่ เป็นสาเหตุให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย แมวเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของทุกเพศทุกวัย ตัวเล็กน่ารัก ขี้อ้อน เข้ากับมนุษย์ได้ง่าย แมวมี ชื่อเรียกในภาษาละตินว่า Felis catus จริงๆแล้ว แมวอยู่กับมนุษย์มานานแล้ว ดังที่มีหลักฐานเก่าแก่ ที่สุดคือมัมมี่แมวโบราณที่เคยขุดพบหลายตัวอายุประมาณ 5000 ปี มีความคล้ายคลึงกับแมวพันธุ์ อะบิสซิเนียน (Abyssinian) และถึงกับเคยได้รับ การบู ชาในฐานะเทพเจ้าด้วยซ้ำ การเลี้ยงแมวมี ประโยชน์แบ่งเป็น 2 ด้านคือ ด้านจิ ตใจ และด้านร่างกาย ในด้านจิตใจการเล่นกับแมวหรือแค่ลูบตัว มันก็สามารถช่วยกระตุ้นสารแห่งความสุข คือ “เซโรโทนิน” (Serotonin) เป็นสารสื่อประสาทใน สมอง จะทำให้อารมณ์ดีขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย ต้านความเครียดและสงบ ดังนั้น แมวก็เป็นสัตว์ที่เป็น เพื่อนคลายเหงาได้อย่างดีแ ละแม้กระทั่งสร้างกำลังให้พ้นความลำบากทุกข์ยากของชีวิตได้ แมวเป็น สัตว์บำบัดโดยธรรมชาติ เช่น เสียงครางในคอของแมว หรือเสียง Purr มีมีคลื่นความถี่อยู่ที่ 25 – 150 เฮิร ตซ์ ซึ่งเป็น คลื่น ความถี่ใช้ใ นการบำบั ดด้ว ยเสีย ง แมวจึงสามารถช่ว ยลดอาการซึ มเศร้ า ได้ ยกตัวอย่างเช่น มีการค้นพบว่า เสียง Purr ของแมวจากการลูบขนสามารถช่วยให้เด็กที่มีอาการ”ออทิ สติก” (Autistic) สงบลงได้ และด้านร่างกาย เมื่อคุณเล่นกับแมว คุณก็จะสามารถปลดปล่อยสารอ็อก ซิโตซินออกมากขึ้น “ออกซิโทซิน” (Oxytocin) เป็นฮอร์โมนที่หลั่งมาจากต่อมใต้สมองส่วนหลังซึ่งที่มี อิทธิพลต่อการทำงานของสมองและจิตใจ เช่น นอนหลั บ คลายเครียด กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ส่งเสริมให้มีจริยธรรมในจิตใจด้วย ความรัก ความผูกพัน เมตตากรุณา และยังเป็นสารสุขที่หลั่ง

2

ออกมาพร้อมกับ “เอ็นดอร์ฟิน” (Endorphin) อีกด้วย การเลี้ยงแมวจะลดโอกาสที่จะเป็นโรคเส้น เลื อดในสมองตีบ หรือแตก ลดลงประมาณ 30% เพราะความเครี ยดคือสาเหตุห ลั กปัญหาเรื ่ อ ง โรคหัวใจชนิดนี้ และแน่นอนการเลี้ยงดูแมวอย่างถูกต้องยั งจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย จากการ พบว่า เด็กที่โตมาพร้อมกับการที่มีสัตว์เลี้ยงจะเสริมพัฒนาการและภูมิคุ้มกัน มากกว่า เด็กที่ไ ม่มีสัตว์ เลี้ยง จากความสำคัญที่ได้กล่าวมานี้ ผู้ดำเนินจัดทำโครงการจึงมีแนวคิดที่จะจัดทำโครงการพิเศษ ด้าน Event and Exhibition ในเรื่องของการบำบัดความเครียดด้วยแมว มาพัฒนาเป็นนิทรรศการ และการจัดแสดง พร้อมให้ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจเลี้ยงแมว จะเห็นได้ว่าแมวไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงดู เล่น แต่มันยังเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเรามาอย่างยาวนานหลายยุคหลายสมัย และเป็นสัตว์ที่มี เสน่ห์น่าค้นหา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเลี้ยงแมวมีประโยชน์มากๆ จนทำให้เกิดธุรกิจหลากหลายที่ เกี่ยวกับแมวเพื่อให้บริการ คนรักแมว หรือ ที่เราจะคุ้นกับคำว่า “ทาสแมว” (ธาตุแมว เป็นการ ผสมผสานคำว่า ทาส+ธาตุ เนื่องจากผู้ที่เลี้ยงแมวมักจะมีนิสัยบางอย่างคล้ายกับแมว จึงเหมือนเป็น ธาตุแฝงอยู่ในตัว) อาทิเช่น โรงแรมแมวเสื้อผ้าแมว และร้านอาบน้ำตัด และล่าสุดคือ คาเฟ่แมว ที่ ผสานผสมร้านกาแฟกับสัตว์เลี้ยงไว้ด้วยกัน หรือ วัฒนธรรมจิบกาแฟไปและเล่นกับแมวไป โดยเฉพาะ แมวพันธุ์ที่สวยงามระดับโลก ซึ่งธุรกิจกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อเป็นทางเลือกในการบำบัดพักผ่อนจิตใจ ด้วยการเลี้ยงหรือเล่นกับแมว 1.2.2 เพื่อสร้างกิจกรรมระหว่างคนกับแมว ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการเลี้ยงแมว 1.2.3 เพื่อกระตุ้นธุรกิจสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับแมว

3

1.3 กรอบแนวคิด แมว

หลักการออกแบบนิทรรศการและ การจัดแสดง

Exhibition

Event

รวมพลคนธาตุแมว

1.4 ขอบเขตของโครงการ 1.4.1 สถานที่จัดงานคือ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 5 1.4.2 กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินงานคือ บุคคลที่สนใจเลี้ยงแมว หรือบุคคลที่ชื่นชอบแมว 1.4.3 จัดแบ่งพื้นที่แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ภายในสถานที่กำหนดตามข้อ 1 คือ รูปแบบ Event และ Exhibition 1. รูปแบบ Event จะมีทั้งหมด 2 กิจกรรม เพื่อช่วยผ่อนคลายทั้งผู้เข้าร่วมและตัว แมวเอง มีดังนี้ คาเฟ่แมว และ เล่นแบบแมว 2. รูปแบบ Exhibition คือ จัดแสดงให้ความรู้และจำหน่ายสินค้า ซึ่งสินค้าที่จะ นำมาวางจำหน่ายนั้นเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับแมว เพื่อช่วยส่งเสริมและเปิดตลาดสินค้า ของเล่น ของใช้ และอาหารแมว

4

1.5 นิยามศัพท์ 1.5.1 แมว หมายถึ ง ชื ่ อ สั ต ว์ เ ลี ้ ย งลู ก ด้ ว ยน้ ำ นม 4 เท้ า ชนิ ด Felis domestica ในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับเสือ ส่วนใหญ่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อความเพลิดเพลิน และใช้จับหนู 1.5.2 ทาสแมว หมายถึง เป็นคำนาม (n.) ที่ใช้เรียกกันในหมู่คนรักแมว และคำว่าทาสแมวนี้ ไม่ได้ใช้กันแค่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะความน่ารักของเจ้าเหมียว ทำให้ลัทธิทาสแมวแพร่หลายไป ทั่วโลกทีเดียว และมีชื่อภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการว่า Ailurophile มีความหมายว่า Cat Lover หรือคนคลั่งรักแมวนั่นเอง 1.5.3 ธาตุแมว หมายถึง เป็นคำที่เล่นคำมาจากคำว่า ทาสแมว เนื่องจากผู้ที่เลี้ยงแมวนั้ น มักจะมีนิสัยบางอย่างคล้ายกับแมว 1.5.4 ความเครียด หมายถึง ภาวะที่บุคคลรู้สึกถูกกดดัน ไม่สบายใจ วุ่นวายใจ กลัว วิตก กังวล ตลอดจนถูกบีบคั้น เกิดจากการที่บุคคลรับรู้หรือประเมินสิ่งที่เข้า มาในประสบการณ์ของตนว่า เป็นสิ่งที่คุกคามจิตใจ หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หรือจากสภาพแวดล้อม 1.5.5 เซโรโทนิน (Serotonin) หมายถึง สารเคมีชนิดหนึ่งภายในร่างกายที่มีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับการทำงานของสมองและระบบประสาท ส่งผลต่อกระบวนการคิด พฤติกรรม และอารมณ์ อีก ทั้ง Serotonin ยังจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายส่วนอื่นด้วย หากเรามี Serotonin ในระดับที่ เหมาะสมจะช่วยให้สุขภาพจิตดี อารมณ์ดี มีสมาธิ ช่วยให้คิดและตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น 1.5.6 ออกซิโทซิน (Oxytocin) หมายถึง ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมใต้สมอง หน้าที่หลัก ๆ คือ ฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการคลอดลูกและให้นมบุตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดสายใยผูกพันที่ยิ่งใหญ่ของ แม่และลูก ความสำคัญของออกซิโตซิน เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความผูกพันกับคนอื่นด้วยเช่นเดียวกัน การกอด สัมผัสมือ หรือการมีเซ็กส์จะทำให้สมองหลั่งออกซิโตซินมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ เราจะรู้สึก ผูกพัน รัก เข้าอกเข้าใจคู่ชีวิตมากขึ้น มีความรักเดี ยวใจเดียว ด้วยเหตุนี้ออกซิโตซิน จึงมีชื่อเล่น มากมายว่า LOVE HORMONE, HUG HORMONE หรือ TRUST HORMONE 1.5.7 เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หมายถึง สารแห่งความสุข ร่างกายของเราจะมีการหลั่งสาร Endorphin ซึ่งเป็นสารที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง (ต่อมพิทูอิทารี) และไฮโปทาลามั ส ประกอบไปด้วย เปปไทต์ หรือกรดอะมิโน ร่างกายของเราจะมีการหลั่งสารนี้ออกมาก็ต่อเมื่อ เรามีความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการที่ร่างกายได้รับการพักผ่อน 1.5.8 คาเฟ่แมว (Cat Café) หมายถึง เป็นนิยามใหม่ของไลฟ์สไตล์คาเฟ่รูปแบบหนึ่ง โดยการ นำเอาการเลี้ยงแมวมาผนวกเพิ่มด้วย ที่มาของ “คาเฟ่แมว” เกิดจากสังคมที่ เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคม เมืองมากขึ้น ผู้คนอาศัยอยู่คอนโดหรืออพาร์ตเมนต์มากขึ้น และด้วยข้อจำกัดของการห้ามเลี้ยงสัตว์ใน คอนโดหรือการทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยจนเลี้ยงสัตว์ไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดกำเนิด ที่ทำให้คนโหยหา ความผ่อนคลายนอกบ้านกันมากขึ้น และหนึ่งในนั้นคือการออกไปเล่นกับน้องแมว (ของคนอื่น) พร้อม กับกินอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆนั่นเอง

5

1.5.9 Purr หมายถึง เสียงเพอร์ (Purr) หรือเสียงครางที่คล้ายๆ เสียงกรนของแมว แสดงถึง ความพอใจ การอ้อน เรียกร้องความสนใจ (ต้องการความรัก/อาหาร) หรือความฟินแบบสุดๆ เวลา ทาสเกาคางให้ช่วงความถี่ของเสี ยงเพอร์คือ 25 -150 เฮิรตซ์ เป็นช่วงความถี่ที่ใช้ในการบำบัดหลาย โรคในมนุษย์ได้ 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.6.1 ทำให้ผู้เข้าร่วมงานรู้สึกเพลิดเพลินหรือรู้สึกสนุกไปกับกิจกรรมที่ได้รับ 1.6.2 ทำให้ผู้เข้าร่วมงานเกิดความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงแมวที่ถูกต้อง 1.6.3 เกิดการกระตุ้นธุรกิจสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับแมว

6

บทที่ 2 เอกสารและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง นิทรรศการ “การบำบัดด้วยแมว” ภายใต้ชื่องานว่า “แมวจ๋า” เป็นนิทรรศการที่นำเสนอ ความน่ารักและคุณประโยชน์ของแมว เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา ฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ ใน สภาพแวดล้อมสังคมปัจจุบัน ที่มีแต่การแข่งขันความกดดันทางด้านการเรียน การทำงาน รวมถึงสังคม และการดำเนินชีวิต จึงต้องหาวิธีที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียด สัตว์เลี้ยงก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกหนึ่งที่ จะทำให้เรานั้นอารมณ์ดีขึ้นได้ จึงเกิดเป็นนิทรรศการ การบำบัดด้วยแมว ภายใต้ชื่องานว่า แมวจ๋า โดยประกอบไปด้วยข้อมูลและเนื้อหาในการจัดนิทรรศการ ดังนี้ 2.1 เรื่องของแมว 2.1.1 ประวัติความเป็นมาของแมว 2.1.2 การจำแนกพันธุ์แมวตามลักษณะขน 2.1.3 แมวพันธุ์ไทย 2.1.4 ประเภทแมวไทย 2.1.5 แมวไทยสายพันธุ์ใหม่ 2.1.6 แมวพันธุ์ต่างประเทศ 2.1.7 พฤติกรรมแมว 2.1.8 การเลี้ยงดูแมว 2.1.9 โรคและวิธีการรักษา 2.1.10 การขยายพันธุ์และคุมกำเนิด 2.1.11 แมวช่วยให้มีความสุข-สุขภาพดี 2.1.12 แมวกับความเชื่อ 2.1.13 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.2 สถานการณ์ COVID-19 กับยุค New normal 2.3 หลักการจัดนิทรรศการ 2.4 หลักการออกแบบ 2.5 ทฤษฎีสีที่ใช้ในการบำบัด 2.6 ความปลอดภัยในการจัดแสดง 2.7 สถานที่จัดงาน 2.8 Event and Exhibition ทีเ่ กี่ยวข้องกับแมว 2.9 สรุปเนื้อหา

7

2.1 เรื่องของแมว 2.1.1 ประวัติความเป็นมาของแมว แมวมีชื่อเรียกทั่วไปในภาษาลาตินว่า "เฟลิส คาตัส" (Felis Catus) เป็นสัตว์เก่าแก่ดึกดำ บรรพ์ แมวมีความสัมพันธ์กับมนุษย์มานานแล้ว จากการพบหลักฐานมัมมี่แมว รูปปั้นแมวสัมฤทธิ์ และรูปเขียนแมวบนผนังที่มีอยู่ในอียิป ต์ ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็น เทพเจ้าจำแลงมาเกิด มีร่างกายเป็นสตรี ศีรษะเป็นแมว ชื่ อ Pasht เป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง ความร้อนและพลังแสงอาทิตย์ รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งดวงจันทร์ด้วย พบหลักฐานคือรูปปั้นเทพ เจ้า Pasht ขนาดใหญ่มหึมาสร้างจากหิน ประดิษฐานบนแท่นที่เมืองบูบาสติส (ปัจจุบันคือเมืองเตล บาสตา) ในฤดูใบไม้ผลิชาวอียิปต์จะทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้าแมว ด้วยเนื้อสัตว์ น้ำผึ้ง และผลไม้ มีสาว มาร่ายรำร้องเพลงบูชาเทพเจ้า ชาวอียิปต์จึงเป็นชนชาติแรกที่นำแมวมาเลี้ยงและฝึกให้เชื่อง ชาว อียิปต์เรียกแมวว่า เมียว (mau) ต่อมาแมวได้ถูกขยายพันธุ์ไปทุกแห่งทั่วโลก สันนิษฐานว่าแมวติดไป กับเรือสินค้า โดยเรือสินค้านำแมวติดไปด้วยเพื่อกำจัดหนู อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของแมวไม่ใช่ อียิปต์ แต่เป็นรัฐนูเบีย (ปัจจุบันอยู่ในประเทศซูดาน) เชื่อกันว่า ฟาโรห์แห่งอี ยิปต์ได้บุกบูเบียและนำ แมวมาสู่อยี ิปต์ พร้อมกับสัตว์เลี้ยงและทรัพย์สมบัติต่างๆที่ยึดมาได้ แมวนูเบียมีลักษณะขายาว ขนสั้น และศีรษะเล็ก ต่อมาได้มีการขยายและปรับปรุงพันธุ์เกิดแมวพันธุ์ต่างๆตามมามากมาย อียิปต์โบราณจึงมีกฎหมายคุ้มครองแมว ห้ามนำแมวออกนอกประเทศและหากพบแมวในต่าง ประเทศะต้องนำกลับมาสู่ประเทศด้วย ห้ามผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมวโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูก ลงโทษประหารชีวิต หากแมวตายคนในบ้านจะต้องไว้ทุกข์ โกนคิ้วและต้องนำชากแมวไปทำมัมมี่เพื่อ เก็บรักษาไว้ บ้านที่มีฐานะดีจะห่อมัมมี่แมวด้วยผ้าลินิน 2 สีมัดและทำลวดลายสวยงามใส่ในหี บ บรอนซ์ประดับเพชรพลอย แล้วนำไปฝังที่สุสานใกล้กับโบสถ์ Pasht เมืองบูบาสติส ทั้งนี้มีรายงานว่า นักโบราณคดีพบมัมมี่แมวมากกว่า สามแสนตัวในสุสานโบราณของอียิปต์ ในปัจจุบันยังมีมัมมี่แมวเก็บ รักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ที่กรุงไคโร และที่กรุงลอนดอน โดยทั่วไปแมวต่างพันธุ์จะมีลักษณะต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม เช่น แมวเมืองหนาวจะมี ขนยาวกว่าเมวเมืองร้อนแต่มีแมว 3 พันธุ์ที่ยังคงลักษณะเดิมของแมวโบราณ คือ รูปร่างเพรียว หน้า แหลม ตาคม คือ แมวบิสซาเนีย แมวอี ยิปต์ และแมวไทย แมวทั้งสามพันธุ์นี้จะมีลักษณะไม่ต่างกัน มากนัก แต่แมวบิสซาเนียและแมวอียิปต์ หายากในปัจจุบัน จึงคงมีแต่แมวไทยที่เป็นแมวพันธุ์เก่าแก่ที่ ยังเลี้ยงแพร่หลายอยู่ เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก สันนิษฐานว่าแมวอี ยิปต์อาจเป็นบรรพบุรุษของแมวไทย โดยพบว่า แมวไทยมีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกับแมวที่พบในสุสานของอียิปต์โบราณ แมวไทยพันธุ์แรกที่ต่างประเทศรู้จักและตั้งชื่อว่า Siamese cat คือ แมววิเชียรมาศ ซึ่งตาม ประวัติศาสตร์กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทาน แมว วิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่นาย Owen Gould กงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ต่อมา นาย Owen Gould ได้นำแมวคู่นี้ไปฝากน้องสาวที่อังกฤษ แมวคู่นี้ได้ถูกส่งเข้าประกวดในงานประกวดแมวที่ The Crystal Palace กรุงลอนดอน และได้รับรางวัลที่ 1 ทำให้ชาวอังกฤษพากันตื่นเต้นและหันมานิยมเลี้ยงแมว

8

แมวไทยกันมากจนจัดตั้งเป็นสโมสรแมวไทยขึ้นรัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่าแมวไทยนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น จึงได้พระราชทานแมวไทยไปให้ชาติต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ทำให้ ชื่อเสียงแมวไทยและประเทศไทยแพร่หลายออกไปทั่วโลก (ผศ.ดร.ประภาพร ตั้งธนธานิช,2560)

ภาพที่ 2.1 บาสเต็ทเทพเจ้าแห่งอียิปต์และมัมมี่แมว ที่มา: The Mistress of Magi (2561) 2.1.2 การจำแนกพันธุ์แมวตามลักษณะขน โดยทั่วไปแมวบ้าน (Felis domesticus) แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ • แมวพันธุ์ขนยาว (long haired breeds) เช่น แมวพันธุ์เปอร์เซีย • แมวพันธุ์ขนสั้น (short haired breeds) กลุ่มนี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท กระดูกใหญ่โครงร่างล่ำสัน (large boned and stocky breeds) เช่น แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น และ ประเภทกระดูกเล็กโครงร่างระหง (fine boned and elegant breeds) เช่น แมวสีสวาด A.แมวพันธุ์ขนยาว

ภาพที่ 2.2 แมวพันธุ์ขนยาว (A.) ที่มา: การเลี้ยงดูแมว (2560)

9

B.แมวพันธุ์ขนสั้น กระดูกใหญ่ ล่ำสัน

ภาพที่ 2.3 แมวพันธุ์ขนสั้น กระดูกใหญ่ล่ำสัน (B.) ที่มา: การเลี้ยงดูแมว (2560) C.แมวพันธุ์ขนสั้น กระดูกเล็ก ระหง

ภาพที่ 2.4 แมวพันธุ์ขนสั้น กระดูกเล็กระหง (C.) ที่มา: การเลี้ยงดูแมว (2560)

A.แมวพันธุ์ขนยาวด้านหน้า – ด้านข้าง

ภาพที่ 2.5 แมวพันธุ์ขนยาวด้านหน้า – ด้านข้าง ที่มา: การเลี้ยงดูแมว (2560)

10

B.แมวพันธุ์ขนสั้นกระดูกใหญ่ด้านหน้า – ด้านข้าง

ภาพที่ 2.6 แมวพันธุ์ขนสั้นกระดูกใหญ่ด้านหน้า - ด้านข้าง ที่มา: การเลี้ยงดูแมว (2560) C.แมวพันธุ์ขนสั้นกระดูกเล็กด้านหน้า - ด้านข้าง

ภาพที่ 2.7 แมวพันธุ์ขนสั้นกระดูกเล็กด้านหน้า - ด้านข้าง ที่มา: การเลี้ยงดูแมว (2560) ลักษณะของแมวพันธุ์ขนยาว (A) และแมวพันธุ์ขนสั้นกระดูกใหญ่ ล่ำสัน (B) จะคล้ายกัน คือ ทั้งสองประเภทจะมีโครงสร้างใหญ่ ล่ำสัน หัวกลมโต ตากลมกว้าง สันจมูกสั้นและปลายจมูกรั้นขึ้น หู เล็กแต่ฐานกว้าง และแยกห่างกัน รับกับส่วนหัวที่กลมใหญ่ สำหรับแมวพันธุ์ขนสั้น กระดู กเล็กระหง (C) จะมีรูปร่างเพรียวระหง ลักษณะหัวยาว แคบกว่า แต่หูใหญ่ ลักษณะรายละเอียดของส่วนหัว แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แมวบางพันธุ์เท่านั้นที่ผู้คนนิยมเลี้ ยง และเป็นที่รู้จักกันทั่วไป มีแ มวอีกหลายพันธุ์ที่คนส่วน ใหญ่ไม่รู้จัก และไม่เคยพบเห็น ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะพันธุ์ที่รู้จักกันทั่วไป โดยเฉพาะพันธุ์ที่นิยมเลี้ยง กันทั่วไปในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ แมวพันธุ์ไทย แมวพันธุ์ต่างประเทศขนสั้น และ แมวพันธุ์ต่างประเทศขนยาว (ผศ.ดร.ประภาพร ตั้งธนธานิช,2560)

11

2.1.3 แมวพันธุ์ไทย 2.1.3.1 นิสัยแมวไทย แมวไทยมีนิสัยรักอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรตามใจตัวเอง มักไม่พึ่งพาเจ้าของ เช่น ไป ไหนตามใจตนเอง ไปหากินนอกบ้านได้ ชาวต่างประเทศกล่าวว่า แมวไทยเป็นแมวชนิดเดีย วที่เลี้ยงได้ อย่างเพื่อนจะเลี้ยงอย่างทาสไม่ได้แมวไทยตัวไหนที่ได้รับการกดขี่อย่างทาสเมวนั้นจะไม่อยู่ด้วย มันจะ อยู่กับเจ้าของที่ให้ความรักให้ความเป็นเพื่อนแก่มันเท่านั้น ซึ่งคล้ายกับนิสัยของคนไทย ที่รักความเป็น ไท และรักอิสระเสรี แมวไทยมีความเฉลียวฉลาดและรอบคอบ มันจะเตรียมพร้อมถ้ามันท้อง มันจะเตรียมหาที่ คลอดและที่เลี้ยงลูกเพื่อให้ได้ที่ที่ปลอดภัยที่สุดมันมักไม่ชอบสถานที่ที่เจ้าของเตรียมไว้ให้แมวไทยชอบ คลอดลูกในที่สูง เช่นชั้นหนังสือ ตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก ซอกตู้ บนหลังดา ถ้าแมวไทยไม่พอใจมันจะแสดง อาการปากชื่นให้เห็น และมักแสดงความรู้สึกให้เห็นแสดงว่ามันรู้ภาษาแมวไทยจึงได้รับความชมเชยว่า สวยงามและเฉลียวฉลาดเป็นเลิศหากนำแมวไทยผสมกับแมวต่างประเทศ อาจได้ลูกแมวที่มีสีขนหรือ แต้มสี นัยน์ตาสีฟ้าแบบแมวไทย แต่รูปร่างไม่สง่างามและอุปนิสัยไม่เหมือนแมวไทย 2.1.3.2 ประเภทแมวไทย แมวไทยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ 1) ตระกูลแมวหน้ากาก กลุ่มแมวหน้ากากดำ: มีทั้งหมด 4 คือ แมววิเชียรมาส แมวเบอร์มีส แมวท็องกินีส กลุ่มแมวอมรินทร์: กลุ่มแมวอมรินทร์นั้นแต่เดิมชื่อว่ากลุ่มแมวหน้ากากขาว ต่อมาแมวไทย มอคค่าถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแมววิฬาร์กรุงเทพ ชื่อกลุ่มแมวหน้ากากขาวจึงเปลี่ยนใหม่ให้สอดคล้องกับ แมววิฬาร์กรุงเทพด้วย คือ "กลุ่มแมวอมรรินทร์" มาจากภาษาบาลี อมร+อินทร์ อมร หรือ Amon แปลว่าผู้ไม่ตาย อินทร์ หรือ Intra หมายถึงพระอินทร์ อมร + อินทร์ = อมรินทร์ หมายถึงพระอินทร์ (Amarin) นอกจากนี้พระอินทร์ยังอยู่ใ นตรา สัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานครอีกด้วย คือรูปพระอินทร์ท รงช้างเอราวัณ พระหัถทรงสายฟ้า และ แมวไทยทั้ง 3 ชนิดนี้ยังมีความพิเศษเฉพาะตัวคือ ทั้ง 3 ชนิดมีดวงตาสีใกล้เคียงกันทั้งหมด คือสีฟ้าไล่ ระดับไปจนถึงสีเขียว ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มแมวหน้ากากดำ เราจึงเปลี่ยนชื่อจากกลุ่มแมวหน้ากากขาว เป็นกลุ่มแมวอมรินทร์ สอดคล้องกับทั้ง 3 เรื่องคือ 1. สอดคล้องกับชื่อแมววิฬาร์กรุงเทพ 2. สอดคล้องกับตราสัญลักษณ์กรุงเทพมหานครที่เป็นรูปพระอินทร์ 3. สอดคล้องกับสีตาของแมวใหม่ทั้ง3ชนิด ที่มีดวงตาสีฟ้า-เขียว ชวนให้นึกถึงพระอินทร์ หรือ สายฟ้าของพระอินทร์

12

2) ตระกูลแมวที่มีสีล้วนทั้งตัว แมวศุภลักษณ์ แมวสีสวาด แมวโกญจา ฯลฯ 3) ตระกูลแมวขาวมณี มี 2 สายพันธุ์ 1.สายพันธุ์ตาสีเหลืองอัมพัน 2.สายพันธุ์ตาสีฟ้า ถ้าเอาทั้งสองสายพันธุ์มาผสมกัน จะเกิดเป็นแมวตาสองสี คือข้าง หนึ่งสีเหลือง อีกข้างหนึ่งสีฟ้า 2.1.3.3 การแบ่งชนิดแมวพันธุ์ไทย แมวไทยโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยาตามหลักฐานบันทึกในสมุดข่อยโบราณเกี่ยวกับตำราดู ลักษณะแมวกล่าว ถึงแมวไทย 23 ชนิด แบ่งเป็นแมวลักษณะดีที่ให้คุณ 17 ชนิด และแมวลักษณะร้าย ที่ให้โทษ 6 ชนิด ตามตำราของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุทฺธสรมหาเถระ) ระบุลักษณะของแมวที่ให้ คุณไว้ดังนี้ 1) แมวรัตนกำพล มีสีขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ นัยน์ตาเป็นประกายสีเหลือง เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะมียศถาบรรดาศักดิ์ มีเดชานุภาพ มีคนเกรงกลัว 2) แมววิเชียรมาศ มีสีขาว ส่วนปาก หาง เท้าทั้งสี่ หูทั้งสอง รวม 8 แห่งมีสีดำ นัยน์ตามี ประกายสดใส เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะนำโชคาพิพัฒน์สมบัติเพิ่มพูนมาให้ 3) แมวศุภลักษณ์ หรือทองแดง มีสีทองแดงล้วน นัยน์ตาเป็นประกาย เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะ มียศถามากมาย ได้เป็นอำมาตย์มนตรี 4) แมวเก้าแต้ม มีขนสีขาวและมีแต้มสีดำ 9 แต้ม คือ ทีค่ อ หัว ต้นขาหน้าทั้งสอง ไหล่ทั้งสอง ต้นขาหลังทั้งสอง และที่ท้ายตัว เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะค้าขายได้โภคะ 5) แมวมาเลศ หรือดอกเลา มีขนสีดอกเลาเหมือนเมฆสีเทายามมีเมฆฝน นัยน์ตาหยาดเยิ้ม เหมือนน้ำค้างบนใบบัว เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะนำความสุขสวัสดิ์มงคลมาให้ 6) แมวแซมเศวต มีขนดำแซมขาว ขนบางสั้น รูปร่างเพรียว นัชน์ตาดั่งแสงหิ่งห้อย เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะมีคุณนักหนา 7) แมวนิลรัตน์ มีขนดำสนิท รวมทั้งฟัน นัชน์ตา และเล็บก็มีสีด ำ หางยาวตวัดได้ถึงหัวเชื่อ กันว่า ใครเลี้ยงจะมีคุณอเนก มีทั้งศฤงคาร โภคะ บริบูรณ์เป็นนิตย์ 8) แมววิลาศ มีสีดำตลอดลำตัว ยกเว้นส่วนราวคอ ลงมาถึงใต้ท้อง หูสองข้าง หางและขาทั้งสี่ มีสีขาวเหมือนดอกบัว นัยน์ตาสีเขียว เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะได้เป็นนาขผู้ใหญ่ ได้เลื่อนฐานะมีศฤงคาร โภคะ จะได้ทรัพย์สินมาเนืองๆ 9) แมวนิลจักร มีขนดำสนิทรอบคอมีขนสีขาวโดยรอบ คล้ายกับสวมปลอกคอสีขาว เชื่อกัน ว่า ใครเลี้ยงจะมีทรัพย์สินสมบัติมากมาย 10) แมวมุลิลา มีขนสีดำ 2 ข้างสีขาว นัยน์ตาสีเหลืองคล้ายดอกเบญจมาศ เชื่อกันว่า ผู้เลี้ยง ควรเป็นพระสงฆ์ จะทำให้เล่าเรียนประสบความสำเร็จดังปรารถนา

13

11) แมวกรอบแว่น หรืออานม้า มีสีขาว แต่ มีขนสีดำตรงกลางหลังคล้ายอานม้า และรอบ ดวงตาทั้งสองข้าง มีสีดำคล้ำายกรอบแว่นตา เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะนำเกียรติยศมาให้ 12) แมวปัดเศวต หรือปัดตลอด มีสีดำตั้งแต่ปลายจมูกมาจดปลายทางมีริ้วขาว นัยน์ตาเป็น ประกายพลอยสีเหลือง เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะได้ดี มีความเจริญยิ่งกว่ายาติพี่น้องในตระกูลเดียวกันจะ มียศถาบรรดาศักดิ์สูง จะมั่งคั่งสมบูรณ์ตลอดกาล 13) แมวกระจอก มีสีดำ ตัวกลม มีลายขาวเหมือนเมฆที่รอบปาก นัยน์ตาสีเหลือง เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะได้ที่ดินไร่นา ได้ทรัพย์สินสมบัติ ถ้าเป็นไพร่ก็จะได้เป็นนาย 14) แมวสิงหเสพย์มีสีดำ ริมฝีปาก จมูก และรอบคอมีสีขาว นั ยน์ตาเป็นประกายสีเหลือง เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะเกิดผล ทรัพย์สินสมบัติมากมี 15) แมวการเวก มีสีดำ จมูกขาวราวกับเขียนไว้ นัยน์ตาเป้นประกายสีทอง เชื่อกันว่า ใคร เลี้ยงจะได้ยศถาบรรดาศักดิ์ภายใน 7 เดือน จะได้ลากเป็นจำนวนมาก 16) เเมวจตุบท มีสีดำ เท้าทั้งสี่มีสีขาว นั ยน์ตาสีเหลืองเหมือนดอกโสน เชื่อกันว่า ผู้ที่ถือ กำเนิดในราชนิกุลเท่านั้นจึงสมควรเลี้ยงแมวลักษณะนี้ และจะให้คุณแก่ผู้เลี้ยง 17) แมวโกนจา มีสีดำ ขนละเอียด นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม หางเรียว ท่าทางเดินสง่า เหมือนสิงโต เชื่อกันว่า ใครเลี้ยงจะมีคุณนักหนา เเมวทั้ง 17 ชนิดนี้ ควรเลี้ยงไว้เพราะเป็นแมวให้คุณ ดังภาพแสดงรูปวาดแมวไทยโบราณที่ให้ คุณตามตำราดูลกษณะแมวของสมเด็จพระพุทธาจารย์ (พุทธสรมหาเถระ)

14

ตารางที่ 2.1 แสดงรูปวาดแมวไทยโบราณที่ให้คุณตามตำราดูลกษณะแมวของสมเด็จพระ พุฒาจารย์

แมวรัตนกำพล

แมววิเชียรมาศ

แมวศุภลักษณ์

แมวเก้าแต้ม

แมวโคราช

แมวแซมเศวต

แมวนิลรัตน์

แมววิลาศ

แมวนิลจักร

แมวมุลิลา

แมวกรอบแว่น

แมวปัศเวต

แมวกระจอก

แมวสิงหเสพย์

แมวการเวก

แมวโกนจา เเมวจตุบท ที่มา: ตำราดูลกั ษณะแมวของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (2500)

15

สำหรับตำราลักษณะแมวให้โทษ กำหนดไว้ 6 ชนิด ดังนี้ 1) แมวกอบเพลิง เป็นแมวที่มักหลบซ่อนกายอยู่ในยุ้งข้าว พอเห็นคนเดินมารีบวิ่งหนี ถ้าเลี้ยง ไว้จะให้โทษ 2) แมวพรรณพยัคฆ์ หรือลายเสือ มีลายเหมือนเสือ ขนสีเหมือนชุบเกลือกับแกลบ นัยน์ตา และหูสีคล้ำ เสียงร้องเหมือนผีโป้งร้องเรียกกันในป่า 3) แมวปีศาจเป็นแมวที่ออกลูกมาแล้วกินลูกหมด หางขดเหมือนงูดิน ขนสากไม่เรียบ ตัวผอม หนังยาน 4) แมวหินโทษ เป็นแมวที่ลูกตายตั้งแต่อยู่ในท้อง มักนำภัยพิบัติมาสู่บ้าน 5) แมวทุพพลเพศ มีสีขาว นัยน์ตาสีแดงเหมือนทาด้วยโลหิ ต กลางคืนชอบขโมยปลาไปกิน เป็นแมวให้โทษทำให้ทุกข์ร้อน 6) แมวเหน็บเสนียด เหมือนด่างหางขดงอซ่อนไว้ใต้ก้น รูปร่างพิกลพิการ เป็นแมวให้ โทษ จะทำให้เสื่อมความเจริญ ตารางที่ 2.2 แสดงรูปวาดแมวไทยโบราณที่ ให้โทษตามตำราดูลกษณะแมวของสมเด็ จ พระพุฒาจารย์

แมวกอบเพลิง

แมวพรรณพยัคฆ์

แมวปีศาจ

แมวหินโทษ แมวทุพพลเพศ แมวเหน็บเสนียด ที่มา: ตำราดูลกั ษณะแมวของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (2500) 2.1.3.4 แมวไทยในต่างประเทศ จากประวัติความเป็นมาของแมวไทยที่แพร่หลายไปในต่างประเทศคือแมววิเชียรมาศ ซึ่งสี ขาวและมีสีเข้ม เช่น ดำ ที่บริเวณ ปาก หาง เท้าทั้งสี่ และหูทั้งสอง จึงทำให้ชาวต่างประเทศจัดแบ่ง แมวไทย ตามลักษณะสี ความเข้มของสีขน และแต้มสีที่แตกต่างกัน เป็น 8 ชนิด ดังนี้ 1) Blue pointed ขนลำตัวสีดอกเลา แต้มสีฟ้าหม่น 2) Chocolate pointed ขนลำตัวสีครีมหรือสีงาช้าง แต้มสีช็อกโกแลตอ่อนหรือสีน้ำตาล 3) Lilac pointed (หรือ Frost pointed) ขนลำตัวสีขาว แต้มสีกลีบบัวสีน้ำเงิน หรือสีม่วง 4) Red pointed ขนลำตัวสีขาว แต้มสีแดง

16

5) Seal pointed ขนลำตัวสีนวล แต้มสีน้ำตาลไหม้หรือสีครั่ง 6) White Siamese cat ขนลำตัวสีขาวบริสุทธิ์ ตาสีฟ้า 7) Korat (หรือ Sisawat) ขนลำตัวสีดอกเลา 8) Copper (หรือ Burmese cat) ลำตัวสีทองแดง 2.1.3.5 แมวไทยพันธุ์แท้ ปัจจุบันพันธุ์แมวไทยพันธุ์แท้ที่ยังเหลืออยู่ และนิยมเลี้ยงกัน มี 5ชนิด ดังนี้ 1) แมววิเชียรมาศ (Siamese cat) 2) แมวโคราชหรือแมวมาเลศ (Korat) 3) แมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดง (Burmese cat) 4) แมวขาวมณีหรือแมวขาวปลอด 5) แมวโกญจา 1) แมววิเชียรมาศ สมัยโบราณมีความเชื่อกันว่า แมววิเชียรมาศ เป็นแมวที่เลี้ยงกันเฉพาะใน วังหรือตามบ้านเจ้าขุนมูลนายเท่านั้ น และคนในสมัยโบราณยังเชื่อกันอีกว่าถ้าใครสามารถเลี้ยงแมว วิเชียรมาศไว้จะนำโชคลาภมาให้ประสบความสำเร็จและความก้าวหน้าในกิจการงาน แมววิเชียรมาศ เป็นแมวพันธุ์แรกที่คนต่างชาติรู้จัก และเป็นแมวพันธุ์ไทยแท้ที่แพร่หลายไปสู่ต่างประเทศ ชาว ต่างประเทศได้ทำการตั้งชื่อเรียกให้แมววิเชียรมาศว่า ไซแอมมีส แคท (SIAMESE CAT) จนกระทั่งได้ จัดตั้งเป็นสโมสรแมวไทยที่มีชื่อว่า The Siamese Cat Club เมื่อปี พ.ศ. 2443

ภาพที่ 2.8 แมววิเชียรมาศ ที่มา: muriel Prieto (2564)

17

2) แมวสีสวาดหรือแมวโคราช แมวสีสวาดหรือแมวโคราช ในตำราแมวไทยจะมีถิ่นกำเนิดที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ในสมัยโบราณจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า แมว “มาเลส” หรือ “แมวดอกเลา” เพราะว่าแมวพันธุ์นี้มีขนสีเหมือนดอกเลาซึ่งเป็นดอกไม้ป่าชนิดหนึ่ง แมวสีสวาดเป็นแมวพันธุ์ดั้งเดิม ของไทย ซึ่งชาวโคราชให้ความสำคัญมาก แมวสีสวาดหรือแมวโคราชนี้ได้รับการเผยแพร่ไปสู่ต่างประเทศโดย นางยีน จอห์นสัน (Mrs. Jean Johnson) ได้ติดตามสามีมาทำงานที่ประเทศไทย และได้นำแมวสีสวาดหรือแมวโคราชกลับไป เลี้ยงที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2502 ต่อมาได้แพร่หลายไปหลายประเทศจนถึง อังกฤษ แคนนาดา ฝรั่งเศส และแอฟริกาใต้ ได้มีการจัดตั้งสมาคม ผู้นิยมแมวสีสวาดหรือแมวโคราชใน สหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2508 แมวสีสวาดเคยชนะการประกวดชนะเลิศระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียมีชื่อว่า สุนัน และตั้งแต่นั้นมาทำให้ชาวต่างประเทศนิยมเลี้ยง กันมาก จึงนับได้ว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย

ภาพที่ 2.9 แมวสีสวาดหรือแมวโคราช ที่มา: ชุมชนคนรักแมว (2564) 3) แมวขาวมณีหรือแมวขาวปลอด ลักษณะเด่นของขาวมณีคือสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็น ทรง สามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตา เป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีน ด้อยในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัด หรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพัน มักมีต่อมขนที่ไม่ดี

18

ภาพที่ 2.10 แมวขาวมณี ที่มา: ชุมชนคนรักแมว (2564) 4) แมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดง แมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดงในปัจจุบันเป็นแมวที่หา ได้ยากมากในการประกวดแต่ละครั้งมีจ ำนวนน้อยมากและเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศ ตามตำรา สมัยโบราณมีความเชื่อกันว่า “ถ้าใครเลี้ยงไว้จะได้ยศถายิ่งพรรณนาเป็นอำมาตย์มนตรี” ในปัจจุบันนี้ แมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดงนั้นหาได้ ยากถ้าหากใครพบเห็นหรือรับเลี้ยงไว้จะดีเพราะเป็นแมวที่มี คุณค่า

ภาพที่ 2.11 แมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดง ที่มา: ชุมชนคนรักแมว (2564) ลักษณะของแมวศุภลักษณ์ มีรูปร่างขนาดกลาง น้ำหนักตัวพอประมาณ มีสีตัวเป็นสีทองแดง หรือ สีน้ำตาลเข้มทั่วตัว และอาจมีสีเข้มเป็นพิเศษในตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาศ แข้งขาเรียว ฝ่า เท้าอวบ ศีรษะมีลักษณะค่อนข้างกลม สีตาออกสีเหลือง หรือสีอำพัน หนวดของมันก็มีสีเหมือน ลวดทองแดง บริเวณที่มีสีเข้มกว่าปกติคือ ตรงหน้า ปลายหู ปลายขา และหาง (petsocietythailand, 2564)

19

5) แมวโกญจา แมวโกญจา หรืออีกชื่อเรียกว่า แมวดำปลอด บางคนเรียกว่า ดำมงคล มี ลักษณะสีดำทั้งตัว มีดวงตาสีเหลืองอำพัน เหมือนสีดอกบวบแรกแย้มหรือสีเหลืองนั้นเอง ปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจผิดเรียกแมวโกญจาว่า แมวนิลรัตน์ เพราะว่ามีสีดำคล้ายกับแมวนิลรัตน์ ลักษณะ ของแมวโกญจาจะต้องมีดำหมดทั้งตัว ซึ่งจะถือว่าเป็นแมวที่หาได้ยากกว่าทุกสายพันธุ์ ราคาไม่แพงแต่ ไม่เป็นที่นิยม แมวพันธุ์นี้คนส่วนใหญ่จะเรียกแมวดำนี้ว่าแมวผี ตามตำราโบราณเชื่อกันว่า “แมวนี้ถ้า เลี้ยงดีจะมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาอย่าแคลงสงสัย” ลักษณะท่าทาง จะสง่างามเหมือนสิงโตเป็นที่ น่าเกรงขาม แมวโกญจาดูตามความหมายแล้วจะแปลว่า นกกระเรียน และอีกความหมายถึงแปลว่า เสียงดังกึกก้องกังวาล (ผศ.ดร.ประภาพร ตั้งธนธานิช,2560)

ภาพที่ 2.12 แมวโกญจา ที่มา: ชุมชนคนรักแมว (2564)

20

แมวไทยในตำราโบราณนั้นจะมี 23 ชนิด แต่ในต่างประเทศได้ท ำการแจกแจงแมวไทยตาม ลักษณะสีความเข้มอ่อนของสีขนและแต้มสีที่มีลักษณะสีแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ตารางที่ 2.3 ลักษณะสีของแมวไทย ชื่อสายพันธุ์แมว 1. บลูพอยต์ (Blue Pointed) 2. ช็อกโกแลตพอยต์ (Chocolate Pointed) 3. ไลแล็กพอยต์ (Lilac Pointed)

4. เรดพอยต์ (Red Pointed) 5. ซีลพอยต์ (Seal Pointed)

ลักษณะเด่นของแมว แต้มสีฟ้าหม่น ขนลำตัวสีดอกเลา แต้มสีช็อกโกแลตอ่อนหรือสีน้ ำตาลขนที่ลำตัวสี ครีมหรืองาช้าง แต้มด้วยสีกลีบบัวหรือแต้มสีม่วง (สีม่วงเรื่อๆ ปนสีน้ำเงินอมฟ้า) ขนของลำตัวจะมีสีขาว ใน ประเทษอั ง กฤษเรี ย กว่ า ไลแล็ ก พอยต์ ส่ ว น ประเทศอเมริ ก า จะเรี ย ก “ฟรอสต์ พ อยต์ ” (Frost Pointed) แต้มสีแดง ขนของลำตัวสีขาว แต้มด้วยสีน้ำตาลไหม้หรือแต้มครั่ง ขนลำตัวสี นวล ลำตัวมีสีขาวบริสุทธิ์ นัยน์ตาสีฟ้า ลำตัวออกสีดอกเลา ลำตัวสีทองแดง

6. ไวท์ ไซแอมมีสแคต (White Siamese Cat) 7. โคราช หรือ สีสวาด (Korat Or Sisawat) 8. คอปเปอร์ (Copper) หรือ แมวพม่า (Burmese Cat) ที่มา: การศึกษาแมวไทยเพื่อออกแบบคาแรคเตอร์เกม (2560)

2.1.4 แมวไทยสายพันธุ์ใหม่ 1) แมวศุภโชค (เบอร์มิส) แมวไทยเบอร์มีส เป็นแมวขนาดปานกลาง ขนสีนำ้ ตาลไหม้คล้าย สีทองแดง มีสีเข้มที่ส่วนต่างๆ 9 ตำแหน่ง คือ ใบหู 2 ข้าง ปลายเท้าทั้ง 4 ข้าง หางเข้มตลอดต้นจรด ปลาย 1 ที่ จมูกและหน้าผาก อวัยวะเพศ ศีรษะค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดและขนในใบหูต้องมีสี น้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของลำตัว หางยาวปานกลางมีลักษณะเรียวและเหยียดตรง ขายาวเรียว มีอุ้ง เท้ า อวบค่ อ นข้ า งกลม ดวงตาสี เ หลื อ งดอกบวบเป็ น ประกาย มองดู ด ุ ร ้ า ย เป็ น แมวที ่ ม ี ค วาม กระตือรือร้นอยู่เสมอ ชอบผจญภัย สนใจสิ่งต่างๆรอบตัว รักอิสระเหนือสิ่งใด (บ้านและสวน, 2565)

21

ภาพที่ 2.13 แมวศุภโชคหรือแมวเบอร์มิส ที่มา: ชุมชนคนรักแมว (2564) 2) แมวท็องกินีส Tonkinese Cat แมวพันธุ์ ไทยท็องกินีส เป็นแมวที่เกิดจากการผสมข้าม สายพันธุ์ระหว่างแมวพันธุ์วิเชียรมาศ (Siamese cat) กับแมวพันธุ์เบอร์มีส (Burmese cat) ที่มีต้น กำเนิดมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) แมวพันธุ์ ไทยท็องกินีส เป็นแมวขนาดกลาง โดยหัวมีลักษณะกลม มีความยาวมากกว่าความ กว้าง, มีโหนกแก้มสูง , ปากทู่ มีความยาวเท่ากับความกว้าง,หนวดบาง โค้งงอ, ตา เป็นรูปทรงอัล มอนด์ (Almond shaped) มีขนาดเหมาะสมกับใบหน้า, หูมีขนาดปานกลาง กลม ฐานหูกว้าง มีขน สั้นบริเวณหู, ลำตัวยาว เป็นกล้ามเนื้อแน่น, หางเรียวยาว ขนเรียบ นุ่มคล้ายเส้นไหม ยาวปานกลาง ขนเงาและมันวาว โดยสีขนสามารถพบได้หลากหลายสีมีมากกว่า 12 สี ซึ่งทุกสีจะต้องมีสีพื้นฐานเป็น ส่วนประกอบ ได้แก่ สีน้ำตาล, สีเบจ หรือสีอ่อนซีด, สีฟ้า, หรือสีแพลตตินั่ม (บ้านและสวน, 2565)

ภาพที่ 2.14 แมวท็องกินีส ที่มา: TIMBA (2564)

22

3) แมวกลีบบัว แมวสายพันธุ์ใหม่ของไทยที่หายากกว่าแมวศุภลักษณ์ มีสีเทาอมชมพู ฝรั่ง เรียก Thai Lilacความพิเศษของแมว Thai Lilac คือมีขนสีเทาอมชมพูและหายากกว่าแมวศุภลักษณ์ กว่าเท่าตัว ในประเทศไทยตอนนี้คาดว่ายังมีไม่ถึง 10 ตัว นับเป็นแมวไทยที่หายากที่สุดในประเทศไทย ในตอนนี้สาเหตุที่แมว Thai Lilac หายากนั้นไม่ใช่เพราะว่ามันใกล้สูญพันธุ์แต่อย่างใด แต่ด้วยเพราะ ยีนส์สีขนของมันต่างหาก คือมีทั้งยีนส์สีช็อกโกแล็ต (b) และยีนส์กดสีให้อ่อน (d) ซึ่งการที่ยีนส์ทั้ง2ตัว นี้จะมาอยู่รวมกันได้นั้นแทบไม่มีโอกาศในธรรมชาติเลยด้วยซ้ำ แมว Thai Lilac มันมีทั้งยีนส์สีขนแบบแมวศุภลักษณ์และยีนส์กดสีแบบแมวสีสวาด ซึ่งมันหา ยากมากที่ยีนส์ของ 2 ชนิดนี้จะมารวมอยู่ในตั วเดียวกัน และไม่สามารถจะเรียกแมวชนิดนี้ว่าแมว โคราชไลแล็ค หรือแมวศุภลักษณ์ไลแล็คได้อีกด้วย เพราะว่า Genetic มันเหมือนกันมาก จึงทำให้เรา ไม่สามารถจำแนกได้ว่าแมว Thai Lilac คือชนิดไหน แมวที่มีสีล้วนทั้งตัวจะมีเพียงสีละชนิด (แมว สยาม, 2563)

ภาพที่ 2.15 แมวกลีบบัว ที่มา: แมวสยาม (2563) 4) แมวไทยมอคค่าหรือวิฬาร์กรุงเทพ แมวไทยมอคค่า (Thai Mocha cat) ชื่ออย่างไม่เป็น ทางการ เป็นแมวไทยชนิดใหม่ที่พึ่งค้นพบในปี 2558 แมวไทยมอคค่าตัวแรกไปตรวจทีสหรัฐอเมริกา ผลปรากฎว่า การตรวจรอบแรกได้ผลออกมาเป็นพันธุกรรมของแมวดำโกนจา โค้ดยีนส์ทุกอย่าง ออกมาแบบนั้นตามเอกสารที่ได้รับ เจ้าของแมวไทยไทยจึงตีกลับไปว่าแมวนี้ไม่ใช่แมวดำโกนจา แต่ เป็นแมวอีกลักษณะหนึ่ง แต่ทางแล็ปต่างประเทศก็ยืนยันวาผลตรวจออกมาเป็น CC BB DD จริงๆ คือ แมวดำโกนจา หาแมวชนิดนี้ ไ ด้ ย ากมาก แมวทุกตัว นั้ น ได้ม าจากแมวจรและแมวหาบ้า นสะส่ว นใหญ่ ข้อกำหนดมาตราฐานของแมวชนิดนี้ยังไม่แน่ชัดนัก เพราะจำนวนที่มีน้อยและในทางวิทยาศาสตร์ก็ยัง ตรวจสอบไม่ได้ จึงไม่มีข้อกำหนดตายตัวใดๆเลยของแมวชนิ ดนี้ ลักษณะคร่าวๆที่เราพอจะสังเกตุกัน ได้มีดังนี้ แมวมีดวงตาโทนสีฟ้า หรือสีฟ้าอมเขียว หรือสีเขียวอมเหลือง ขนมีสีน้ำตาลทองปลายจมูกมี

23

สีชมพู แต่สันจมูกนั้นมีสีเข้มคล้ายแมวใส่หน้ากากมี point ทั้ง 9 แห่งแบบอ่อนๆ จางๆ และมีสีที่ซีด เป็นแต้ม 9 แห่งแบบแมววิเชียรมาศ รอบดวงตาเป็นวง มีสีซีดคล้ายแมวใส่แว่น อุ้งเท้าสีชมพู

ภาพที่ 2.16 แมวไทยมอคค่าหรือวิฬาร์กรุงเทพ ที่มา: แมวสยาม (2563) 2.1.5 แมวพันธุ์ต่างประเทศ ลักษณะที่ใช้ในการพิจารณาสายพันธุ์แมวนั้น นอกจากการดูลักษณะมาตรฐานตามสายพันธุ์ แล้ว ในแมวพันธุ์ต่างประเทศจะพิจารณาละเอียดลงไปอีก โดยดูจากลักษณะตาและขน 2.1.5.1 ลักษณะตา 1.) รูปร่างของตา ซึ่งแบ่งเป็น 3 แบบ คือ - almond shape - slanted shape - round shape 2.) สีของนัยน์ตา มีความหลากหลาย โดยปกติตาดำของแมว หรือรูม่านตา (pupil) จะมี รูปร่างเป็นรูปไข่หรือแนวตั้ง (elliptic or vertical) แต่ในส่วนของม่านตาจะเป็นสีต่างๆโดยปกติสีตา 2 ข้างจะเหมือนกัน

ภาพที่ 2.17 แสดงรูปร่างเปรียบเทียบตาแมว 3 แบบ ที่มา: วิชาการเลี้ยงดูแมว (2560)

24

2.1.5.2 ลักษณะขน 1) ขนของแมวแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ - top coat หรือ guard hairs - bristly awn hairs - undercoat หรือ down hairs 2) สีของเส้นขน เส้นขนแต่ละเส้นของแมวพันธุ์ต่างๆ จะมีแถบสีแตกต่างกัน ซึ่งแบ่งเป็น 5 ประเภทคือ A. Ticked B. Smoke C. Shade D. Shell E. untipped

ภาพที่ 2.18 สีของเส้นขนทัง้ 5 แบบ ที่มา: วิชาการเลี้ยงดูแมว (2560) 2.1.5.3 แมวพันธุ์ขนสั้น แมวต่างประเทศพันธุ์ขนสั้น ได้แก่ 1) แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น American Shorthair 2) แมวพันธุ์สก๊อตติชโฟลด์ Scottish Fold 3) แมวพันธุ์อบิสซีเนียน Abyssinian 4) แมวพันธุ์เจแปนนิสบ๊อบเทล Japanese Bobtail 5) แมวพันธุ์รัสเซียนบลู Russian Blue 6) แมวพันธุ์อียิปต์เทียนเมียว Egyptian Mau 7) แมวพันธุ์ตองกินเนส Tonkinese 8) แมวพันธุ์สฟิงซ์ Sphinx 9) แมวพันธุ์เบงกอล Felis Bengalensis

25

10) แมวพันธุ์มันช์กิ้น Munchkin 11) แมวพันธุ์เดวอน เร็กซ์ Devon Rex 12) แมวพันธุ์คอร์นิชเรกซ์ Cornish Rex 13) แมวพันธุ์ซาวันน่าห์ Savanna 14) แมวพันธุ์โอเรียนทัล Oriental 15) แมวพันธุ์ฮาวานาบราวน์ Havana Brown 16) แมวพันธุ์พิกซี่บ็อบ Pixie Bob 17) แมวพันธุ์สโนว์ชู Snowshoe 18) แมวพันธุ์เบอร์มิลลา Burmilla 19) แมวพันธุ์ทอยเกอร์ Toyger 20) แมวพันธุ์อ็อกซี่แคท Ocicat 21) แมวพันธุ์บอมเบย์ Bombay 22) แมวพันธุ์ชอซี Felis chaus 23) แมวพันธุ์ดอนสกอย Donskoy 1) แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น American Shorthair แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น เป็นแมวขนาด ปานกลาง มีรูปร่างล่ำสันบึกบึน ขนสั้นหนาและหยาบ ใบหน้ากลม หัวโต ตามีหลายสี เช่น สีฟ้า สี น้ำตาล สีเขียว หรือสีเหลืองอำพัน ตีนใหญ่ขาและหางยาว เเมวพันธุ์นี้มีความหลากหลายของสีขนและ ลายมากมาย เป็นแมวคู่บ้านคู่เมืองของชาวอเมริกันชาวอเมริ กันที่ลงเรืออพยพจากยุโรปมาตั้งรกราก ในทวีปอเมริกายุคแรก ได้พาแมวพันธุ์ นี้ลงเรือมาด้วย ช่วยล่าหนูในเรือ เป็นการกำจัดพาหะของโรค และกำจัดตัวขโมยอาหารในเรือด้วย แมวพันธุ์นี้จึงเป็นเพื่อนของพวกอพยพชาวอเมริกัน

ภาพที่ 2.19 American Shorthair ที่มา: แมว (2563)

26

2) แมวพันธุ์สก๊อตติชโฟลด์ Scottish Fold แมวพันธุ์สก๊อตติชโฟลด์หรือแมวสก๊อตติชหู หลุบ เป็นแมวขนาดปานกลาง รูปร่างป้อม มน คอสั้น หัวกลม หน้ค่อนข้างสั้น ตากลมโต หูที่ปกคลุม มาทางด้านหน้มีปลายมนกลม ขนของแมวพันธุ์นี้มีทั้งสั้นและยาว แต่ขนค่อนข้างหนา ขนมีทุกสี ยกเว้น สีช็อกโกแลตที่เป็นดวงหรือจุด แมวพันธุ์นี้ชอบอยู่กับคน คอยเคล้าคลอเคลียกับคน สามารถ ปรับตัวเข้ากับสังคมมนุษย์ได้ดี เพราะใบหูพับลงมาทางด้านหน้ าทั้งสองข้างทำให้แมวพันธุ์นี้หน้ า แปลกพิสดาร แมวพันธุ์นี้เพิ่งเกิดในประเทศสก็อตแลนด์ เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1961

ภาพที่ 2.20 Scottish Fold ที่มา: แมว (2563) 3) แมวพั น ธุ์ อ บิ ส ซี เ นี ย น Abyssinian แมวอบิ ส ซี เ นี ย น เป็ น แมวขนสั ้ น รู ป ร่ า งเล็ ก สะโอดสะอง อ้อนแอ้น หางยาวและเรียวเล็กหัวยาวแหลมกว่าแมวไทย หูใหญ่ปลายเหลม ตาใหญ่สี เขียว เหลือง หรือน้ำตาลแดง ขนสั้นละเอียดเป็นลายกระรอก ลำตัวสีน้ำตาลสด หรือน้ำตาลอมแดง อุ้งเท้าเล็กรูปไข่ นิสัย รักเจ้าของไม่ชอบถูกกักขังหรือกักบริเวณ ถ้ามีแถบหรือแต้มถือเป็นลักษณะด้อย แต่ถ้าเป็นเส้นสีเข้มตามแนวกระดูกสันหลังไม่ถือว่าเป็นลักษณะด้อยแมวอบิสซีเนียน มีถิ่นกำเนิดใน ประเทศอียิปต์ เชื่อกันว่าเป็นแมวเลี้ยงพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด

ภาพที่ 2.21 Abyssinian ที่มา: Smallanimalsforpets (2563)

27

4) แมวพันธุ์เจแปนนิสบ๊อบเทล Japanese Bobtail แมวพันธุ์เจแปนนิสบ๊อบเทล มีรูปร่าง ขนาดกลาง ลำตัวยาว มีกล้ามเนื้อสวยงาม หัวยาวได้รูปทรงเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า โหนกแก้มสูง จมูกยาว ตารูปไข่ขนาดใหญ่ กว้างและตื่นตัวอยู่เสมอ ขาหลังยาวกว่าขาหน้า ขณะยืนขาหลังจะงอ ขา หน้าและไหล่ตรง หางยาวประมาณ 2-3 นิ้ว หางแข็งแกร่ง เมื่อแมวนอนมันจะม้ วนหางติดกับลำตัว แต่เมื่อมันเดินทางจะตั้งตรง ขนนุ่มคล้ายไหม สีลำตัวมี 3 สี คือ ดำ แดง และขาว หรือ 2 สี คือ ดำ และขาว หรือ แดงและขาว ซึ่งสีที่นิยมคือแดง และขาว นิสัยน่ารัก ฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว ชอบอยู่กับหมู่ และพวกพ้อง ตัวเมียจะเป็นแม่แมวที่ดีมากแมวพันธุ์เจแปนนิสบ๊อบเทลมีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นมา นานร่วมร้อยปีแล้ว มีหลักฐานเป็นภาพวาดหรือรูปแกะสลักทั้งที่เป็นวั ตถุโบราณและภาพปัจจุบัน ภาพแมวนางกวักมิเกะ (Mike) ที่ยกอุ้งเท้าขึ้น เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ความร่ำรวย แมวพันธุ์นี้ มีลักษณะหางที่แปลก เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนส์ จากแมวที่มาจากเมืองจีนเมื่อประมาณ 1000 ปีมาแล้ว เผยแพร่ไปในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1968 แมวพันธุ์นี้ถูกนำไปสู่สหรัฐอเมริกาโดยนาง Judy Crawford ชาวอเมริกันที่เคยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น

ภาพที่ 2.22 Japanese Bobtail ที่มา: Smallanimalsforpets (2563) 5) แมวพันธุ์รัสเซียนบลู Russian Blue แมวรัสเซียนบลูมีถิ่นกำเนิดในประเทศรัสเชีย และ แพร่หลายไปในประเทศฝั่งตะวันตกโดยพระเจ้าซาร์ได้พระราชทานแมวพันธุ์นี้ให้แก่นั กการเมืองชาว อังกฤษ แมวรัสเซียนบลูรูปร่างสง่างาม ลำตัวยาว หัวสั้นรูปลิ่ม ทูใหญ่กว้างชี้ตั้งตรง ตารูปผลอัลมอนด์ สีเขียวสดไส จมูกและอุ้งเท้าสีเดียวกับลำตัว ขนสั้นหนานุ่มคล้ายกำมะหยี่ ลำตัวสีฟ้า - เงินตลอดลำตัว นิสัยอ่อนน้อม สอนง่าย สุภาพ น่ารัก

28

ภาพที่ 2.23 Russian Blue ที่มา: Smallanimalsforpets (2563) 6) แมวพั น ธุ์ อี ย ิ ป ต์ เ ทีย นเมี ย ว Egyptian Mau แมวอี ยิป ต์ เ ทีย นเมี ยว มีถิ่นกำเนิ ด ใน ประเทศอียิปต์ แต่ได้รับการพัฒนาพั นธุ์ในทวีปอเมริกาเหนือ รูปร่างขนาดปานกลาง ลำตัวและคอมี มัดกล้ามเนื้อ หัวรูปลิ่มค่อนข้างกลม หน้าผากกว้างมีแต้มรูปตัว M ตรงหน้าผาก หูใหญ่ ตาสีเขียว มี เส้นมาสการ่าขยายออกจากมุมหัวตามาเชื่อมต่อกับเส้นที่เริ่มจากจุดศูนย์กลางของแก้ม โคนหางหนา เรียวไปตามยาว ความยาวของหางเท่ากับ ความยาวของลำตัว เล็บเท้าด้านหลังยาวขนหนาแน่ น ละเอียดคล้ายเส้นไหม มีแต้มสีดำทั่วร่า งกาย มี 3 สี คือ เงิน บรอนซ์ และควันบุห รี่ นิส ัยร่าเริง กระฉับกระเฉง

ภาพที่ 2.24 Egyptian Mau ที่มา: Smallanimalsforpets (2563) 7) แมวพันธุ์ตองกินเนส Tonkinese แมวตองกินเนสมีถิ่นกำเนิดในประเทศพม่า มีบรรพ บุรุษมาจากแมวพม่ากับแมวไทย ผสมขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแมวขนาดกลาง หัวกลมนูนตรง กลาง หน้าผากรูปสี่เหลี่ยม ปลายหางเรียวเล็ก ตาเรียวแหลมสีน้ำเงินแกมเขียวขนคล้ายขนพังพอน สี

29

ลำตัวมีหลายสี เช่น ช็อกโกแลต น้ำตาล น้ำเงินแกมเทา นิสัยกระฉับกระเฉง น่ารัก ไม่ ชอบทำความ สะอาด

ภาพที่ 2.25 Tonkinese ที่มา: vetstreet (2563) 8) แมวพันธุ์สฟิงซ์ Sphinx แมวสฟิงซ์มีถิ่นกำเนิดในประเทศแคนาดาเป็นแมวที่ไม่น่ามอง เหมือนแมวพันธุ์อื่นๆเพราะเป็นแมวที่ไม่มีขน (สมาคมผู้เลี้ยงแมวยังไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ เพราะเชื่อว่า ไม่เป็นลักษณะเฉพาะ แต่เกิดจากการกลายพันธุ์ และการที่แมวไม่มีขนทำให้เปราะบางต่อความหนาว เย็นและอากาศร้อน อาจเกิดอันตรายต่อแมวได้) แมวพันธุ์นี้ลักษณะลำตัวยาว หางยาวเรียว ปลาย หางมีขนยาวปกคลุม ขายาวปานกลาง หัวลักษณะคล้ายลิ่ม หูเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายหูกลม ลำตัวสี น้ำตาลขาว หรือดำขาว พื้นท้องเป็นแถบขาวยาวตลอดลำตัวตั้งแต่ปาก ซึ่งเป็น ลักษณะเฉพาะไม่ เหมือนแมวพันธุ์อื่น ตาสีอำพัน นิสัยรักเจ้าของ

ภาพที่ 2.26 Sphinx ที่มา: vetstreet (2563) 9) แมวพันธุ์เบงกอล Felis Bengalensis ชื่อของแมวเบงกอลมาจาก Felis Bengalensis ซึ่งเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวดาว ในภาษาลาติน ถือเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นกำเนิดจากการผสม ข้ามพันธุ์ของแมวดาวเอเชียกับแมวพื้นเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อรักษาความคล้ายคลึงทาง

30

กายภาพที่แข็งแกร่งของแมวบรรพบุรุษที่เป็นแมวป่า และเพื่อให้ได้สายพันธุ์แมวที่เหมาะสำหรับการ เลี้ยงในครอบครัว แมวเบงกอลมีลักษณะภายนอกคล้ายแมวป่า แข็งแรง สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจน มี ความสมดุลของกล้ามเนื้อและขนาดตัว แมวเบงกอลมีขากรรไกรที่แข็งแรง มีจุดสังเกตเป็นสีเข้ม บริเวณรอบดวงตา มีหูขนาดเล็ก แต่มีความกลมมนที่ส่วนปลายหู ขนสั้นถึงปานกลาง ผิวสัมผัสมีความ แน่นและเรียบ นอกจากนี้ยังมีสีของขนที่เป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ไม่เหมือนกับ แมวชนิดอื่น คือ มี ลายจุด, ลายคล้ายดอกกุหลาบ, ลายลูกศร หรือ ลายหินอ่อน ซึ่งจุดส่วนใหญ่จะปรากฎในรูปแบบสุ่ม หรือวางตัวในแนวนอนตามลำตัว

ภาพที่ 2.27 Felis Bengalensis ที่มา: chimlang (2563) 10) แมวพันธุ์มันช์กิ้น Munchkin แมวพันธุ์ มันช์กิ้น (Munchkin) หลายท่านคง คิดว่า พวกมันเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ด้วยรูปร่างที่แปลกตา แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันมี ประวัติที่ยาวนานกว่านั้นมาก นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1944 ในประเทศอังกฤษ ปรากฏหลักฐานว่า สัตวแพทย์ชาวอังกฤษคนหนึ่งมีความสนใจพันธุกรรมของพวกมัน จึงหาว่าเหตุใดพวกมันถึงมี ขาสั้น แต่การศึกษาก็ต้องยุติลงเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แมวมันช์กิ้นเป็นแมวขนาดกลางถึงขนาดเล็ก ใบหน้ามีส่วนคล้ายคลึงแมวสายพันธุ์ สกอตติช โฟลด์ (Scottish Fold) มีทั้งพันธุ์ที่เป็นขนสั้น และขนยาว ทั้ งสีเดียวล้วน สองสี หรือสามสี มีลำตัวค่อนข้างกลม หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม ใบหูขนาดกลางรูปร่างสามเหลี่ยม ดวง ตาโตเหมือนลูกวอลนัต และจุดที่เด่นที่สุดคือเป็น แมวขาสั้น

31

ภาพที่ 2.28 Munchkin ที่มา: บ้านและสวน (2565) 11) แมวพันธุ์เดวอน เร็กซ์ Devon Rex ค้นพบที่ Buckfastleigh ใน Devon (อังกฤษ) ใน ปี 1960 ปรากฎว่าลูกแมวมีค่าตัวหนึ่งเกิดใกล้กับเหมืองแร่ดีบุกที่ถูกทิ้งร้างและหนึ่งในนั้นมีขนหยิกอัน เป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ เดวอนเรกซ์ เป็นแมวที่มีขนาดตัวที่เล็ก รูปร่างผอมเพรียว เท้าเล็กทรงรี คล้ายไข่ ใบหน้าสั้นมน มีโหนกตรงแก้ม จมูกสั้น ใบหูกางใหญ่ ตารูปไข่สีต าเป็นสีอำพัน สีฟ้าน้ำทะเล ทองแดง เขียว ทอง เฮเซล ตาสองสี ส้ม และเหลือง ขนของ เดวอนเรกซ์ จะขนยาวและหยิกเป็นคลื่น นุ่มเป็นลอน มีสีขาว ฟ้า ดำ ครีม แดง น้ำตาล ขาวอมฟ้า (Frost) แพลตินัม เทาแกมเหลือง (Fawn) ช็อคโกแลต เชสนัท ซินนาม่อน (Cinnamon) ลาเวนเดอร์ แชมเปญ สีดำแมวน้ำ(Seal) เมื่อโตเต็มวัย จะมีขนาดกลาง แม้ว่าศีรษะจะดูมีขนาดใหญ่และอกกว้าง เป็นรูปสามเหลี่ยม และจมูกงุ้มใต้ตา ดวงตา กลมใหญ่อยู่ใต้ศีรษะในแนวกว้าง หูกางเหมือนผีเสื้อ เมื่อมองทั้งใบหน้าแล้วทำให้แมวพันธุนี้ ดูเหมือน ภูตตัวเล็ก หรือเอลฟ์ อายุขัยเฉลี่ยได้ประมาณ 9 – 13 ปี

ภาพที่ 2.29 Devon Rex ที่มา: dog-vs-cat (2565)

32

12) แมวพันธุ์คอร์นิชเรกซ์ Cornish Rex แมวคอร์นิชเรกซ์ มีต้นกำเนิดมาจากคอร์วอล ใน ประเทศอังกฤษ แมวพันธุ์นี้มีความโดดเด่นที่มีขนนุ่ม สวย เป็นคลื่น ทำให้ดูดึงดูดมากกว่าแมวสาย พันธุ์อื่นๆ ในขณะที่ลำตัวจะมีขนาดเล็กถึงปานกลาง มีศีรษะเป็นรูปทรงไข่ และมีใบหูที่ใหญ่ จมูกงุ้ม หรือที่เรียกว่าจมูกโรมัน คางแข็ง ขาเล็ก เพรี ยว ยาวและยืดหยุ่นได้ดี ตามีหลากหลายสี เช่น สีอำพัน ฟ้าน้ำทะเล ฟ้า ทองแดง เขียว ทอง ฮาเซล (Hazel) และตาสองสี ส้มและเหลือง ขนหยิกเป็นลอน คลื่น มีสีขาว ฟ้า ดำ ครีม แดง น้ำตาล แพทตินั ม เทาอมเหลือง (Fawn) ช็อคโกแลต เชสนัท ซินนา ม่อน ลาเวนเดอร์ แชมเปญ และสีแมวน้ำ อย่างไรก็ดี คนที่แพ้ขนแมวอาจชอบแมวพันธุ์นี้ เพราะมัน ผลัดขนน้อยกว่าแมวสายพันธุ์อื่นๆ มีอายุขัยเฉลี่ย 9 – 13 ปี

ภาพที่ 2.30 Cornish Rex ที่มา: songsaad (2564) 13) แมวพัน ธุ์ซาวัน น่า ห์ Savanna เป็น แมวลูกผสมสายพันธุ์หนึ่งที่เกิดจากแมวบ้าน (Domestic cat) และ เซอร์วัล (Serval) ซึ่งเป็นแมวป่าที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าซาวันน่าห์ และทุ่งหญ้า แห้งแล้งขนาดใหญ่ภายในทวีปแอฟริกา โดยจุดเด่นที่มีเอกลักษณะของเจ้าพวกแมวชนิดนี้ ที่เราจะ สังเกตุกันได้ก็คือการที่แมวพวกนี้จะมีลวดลายเป็นลายจุดเหมือนกับแมวป่าเซอร์วัล และมีขนาดตัว เท่ากัน หรือเล็กกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับขนาดสายพันธุ์แมวบ้านทั่วไปแล้ว ถือว่ามีขนาดตัวที่ ค่อนข้างใหญ่ มีนิสัยที่เชื่อง เป็นมิตรกับมนุษย์ (ส่องสัตว์, 2564)

ภาพที่ 2.31 Savanna ที่มา: ส่องสัตว์ (2564)

33

14) แมวพันธุ์โอเรียนทัล Oriental แมวโอเรียนทัลขนสั้น นั้นเมื่อมองโครงหน้าก็จะคล้าย กับแมวสปริ้ง แต่ต่างที่มีขนนั่นเอง พวกมันนั้นเป็นแมวขนาดกลางจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 8-12 ปอนด์ ตามีสีฟ้า เขียว และตาสองสี หัวมีรูปร่างของลิ่มแคบ ตาเป็นรูปอัลมอนด์ สีส่วนใหญ่มักเป็นสี เขียว สีขาว หูกว้างที่ฐานและชี้ ขาหลังยาวกว่าขาหน้า แมวโอเรียนทัลขนสั้น จะมีขนที่สั้น และมันเงา เรียบไปตามลำตัว อายุขัยเฉลี่ยได้ 9-13 ปี (ส่องสัตว์, 2564)

ภาพที่ 2.32 Oriental ทีม่ า: ส่องสัตว์ (2564) 15) แมวพันธุ์ฮาวานาบราวน์ Havana Brown แมวที่เกิดจากจากการนำแมวพันธุ์ขนสั้นสี ดำผสมพันธุ์กับแมวไทยวิเชียรมาศที่มียีนส์ของขนสีน้ำตาลแฝงอยู่ ผลที่ได้ คือ ลูกแมวที่มีขนสีน้ำตาล สีเดียว และลูกแมวชุดดังกล่าวถูกนำไปผสมพันธุต่อพัฒนาเป็นสายพันธุ แมวพันธุ์ฮาวานา เป็นแมว ขนาดกลาง ขนสั้นเป็นมันวาว มีรูปร่าวเพรียวยาว หัวเป็นรูปลิ่ม จมูกยาวและตรง ดวงตาเป็นรูปอัล มอนด์ สีเขียว ใบหูใหญ่ปลายหูกลม มีขนที่ใบหูน้อยมาก ขนจะสั้นและแน่น เท้าเล็กรูปไข่ ขนของ ฮาวานาบราวน์ จะเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือว่าม่วงมะฮอกกานี ซึ่ งเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์นี้ (ส่อง สัตว์, 2564)

ภาพที่ 2.33 Havana Brown ที่มา: ส่องสัตว์ (2564)

34

16) แมวพันธุ์พิกซี่บ็อบ Pixie Bob พิกซีบ็อบเป็นแมวที่ฉลาดมาก เข้ากับคนง่าย ไม่ชอบ อยู่นิ่งและกล้าหาญ ชอบเล่นกับสัตว์อื่น แมวสายพันธุ์นี้มีความอยากรู้อยากเห็น และเป็นเพื่อนคลาย เหงาที่ดี ชอบอยู่กับคน และจะสื่อสารให้คนรู้ถึงความต้องการด้วยการส่งเสียงร้องและอาจจะคำราม ในบางครั้ง หางของพิกซีบ็อบอาจจะสั้นหรือยาวปานกลาง โค้งงอหรือเป็นปุ่มปม แต่มีความยืดหยุ่น เสมอและควรได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง (royalcanin, 2564)

ภาพที่ 2.34 Pixie Bob ที่มา: royalcanin (2564) 17) แมวพันธุ์สโนว์ชู Snowshoe แมวที่เป็นลูกผสมระหว่างแมวสายพันธุ์ไทย กับแมวสาย พันธ์อเมริกัน ช็อตแฮร์ หรือแมวในตระกูลโอเรียลทัล โดยที่ต้นกำเนิดของมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวๆปี ค.ศ. 1960 เมื่อนักผสมพันธุ์แมวที่เลี้ ยงแมวไทยเพศเมียไว้ จนแมวได้ใ ห้กำเนิดลูกๆแมวที่มีลั กษณะ เหมือนแมวไทยทุกประการ แต่ที่อุ้งเท้าทั้งสี่ของพวกมันกลับมีสีขาว ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นของเจ้า เหมียวสโนว์ชู และที่ทำให้มันถูกเรียกว่า “Snowshoe” ก็มีความหมายว่ารองเท้าหิมะ ดวงตารูปไข่ ส่วนใหญ่เป็นสีฟ้า และมันเป็นเจ้าเหมียวที่มีนิสัยกระตือรือร้น แลดูมีชีวิตชีวาและอยากอยู่ใกล้ๆกับเรา ตลอด ขี้เล่น แถมยังมีความเฉลียวฉลาดสามารถฝึกให้เล่นเกมและทักษะพื้นฐานง่ายๆได้ดี (ส่องสัตว์, 2564)

35

ภาพที่ 2.35 Snowshoe ที่มา: royalcanin (2564) 18) แมวพันธุ์เบอร์มิลลา Burmilla ได้พัฒนาขึ้นโดยบังเอิญในปี ค.ศ. 1981 เมื่อแมวพันธุ์ ชินชิลลา เปอร์เซียเพศผู้และแมวพันธุ์เบอร์มิสสีม่วงอ่อนได้ผสมพันธุ์กัน เกิดเป็นลูกแมวเพศเมียสี่ตัวที่ มีสายสีดำที่แปลกตา จึงทำให้การพัฒนาสายพันธุ์นี้ดำเนินต่อไปเพื่อให้มีคุณสมบัติขนสั้นของแมวพันธุ์ เบอร์มีส ความกลมได้รับจากทั้งสองสายพันธุ์ และสีที่สวยงามแปลกตาเช่นเดียวกับในลูกแมวรุ่นแรก เบอร์มิลลา เป็นแมวที่พบยาก สายพันธุ์นี้ยังคงอยู่ในระหว่างการทดลองในบริติช และยังไม่ได้รับการ จดทะเบียนจากสมาคมหลักในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแมวที่สุขุม และดูแลง่าย ต้องการการเอาใจ ใจใส่เพียงเล็กน้อย เขานับได้ว่าเป็นคู่หูที่ดี (ส่องสัตว์, 2564)

ภาพที่ 2.36 Burmilla ที่มา: htgetrid (2564)

36

19) แมวพันธุ์ทอยเกอร์ Toyger ทอยเกอร์ คือแมวที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง โดเม สติกช็อตแฮร์ กับแมวเบงกอล โดยต้นกำเนิดของสายพันธุ์แมวทอยเกอร์ นั้น ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 1980 หรือเมื่อราว ๆ 41 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสายพันธุ์แมวชนิดนี้ เกิดจากการที่ Judy Sugden ผู้ เพราะพันธุ์ต้องการที่จะพัฒนาสายพันธุ์แมวที่จะทำให้ผู้คนหันมาอนุรักษ์เสือป่าให้มากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของลักษณะนิสัยของทอยเกอร์ แม้ ว่าหน้าตาของแมวทอยเกอร์อาจจะดูดุร้ายเหมื อนกับเสือ แต่นิสัยของเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากทอยเกอร์มีนิสัยที่ค่อนข้างน่ารัก ขี้เล่น และไม่ดุร้าย แต่ที่ สำคัญไปกว่านั้นคือการเลี้ยงดู เนื้อจากแมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีค วามจำดี หากผู้เลี้ยงใช้ความรุนแรง กับเขาเพียงครั้งเดียว นิสัยที่น่ารัก ขี้เล่นของเขาจะหายไป และจะเผยสัญชาติญาณของเขาออกมา ทันที

ภาพที่ 2.37 Toyger ที่มา: catthaiclub (2564) 20) แมวพันธุ์อ็อกซี่แคท Ocicat อ็อกซี่แคท คือ แมวที่มีรูปร่างเหมือนแมวป่า โดยส่วนขน จะดูเหมือนลาย แถมยังมีร่างกายที่แข็งแรง แมวพันธุ์นี้มีขนที่ทั้งสั้นและนุ่ม โดยมีลายจุดขึ้นตลอดแนว ไขสันหลัง โดยไล่จากหัวไหล่มายั งหาง และมีจุดขนาดใหญ่ที่เหมือนนิ้วหัวแม่มือด้านข้างลำตัว เรา สามารถพบแมวพันธุ์นี้ ทั้งแบบขนาดใหญ่และขนาดกลาง สำหรับสีขนที่ได้รับการอนุมัตินั้นมี 12 สี ได้แก่ สีน้ำตาลอมส้ ม สีช็อกโกแลต สีอบเชย สีน้ำเงิน สีลาเวนเดอร์ สีน้ำตาลแกมเหลือง สีเงิน สี ช็อกโกแลตปนสีเงิน สีอบเชยปนสีเงิน สีน้ำเงินปนสีเงิน สีลาเวนเดอร์ปนสีเงิน และสีน้ำตาลแกม เหลืองปนสีเงิน

37

ภาพที่ 2.38 Ocicat ที่มา: ส่องสัตว์ (2564) 21) แมวพันธุ์บอมเบย์ Bombay ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกัน ต้องการพัฒนาแมวที่มีโครงสร้างเหมือนกับแมวพันธุ์เบอร์มีส แต่มีขนสีดำเข้มมันเงา เสมือนหนึ่งใน เสือดำอินเดีย โปรแกรมการพัฒนาสายพันธุ์ จึงเริ่มขึ้นโดยนำแมวพันธุ์เบอร์มีสมาผสมกับแมวดำ อเมริกันขนสั้น (blace Americank Shorthhair) ตาสีทองแดงอ่อน จึงเกิดเป็นแมวพันธุ์บอมเบย์ขึ้น เพื่อระลึกถึงเสือดำ บอมเบย์ เป็นแมวที่มีรูปร่างล่ำสัน บางตัวอาจกระทัดรัด แต่มีกล้ามเนื้อและ กระดูกหนักมาก นอกจากนี้ยัง มีรูปร่างกลมทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นศรีษะ ปลายหู ตา คางหรือแม้กระทั่ง เท้า ขนสั้นเป็นมันวาว ขนจะมีสีดำเข้มเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม บอมเบย์มีท่วงท่าทำนองที่เป็น เอกลักษณ์ ร่างกายจะเยื้องย่างไปมาเวลาเดิน คล้ายกับท่าเดินของเสือดำอินเดีย

ภาพที่ 2.39 Bombay ที่มา: ส่องสัตว์ (2564)

38

22) แมวพันธุ์ชอซี Felis chaus เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวบ้านและแมวป่า ถูก สร้างขึ้นในปี 1990 ในสหรัฐอเมริกา ลักษณะภายนอกอาจะดูดุร้าย แต่จริงๆแล้วแมวพันธุ์นี้เข้ากับคน ง่าย น่ารัก และมีอัธยาศัยดี จัดเป็นแมวที่ติดอันดับหายากและมีราคาค่าตัวที่สูงเอาการเลยทีเดียว แมวชอซี เป็นแมวที่มีทรงปราดเปรียว หน้าผากที่ลาดเอียง โหนกแก้ม สูง และปากกระบอกปืนยาว โดยมีคางที่เต็มและโค้งมนเล็กน้อย และจมูกที่กว้างและมีหนังจมูกป่อง ตัวใหญ่และสูง ขายาว และอก ลึก ร่างกายแข็งแรง ผอมเพรียว

ภาพที่ 2.40 Felis chaus ที่มา: ส่องสัตว์ (2564) 23) แมวพันธุ์ดอนสกอย Donskoy เป็นแมวไม่มีขน ที่มีประวัติศาสตร์เริ่มต้นมาตั้งแต่ในยุค 80 ในปี 1987 ได้มีการค้นพบแมวสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่มีขนเลยตลอดทั้งลำตัวลักษณะคล้ายคลึงกับแมว สายพันธุ์สฟิงซ์ในเมือง ROSTOV-ON-DON ในประเทศรัสเซีย เหตุทั้งหมดเกิดจากการผู้เพาะพันธุ์ แมวที่มีชื่อว่า ELENA KOVALEVA ได้ทำการช่วยเหลือลูกแมว TORTOISESHELL ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ ลักษณะขนของมันจะมีทั้งหมด 3 สีเอาไว้ เธอได้ทำการตั้งชื่อให้กับมันว่าวาร์วารา เมื่อมันมีอายุครบ 4 เดือนมันก็ได้ผลัดขนของมันออกมันกลายเป็นแมวไร้ขนในที่สุด แมวตัวนี้ได้แต่งงานกับแมวตัวผู้ที่อยู่ ในท้องถิ่นและออกลูกออกมาเป็นลูกแมว ลูกแมวแต่ละตัวนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับแม่ของพวกมันก็ คือมีขนมาก่อนก่อนที่จะผลัดขนจนกลายเป็นแมวไร้ขนในที่สุด กลายมาเป็นสายพันธุ์ของแมวไร้ขนอีก หนึ่งสายพันธุ์นอกจากสายพันธุ์สฟิงซ์

39

ภาพที่ 2.41 Donskoy ที่มา: ส่องสัตว์ (2564) 2.1.5.4 แมวพันธุ์ขนยาว แมวต่างประเทศพันธุ์ขนยาว ได้แก่ 1) แมวพันธุ์เปอร์เซีย Persian Longhair 2) แมวพันธุ์หิมาลายัน Himalayan 3) แมวพันธุ์เทอร์คิชแองโกรา Turkish Angora 4) แมวพันธุ์เทอร์กชิ แวน Turkish Van 5) แมวพันธุ์เมนคูน Maine Coon 6) แมวพันธุ์เบอร์แมน Birman 7) แมวพันธุ์โซมาลิ Somali 8) แมวพันธุ์บาลิเนส Balinese 9) แมวพันธุ์แร็กดอลล์ Regdall 10) แมวพันธุ์เนบีลัง Nebelung 11) แมวพันธุ์อเมริกันเคิร์ล American Curl 12) แมวพันธุ์เซลเกิร์ก เรกซ์ Selkirk Rex 13) แมวพันธุ์รากามัฟฟิน Ragamuffin 1) แมวพันธุ์เปอร์เซีย Persian Longhair แมวเปอร์เซียมีขนาดปานกลางไปจนถึงขนาด ใหญ่ ช่วงคอสั้น ลำตัวป้อมสั้นแต่ดูแน่น ขาสั้นๆแข็งแรง เท้าอวบใหญ่หัวโต หน้ากลมและกว้าง ดวงตา กลมโต ใบหูเล็กปลายกลม จมูกสั้น กว้างและแบน ดูเป็นเหมือนรอยหักฉากลงมา กรามกว้างแข็งแรง คางได้รูป หางสั้นเป็นพวงระย้า ขนเส้นยาวละเอีย ดคล้ายเส้นไหมและอ่อนนุ่มสลวยปกคลุมทั่ วตัว มี หลายสี เช่น ขาว ดำ ฟ้า เทาอ่อน ครีม ควันบุหรี่ แดง น้ำตาล เงิน และสีผสม 2-3 สี

40

แมวพันธุ์เปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดในประเทศอิหร่าน ถูกนำไปลี้ยงในประเทศสหรัฐอเมริกาและ ยุโรปเป็นเวลานานแล้ว ประมาณ 200-300 ปี ตั้งแต่สมัยวิตอเรีย ได้รับการผสมจนมีสีต่างๆเพิ่ มขึ้น มากมาย แมวเปอร์เซียเป็นแมวต่างประเทศพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย

ภาพที่ 2.42 Persian Longhair ที่มา: mypersiancat (2564) 2) แมวพันธุ์หิมาลายัน Himalayan เเมวหิมาลายันหรือแมวหิมาลัย เป็นแมวที่เกิดจากการ ผสมข้ามพันธุ์แบบ 3 สายเลือดในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เมื่อปีค.ศ. 1930 โดยนำแมว วิเชียรมาศมาผสมกับแมวเปอร์เ ซียและแมวเบอร์แมน (Biman cat) ได้เป็นแมวพันธุ์หิมาลายัน ซึ่งมี ลักษณะผสมผสาน คือ ขนยาวและรูปทรงแบบแมวเปอร์เ ซีย แต้มและสีแบบแมววิเชียรมาศและแมว เบอร์แมน แมวหิมาลายันเป็นแมวพันธุ์ขนยาวขนาดปานกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ลำตัวสั้นกระชับ หัว ใหญ่ คอสั้น จมูกแบน แก้มนูนเต็ม ส่วนหูค่อนข้างต่ำ นัยน์ ตาสีฟ้า กลมโต ขนยาวอ่อนนุ่ม รอบๆคอ และแก้มมีขนห้อยย้อยทูมีขนยาวเป็นกระจุกห้อยย้อย บริเวณทางขนหนาทึบ เมื่อยังเป็นลูกเมวสีแต้ ม อ่อน โตขึ้นสีแต้มจะชัดขึ้น และมีสีเข้มเมื่อโตมที่

ภาพที่ 2.43 Himalayan ที่มา: aadeutah (2564)

41

3) แมวพันธุ์เทอร์คิชแองโกรา Turkish Angora แมวเทอร์คิชแองโกร่า (Turkish Angora) เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตุรกี ที่ได้รับชื่อ Angora ต่อท้าย เนื่องจากเป็นแมวตุรกีขนยาวจาก เมืองแองโกรา เป็นแมวพันธุ์เก่าแก่ ที่มีมาตั้งแต่สมัย ค.ศ.1600 มีความคล่องแคล่ว เฉลียวฉลาด และ มีความผูกพันกับมนุษย์ เป็นแมวตัวยาว ขนสีขาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกในตากลมรี ขายาว อุ้งเท้า ค่อนข้างเล็กกลมมน สะโพกใหญ่เมื่อเคลื่อนไหวหางจะกระเพื่อมอย่างแรง ขนหน้าท้องดก นิ้วเท้าและ ปลายหูจะมีขนเป็นจุก นัยน์ตาสีน้ำเงิน สีอำพัน หรืออาจเป็นสีใดสีหนึ่ง หรือตาสองสีในตัวเดียวกัน อุ้ง ฝ่าเท้า ริมฝีปากและจมูกจะเป็นสีชมพู

ภาพที่ 2.44 Turkish Angora ที่มา: aadeutah (2564) 4) แมวพันธุ์เทอร์กิชแวน Turkish Van แมวเทอร์กิชแวน เป็นแมวที่ชอบเข้าสังคมและมีความเป็นมิตรกับผู้คน, มีความผูกพันกับ เจ้าของมาก, เป็นแมวที่มีชีวิตชีวา, และรักความสุนกสนาน แมวสายพันธุ์เทอร์กิชแวน เป็นแมวพันธุ์ พื้นเมืองโบราณของประเทศตุรกี โดยถูกเรียกว่า 'แมวนักว่ายน้ำ' ด้วยความที่ชื่นชอบน้ำมากเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม แมวสายพันธุ์เทอร์ กิชแวนนั้นยังมีสายเลือดนักล่าที่ยอด เยี่ยมอีกด้วย

ภาพที่ 2.45 Turkish Van ที่มา: pet-az (2564)

42

5) แมวพันธุ์เมนคูน Maine Coon เมนคูนเป็นแมวขนขาวชนิดเดียวทีได้รับการจัดกลุ่มเป็น แมวพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำเนิดจากชาวเรือที่แล่นเรือไปยังไปนิวอิงแลนด์ (New England) เมนคูนเป็นแมวที่มีกระดูกหนาและมีกล้ามเนื้อ โดยกำเนิดเป็นแมวที่เลี้ยงนอกบ้านภายหลังได้ถูก นำมาใช้งานในการกำจัดสัตว์จำพวกหนู มีศีรษะและหูขนาดใหญ่ มีเส้นลายใต้ดวงตาม มีอกกว้าง และ ขาหนา ขนของเมนคูนหนาและนุ่มดุจเส้นไหม มีลักษณะที่น่าสนใจคือขนที่บริเวณท้องและหลังขาจะ ยาวย้ ว ยลงมา แต่ ข นที ่ บ ริ เ วณไหล่ จ ะสั ้ น เป็ น แมวที ่ ใ จเย็ น เรี ย บร้ อ ย สามารถปรั บ ตัว เข้ ากับ สิ่งแวดล้อมได้ดี ตราบเท่าที่มีพื้นที่ออกกำลังกายให้เขา เมื่อเขาวิ่ง อาจจะส่งเสียงเบาๆ ได้

ภาพที่ 2.46 Maine Coon ที่มา: petsocietythailand (2564) 6) แมวพันธุ์เบอร์แมน Birman แมวสายพันธุ์ เบอร์แมน หรือที่เรียกว่า "แมวศักดิ์สิทธิ์แห่ง พม่า" เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะโดดเด่น คือมีขนยาว สีขาวออกครีม หรือ น้ำตาลอ่อน ตาสีฟ้า เข้ม และ มีถุงมือและถุงเท้าสีขาว ตัดกันกับสีตัว และแมวพันธุ์เบอร์แมนมีนิสัย ร่าเริงและนุ่มนวล, มี ชีวิตชีวา, ขี้เล่น, แต่ก็เงียบสงบและไม่ชอบรบกวนผู้อื่น บางครั้งพวกมันจะดูราวกับว่าเรียบร้อยมากๆ จนได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนมากมายในพม่า จากตำนานเล่าขานกันมาว่าเป็นแมวศักดิ์สิทธิ์ พวก มันจึงค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะสามารถเลี้ยงได้ในสถานที่จำกัด อย่างเช่นอพาร์ตเมนท์

ภาพที่ 2.47 Birman ที่มา: petsocietythailand (2564)

43

7) แมวพันธุ์โซมาลิ Somali แมวพันธุ์โซมาลี เป็นแมวที่มีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างขี้เล่น ชอบ เล่นกับของเล่ น กระโดด และปีนป่าย ในส่วนของลักษณะทั่วไป โซมาลีจะมีลักษณะของศีรษะทรง สามเหลี่ยม ใบหูขนาดใหญ่ที่ตั้งขึ้น ไม่พับ หรืองอลง ดวงตากลมโต และที่สำคัญคือ ขนของมันจะมี ลักษณะที่คล้ายกับสุนัขจิ้งจอกเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนี่ก็นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแมวสายพันธุ์นี้

ภาพที่ 2.48 Somali ที่มา: petsocietythailand (2564) 8) แมวพันธุ์บาลิเนส Balinese โดยทั่วไป แมวบาลิเนส มีขนยาว เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพัน ธุ์ของแมวสยาม ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้ หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียว แหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษของมันคือ แมวสยามนั้นเอง แต่ มันก็ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และลักษณะที่พิเศษอีกอย่าง หนึ่งก็คือ มีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนนก เพราะแมวบาลิเนส มีขนชั้นเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ขนยาว อื่น ๆ ทั่วไปซึ่งจะมีขนสองชั้นขนของแมวพันธุ์นี้จะวางตัวราบเรียบชี้ไปด้านหลัง และไม่ทำให้เสีย รูปทรงของแมวพันธุ์นี้

ภาพที่ 2.49 Balinese ที่มา: petsocietythailand (2564)

44

9) แมวพันธุ์แร็กดอลล์ Regdall ประวัติความเป็นมาของแมวแร็กดอลล์ (Ragdoll Cat) ถูก พัฒนาสายพันธุ์โดยนักผสมพันธุ์ Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ.1960 โดย แมว Ragdoll ตัวแรกมีชื่อว่า Josephine เป็นแมวที่น่ารัก มีนิสัยสุภาพเรียบร้อย และมีแต้มสีแบบ แมว วิเชียรมาศ โดย Josephine เป็นลูกผสมระหว่างแมวเปอร์เซีย แมวแร็กดอลล์เป็นแมวที่มีโครงร่าง ขนาดใหญ่ มีร่างกายที่แข็งแรง โดยขนาดตัวใหญ่กว่าแมวไทยราวๆ 3 เท่าตัว ขนหนานุ่ม

ภาพที่ 2.50 Regdall ที่มา: petsocietythailand (2564) 10) แมวพันธุ์เนบีลัง Nebelung เนบีลัง เป็นภาษาเยอรมัน หมายถึง เจ้าแห่งสายหมอก เป็นแมวที่ขี้อาย ไม่ค่อยยุ่งกับคนแปลกหน้า รักสงบ อ่อนโยน และรักเจ้าของมาก วันนี้เราจะมาทำ ความรู้จักน้องเพิ่มขึ้นกัน เป็นแมวที่มีสีเดียวคือ สีเทา ขนกึ่งยาว ลำตัวขนาดกลางค่อนไปทางเล็ก บอบบาง ขายาว ใบหน้ายาวยื่น จมูกยาวไม่มีจุดหักของจมูก มีใบหูใหญ่ ตั้งชี้อยู่บนศีรษะได้สัดส่วน มี อุ้งเท้าขนาดเล็ก หางยาว แถมขนนุ่มฟูและเงางาม โดยดวงตาของแมวสายพันธุ์นี้ก็จะเป็นสีเขียวสดใส ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรูปเมล็ดอัลมอนด์

ภาพที่ 2.51 Nebelung ที่มา: ส่องสัตว์ (2564)

45

11) แมวพันธุ์อเมริ กันเคิร์ล American Curl ลักษณะเด่นของแมวอเมริกัน เคิร์ล คือมีหู ม้วนหลุบไปข้างหลัง ลูกแมวอเมริกัน เคิร์ลจะเกิดมาพร้อมกับการมีหูตรงและหูของมันจะเริ่มขด ภายใน 10 วัน หลังจากนั้น 4 เดือน หูของมันจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆอีก แค่แข็งขึ้นเท่านั้น ถ้า ลักษณะหูที่ถอื ว่าสวยคือต้องม้วนไปข้างหลังอย่างน้อย 90 องศา แต่ไม่ถึง 180 องศา ไม่ม้วนจนไปชน หลังใบหูหรือหัว (petsocietythailand, 2564)

ภาพที่ 2.52 American Curl ที่มา: petsocietythailand (2564) 12) แมวพันธุ์เซลเกิร์ก เรกซ์ Selkirk Rex เซลเกิร์กเรกซ์ เป็นแมวที่มีนิสัยชอบเล่น, กล้า หาญ, และมีเสน่ห์ แมวเซลเกิร์กไม่ชอบแมวที่ชอบคลอเคลียอยู่บนตักของเจ้าของตลอดเวลา แต่พวก เขาก็ยังชอบที่จะเล่นกับผู้คนหรือสัตว์ตัวอื่นๆ เพราะโดยธรรมชาติแล้วแมวเซลเกิร์ กไม่ชอบที่จะถูกทิ้ง ไว้เพียงลำพัง มันชอบเมื่อมีคนมาเล่นด้วยหรือเล่นกับของเล่นอยู่เสมอ เช่ นวิ่งตามสิ่งของหรือวิ่งตาม ไฟฉาย แต่ถ้าเมื่อพวกเขารู้สึกว่าถูกละเลย พวกเขาอาจจะส่งเสียงร้ อง เพื่อเรียกร้องความสนใจจาก เจ้าของบ้างเป็นบางครั้ง

ภาพที่ 2.53 Selkirk Rex ที่มา: pet-az (2564)

46

13) แมวพันธุ์รากามัฟฟิน Ragamuffin แมวสายพันธุ์ รากามัฟฟิน มีความคล้ ายกับแมว สายพันธุ์ แร็กดอลล์ เพราะเชื่อว่ารากามัฟฟิน ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์แร็กดอลล์ โดยแมวสายพันธุ์ รากามัฟฟิน มีนิสัยชอบแสดงความรัก และทักทายผู้คนเป็นประจำ มีค วามขี้อ้อนและชอบที่จะคลอ เคลียอยู่กับเจ้าของ เป็นแมวที่ชอบเรียนรู้และเชื่อฟังเจ้าของ และยังเป็นแมวที่เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ แต่การามัฟฟินมักจะเรียกร้องความสนใจมากยิ่งขึ้น ถ้าถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง (pet-az, 2564)

ภาพที่ 2.54 Ragamuffin ที่มา: pet-az (2564) 2.1.6 พฤติกรรมแมว แมวมีพฤติกรรมในการติดต่อสื่อสารระหว่างแมวด้วยกัน เพื่อที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกที่ ต้องการสื่อทางอารมณ์ ความรู้สึก อาณาเขต เป็นต้น แมวจะแสดงพฤติกรรมด้วยลักษณะท่าทางและ เสียงร้อง เช่น การแสดงออกของใบหน้า หู และกิริยาท่าทางต่างๆ ตลอดจนการส่งสัญญาณโดยการใช้ กลิ่น เป็นต้น การที่เราใกล้ชิดและคุ้นเคยกับแมวจะทำให้สามารถรับรู้พฤติกรรมต่างๆและเข้าใจ ความหมายเหล่านั้นได้ ทำให้เกิดความรักความเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว ผู้ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับแมวจะไม่เข้าใจสิ่ง เหล่านี้ ดังนั้นผู้ที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงแมวควรจะทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมและธรรมชาติของแมวที่ตนเอง เลี้ยงไว้ให้อยู่กับเราไปนานๆดังนั้นพฤติกรรมต่างๆของแมวมีดังนี้ 2.1.6.1 การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่น การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่นนั้นเกิดขึ้นมาจากการสัมผัสโดยตรงและโดยอ้อม แมวจะมีต่อม กลิ่นอยู่บริเวณใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คางเท้า และโดคนหาง ซึ่งจะมีหน้าที่ทำการผลิตฮอร์โมนออกมา กลิ่นเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยให้แมวจำกันได้

47

การทักทายแมว เมื่อแมว 2 ตัวมาเจอกันจะทำการทักทายกันด้วยการสัมผัสโดยใช้หัว คาง แก้ม และสีข้างทำการ ถูตัวไปมา แมวที่มีอายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายที่ใช้หลังของมันถูคางของแมวตัวที่มี อายุมากกว่า การแสดงความแข็งแรง เมื่อแมวต่อสู้กันแมวตัวที่ชนะจะทำการปล่อยกลิ่นหลายๆครั้งใน บริเวณนั้น เพื่อเป็นการแสดงอาณาเขต ความมั่นใจและความแข็งแรงให้คู่ต่อสู้ได้เห็น ส่วนฝ่ายที่แพ้ก็ จะพยายามแอบมาปล่อยกลิ่นทับบริเวณนั้น โดยจะไม่ให้ฝ่ายที่ชนะเห็น การแสดงอาณาเขต แมวตัวผู้มักจะทำการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของบริเวณ นั้น โดยจะยกหางให้ตั้งตรงขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมกั บปล่อยของเหลวต่อมใต้โคนหาง กลิ่นนี้จะคง อยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่านี้และก็จางหายไป 2.1.6.2 การรักษาความสะอาด แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาด ในแต่ละวันจะใช้เวลาในการ ทำความสะอาดมาก ในน้ำลายแมวจะมีสารที่ชื่อว่า “ดีเทอร์เจนต์” สารชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยให้ขน ของแมวสะอาดและมีกลิ่นหอมโดยในแต่ละวันแมวจะใช้ลิ้นเลียบริเวณขนของตัวเองเพื่อทำให้สิ่ง สกปรกและขนที่หมดสภาพหลุดออกไป และเนื่องจากแมวจะมีต่อมเหงื่อบริเวณเฉพาะที่เท้าเท่านั้น การเลียขนจึงเป็นการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายแมวอีกด้วย แมวนั้นสามารถใช้ลิ้นของมันเลียได้ทุก ส่วนยกเว้นบริเวณหัว แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยการเลียเท้า และใช้เท้าทำความสะอาดส่วนหัวที่ไม่ สามารถเลียถึง 2.1.6.3 การลับเล็บ แมวจะชอบทำลายข้าวของ เช่น ทำการตะกุยเก้าอี้หรือเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมการลับ เล็บของแมว เพื่อทำการขัดเล็บที่เก่าออกไปให้เล็บใหม่ขึ้นมาและขณะที่ทำการลับเล็บ แมวจะท าการ ปล่อยกลิ่นจากต่อมเหงื่อที่มีกลิ่นพิเศษ เพื่อให้แมวตัวอื่นรู้ว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มีเจ้าของ 2.1.6.4 การเคล้าแข้งเคล้าขา พฤติกรรมของแมวที่ชอบทำการเคล้าแข้งเคล้าขาคนนั้น ไม่ เพียงแต่จะแสดงออกถึงความเป็นมิตรแต่บางครั้งยังเป็นการปล่อยกลิ่นชนิดพิเศษมาจากต่อมกลิ่นที่ อยู่บริเวณขมับและที่โคนหางของมันใส่คน หลังจากที่ท ำการปล่อยกลิ่นใส่แล้วจะช่วยทำให้แมว อารมณ์ดี นอกจากการปล่อยกลิ่นใส่แล้ว แมวยังจำกลิ่นตัวที่มันคลอเคลียด้วยการเลียขนของมันเอง 2.1.6.5 การแสดงออกทางใบหน้า ใบหน้าของแมวสามารถบ่งบอกถึงอารมณ์ต่างๆที่แสดงออกมาดังนี้ หนวด - ถ้าหากหมวดมีลักษณะไปอยู่ด้านข้างเป็นพุ่ม แสดงถึงความสงบสบายใจและความ เป็นมิตร

48

- ถ้าหากหนวดมีลักษณะลาดและรวบไปไว้ข้างแก้ม จะแสดงถึงว่าตอนนี้อยู่ในท่าที่ ระมัดระวังหรืออาย - ถ้าหากหมวดมีลักษณะแผ่ออก แสดงว่ากำลังสนใจอะไรบางอย่างหรือมีสิ่งที่น่า ตื่นเต้น หูเป็นส่วนที่สามารถรับรู้ได้ไวมาก - ถ้าหากหูมีลักษณะถูกยกยื่นไปข้างหลังนั้นเป็นการเตือนภัยว่ามีศัตรูอยู่บริเวณนี้ - ถ้าหากหูมีลักษณะโค้งกลับถูกดึงให้ต่ำลงข้างๆ เป็นการแสดงถึงการป้องกันตัวและ พร้อมที่จะต่อสู้ ตา - ม่านตาลดลง แสดงถึงความตึงเครียดหรือกำลังสนใจบางสิ่งบางอย่างอยู่ - ม่านตาเปิดกว้าง แสดงถึงอาการตกใจกลัวหรือกำลังเตรียมพร้อมป้องกันตัว 2.1.6.6 กิริยาท่าทาง หัว เมื่อแมว 2 ตัวที่ไม่เคยรู้จักกันมาเผชิญหน้ากันการท าความรู้จักของแมวนั้นคือ การยืดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้าถ้าหากตัวใดรู้สึกว่าตัวเองเด่นกว่าจะท าการเชิดหัวให้สูงขึ้นไป อีก ส่วนตัวที่ด้อยกว่าจะทำการก้มหัวให้ต่ำลง ลำตัว - ลำตัวโค้งงอหรือหลังโก่ง แสดงถึงความกลัวและพร้อมที่จะจู่โจม - ลำตัวยืดตรง แสดงถึงความมั่นใจ หาง - อาการยกหางขึ้นและเข้าไปดมก้นของแมวตัวอื่นแสดงถึงความเป็นมิตรหรือยินดี ต้อนรับ - อาการสะบัดหางจากทางหนึ่งไปยังอีกทางหนึ่งแสดงถึงความรู้สึกตื่นเต้นมาก - อาการม้วนหาง แสดงถึงความรู้สึกกลัว - อาการเหยียดหางยาวอยู่ข้างหลังเมื่อเดิน ผ่านประตู แสดงว่าแมวกำลังอยู่ ใน สภาวะป้องกันตัว - อาการแกว่งหางไปมา แสดงถึงว่าตอนนี้กำลังมีความขัดแย้งทางอารมณ์ แต่ถ้าหาก หยุดแกว่งหางแสดงว่าตัดสินใจได้แล้ว ขน เมื่อแมวอยู่ในสภาวะที่กำลังกลัวขนจะตั้งชันขึ้นทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมจะ ตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งชันเพียงเล็กน้อยที่บริเวณลำตัวและหาง

49

2.1.6.7 การส่งเสียง เสียงร้องของแมวเป็นสิ่งที่คนเรารู้จักกันทั่วไปในเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ (เหมียว เหมียว) ของ แมว อาจจะเกิดได้จากการที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งไว้หรือไม่มีความสุขบางรั้งแมวจะร้องเมื่อเกิดความไม่ พอใจจะร้องเสียงสูงขึ้น และอาจยังร้องเรียกหาคู่ได้อีกด้วย การทำเสียงแหลม เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดจัด มันจะแสดงความโกรธโดยการส่งเสียง แหลมๆซึ่งเรียกว่า “เสียงป้องกันตัว” ออกมาถี่ๆ นอกจากนี้ เสียงร้องที่สูงและต่ำก็เพื่อเป็นการแสดง ถึงการจับคู่กัน การทำเสียงสูง การทำระดับเสียงให้สูง จะแสดงถึงความเป็นมิตรและความยินดีที่จะเป็น เพื่อนด้วย ถ้าหากมีการร้องเบาๆ หมายถึง การสนทนาอย่างเป็นกันเอง การทำเสียงคำราม เสียงคำรามของแมวนั้นจะทำได้โดยการยกมุมปาก การคำรามอย่าง เต็มก าลังนั้นจะแสดงถึงความจริงจัง 2.1.6.8 การมองเห็น แมวสามารถวิเคราะห์สัญญาณภาพได้ 2 สี คือ สีน้ำเงินและสีเขียว สีที่แมวสามารถมองเห็น นั้นค่อนข้างจะจางมาก ทำให้แมวเห็นภาพเป็นสีเทาซีด ทั้งนี้เพราะแมวนั้นไม่มีความจำเป็นต้อง มองเห็นสีสัน แต่ต้องการมองเห็นเพียงแค่ก ารเคลื่อนไหวของเหยื่อ ซึ่งการเคลื่อนไหวที่แมวสามารถ มองเห็นได้ชัดคือการเคลื่อนไหวในแนวราบ นอกจากนี้แมวยังมีสายตาสั้น สามารถมองเห็นได้ชัดคือ การเคลื่อนไหวในแนวราบ นอกจากนี้แมวยังมีสายตาสั้น สามารถมองเห็นได้ในระยะประมาณ 20 ฟุต ทำให้ต้องล่าเหยื่อในระยะประชิดตัวโดยการกระโดดจู่โจมเข้าหาก่อนที่เหยื่อจะรู้ตัว ถ้าหากว่าแมวนั้น ไม่สนใจจะจ้องสิ่งใดเป็นพิเศษ ลูกตาของแมวจะทำการเลื่อนห่างออกไปจากกันจนชิดขอบตาอีกข้าง ทำให้สามารถเพิ่มมุมมองได้อย่างกว้างขึ้น นอกจากนี้ตาของแมวนั้นยังมีลักษณะพิเศษ คือ มีเยื่อบางๆ คอยคลุมแก้วตาอีกชั้นเพื่อช่วยป้องกันประสาทตา และยังช่วยให้สามารถหลับตาเพื่อต้านแสงอาทิตย์ ได้ เมื่อแมวหลับลองจับเปลือกตาของแมวเปิดดูจะเห็นเหยื่อบางแผ่นนี้ได้ 2.1.6.9 การล่าเหยื่อ แมวมีสัญชาตญาณของนักล่า แมวนั้นจะชอบออกหาเหยื่อตามลำพังในเวลากลางคืน สัตว์ที่ แมวทำการล่าส่วนใหญ่จะเป็นหนูและสัตว์ชนิดเล็กๆที่ออกหากินในเวลากลางคืน การล่าเหยื่อนี้จะมี การเรียนรู้ตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวจากแมวแมวและแมวตัวอื่นๆโดยการที่แม่แมวคาบเหยื่อกลับมาที่รงันั้น ได้ทำให้ลูกแมวเรียนรู้ว่าสัตว์ชนิดไหนที่ควรทำการล่า เมื่อลูกแมวได้เห็นวิธีการและทำการฝึกอยู่เสมอ เมื่อโตขึ้นจะเป็นนักล่าที่ดี แมวจะมีความอดทนรอคอยเหยื่อได้เป็นเวลานานๆเมื่อเหยื่อโผล่ออกมามันจะทำการตะครุบ ทันที เมื่อจับได้เหยื่อมันจะวิ่งพร้อมกับสะบัดเหยื่อไปตามพื้นจนกว่าเหยื่อจะหยุดดิ้น ขณะที่แมวเข้า ไปหาเหยื่อ มันจะแสดงท่าทางหมอบและหุบหูและหางให้ต่ำลงเพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว แต่ปลายหางของ

50

แมวนั้นจะแกว่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อจับจังหวะ บางครั้งแมวจะทำการกระโจนเข้าหาเหยื่อในลักษณะที่ ขาคู่หลังคงที่อยู่กับพื้นและกัดเหยื่ออย่างแรงบริเวณลำคอ 2.1.6.10 ประสาทสัมผัส แมวเป็นสัตว์ที่มีการเคลื่อนไหวตัวโดยให้น้ ำหนักทุกส่วนของร่างกายอยู่บริเวณอุ้งฝ่าเท้า เพื่อให้การทรงตัวเกิดความสมดุล ข้อเท้า ขา และช่วงหลังของแมวสามารถโค้งงอได้โครงสร้างกระดูก สันหลังและระหว่างนิ้วเท้าทั้ง 4 ข้างที่ข้อนิ้วเท้าจะสามารถเชื่อมติดกับอุ้งฝ่าเท้า นอกจากนี้บริเวณ ศีรษะจะสามารถหมุนพลิกไปด้านหลั งได้องค์ประกอบของโครงสร้างกระดูกสันหลังจะเชื่อมโยงสู่ทุก ส่วนต่างๆ ของกล้ามเนื้อ กลายมาเป็นแหล่งกำลังสะสม บริเวณพื้นที่ของกระดูกเชิงกรานและขาหลัง จะมีความแข็งแรงและแกร่งมากเป็นพิเศษ แมวนั้นมีความสามารถในการกระโดดอย่างวิเศษสุดใน บรรดาสัตว์ 4 เท้า ช่วงคอและไหล่ของแมวจะมีกล้ามเนื้อคอยช่วยให้สามารถจับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ แมวสามารถทรงตัวในกลางอากาศได้แม้ว่าจะตกลงมาจากที่สูง การที่แมวทรงตัวอยู่ได้นั้น เป็นเพราะกระดูกสันหลังที่ยืดหยุ่น ได้ เมื่อแมวรู้สึกตัวว่ากำลังตกลงมาจากที่สูง มันจะบิดหลั ง จนกระทั่งหัวและขาของมันชี้สู่ พื้น จากนั้นก็ตวัดหางขึ้นเพื่อช่วยหมุนลำตัวด้านหลังกลับมาอย่างเดิม แมวจะทำการแผ่ขาทั้ง 4 ขาลงสู่พื้นเพื่อรองรับน้ ำหนักตัว แต่ถ้าหากแมวตกลงมาจากที่สูงมากๆ อาจจะได้รับอันตรายได้ 2.1.6.11 การสัมผัส แมวนั้นจะใช้หนวดของมันทำการสัมผัส ที่หนวดของแมวมีเส้นประสาท เมื่อปลายหนวดทำ การสัมผัสกับสิ่งกีดขวางเส้นประสาทก็จะเกิดการรับรู้จากการกระตุ้นทำให้แมวรู้สึกถึงสิ่ งนั้นและ ตำแหน่งของสิ่งนั้นๆ ถ้าหากแมวได้เดินเข้าไปในท่อหรืออุโมงมืด มันจะทำการกางหนวดออกมาเพื่อ สัมผัสผนังทั้ง 2 ด้าน ทำให้รู้ว่าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่ ดังนั้ นจึงไม่ควรถอนหนวดแมวหหรือตัด หนวดของแมวทิ้ง 2.1.6.12 การนอนหลับ แมวจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอนซึ่งคิดเป็นเวลาประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละวัน การนอนของแมวนั้นจะเป็นระยะเวลาสั้นๆที่เรียกว่า การงีบ ขณะกำลังนอนหลับแมวจะสามารถรับรู้ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ รอบตัวของมันได้ เสียงใดๆที่แมวได้ทำการวิเคราะห์แล้วว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่เป็น อันตรายกับตัวของมันเอง แมวจะทำการปิดกั้นเสียงนั้นและนอนหลับต่อ ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าแมว เป็นสัตว์กินเนื้อ ซึ่งจำเป็นต้องรักษาพลังงานให้มากที่สุดเพื่อใช้ในการล่าเหยื่อ

51

2.1.6.13 ความฉลาด แมวจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีความฉลาด เพราะสามารถปรับตัวตามสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าสัตว์ ชนิดอื่นๆ ในโลก ถ้าหากเปรียบเทียบความฉลาดของแมวกับมนุษย์เป็นการยากที่จะเปรียบเทียบ เพราะมนุษย์มีสมองหนักถึง 3 ปอนด์ และมีเซลล์ประสาทมากกว่า 100,000 ล้านเซลล์ ในขณะที่แมว มีมันสมองหนักเพียง 1-2 ปอนด์และเซลล์ประสาทเพียง 10,000, ล้านเซลล์เท่านั้น 2.1.6.14 การดมกลิ่น แมวมีจมูกไวกว่ามนุษย์หลายเท่าตัวเนื่องจากต่อมประสาทการรับกลิ่นของแมวโตกว่าถึง 10 เท่าตัว และยังมีระบบรับความไวของกลิ่นสำรองอีกชุด เมื่อใดที่แมวต้องการจะทำการพิสูจน์กลิ่นให้ ชัดเจน มันจะทำการยืดคออ้าปากทำท่าเหมือนหอบหายใจ ซึ่งเป็นการดึงกลิ่นเข้ามาในปาก กลิ่นจะ ผ่านไปตามท่อเล็กๆ 2 ท่อตรงไปยังต่อมความไวกลิ่นสำรอง ดังนั้นถ้าหากแมวมาเคล้าแข้งเคล้าขา หรือถูไถตามสิ่งของต่างๆ ระบบต่อมกลิ่นข้างแก้ม หน้าผาก และสีข้างของแมวจะทำการปล่อยกลิ่น ออกมาเพื่อให้แมวตัวอื่นที่มาเข้าใกล้รับรู้ถึงอาณาเขต 2.1.6.15 การคาบลูก แม่แมวส่วนใหญ่จะห่วงลูกและคอยดูแลป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดอันตรายกับลูกน้อยของมัน เมื่อลูกแมวเดินออกมาห่างไกลเกินไปแม่แมวจะคาบลูกกลับไปไว้ในรัง โดยการใช้ปากคาบตรงหลังคอ พากลับไปเพื่อหลบหลีกศัตรูที่จะทำอันตรายแก่ลูกแมว 2.1.6.16 การปีนป่าย แมวส่วนใหญ่เป็นนักปีนป่ายที่คล่องแคล่ว ว่องไว แมวจะใช้ขาและกรงเล็บยึดตัวไว้บนกิ่งไม้ และลูกแมวจะต้องทำการเรียนรู้ทักษะการปีนป่ายโดยการลองปีนถึงแม้ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม 2.1.6.17 พฤติกรรมความรักและความเชื่อใจที่แมวให้กับผู้เลี้ยง หากคุณสงสัยว่าแมวของคุณรักและเชื่อใจคุณมากแค่ไหน ลองสังเกตพฤติกรรมของพวกมัน ได้ ซึ่งจริงๆแล้วการแสดงออกของแมวได้บ่งบอกอะไรบางอย่างกับเรา เพียงแต่ว่าบางครั้งพวกเรา อาจจะไม่ทราบก็ได้ว่าสิ่งที่มันทำคือการแสดงความรักและความเชื่อใจอย่างหนึ่ง 1) เสียงครางในลำคอ เสียงเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อแมวรู้สึกมีความสุขหรือว่ากำลังผ่อนคลาย มันเป็นเสียงพิเศษสำหรับคนที่พิเศษเท่านั้น 2) เอาจมูกมาชน เป็นการแสดงความไว้เนื้อเชื้อใจ ปกติแล้วแมวจะเป็นสัตว์ที่ขี้ร ะแวง พอสมควรและเมื่อมันเชื่อใจแล้วก็จะใช้จมูกชนกันกับผู้เลี้ยง แมวกับแมวเองก็ทำเหมือนกัน 3) สามารถสัมผัสหัวได้แบบสบายๆ การกระทำนี้เป็นขั้นพื้นฐานที่สุดที่แสดงว่าแมวเริ่มเชื่อใจ คุณบ้างแล้ว

52

4) เอาตัวหรือหัวมาถูไถ เป็นสิ่งที่แมวกำลังแสดงคุณเป็นของๆมัน 5) เดินวนเวียนไปรอบๆ บางครั้งพวกมันอาจจะเอาเท้ามาเขี่ยๆหรือกวัดแกว่งหางไปมาใส่ผู้ เลี้ยงก็ได้ 6) นอนหลับพักผ่อนแบบไม่กังวล อย่างที่บอกคือแมวเป็นสัตว์ที่ขี้ระแวงและระมัดระวัง ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่มันนอนหลับแบบไม่กังวลสิ่งใด แสดงว่ามันไว้ใจว่าคุณจะไม่ไปทำร้าย มันอย่างแน่นอน 7) เวลาเรียกจะร้องตอบ หลายคนอาจจะคิดว่าแมวไม่รู้จักชื่อของตัวเอง แต่เ ชื่อเถอะว่ามัน แค่ไม่สนใจมนุษย์ในบางครั้งเท่านั้นเอง แต่สำหรับผู้เลี้ยงเรียกเมื่อไรก็จะร้องตอบกลับมาเมื่อนั้น 8) นอนแผ่หนาสองสลิง การที่แมวเผยจุดอ่อนที่สุดคือพุงของมันให้พวกเราได้เห็นแสดงว่า มันเชื่อใจเราแบบสุดๆว่าพวกเราไม่เป็นอันตรายต่อมันอย่างแน่นอน 9) ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง ถ้าแมวเหมียวของคุณชอบที่จะติดตามคุณไปทุกที่ภายในบ้าน ถึงแม้ว่าคุณจะแยกห้องกับพวกมันก็ตามแสดงว่ามันเริ่มคลั่งไคล้คุณแล้ว 10) ทักทายคุณเมื่อกลับถึงบ้าน อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับแมวบางตัว แต่ว่า มีแมวอีก หลายตัวที่แสดงท่าทีและออกมาต้นรับเจ้าของที่กลับมาบ้านทุกครั้งเหมือนกัน 11) ให้ของขวัญ แมวเป็นสัตว์ที่เป็นนักล่า ถ้าหากว่ามันล่าสัตว์หรือคาบสิ่งต่างๆมาให้คุณ แสดงว่ามันเห็นคุณเป็นหนึ่งในสมาชิกในครอบครัว 12) ชอบมาให้ความอบอุ่น ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนแต่อย่าลืมว่าความต้านทานความหนาว เย็นของคนกับแมวไม่เหมือนกัน มันจะเข้ามาซุกหรือกอดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่คุณเพราะว่าคุณ คือคนสำคัญ (บ้านและสวน,2565) 2.1.7 การเลี้ยงดูแมว การดูแลสุขภาพของแมว เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงแมว โดยการสังเกตและตรวจดู อวัยวะต่างๆถ้าพบเห็นความผิดปกติของแมว ควรรีบพาไปพบสัตว์แพทย์และควรพาไปตรวจสุขภาพ อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แมวที่มีสุขภาพที่ดีนั้นจะทานอาหารได้มาก ขนจะเงางามและ อัตราระบบการหายใจเป็นไปอย่างปกติ อุณหภูมิของแมวปกติจะอยู่ระหว่าง 37.8 - 39.2 องศาเซลเซียส ชีพจรออกลูกแมวนั้นจะตั้ง 150-200 ครั้ง/นาที แมวที่มีอายุน้อยจะอยู่ที่ 80-175 ครั้ง/นาที แมวที่มีอายุมากจะอยู่ที่ 150-200 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจในลูกแมวนั้น 30-40 ครั้ง/นาที แมวอายุน้อยอยู่ที่ 20-30 ครั้ง/นาที แมว อายุมากแล้วอยู่ที่ 20 ครั้ง/นาที ชีพจรและการหายใจของแมวนั้นจะน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับอายุของ แมวซึ่งเป็นสิ่งปกติ ตา แมวที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาที่สดใส ไม่ขุ่นมัวและไม่มีขี้ตาหรือคราบน้ำตา ถ้าหากพบเห็น อาการดังกล่าวแสดงว่าแมวมีอาการผิดปกติควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์หรือทำการรักษาโดยการล้างตา แมวเพือ่ เอาหนองและสิ่งสกปรกออก

53

หู เป็นสิ่งจำเป็นในการรับฟังเสียงต่างๆของแมว ผู้เลี้ยงจะต้องระมัดระวังสิ่งที่จะเป็นอันตราย ต่อหูของแมว เช่น สบู่ น้ำ หมัดและเห็บเข้าไปอยู่ในรูหู ควรหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ ถ้าหากหูสกปรก ควรใช้สำลีชุบน้ำและเช็ดให้สะอาด แต่ถ้าเป็นแผลหรือมีตุ่มขึ้นควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที ฟัน ผู้เลี้ยงควรทำการตรวจฟันและทำความสะอาดของแมวบ่อยครั้ง โดยทำการแคะเศษ อาหารที่ติดฟันแมวออกจากนั้นใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนหรือสำลีชุบน้ำเกลือหรือยาสีฟันทำการแปรง หรือเช็ดฟันให้สะ-อาดจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหงือกและฟัน ถ้าหากพบว่าแมวมีอาการเหงือก บวมหรือมีปัญหาเรื่องฟันจะต้องรีบไปหาสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที จมูก เป็นสิ่งบ่งชี้ได้ชัดเจนเมื่อแมวมีอาการป่วย แมวที่มีสุขภาพดีจมูกจะชื้นและเย็น แต่ถ้า หากว่าแมวมีอาการป่วยจมูกจะแห้งและถ้ามีน้ำมูกหรือได้ยินเสียงหายใจแรงๆหรือเห็นแมวใช้เท้าเตะ กุมจมูกบ่อยๆ ควรรีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ทันที 2.1.7.1 การดูแลแมว 1) การออกกำลังกายของแมว การออกกำลังกายของแมวควรจะทำเป็นประจำเพราะการ ออกกำลังหายจะช่วยไม่ให้แมวมีอาการท้องผูกและยังช่วยทำให้กินอาหารได้ดีขึ้น โดยผู้เลี้ยงอาจจะจูง แมวไปเดินเล่นโดยให้มันปีนป่ายต้นไม้หรือปล่อยให้ได้วิ่งเล่นอย่างอิสระหรือถ้าหากเป็นลูกแมวอาจจะ หาของเล่นมาให้เล่นก็ได้ เพื่อสุขภาพที่ดีต่อไปของแมว 2) ที่อยู่และอุปกรณ์ การเลี้ยงแมวนอกจากจะเลี้ยงไว้เพื่อดูเล่นและเป็นเพื่อนยามเหงาแล้ว ผู้เลี้ยงควรจะให้ความ รัก ความเอาใจใส่ดูแล ในการเลี้ยงแมวนั้นควรจะจัดการหาที่อยู่อาศัยที่มีความสะอาดให้แมวได้อยู่ เพื่อสุขภาพที่ดีต่อไป การจัดการเกี่ยวกับที่อยู่ การเลี้ยงแมวภายในบ้านนั้น ควรจะทำการศึกษาข้อมูลของแมวว่าต้องการอยู่แบบไหน ลักษณะอย่างไร แล้ว ทำการจัดที่อยู่ให้แมวโดยอาจจะจัดหากล่องหรือตะกร้า แล้ว ใช้กระดาษ หนังสือพิมพ์หรือเศษผ้าที่ไม่ใช้มาปูหลายๆชั้ นเพื่อทำเป็นที่นอนแล้วนำไปวางไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของ บริเวณบ้านที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก นอกจากนี้ควรจัดหาท่อนไม้แข็งๆหรือแผ่นไม้ไว้ให้แมวทำการ ลับเล็บของมัน ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่ได้เตรียมอุปกรณ์นี้ แมวก็จะทำการลับเล็บในที่ต่างๆของบ้าน เช่น โต๊ะ ประตู หน้าต่าง เป็นต้น และจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา ไม่ควรกักขังแมวไว้ในบ้านเป็น เวลานานๆ เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด ควรจะวางกรงไว้ที่ที่มีแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้า และไม่มีลมโกรกและไม่ให้ฝนสามารถสาดโดนแมวได้ เพราะแมวนั้น เป็นสัตว์ขี้หนาว ถ้าโดนฝนทำให้ แมวเกิดเป็นโรคปวดบวม ไข้หวัด และโรคอื่นๆตามมา ถ้าหากมีฝนตกหรืออากาศ หนาว ควรจะจัดหา กระสอบมาปูเพื่อให้ความอบอุ่นและควรมีผ้าหลุมกรงหรือคอกที่ท ำมาจากผ้าฝ้ายหรือผ้าในล่อนเพื่อ กันไม่ให้แมลง ยุง เข้าไปรบกวนแมวในเวลากลางคืน

54

นอกจากนี้ควรจะทำการปล่อยแมวให้ออกจากกรงหรือคอกบ้างเป็นบางเวลา เพื่อให้แมวไม่ หวาดกลัวและมีสังคมกับแมวตัวอื่นๆและควรทำการกักขังแมวในระยะที่แมวติดสัตว์เพื่ อป้องกันการ ผสมพันธุ์กับแมวที่ไม่ต้องการ ถ้าหากผู้เลี้ยงมีแมวตัวผู้และตัวเมีย ควรจะทำการแยกกรงกัน เพราะ แมวตัวผู้มีนิสัยชอบรังแกและดุร้าย อุปกรณ์สำหรับแมว การเลี้ยงแมวให้มีสุขภาพดีนั้นควรจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นดังนี้ • ที่ใส่อาหารควรมีลักษณะเป็นจานตื้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว ลึก 1 นิ้ว • ที่ใส่น้ำควรเป็นถ้วยเคลือบหรือถ้วยพลาสติกขนาดพอเหมาะ • ที่นอนอาจจะใช้ตะกร้าหรื อกล่องปูพื้นด้ว ยเศษผ้าและปูด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ หลายๆชั้น ขนาดของที่นอนนั้นขึ้นอยู่กับตัวแมว ถ้าเป็นแม่แมวที่มีลูกอ่อน ควรทำที่ นอนขนาดใหญ่และปูพื้นให้นุ่มๆ • กระบะทรายหรือกะละมังใส่ทรายไว้ส ำหรับให้แมวขับถ่ายของเสีย ควรจะมีขนาด เส้นผ่าศูยน์กลาง 14 นิ้ว ลึก 5 นิ้ว ไม่ควรจะใช้วัสดุที่ทำมาจากโลหะหรือสแตนเลส เพราะอุจจาระและปัสสาวะแมวนั้นจะทำการกัดเนื้อโลหะทำให้เกิดการผุกร่อนและ ควรจะทำการเปลี่ยนทรายทุกวันเพื่อความสะอาด • ควรมีท่อนไม้แข็งๆ ไม่มีเสี้ยนไว้สำหรับให้แมวลับเล็บ วางไว้ในกรงหรือบริเวณที่ แมวชอบเล่นเพื่อกันไม่ให้แมวไปทำการลับเล็บกับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน • สายจูงแมว เป็นอุปกรณ์ที่ใช้พาแมวออกไปเที่ยวข้างนอกและต้องการให้แมวเดิน ด้วยตัวเอง • สายบังเหียนสำหรับแมว เป็นอุปกรณ์ที่ทำขึ้นพิเศษ สายบังเหียนควรจะถักด้วยใน ล่อนที่ออกแบบมาไว้ให้ใส่คล้องขาหน้าทั้ง 2 เพื่อป้องกันไม่ให้แมวลอดหลุดออกไป และสามารถปรับสายได้ตามขนาดของแมว • ปลอกคอแมว ควรจะทำมาจากแถบยางยืด ถั ก หรื อ สายหนั ง ที ่ ม ี ส ี ส ั น หลากสี นอกจากนี้ควระจะใส่กระดิ่งสะท้อนแสงที่สามารถช่วยส่งเสียงเตือนคนขับรถได้ใน ขณะที่แมวของคุณออกจากบ้านไปในเวลากลางคืน เพื่อลดปัญหาแมวของคุณถูกรถ ชนหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากแมว • ของเล่น แมวเป็นสัตว์ที่ชอบเล่นจึงควรจะมีของเล่นไว้ให้ อาจจะเป็นกระดาษม้วน กลมๆ หรือแกนหลอดด้าย หรือตุ๊กตา เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันได้มีของเล่นสำหรับแมว ออกมาจำหน่ายหลากหลาย • กรงสำหรับการเคลื่อนย้ายแมว ในปัจจุบันได้มีหลากหลายชนิด เช่น ตะกร้าหวายหู หิ ้ ว ตะกร้ า พลาสติ ก กระเป๋ า พลาสติ ก หู ห ิ ้ ว หรื อ กรงสแตนเลส เป็ น ต้ น จะมี หลากหลายขนาดให้เลือกใช้

55

• กรรไกรตัดเล็บ ตะไบ ใช้สำหรับตัดเล็บแมวไม่ให้มีความยาวมากเกินไป และช่วย ป้องกันการข่วนของแมวเพราะเล็บแมวมีความ • แชมพูและครีมนวดขนแชมพูและครีมนวดขน ควรจะเลือกที่มีสารไม่รุน แรงต่อ สภาพผิวของแมวมากจนเกินไปและมีกลิ่นที่ฉุนหรือรุนแรงเพราะแมวสามารถรับรู้ กลิ่นได้ไว • แปรงหรือหวี ในปัจจุบันมีหลายชนิดที่ทำมาจากพลาสติก มีทั้งหวีที่ใช้ส ำหรับแมว ขนสั้นและขนยาวให้เลือกตามความพอใจ อุปกรณ์ต่างๆของแมวนั้น ควรได้รับการ ดูแลเอาใจใส่ให้สะอาดอยู่เสมอ 3) การอาบน้ำ แปรงขนและการตัดเล็บ การอาบน้ำ แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดมันจะทำการเลียขนของมันอยู่ตลอดเวลา แต่การอาบน้ ำก็ จำเป็นสำหรับแมวเพราะว่า บางครั้งมีสิ่งที่ไม่ต้องการ เช่น เห็บ เหา ไร และกลิ่นเหม็นหรือสิ่งสกปรก ต่างๆติดมากับขน ผิวหนังหรือตามซอกเล็บของแมว แต่ก็ไม่ควรอาบน้ำให้แมวบ่อยจนเกินไป ควรอาบ เดือนละ 1-2 ครั้ง เพราะปกติแล้วขนของแมวจะทำการผลิตไขมันออกมาจากต่อมไขมันเพื่อทำให้เกิด ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ขนแห้งจนเกินไปถ้าหากอาบน้ำบ่อยเกินไปจะทำให้ขนแห้งและเป็นขุย ตกสะเก็ด และขนร่วง นอกจากนี้อาจจะทำให้แมวป่วยเป็น หวัด ปอดบวม ตาอักเสบ หูเน่า เป็นต้น การแปรงขนแมว การแปรงขนแมวเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นแมวขนสั้นหรือแมวขนยาว เป็นการกระตุ้นการ ไหลเวียนของเลือดที่ผิวหนังให้ดีขึ้น ทำให้ผิวหนังและเส้นขนมีสุขภาพดี ขนเป็นเงางาม ยังช่วยกำจัด สิ่งสกปรกและทำให้เส้นขนไม่พันเกาะติดกันเป็นสังกะตังซึ่งจะทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบได้ การตัดเล็บแมว ขั้นแรกจะต้องอุ้มและวางแมวไว้บนตักและจับขาแมวหร้อมกับเอามือกดบริเวณนิ้วเท้าเพื่อให้ เล็บกางออก ตัดเฉพาะส่วนปลายของเล็บ ไม่ควรจะตัดสั้นจนเกินไปเพราะจะทำให้แมวเจ็บและอาจ ไปโดนเนื้อเล็บทำให้เลือดออกได้ ถ้าหากแมวมีอาการดิ้นก็ไม่ควรฟื้นตัดต่อ ค่อยๆเล็มวันละ 2-3 เล็บ เพื่อให้แมวเคยชินต่อการตัดเล็บในแต่ละครั้ง 4) การเลี้ยงลูกแมว ในช่วงที่แม่แมวให้นมลูกแมว ผู้เลี้ยงควรจะบำรุงแม่แมวโดยการให้กินอาหารบ่อยๆ และให้ อาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวกำลังเจริญเติบโต ซึ่งปริมาณสารอาหารจะมีมากกว่าอาหารสำเร็จรูป

56

สำหรับแมวโต เนื่องจากช่วงนี้แม่แมวจะสูญเสียอาหารไปกับน้ ำนมเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะทำให้ สภาพร่างกายของแม่แมวนั้นทรุดโทรมลงได้ การให้ภูมิคุ้มกันโรคและการถ่ายพยาธิเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ควรจะทำการให้วัคซีนลูกแมว ครั้งแรกเมื่อมีอายุประมาณ 7-8 สัปดาห์โดยที่ผู้เลี้ยงควรจะนำลูกแมวไปฉีดวัคซีนป้องกัน โรคไข้หัด โรคทางเดินหายใจ และช่องปากอักเสบ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยให้ห่างกัน 1 สัปดาห์และทำ ให้ซ้ำอีกครั้งห่างจากครั้งแรกประมาณ 4 สัปดาห์ ต่อจากนั้นให้ทำการฉีดวัคซีนซ้ำปีละครั้ง และลูก แมวควรจะทำการถ้ายพยาธิครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 6 สัปดาห์ ควรทำติดต่อกัน 3 วัน แล้วเว้นช่วง เป็นเวลา 15 วัน แล้วทำการถ่ายพยาธิเดือนละครั้งทุกเดือน ลูกแมวในวัยนี้จะมีความซุกซนมาก อาจจะทำให้ข้าวของเสียหายได้ง่าย ผู้เลี้ยงควรจะหาของเล่นสำหรับแมวไว้ให้ ในปัจจุบันนี้มีของเล่น สำหรับลูกแมวเพื่อทำการฝึกระบบประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น สายตา ความว่องไว ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อ การพัฒนาทั้งทางร่างกายและจิตใจของลูกแมว ทำให้ลูกแมวสามารถปรับตัวในการดำรงชีวิตต่อไปใน อนาคตได้ 5) การดูแลลูกแมวกำพร้า ลูกแมวที่มีอายุ 3-6 สัปดาห์นั้น ถ้าหากไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากแม่แมวส่วนใหญ่ก็จะตายลง ส่วนลูกแมวมีอายุเกิน 6 สัปดาห์ จะสามารถกินอาหารและดูดนมได้ แต่ส ำหรับลูกแมวที่มีอายุต่ำกว่า 3-6 สัปดาห์จะต้องเลี้ยงดูด้วยนมการเลี้ยงลูกแมวกำพร้าหรือลูกแมวที่แม่แมวไม่มีน้ำนมให้ดูดอาจจะ ใช้นมสุนัขแทนก็ได้เพราะส่วนประกอบของน้ำนมสุนัขคล้ายกับน้ำนมแมว อีกวิธีหนึ่งผู้เลี้ยงต้องทำตัว เป็นแม่แมวคอยให้น้ ำมันและอาหารแทนไปจนกว่าลูกแมวจะกินอาหารเองได้ ซึ่งใช้เวลา 6 สัปดาห์ หลักในการช่วยเหลือลูกแมวมีดังนี้ • การจัดให้ลูกแมวอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อย่าให้ ลูกแมวอยู่ในที่ที่หนาว จนเกินไป ที่อยู่ของลูกแมวควรจะอยู่ในลังหรือตะกร้าที่มีความอบอุ่น ควรปูที่นอน ของแมวด้วยเศษผ้าหลายๆชั้นและทำการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยๆตรวจดูอุจจาระ ของลูกแมวเสมอ และคอยสังเกตุพฤติกรรมความผิดปกติของลูกแมวตลอดเวลา • ควรให้ลูกแมวกินนมทดแทน ผู้เลี้ยงควรหาสูตรอาหารนมทดแทนให้ลูกแมวดูดนม ทดแทนนั้นต้องมีคุณภาพที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของลูกแมวเพื่อ ความแข็งแรง • ควรให้ อ าหารลู ก แมวที ล ะน้ อ ยแต่ บ ่ อ ยครั ้ ง เพราะร่ า งกายของลู ก แมวกำลั ง เจริญเติบโต ผู้เลี้ยงจะต้องเตรียมอุปกรณ์และภาชนะที่ใช้ใส่นม ซึ่งจะต้องสะอาด น้ำนมที่ให้ลูกแมวดูดนั้นไม่ควรเก็บไว้นานจนเกินกว่า 48 ชั่วโมง และผู้เลี้ยงควรเก็บ ไว้ในตู้เย็น เมื่อก่อนใช้จะต้องนำมาอุ่นก่อนที่อุณหภูมิประมาณ 101.5 องศาฟาเรน ไฮต์ ซึ่งอุณหภูมินี้เท่ากับน้ำนมแม่แมว

57

• ควรกระตุ้นระบบขับถ่าย ตามธรรมชาติแล้วลูกแมวที่มีอายุต่ำกว่า 3 สัปดาห์ การดูแลลูกแมวหลังการหย่านมการหย่านมให้ลูกแมวสามารถทำได้เมื่อแมวมีอายุตั้งแต่ 4 สัปดาห์ ซึ่งในระยะนี้ปริมาณน้ ำนมของแม่แมวจะลดน้อยลง แต่ก่อนที่จะทำการหย่านมนั้นผู้เลี้ยง จะต้องทำการฝึกให้ลูกแมวกินอาหารเสริมก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหลังการหย่านม และทำให้ลูกแมว มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และเจริญได้เต็มที่โดย ผู้เลี้ยงควรจะให้อาหารลูกแมวหลังหย่านมดังต่อไปนี้ (ชนากานต์ จริยวัฒนากุลกิจ,2560) ตารางที่ 2.4 อายุของแมว อายุแมว หย่านมใหม่ๆ อายุ 3-6 เดือน อายุ 6-8 เดือน อายุ 8 เดือน อายุ 9 เดือน

จำนวนครั้งที่ให้อาหารต่อวัน ควรให้นมวันละ 5 ครั้งและให้อาหารเสริม ควรให้นมวันละ 4 ครั้ง ควรให้นมวันละ 4 ครั้ง ควรให้นมวันละ 2 ครั้งอย่างน้อย ควรให้นมวันละ 2 ครั้งและเสริมด้วยอาหารที่ ผสมเนื้อสับอย่างละเอียด ที่มา: การศึกษาแมวไทยเพื่อออกแบบคาแรคเตอร์เกม (2560)

6) วัคซีนในแมว (Feline vaccination) การให้วัดชีน คือ การนำเชื้อโรคที่ไม่มีความสามารถในการทำให้เกิดโรคเข้าไปในร่างกาย จากนั้นระบบภูมิต้านทานของร่างกายก็จะสามารถจดจำและสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคดังกล่าว ชนิดของวัคซีน วัคซีนที่ใช้ในแมวมีหลายชนิด ประกอบด้วย วัคซีนเชื้อตาย (inactivated vaccines) เชื้อโรคที่อยู่ในวักชีนถูกทำลายจนไม่สามารถทำให้ เกิดโรคและแบ่งตัวได้อีกในร่างกายของแมวแต่ยังมีความสามารถกระตุ้นให้สร้างภูมิต้านทานวัดชีน ชนิดนี้จะปลอดภัย แต่ใช้เวลานานในการสร้างภูมิด้านทาน วัคชีนเชื้อเป็น (modified live-virus vaccines: MLV) เชื้อโรคที่อยู่ในวัดซีนถูกทำให้อ่อน แรงจนไม่สามารถทำให้เกิดโรค แต่สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในร่างกายของแมว ทำให้การสร้าง ภูมิด้านทานได้ เร็วและเป็นจำนวนมาก ในบางกรณีไวรัสที่อยู่ในวักชื่นชนิดนี้สามารถขับ ออกมา ภายนอกร่างกายของแมวหลังจากได้รับวัคชื่น และ สามารถติ ดต่อไปยังแมวตัวอื่นที่มาใกล้ชิดได้ วัก ซีนชนิดนี้ไม่ควรใช้ในแมว subunit vaccine เป็นการนำบางส่วนของเชื้อโรดที่มีความสามารถในการกระตุ้นให้สร้าง ภูมิต้านทานมาทำวักชีน ดังนั้นวักชีนชนิดนี้จะปลอดภัยเพราะไม่มีตัวเชื้อโรค

58

genetically engincered vaccines หรือ recombinant vaccines เป็นวัดชีนที่เกิดจาก การตัดต่อสารทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นเทคนิคที่กำลังพัฒนาในปัจจุบัน 7) ทางสำหรับให้วัคซีน (route of vaccination) ทางสำหรับให้วัดซีนมีผลต่อความเร็ว และระดับของการสร้างภูมิต้านทาน โดยทั่วไปแล้วทาง สำหรับให้วัคซีนขึ้นโดยตรงกับบริษัทที่ผลิต หรือสัตวแพทย์ ปัจจุบันทางสำหรับให้วัคซีนในแมว ประกอบด้วย 1. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular: IM) 2. ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneous; SC) 3. การหยอดจมูก (intranasal; IN) ส่วนมากวัคชีนที่ให้โดยการจืด เข้ากล้ามเนื้อสามารถให้โดยการดใด้ผิวหนังได้ ส่วนวักชีน สำหรับการหยอดจมูกจะเป็นวัดซีนเชื้อเป็น วัคซีนชนิดนี้จะผลิตภูมิต้านทานได้เร็วแต่อาจพบอาการ ข้างเกียงได้หลังให้วัดชีนแมว เช่น มีการถาม น้ำมูกและน้ำตาไหล 4-7 วัน และแมวสามารถขับไวรัสที่ อยู่ในวัคซีนออกมาหลายวันหลังได้รับวัคซีน 8) ข้อควรระวังสำหรับการให้วัคซีน (precautions for vaccination) ถึงแม้การให้วัคซีนจะเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจมีผลข้างเดียง เกิดขึ้น (ซึ่งปกติ แล้วเกิดขึ้นน้อยมาก) ได้หลายชนิด เช่น 1.ก่อให้เกิดโรคจากวัคซีน กรณีที่เชื้อไวรัสในวัดชีนถูกทำลายอย่างไม่เหมาะสมระหว่างการ ผลิตหรือขั้นตอนการเตรียมไม่เหมาะสมเช่น พบอาการของโรคพิษสุนัขบ้าหลังจากใช้วัคซีนเชื้อเป็นที่ ไม่แนะนำให้ใช้สำหรับแมว 2. มีผลต่อลูกในท้อง การให้วัดชีนขณะแมวตั้งท้อง อาจมีผลต่อการพัฒนาของลูกในท้อง เช่น ลูกตาย แท้ง หรือ มีความพิการ 3. ปฏิกิริยาการแพ้ บางครั้งอาจเกิดรุนแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้นหลังการทำวัคชีนควรรอ ณ. สถานที่ฉีดประมาณ 30 นาที 4. เนื้องอกบริเวณที่ฉีดวัคชีน เช่น วั คซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หรือ feline leukemia vaccine อย่างไรก็ตามพบว่าอัตราการเกิดต่ำมากประมาณ 0.01- 1.05 % 5. การติดเชื้อ มักเกิดจากการเตรียมอุปกรณ์การฉีดวัดชีนไม่ดีพอเกิด การปนเปื้อนเชื้อแบกที่ เรีย เกิดฝีหนองบริเวณที่ฉีด หรือการติดเชื้อทั่วร่างกาย 6. เส้นประสาทถูกทำลาย กรณีตำแหน่งของการฉีดวัคซีนไม่เหมาะสม ทำให้เส้นประสาท ส่วนปลายเสียหาย แมวอาจแสดงอาการเจ็บขาหรือเป็นอัมพาตได้

59

ตารางที่ 2.5 โปรแกรมการฉีดวัคชีนในประเทศไทย อายุ วัคซีนป้องกันโรค 8-9 อาทิตย์ ไข้หัดแมว,หวัดแมว 9-10 อาทิตย์ มะเร็งเม็ดโลหิตขาว 12 อาทิตย์ พิษสุนัขบ้า 12-14 อาทิตย์ ไข้หัดแมว,หวัดแมวและมะเร็งเม็ดโลหิตขาว ทุกปี พิษสุนัขบ้า,ไข้หัดแมว,หวัดแมว และมะเร็งเม็ด โลหิตขาว ที่มา: ผศ.พัชนี ศรีงาม (2560) ตารางที่ 2.6 ประยุกต์จากโปรแกรมการฉีดวัคชีนตามมาตรฐานของสัตวแพทย์สมาคมใน สหรัฐอเมริกา โรค รูปแบบของวัคซีน อายุการให้วัคซีน อายุการให้ การกระตุ้น ครั้งแรก วัคซีนครั้งที่ วัคซีน (อาทิตย์) สอง (อาทิตย์) ประจำปี ไข้หัดแมว แบบฉีดเชื้อเป็นและ 8-10 12-16 ทุกปี เชื้อตาย หวัดแมว แบบฉีดเชื้อเป็นและ 8-10 12-16 ทุกปี เชื้อตาย แบบหยอดจมูกเชื้อเป็น พิษสุนัขบ้า แบบฉีดเชื้อตาย 12 64 ทุกปี มะเร็งเม็ดโรหิต แบบฉีดเชื้อตาย 8 12-16 ทุกปี ขาว ช่องท้องอักเสบ แบบหยอดจมูกเชื้อเป็น 16 20 ทุกปี ติดต่อ ปอดอักเสบ แบบฉีดเชื้อเป็นและ 9 12-16 ทุกปี เชื้อตาย กลาก แบบฉีดเชื้อตาย 16 8และ22 ไม่กำหนด ที่มา: ผศ.พัชนี ศรีงาม (2560)

60

9) เทคนิคการฝึกหัดแมว การฝึกแมวนั้นควรฝึกตั้งแต่เล็กๆ เพราะแมวจะทำการเรียนรู้ได้จนถึงอายุประมาณ 2 ปี จากนั้นแมวก็จะไม่สามารถนำมาฝึกได้อีก การฝึกหัดแมวมีกฏเกณฑ์หลายข้อที่ผู้เลี้ยงจะต้องจำและ นำไปปฏิบัติให้ถูกวิธี เพราะแมวนั้นมีประสามสัมผัสที่ดีในการจำ หลักการฝึกหัดแมวมีข้อปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ ควรสอนแมวช้าๆ สอนให้ทำอะไรก็ค่อยๆ สอนทีละอย่างทีละขั้นตอน เช่น การสอนให้จับ มือ ผู้เลี้ยงควรพูว่า “ขอมือ” และทำการจับเท้าหน้าข้างขวาหรือข้างซ้ายของแมวขึ้นมาช้าๆและถ้า หากแมวปฏิบัติตามแล้ว ผู้เลี้ยงจะต้องส่งรางวัลให้แมวกินทันที การส่งรางวัลให้ก็ควรกระทำอย่างช้าๆ เหมือนกัน ควรให้รางวัลทันที เมื่อแมวทำตามคำสั่งไม่ว่าแมวนั้นจะทำตามคำสั่งได้โดยที่ผู้เลี้ยงคอย ช่วยเหลือหรือไม่ก็ตาม บางครั้งผู้เลี้ยงอาจจะให้รางวัลด้วยการแสดงความรักหรือความพอใจแทนที่จะ ให้ของกินแก่แมวก็ได้ ควรทำการฝึกทุกๆวัน และต้องฝึกให้ตรงเวลาทุกวัน ควรจะสังเกตถึงความรู้สึกของแมว ถ้าหากเห็นว่าแมวมีอาการเหน็ด เหนื่อย ผู้เลี้ยงควรทำ การยุติการฝึกไว้และควรฝึกชนิดอื่นต่อไปถ้าหากว่าแมวของผู้เลี้ยงยังมีอาการไม่เต็มใจในการฝึกผู้เลี้ยง ควรจะหยุดการฝึกทันที ควรฝึกแมวให้ทำตามคำสั่งทีละอย่าง เมื่อทำตามที่สั่งได้แล้ว จึงทำการฝึกอย่างอื่นต่อไป โดยวิธีการเช่นนี้ ผู้เลี้ยงจะฝึ กแมวทำตามคำสั่งเร็วกว่าการฝึกหัดให้ทำตามคำสั่งหลายๆอย่างในการ ฝึกหัดแต่ละคราว ควรปฏิบัติต่อแมวเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อสุนัขหรือสัตว์ชนิดอื่นๆด้วยกิริยาวาจาและใจที่ รักสัตว์ 10) การฝึกแมวให้รู้จักชื่อ การตั้งชื่อให้แมวนั้น ผู้เลี้ยงควรจะตั้งชื่อให้สั้นๆง่ายๆ ไม่ควรเกิน 2 พยางค์ และไม่ควร เปลี่ยนชื่อบ่อย เพราะจะทำให้แมวเกิดการสับสน ควรจะทำการฝึกตั้งแต่แมวยังเล็ก ซึ่งจะเป็ น ประโยชน์ต่อการฝึกขั้นต่อไป 11) การฝึกให้แมวถ่ายเป็นที่เป็นทาง การฝึกให้แมวถ่ายเป็นที่นั้น ผู้เลี้ยงควรจัดเตรียมถาดทรายตื้นๆวางไว้มุมใดมุมหนึ่ งของบ้าน จากนั้นให้สังเกตอาการถ่ายของแมว โดยทั่วไปแล้วถ้าหากว่าแมวถูกขังกรงและต้องการถ่าย แมวจะ แสดงอาการกระสับกระส่ายและตะกุยพื้นส่งเสียงร้อง ถ้าหากว่าผู้เลี้ยงไม่สนใจแมวจะกลั้นอุจจาระ และปัสสาวะจนทำให้แมวกลายเป็นโรคท้องผูกได้ ดังนั้นเมื่อเห็นแมวกำลังจะถ่าย ผู้เลี้ยงควรรีบพาไป ยังถาดทรายที่เตรียมไว้ ทำเช่นนี้เป็นประจำประมาณ 3-4 ครั้ง แมวจะจดจำที่ขับถ่ายของมันได้เมื่อ

61

เห็นว่าแมวกำลังถ่ายในบริเวณอื่น ผู้เลี้ยงควรจะดุทันทีว่า “ไม่ หรือ อย่า”แล้วรีบนำแมวไปยังสถานที่ เดิมของมันเพื่อเป็นการฝึกให้แมวรู้ว่าสิ่งนี้ถูก ต้องควรจะปฏิบัติ ในไม่ช้าแมวก็จะถ่ายเป็นที่เป็นทาง ผู้ เลี้ยงอาจจะฝึกให้แมวทำการถ่ายนอกบ้านก็ได้ โดยการจัดเตรียมทางเข้าทางออกให้เป็นประตูส ำหรับ แมวโดยเฉพาะ การสอนให้แมวรู้จักใช้บานประตูเริ่มแรก ผู้เลี้ยงจะต้องคอยช่วยเหลือจับยึดบานประตู ไว้ให้แมวเดินเข้าออกได้ ก่อน หลังจากนั้นพยายามปล่อยให้แมวปฏิบัติเองจนในที่สุดแมวจะคุ้นเคย และสามารถใช้อุ้งเท้าทำการผลักบานประตูให้เปิดออกเองได้ในที่สุด 12) การฝึกแมวโดยใช้สายฝึก การฝึกแมวโดยการใช้สายฝึกสามารถทำได้ ผู้เลี้ยงจะต้องอาศัยความพยายามและความ อดทน อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการฝึกนั้นมีอยู่ 2 อย่างคือ ปลอกคอและสายฝึก (สายจูง) ปลอกคอของ แมวควรมีลักษณะเบา เป็นอานเลข 8 หรือ รูปตัว H และสายหนึ่งควรทำการพาดคอแมวอีกสายพาด ผ่านลำตัวหลังขาหน้า ปลอกคอแมวนั้นไม่ควรรัดจนเกินไป และมีห้วงอยู่ตรงกลางอานเป็นที่เกี่ยว สำหรับสายฝึก และสายฝึกควรมีลักษณะเบาและยาวไม่เกิน 5 ฟุต ด้านปลายมีที่จับเป็นห่วงคล้องมือ ผู้เลี้ยง ก่อนที่จะทำการฝึกนั้นผู้เลี้ยงควรจะทำให้แมวคุ้นเคยกับสายฝึกก่อนและเตรียมอาหารเพื่อเป็น รางวัลไว้สำหรับแมว ขั้นตอนการฝึกควรปฏิบัติดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การฝึกในบ้าน ผู้เลี้ยงควรสามอานให้กับแมวแต่ยังไม่ต้องทำการฝึก ควรจะให้ แมวนั้นเคยชินกับอานก่อนและไม่ว่าแมวจะแสดงท่าทางอะไรผู้เลี้ยงไม่ต้องกังวล ควรให้รางวัลเป็น การตอบแทน เมื่อแมวหยุดแสดงท่าทางต่างๆแล้ว เดินมาหาผู้เลี้ยงก็ควรจะให้รางวัล ควรใส่อานไว้ ประมาณ 10 นาที แล้วทำการปลดอานออก ผู้เลี้ยงควรทำซ้ำอย่างนี้วันละ 2-3 ครั้ง จะทำให้แมวรู้สึก ชินกับอานและค่อยทำการฝึกต่อไป ขั้นตอนที่ 2 สอนให้แมวเดินโดยการใช้สายฝึก โดยผู้เลี้ยงควรจะถือสายฝึกอยู่ในมือแล้วก้าว ไปข้างหน้า 1 ก้าว พร้อมกับกระตุกสายฝึกเบาๆ ถ้าหากว่าแมวเดินตามก็ควรจะให้รางวัลเตรียมไว้ แล้วค่อยๆ เดินไปข้างหน้าช้าๆ ถ้าหากว่าแมวดิ้นหรือพยายามหนีจากการฝึก ผู้เลี้ยงควรจะมีความ อดทนและใจเย็น ถ้าหากว่าแมวปฏิบัติตามคำสั่งควรจะให้รางวั ลและปฏิบัติซ้ำๆอย่างนี้เป็นเวลา หลายๆวัน จนแมวปฏิบัติตามโดยไม่มีการขัดขืน ขั้นตอนที่ 3 การฝึกนอกบ้าน การฝึกแมวนอกบ้านนั้นผู้เลี้ยงอาจจะจูงแมวเดินไปทางซ้ายมือ ของผู้เลี้ยง ให้พันสายจูงไว้ในมือขวาแล้วบังคับด้วยมือซ้าย ควรทำการเดินช้าๆ ผู้เลี้ยงต้องใจเย็นๆ เพราะว่าแมวนั้นมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว อาจจะหยุดเดินก็ไม่ควรจะบังคับ แมวให้เดินเร็ว ๆ กรณีที่แมวตกใจจหรือเกิด ปัญหาขึ้นให้ผู้เลี้ยงทำการอุ้มแมวด้วยมือซ้ายแล้วยึดสาย ฝึกไวที่มีมือขวาทันที

62

13) การฝึกให้เชื่อฟังคำสัง่ การฝึกท่าเตรียมหรือคำสั่งให้คอย ผู้เลี้ยงควรเริ่มต้นโดยจับมือมาวางไว้ที่พื้นหรือโต๊ะแล้วผู้ เลี้ยงออกคำสั่ง “คอย หรือ หมอบ” พร้อมกับท าสัญญาณมือด้วยการยกฝ่ามือขึ้น หันหน้ามือไปหา แมว ไม่ต้องวางมือบนหัวแมว เมื่อผู้เลี้ยงหยุดแมวอาจจะเดินหนีหรือกระโดดลง ผู้เลี้ยงจะต้องออก คำสั่งว่า “ไม่” แล้วตามด้วยคำว่า “คอย” ทำเช่นนี้หลายๆครั้ง จนในที่สุดแมวจะปฏิบัติตาม การฝึกจับมือ (ขอมือ) หลังจากที่ผู้เลี้ยงทำการฝึกออกค าสั่งคอยและหมอบแล้ว ก็สามารถ ฝึกให้แมวจับมือ โดยพูดคำว่า “จับมือ” หรือ “ขอมือ” พร้อมกับจับเท้าหน้าข้างขวาของแมวขึ้นมา ช้าๆและมือซ้ายของผู้ฝึกต้องส่งรางวัลเป็นการขอบคุณให้แก่แมวอย่างช้าๆ ทำอย่างนี้หลายๆ ครั้ง จน แมวทำได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องให้รางวัล แต่เปลี่ยนเป็นคำชมเชยแทน การฝึกให้นั่งยกสองขา ผู้เลี้ยงควรจะถืออาหารหรือจานข้าวของแมวยกขึ้นเหนือหัว แมว พร้อมกับใช้มืออีกข้างจับแมวนั่งแล้วยกขาทั้ง 2 ข้างขึ้น ถ้าหากว่าแมวล้มตัวลงให้เอามือช่วยประคอง ให้แมวนั่งท่าเดิม เมื่อแมวนั่งอยู่ในท่าที่ต้องการแล้วผู้เลี้ยงออกคำสั่ง “นั่ง” ทำเช่นนี้หลายๆ ครั้ง จนกระทั่งแมวสามารถนั่งได้ด้วยตัวเองเมื่อได้ยินเสียงที่ผู้เลี้ยงสั่งว่า "นั่ง" แล้วแมวทำการเคลื่อนไหว ผู้ เลี้ยงควรออกคำสั่งว่า “ไม่” แล้วตามด้วยคำว่า “นั่ง” และเพิ่มระยะให้ห่างจากแมว 2-3 ฟุต เมื่อแมว ทำถูกต้องควรให้รางวัลเป็นการตอบแทน การฝึกให้กลิ้งหรือพลิกตัว ผู้เลี้ยงควรจะจับแมวให้นอนตะแคง ในระยะแรกของแมวอาจจะ ดิ้นบ้างเล็กน้อย พยายามจับแมวนอนอยู่ในท่านั้นจนหยุ ดนิ่ง จากนั้นให้ใช้มือจับขาแมวเพื่อทำการ พลิกกลิ้งไปพร้อมกับออกค าสั่ง “กลิ้ง หรือ พลิก” พร้อมกับคำชมเชย ทำเช่นนี้หลายๆ ครั้ง ขณะที่ แมวนอนตะแคงถ้าได้ยินค าสั่งแมวก็จะทำการกลิ้งตัวไปเองโดยไม่ต้องใช้มือช่วย การฝึกท่าโบกมือ ผู้เลี้ยงควรจับแมวให้อยู่ในท่านั่ง ควรถืออาหารไว้ในมือพร้อมกับแสดงให้ แมวได้รับรู้ว่ามีอาหารอยู่ในมือ โบกมือที่ถื ออาหารไปมาในระดับสูงกว่าหัวแมว พร้อมกับออกคำสั่ง “โบกมือ” แมวจะยกขาหน้าขึ้นตะปบอาหารและทำการเคลื่อนไปตามมือที่ถืออาหารของผู้เลี้ยงคล้าย กั บ การโบกมื อ ขณะแมวทำท่ า โบกมื อ ผู ้ ฝ ึ ก ต้ อ งทำการชมเชยทุ ก ครั้ ง แต่ จ ะต้ อ งทำด้ ว ยความ ระมัดระวังอย่าให้แมวกินอาหารจากมือโดยตรงจนกว่าจะฝึกเสร็จค่อยให้อาหารแก่แมวเป็นรางวัล ทำซ้ำๆ กันอย่างนี้จนแมวเข้าใจและปฏิบัติได้ถูกต้อง (ชนากานต์ จริยวัฒนากุลกิจ,2560) 2.1.8 โรคและวิธีการรักษา แมวนับได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก การที่จะทำให้แมวมีสุขภาพที่แข็งแรงนั้น ผู้เลี้ยง จะต้องหมั่นเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา นอกจากอุปกรณ์และการให้อาหารที่สะอาดแล้ว การป้องกันโรคก็ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อแมวเพราะจะช่วยป้องกันให้แมวมีสุขภาพที่แข็งแรง ผู้เลี้ยงควรจะหมั่นพา แมวไปฉีดวัคซีนตามระยะเวลาที่ก ำหนดหรือตามช่วงอายุของแมว เพื่อทำให้แมวมีภูมิป้องกันโรค ต่างๆขึ้นในร่างกายและเป็นการช่วยลดการก่อให้เกิดโรคและเจ็บป่วยได้

63

ผู้เลี้ยงควรหมั่นเอาใจใส่สังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติของแมวอยู่เสมอ เพราะถ้าหากปล่อยไว้จน แมวไม่สบายมากจะทำให้การรักษายากลำบากขึ้น ผู้เลี้ยงจะต้องหมั่นตรวจสุขภาพแมวอยู่เสมออาการ เริ่มแรกของแมวนั้นจะสังเกตได้จาก 1.) มีไข้ ตาแฉะ น้ำมูกไหล 2.) เซื่องซึม ไม่สดใส 3.) อาเจียน กินอาหารและอาเจียนออกมา 4.) ท้องร่วง มีการถ่ายท้องเป็นน้ำเหลวอยู่ตลอด 5.) เดินกระโผลกกระเผลก 6.) พฤติกรรมการกินอาหารเปลี่ยนไป ไม่ยอมกิน หรือข้าวกินได้น้อยกว่าเดิม 7.) การดื่มน้ำเปลี่ยนไป ดื่มน้ำได้น้อย 8.) ขนสาก ขนร่วง ผิวหนังเป็นผื่นแดงและมีอาการคัน นอกจากนี้น้ำหนักที่เพิ่มหรือลดของแมวนั้นสามารถบ่งบอกถึงอาการที่ ผิดปกติได้ ถ้าหาก น้ำหนักตัวของแมวลดมาก ให้พาแมวไปพบสัตวแพทย์ทันทีและทำการแยกแมวตัวที่ป่วยออกจากแมว ที่มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อป้องกันโรคไม่ให้ติดต่อไปยังแมวตัวอื่น โรคที่มั กจะพบบ่อยๆในแมว และ วิธีการรักษาโรคที่ถูกต้องมีดังนี้ 1) โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ (rabies, hydrophobia) โรคนี้เป็นอันตรายร้ายแรงสามารถเป็นได้ทุกฤดูและสามารถติดกับสัตว์อื่นๆ เช่น สุนัข วัว รวมทั้งคนด้วย โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสเรบี้ส์ (Rabies) อาการ แมวที่ป่วยจะแสดงอาการทางประสาท ลักษณะอาการที่แมวจะแสดงออกมานั้นจะมี ทั้งพฤติกรรมดุร้ายและมีอาการซึมเศร้าตลอดอาการของโรคนี้แบ่งได้ 3 ระยะดังนี้ ระยะที่ 1 แมวจะมีนิสัยแปลกไปจากเดิม เช่น กินอาหารและน้ำน้อยลง ระยะที่ 2 แมวจะมีอาการทางประสาทออกมาให้เห็นเด่นชัดได้แ ก่แมวจะแสดงอาการตื่นตัว กระวนกระวาย หงุดหงิด เมื่อผู้เลี้ยงไปสัมผัสที่ตัวแมวจะถูกแมวข่วนหรือกัดได้ แมวจะร้องเสียงแปลก ออกไปจากเดิม ตัวแข็งทื่อ ขากรรไกรแข็ง ปากอ้าลิ้นห้อย น้ ำลายไหลและจะซึมเช่นนี้จนกว่าแมวจะ ตายลง ระยะสุดท้าย แมวจะเกิดอาการอัมพาตทั้งตัว เริ่มจากขาต่อมาก็ที่กล้ามเนื้อ กลืนน้ำลายและ อาหารไม่ได้ระบบหายใจล้มเหลวและตายในที่สุด การติดต่อ แมวจะทำการแพร่เชื้อทางน้ำลายสู่คนหรือสัตว์ที่อยู่ใกล้ เชื้อโรคนี้จะสามารถผ่าน เข้าสู่บาดแผลหรือเยื่อเมือก เช่น ตา จมูก ปาก และโดยการถูกกัดจากแมวที่เป็นโรคนี้ได้ การรักษา ผู้เลี้ยงควรจะพาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่ลูกแมวและแมวโต สมบูรณ์ ตั้งแต่อายุ 10-12 สัปดาห์ และจะพาไปฉีดซ้ำเมื่อแมวมีอายุ 14-16 สัปดาห์ และฉีดซ้ำทุกๆปี ปีละครั้งเพื่อป้องกันการเกิดโรคพิษสุนัขบ้า

64

2) โรคหวัดแมว หรือ โรคระบบทางเดินหายใจในแมว ( Cat Flu ) โรคหวัดนี้เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แมวจะทำการรักษาด้วยตัวเองได้ถ้าหากแมวเป็นมากหรือหนัก ถ้าหากพบให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที อาการ แมวจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร ตาแฉะมีขี้ตาจับ น้ำมูลไหล ไอและจาม การติดต่อ สามารถติดต่อเชื้อไวรัสนี้ได้จากการหายใจและการกินอาหารที่มีเชื้อโรคชนิดนี้เข้า ไปจึงเกิดอาการได้ การรักษา ถ้าแมวเป็นโรคหวัดจริงแต่ไม่เป็นไม่มากแมวจะหายเองได้ แต่ผู้เลี้ยงควรทำการ แยกแมวที่ป่วยออกก่อนและให้แมวอยู่ในที่อุ่น มีอากาศถ่ายเทและทำการให้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ไอ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาลดน้ ำมูก และหมั่นทำความสะอาดตาและจมูกด้วยผ้าที่ผสมน้ ำเกลือและ น้ำอุ่นเจือจางเช็ดเบาๆ ควรให้แมวพักผ่อนมากๆ กินอาหารอ่อนๆ ถ้าหากไม่ทุเลาและเป็นนาน ผู้เลี้ยง ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที 3) โรคไข้หัดแมว หรือ โรคลำไส้อักเสบติดต่อในแมว ( Feline Panleukopenia Virus /Feline Distemper ) โรคลำไส้อักเสบเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงอีกชนิดหนึ่ง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส ถ้าผู้เลี้ยง พบว่าแมวมีอาการอาเจียนและท้องร่วงอย่างรุนแรง ควรจะพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจเลือด ถ้าหากพบว่าเลือดของแมวมีเม็ดเลือดขาวน้อย จึงเรียกว่าโรคเม็ดเลือดขาว อาการ แมวที่ติดโรคจะมีลักษณะอาการไข้ขึ้นสูง ซึม เบื่ออาหาร แมวจะอาเจียนถ่ายอุจจาระ เหลวมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ท้องร่วงฉับพลัน ซูบผอมและแสดงท่าทางคอตก มีอาการขั้นรุนแรงและ ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่พาไปรักษาแมวที่เป็นโรคจะตายลงในที่สุด การติดต่อ สามารถติตต่อได้จากการสัมผัสอุจจาระของแมวที่ป่วยเป็นโรคได้ การรักษา ผู้เลี้ยงควรจะรีบพาแมวที่เป็นโรคไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาให้เร็วที่สุดและ ทำการฆ่าเชื้อบริเวณที่แมวเคยอยู่ด้วยน้ ำยาฆ่าเชื้อ หลังจากนั้นผู้เลี้ยงควรพาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกัน โรคตั้งแต่แมวมีอายุ 9 สัปดาห์ ควรพาไปฉีดซ้ำอีกครั้งหลังจากครั้งแรก 1 เดือน เพื่อช่วยกระตุ้น ภูมิคุ้มกันและควรพาไปพบสัตวแพทย์ทุกๆปี เพื่อทำการฉีดยาป้องกันโรค 4) โรคมะเร็งเม็ดเลือดในแมว ( FeLv ) โรคมะเร็งเม็ดเลือดในแมวเกิดจาก “เรโทรไวรัส (Retrovirus)" ซึ่งอยู่ในกลุ่มเชื้อไวรัสแบบเดียวกับ “เอชไอวี (HIV)” แต่ไม่สามารถแพร่สู่มนุษย์ได้ อาการ ร่างกายสุดโทรม ป่วยง่าย ป่วยเรื้อรั ง มีอาการโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวลดลง เกล็ด เลือดผิดปกติ การรักษา พบแพทย์รักษาตามอาการ (ทำได้เพียงแค่ยืดอายุ) ให้ยาปฏิชีวนะ (เพื่อป้องกันโรคแทรก ซ้อน)

65

การป้องกัน ทำวัคซีน และเลี้ยงแมวระบบปิด 5) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ ( FIP ) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อมาจากการติดเชื้อ “โคโรน่าไวรัสในแมว (FCoV: Feline Coronavirus) เชื้อติดต่อทางน้ำลาย (อาจได้รับเชื้อทาง ตา จมูก และปาก) เชื้อติดต่อผ่านอุจาระ แหล่งเชื้อโรค คือ สิ่งของที่ปนเปื้อน (โดยเฉพาะ ชามอาหาร ที่นอน และกระบะทราย) มักเกิดในแมว อายุตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 3 ปี อาการไม่เด่นชัดในการติดเชื้อครั้งแรก ร่างกายไม่ตอบสนองต่อยา อาการ (มีหลักๆอยู่ 2 แบบ) แบบเปียก -ซึม มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน ท้องเสีย หายใจลำบาก ท้องบวม แบบแห้ง - ซึม มีไข้ น้ำหนักลด โลหิตจาง มักเกิดการอักเสบแบบเรื้อรัง อาการขึ้นอยู่กับ อวัยวะที่ได้รับผลกระทบ การรักษา พบแพทย์รักษาตามอาการ (รักษาหายได้ยาก) ให้ยาลดการอักเสบ การป้องกัน ทำวัคซีน ดูแลสุขอนามัย ความสะอาด 2.1.8.1 โรคติดต่อที่เกิดจากแมวสู่คน โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) โรคพิษสุนัขบ้าในคนนิยมเรียก “โรคกลัวน้ำ (Hydrophobia)” ส่วนในภาษา อีสานเรียก “โรคหมาว้อ” เกิดจากเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า (Rabies Virus) เป็นโรคติดต่อ จากสัตว์เลือดอุ่นโดยเฉพาะสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ติดต่อมาสู่คนโดยถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า กัด ข่วน หรือเลีย บริเวณที่มีแผลรอยข่วน หรือน้ำลาย ของสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้าเข้าตา ปาก จมูก สัตว์ที่ นำโรคที่สำคัญที่สุดได้แก่ สุนัข แมว และอาจพบในสัตว์อื่น ๆ เช่นหมู ม้า วัว ควาย ลิง ชะนี เป็นต้น เมื่อคนได้รับเชื้อแล้ว และไม่ได้รับการป้องกันที่ถูกต้อง ส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจาก รับเชื้อ 15-60 วัน บางรายอาจน้อยกว่า 10 วัน หรือนานเป็นปี เนื่องจากขณะนี้ไม่มีย าที่ใช้ในการรักษาโรคพิษสุนัข บ้า ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้จะเสียชีวิตทุกราย ฉะนั้นการป้องกันโรคจึงสำคัญที่สุดอาการที่สำคัญ คือ เริ่ม ด้วยอาการปวดศีรษะ มีไข้ต่ำ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย อาการที่พบได้บ่อย คือ คันบริเวณบาดแผลที่ถูกกัดซึ่งแผลอาจหายสนิทไปนานแล้ว ต่อมาลุกลามไปที่อื่นๆ ผู้ป่วยจะเกามาก จนเลือดออกซิบๆ และมีอาการกลืนลำบากเพราะกล้ามเนื้อที่ลำคอและกล่องเสียงหดเกร็งตัว อยาก ดื่มน้ำแต่กลืนไม่ได้ ทำให้มีอาการกลัวน้ำ น้ำลายฟูมปาก บ้วนน้ำลายบ่อย กระวนกระวาย ตื่นเต้น ใจ คอหงุดหงิด หายใจเร็ว ประสาทสั มผัสจะไวต่อการกระตุ้น ทำให้ตกใจง่ายและสะดุ้งผวาเมื่อถูกลม หรือได้ยินเสียงดัง กล้ามเนื้อแขนขาเกร็ง กระตุก ระยะหลังจะเป็นอัมพาตหมดสติและเสียชีวิตภายใน 2-7 วัน นับจากเริ่มแสดงอาการ โรคเชื้อราบนผิวหนัง (Dermatophyte / Ringworm) เชื้อราที่อยู่บนผิวหนังของแมว สามารถติดสู่คนได้จากการสัมผัสหรือคลุกคลี คนที่มีร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิคุ้มกันที่บกพร่องมีความ

66

เสี่ยงต่อการติดโรคนี้มากขึ้น อาการที่จะแสดงออกก็คือจะเป็นวงแดง ผื่นคัน แนะนำให้หมั่นทำความ สะอาดและล้างมือทุกครั้งหลังจากที่สัมผัสแมว โรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) หรือบางคนเรียกว่าโรคอุจจาระแมวขึ้นสมอง เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวจากอุจจาระของแมวที่มีเชื้ออยู่ คนที่ได้รับเชื้อชนิดนี้อาจจะมีต่ อม น้ำเหลืองโต อาจจะแสดงอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบผู้หญิงที่มีครรภ์อาจจะทำให้แท้งได้ โรคหอบหืด หรือ ภูมิแ พ้ (Asthma) เชื่อว่าโรคนี้เกิดจากขนแมวหรือแมวที่ไปคลุกฝุ่น ทางแก้ไขคือทำความสะอาดบ้านหรือถ้าจะนำแมวไปนอนด้วยแนะนำให้เช็ดตัวหรืออาบน้ำแมวก่อน โรคแมวข่วน (Cat scratch disease) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดกึ่งเฉียบพลันสามารถ หายได้เอง โรคแมวข่วน อาจเกิดความสับสนกับโรคอื่ นๆ ที่เกิดอาการต่อมนํ้าเหลืองโตได้ เช่น โรคทู ลารี เ มี ย ,บรู เ ซลโลสิส , ทู เ บอร์ ค ู โ ลสิ ส , กาฬโรค, โรคพลาสเจอเรลโลซิ ส (Pasteurellosis) และ โรคมะเร็งต่อมนํ้าเหลือง อาการของโรคมี อ าการวิ ง เวี ย น ต่ อ มนํ ้ า เหลื อ งอั ก เสบโตเป็ น ก้ อ น (granulomatous lymphadenitis) และมีไข้ได้หลายแบบ เกิดแผลเป็นผื่นสีแดง เกี่ยวเนื่องจากต่อมนํ้าเหลืองภายใน 2 สัปดาห์ และพัฒนากลายเป็นหนองผู้ป่วยร้อยละ 50 - 90 เกิดผดขึ้นบริเวณที่ถูกแมวข่วนกลุ่มอาการ Parinaud Oculoglandular Syndrome(granulomatous conjunctivitis with pretragala denopathy) เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อตาแดงโดยตรงหรือโดยอ้อม และอาจเกิดอาการแทรกซ้อน ทางระบบประสาท เช่น สมองอักเสบ และ ระบบประสาทตาอักเสบ (optic neuritis) ได้ อาการไข้สูง เรื้อรังอาจเกิดร่วมกับรอยโรคของกระดูกที่มีการสลายหรือแทนที่เนื้อกระดูก ด้วยสิ่งอื่นๆ และ/หรือ การเกิดก้อนที่ตับ และม้าม ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันโรคปกติ และไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายได้เอง โดยไม่ต้องใช้ยารักษา แต่ สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานตํ่า ต้องรักษาเป็นเวลา 1-3 เดือน ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อีริโทรมัย ซิน (Erythromycin), ไรแฟมปิซิน (Rifampicin), ซิโพรโปรฟล็อกซาซิน (Ciprofl oxacin) หรือเจน ตามิซิน (Gentamicin) ในรายที่ต่อมนํ้าเหลืองอักเสบ เป็นหนอง การใช้เข็มเจาะให้หนองออกมาก็ สามารถลดอาการปวดลงได้ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการตัดชิ้นเนื้อจากต่อมนํ้าเหลืองไปตรวจ การแพร่ติดต่อโรค เกิดจากการโดนแมวข่วนหรือกัด สัมผัสกับขนแมว ซึ่งมีเชื้อจากนํ้าลาย แมวที่มันเลียขนติดอยู่ ทำให้มือเกิดการปนเปื้อน แล้วไปสัมผัสกับอวัยวะเช่น ตา ก็สามารถทำให้ติด เชื้อได้

67

โรคบาดทะยัก (Tetanus) จะเริ่มแสดงอาการหลังได้รับเชื้อแบคทีเรีย ตั้งแต่ 2-3 วันแรก และอาจกินเวลาหลายสัปดาห์ อาการที่พบคือ ภาวะกรามติด กล้ามเนื้อคอแข็ง ปัญหาการกลืน กล้ามเนื้อท้องแข็ง เหงื่อออก ความดันโลหิตสูง การดูแลเมื่อถูกกัดแมวกัด ข่วน หรือเลียบริเวณแผล ส่วนใหญ่แล้วเราไม่อาจทราบได้ทันทีว่าแมวที่กัดหรือข่วนเรามีการติดเชื้อหรือไม่ ดังนั้น สิ่ง แรกที่ควรปฏิบัติเลย คือการปฐมพยาบาลตนเองหรือผู้ที่ถูกกัดเพื่อทำความสะอาดบาดแผลไว้ก่อน ดังนี้ • ล้างบาดแผล รวมไปถึงอวัยวะส่วนที่สัมผัสกับน้ำลาย ด้วยน้ำสะอาดและสบู่โดยการถูเบาๆ เพื่อไม่ให้แผล ได้รับความกระทบกระเทื อน นานอย่างน้อย 10-15 นาที หากเป็นแผลรูลึก อาจใช้สำลีพันปลายไม้หมุนเข้าไปล้างก้นแผลด้วยก็จะดี ทั้งนี้เพื่อจะล้างเชื้อออกจากแผลให้ มากที่สุด • เช็ดแผลให้แห้งด้วยผ้าก๊อซ ผ้าที่สะอาดหรือสำลี แล้วใส่ยารักษาบาดแผลสดประเภท ทิงเจอร์ไอโอดีน ยาเหลือง ยาแดง หรือแอลกอฮอล์สำหรับเช็ดแผล เท่าที่จะหาได้ในขณะนั้น กรณีแผลเหวะหวะให้ปล่อยแผลไว้โดยไม่ต้องเย็บแผล แต่ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาด • ไปพบแพทย์เพื่อไปรับการรักษาพยาบาล เช่น ฉีดท็อกซอยล์ป้องกันบาดทะยัก ฉีดยา รับยา ไปกินเพื่อลดอาการปวด รักษาการติดเชื้อ รวมทั้งการเย็บแผลและการฉีดหรือ ไม่ฉีดวัคซีน หรืออิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งจะอยู่ในดุลพินิจของ แพทย์ 2.1.9 การขยายพันธุ์และการคุมกำเนิด การผสมพันธุ์ อวัยวะสืบพันธุ์ของแมวจะเริ่มทำงานอย่างเต็มที่เมื่อแมวอย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ซึ่งโดยปกติ จะมีอายุประมาณ 7-9 เดือนในเพศเมียแต่ไม่ควรให้มีก ารผสมพันธุ์เมื่อเป็นสัดครั้งแรกเนื่องจาก โครงสร้างและระบบสืบพันธุ์ยังไม่เจริญสมบูรณ์เต็มที่ ควรรอให้แมวโตเต็มที่ก่อนเมื่อครบกำหนดการ ติดสัดอีกครั้งจึงค่อยทำการผสมพันธุ์ เมื่อแมวได้รับการผสมพันธุ์ก็จะตั้งท้องได้ทันที ส่วนมากตั วแมว จะเป็นสัดปีละครั้ง ปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของแมว คือ น้ำหนักตัวและการได้รับแสงแดด น้ำหนัก ของแมวควรอยู่ที่ 2.3 - 3.2 กิโลกรัม โดยประมาณและได้รับแสงแดดอย่างน้อย 10 ชม./วัน ดังนั้น แมวที่เลี้ยงไว้ภายในบ้านจะมีโอกาศที่จะได้รับแสงแดดน้อยกว่ าแมวที่เลี้ยงปล่อย แต่ผู้เลี้ยงสามารถ บังคับให้แมวเป็นสัดได้ตลอดปี โดยทำการเลี้ยงในห้องที่มีขนาด 4X4 เมตรและได้รับแสงไฟประมาณ 100 วัตต์ อย่างน้อย 10 ชม./วัน เนื่องจากอิทธิพลต่อแสงจะมีผลต่อการสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับ

68

ระบบสืบพันธุ์ในแมว จึงทำให้การเป็นสัดของแมวนั้นเกิดขึ้นเป็นฤดูกาล โดยแมวจะเป็นสัดในช่วงหน้า ร้อนและหยุดเป็นสัดในช่วงหน้าหนาว การเป็นสัดของแมวในแต่ละฤดูนั้น จะเป็นสัดได้หลายๆครั้ง ใน บางครั้งแมวจะเป็นสัดในเวลาเพียงไม่กี่สั ปดาห์หลังคลอดลูก นอกจากนี้แมวยังมีความพิเศษกว่าสัตว์ ตระกูลอื่นๆ คือ สามารถได้รับการผสมพันธุ์ก่อนจึงจะเกิดการตกไข่ได้ การติดสัด แมวที่เป็นสัดจะไม่มีเลือดไหลทางช่องคลอดและไม่มีการบวมของอวัยวะเพศเหมือนในสุนัข เพศเมีย สิ่งที่ผู้เลี้ยงจะสังเกตได้คือ พฤติกรรม โดยแมวจะมีอาการเคล้าเคลียมากกว่าปกติ จะส่งเสียง ร้องและเลียอวัยวะเพศ จะมีแมวเพศผู้มาติดพัน แมวเพศผู้มักจะส่งเสียงร้องเรียกหรือทำการต่อสู้กับ แมวตัวอื่นๆ ที่มาติดพันแมวเพศเมีย แมวจะแสดงท่าทางเป็นสัดโดยแสดงท่าหมอบ และยกท้ ายขึ้น เล็กน้อย อาการเป็นสัดของแมวจะมีระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ และถ้าหากแมวไม่ตั้งท้องก็จะ กลับมาเป็นสัดอีกครั้งในระยะเวลาอีกประมาณ 10 วันถัดมา การคุมกำเนิดแมว แมวจะมีลูกได้ปีละ 2 คลอก หรือประมาณ 4-6 ตัว ถ้าหากผู้เลี้ยงปล่อยให้แมวคลอดลู ก บ่อยๆจำนวนลูกแมวจะทำการเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นภาระของผู้เลี้ยงต่อไป ถ้าหากว่าผู้เลี้ยงคนใดไม่ ต้องการที่จะได้ลูกออกหรือไม่อยากให้แมวที่บ้านมีจำนวนมากจนเกินไป ควรควบคุมจำนวนแมวไม่ให้ เพิ่มจำนวนขึ้นโดยการคุมการกำเนิดแมวดังนี้ 1) การคุมกำเนิดถาวร (การคุมกำเนิดโดยศัลยกรรม) การทำหมันในแมวเพศเมีย คือ การที่ตัดเอารังไข่และมดลูกออกมา ส่วนในแมวเพศผูนั้นทไได้ โดยการตัดเอาอัณฑะทั้ง 2 ข้างออก การคุมกำเนิดโดยวิธีการศัลยกรรมถือเป็ยวิธีที่ปลอดถัยที่สุดของ แมวและจะมีผลข้างเคียงน้อยมาก ในแมวเพศเมียที่ท ำหมันตั้งแต่ก่อนการเป็นสัดครั้งแรกจะลดความ เสี้ยงในการเกิดเนื้องอกที่เต้านมได้ ส่วนในแมวเพศผู้นั้นจะลดพฤติกรรมการปัสสาวะไม่เป็นที่ลงได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ การติดเชื้อโรค การเกิดฝี ขึ้นได้ แมวเพศผู้และแมวเพศเมีย สามารถผ่าตัดทำหมันได้ต่อเมื่อมีอายุประมาณ 5 เดือน การ ผ่าตัดทำหมันผู้เลี้ยงจะต้องทำการควบคุมไม่ให้แมวนั้นกินอาหารก่อนการผ่าตัด 12 ชม. และอดน้ ำ ก่อนผ่าตัด 6 ชม. เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยจะต้องดูแลหลังการผ่าตัด โดยการทาแผลด้วยน้ ำยา ฆ่าเชื้อทุกวัน และไม่ให้แมวเลียหรือทำการกัดไหมที่เย็บไว้ ผู้เลี้ยงควรจะใส่เสื้อให้แมวเพื่อช่วยป้องกัน ปัญหาแมวกัดแผลที่เย็บ แผลจะหายสนิทใช้เวลาประมาณ 7 วันแล้วทำการตัดไหมเป็นครั้งสุดท้าย

69

2.1.10 แมวช่วยให้มีความสุข-สุขภาพดี ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นเผยว่า การเลี้ยงแมวในบ้าน ช่วยให้เด็กที่เกิดใหม่มีภูมิ ต้านทานโรคภูมิแพ้ได้ดีกว่า ห่างไกลจากโรคติดเชื้อทั้งหลาย และช่วยให้อารมณ์ดี มีความมั่นใจใน ตัวเองมากกว่าบ้านที่ไม่มีแมว ห่างไกลโรคซึมเศร้า แมวช่วยให้หัวใจเราแข็งแรง จากผลวิจัยปี 2008 ของสถาบันโรคหัวใจ มหาวิทยาลัยมินเนโซตา สหรัฐ ที่ทำวิจัยกับกลุ่ม คน 4,500 คน เป็นเวลา 10 ปี และ 3 ใน 5 เป็นคนเลี้ยงแมว สรุปผลได้ว่า คนที่เลี้ยงแมวมีความเสี่ยง ที่จะเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน น้อยกว่าคนที่ไม่เลี้ยงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2009 ยังมี ผลวิจัยย่อยๆ ตามมาสนับสนุนด้วยว่า การเลี้ยงแมวช่ว ยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกด้วย เสียงร้องเหมียวๆ ช่วยผ่อนคลาย มีผลการศึกษาที่บอกว่า เสียงร้องเหมียวๆ ของแมว ช่วยลดความเครียดให้เจ้าของได้ รวมทั้ง ช่วยลดความดันโลหิตด้วย เสียงร้องของแมวมีความถี่ตั้งแต่ 25 - 150 เฮิร์ตซ์ ซึ่งตรงกับความถี่ซึ่งเป็น ที่ยอมรับในวงการแพทย์ว่า ช่วยบรรเทาอาการป่วยของหลายๆ โรคด้วยกัน (จากนิตยสาร Scientific American) แมวอยู่กับปัจจุบัน เกิดเป็นแมวไม่ต้องคิดอะไรมาก พวกมันมีความสุขกว่าคนเราก็แล้วกัน แมวสามารดื่ม ด่ำ ความสุขกับการนั่งเฉยๆ อยู่กับที่ที่หนึ่งได้นานๆ โดยไม่ได้หลับ สถานที่โปรดอาจเป็นช่องหน้าต่างที่มัน ได้นั่งมองความเป็นไปข้างนอกอย่างไม่ไหวติง หรือบนชั้นหนังสือที่มองเห็นทุกอณูของห้องนั่งเล่น ถ้า ถามว่าเหมียวน้อยกำลังคิดอะไร หลายๆ คนเชื่อว่า เขากำลังทำสมาธิอยู่ แมวสร้างเสียงหัวเราะ แมวทั้งน่ารักและตลก หลายๆ ครั้งที่มักทำอะไรโง่ๆ ผิดพลาดขำๆ อย่างที่เรานึกไม่ถึง และ อดไม่ได้ที่จะต้องขำมากถึงมากที่สุด มหาวิทยาลัยโลมา ลินดา ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ทำการสำรวจ คนที่ชอบดูวิดีโอพฤติกรรมขำๆ ของแมว ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติ โซล ที่ต่อมหมวกไตหลั่งออกมา เมื่อเกิดความเครียดได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นความทรงจำระยะสั้นได้ดี ขณะที่อีกผลสำรวจหนึ่งบอกว่า การหัวเราะยังช่วยให้ระบบองค์รวมของร่างกายดีขึ้น

70

แมวสอนให้วางกลยุทธ์ “ถ้าสัตว์พูดได้ หมาคงจะเป็นเพื่อนซี้ที่ช่างเจรจา ขณะที่แมว จะเลือ กพูดแต่ประโยคเด็ด เท่านั้น” มาร์ค ทีเวน เคยกล่าวเอาไว้ ซึ่งหากดูจากพฤติกรรมการเล่น หมาจะวิ่งไล่ลูกเทนนิสที่กลิ้งอยู่ บนพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่ามันจะกลิ้งไปตรงไหนก็ตาม ส่วนแมวจะเขี่ยให้กลิ้งไป แล้วจดจ้อง ตามว่าจะไปเล่นต่อหรือเอายังไงดี ก่อนแมวจะเล่นหรือทำการใดๆ มักจะวางแผนในสมองก่อ นเสมอ ซึ่งอาจส่งอิทธิพลสู่ทาสแมวทั้งหลายได้บ้าง ไม่มากก็น้อย แมวช่วยคนออทิสติกสื่อสาร คนกลุ่มนี้มักมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนรอบตัว ผลงานศึกษาในประเทศฝรั่งเศสปี 2012 ที่ไปศึกษากับเด็กออทิสติกใน 40 ครอบครัว ออกมาว่า บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ช่วยให้เด็กออทิสติกอารมณ์ ดีและมีส่วนร่วมกับครอบครัวมากกว่าบ้านที่ไม่เลี้ยงสัตว์ โดยไอริส เกรซ ฮัลม์ชอว์ เด็กอังกฤษวัย 5 ขวบ ได้ตูล่า แมวของเธอช่วยให้มีความมั่นใจในการพูดสื่อสารกับคนอื่นๆ ในครอบครัว ทั้งยังเป็นแรง บันดาลใจให้เธอวาดภาพที่ช่วยเยียวยาอาการออทิสติกของเธอให้ดีขึ้นด้วย แมวรู้ดีว่าอย่าเก็บกด ถึงแม้ว่าแมวจะดูเป็นสัตว์ที่เงียบๆ แต่ใช่ว่ามันจะเก็บกด ไม่แสดงออกทางอารมณ์ หากแมว เครียดจะแสดงให้รู้ทันที เช่น แกล้งพามันไปส่องกระจกมันจะแว้ดใส่ ข่วนทาสหนึ่งทีแล้วกระโดดหนี ไป ผลการศึกษาปี 2012 ของโรงเรียนสาธารณสุขในฮาวาร์ด บอกว่า คนที่เก็บกดมักจะเกิดการสะสม ของเสียในร่างกาย ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง เพราะฉะนั้นมีอะไรก็ปล่อยๆ ออกมา เหมือนแมวดีกว่านะ แมวสอนให้รู้ถึงความรักที่ปราศจากเงื่อนไข นอกจากเลี้ย งแมวจะช่ว ยคลายเหงาแล้ว แมวยังเป็น ผู้ ฟั งที่ด ี และขี้อ้อ น ผลวิจัยจาก มหาวิทยาลัยไมอามี และมหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ บอกเหมือนกันว่า สัตว์เลี้ยงช่วยตอบสนองความ เป็นสัตว์สังคมของมนุษย์ ได้ดีเท่าการมีเพื่อนเป็นคนด้วยกันเลยทีเดียว (40plus,2560) 2.1.11 แมวกับความเชื่อ ความเชื่อเกี่ยวกับแมวในอียิปต์โบราณ ในอารยธรรมอียิปต์มีการบูชาแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากชาวอียิป์นับถือ เทพีบาเตส (Bastet) เทพีแห่งความรัก ความอุดมสมบูรณ์ และช่วยต่อต้านสิ่งชั่วร้ายและความเจ็บป่วย เทพีองค์นี้ มีส่วนหัวเป็นแมว ลำตัวเป็นคน เมื่อมีแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า ชาวอียิปต์จึงมีกฎห้ามทำร้ายแมว หรือนำ แมวออกจากอาณาจักร ผู้ใดละเมิดกฎอาจมีโทษถึงชีวิต มีตำนานเล่าว่าทหารโรมันผู้หนึ่งฆ่าแมวโดย ไม่ตั้งใจ แต่นั่นทำให้ชาวอียิปต์โกรธแค้นมากจนรวมตัวกันสังหารทหารโรมัน

71

นอกจากจะบูชาแมวแล้ว แมวยังมีประโยชน์ต่อชาวอียิ ปต์คือพวกมันช่วยกำจัดหนูและล่างู ด้วย ซึ่งสัตว์ทั้งสองชนิดนี้นับเป็นภัยคุกคามชาวอียิป์ในยุคโบราณอย่างมาก จึงไม่แปลกที่จะยกย่อง บูชาแมวเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้า แมวยังปรากฏในอักษรเฮียโรกลิฟฟิคของชาวอียิป์ โดยคำว่าแมว นั้นคือ “miu” หรือ “mau” ซึ่งสอดคล้องกับเสียงร้องของแมวนั่นเอง พิธีกรรมเกี่ยวกับแมวในสมัยอียิปต์ล้วนเกี่ยวเนื่องกับโลกหลังความตาย มีทั้งการทำมัมมี่ สร้างสุสาน ทำหีบศพเฉพาะแมว ซึ่งมัมมี่สัตว์ถือเป็นเครื่องบูชาทางศาสนาของอียิปต์ เมื่อแมวในบ้านตาย เจ้าของแมวจะโกนคิ้วตัวเอง เพื่อแสดงความโศกเศร้า ชาวอียิปต์มักจะ ทำแมวมัมมี่ เอาศพมาทำมัมมี่ บรรจุลงในหีบศพรูปตัวแมว และฝังในสุสานของแมวเป็นการเฉพาะ บ้างก็มีการทำหุ่นโลหะรูปแมวฝังลงไปด้วย บางครั้งเมื่อแมวตายก็มีการสร้างวิหารใหญ่โตให้แมวด้วย เช่นกัน ปัจจุบัน แมวมัมมี่ มีตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัง กฤษ หรือ บริติช มิวเซียม ( British Museum) ความเชื่อเกี่ยวกับแมวในโรมันโบราณ นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าแมวเข้าสู่ยุโรปในช่วงต้นศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์กาล โดย พ่อค้าชาวฟินิเชียนที่ทำการค้าขายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชาวโรมันชอบแมวเป็นพิเศษและนำแมว เข้ามาประจำในป้อมปราการ เพราะพวกมันสามารถจับหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ กองทัพโรมันนำแมวเป็น ตัวช่วยในการจับหนู เพราะหนูนั้นชอบกัดกินอาหารในคลัง ชอบเคี้ยวไม้และหนังซึ่งเป็นอันตรายต่อ ชุดเกราะและยุทโธปกรณ์ จนแมวถูกย่องย่องสรรเสริญและกลายเป็นมิตรคู่กายของทหารโรมันก็ว่าได้ ชาวโรมันมองว่าแมวเป็นสัตว์สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและอิสรภาพ สะท้อนจากเทพเจ้าลิเบอร์ ตัส (Libertas) เทพเจ้าแห่งเสรีภาพที่มักจำแลงกายเป็นแมว ความเชื่อเกี่ยวกับแมวในญี่ปุ่นโบราณ แมวถูกนำไปยังเกาะญี่ปุ่นครั้งแรกประมาณคริสต์ศักราช 500 คาดว่าอาจนำเข้ามาโดยชาว จีน โดยชาวญี่ปุ่นนำแมวไปเลี้ยงเพื่อปกป้องคลังอาหารเช่นเดียวกับที่อียิป ต์และโรมัน หนูไม่เพียง ทำลายคลังอาหารของมนุษย์เท่านั้น พวกมันยังแทะกินเอกสารหรือหนังสือของวัดในญี่ปุ่น เช่น พระไตรปิฎก พวกพระจึงอาศัยแมวเป็นตัวช่วยจับหนู ในเวลาต่อมาแมวก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ ปกป้องหนังสือหายาก ซึ่งไทำให้พวกมันได้รับการยกย่องและความรักเพิ่มขึ้นด้วย วัฒนธรรมญี่ปุ่นมองว่าแมวเป็นเครื่องรางแห่งความโชคดี มีตำนานเก่าแก่เรื่องหนึ่งเล่าว่า ขุน นางผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งกำลังเดินบนถนน เมื่อท่านเห็นแมวตัวหนึ่งยกอุ้งเท้าขึ้นมาราวกับกำลังกวักมือ เรียก ด้วยความอยากรู้ท่านจึงเดินเข้าไปหา ทันใดนั้น สายฟ้าก็ฟาดลงมายังด้านหลังที่ท่านพึ่งเดินผ่าน ไป จึงเชื่อกันว่าแมวเป็นผู้ช่วยชีวิตท่านไว้ และนับตั้งแต่นั้นมา ชาวญี่ปุ่ นก็เชื่อว่าแมวเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี จนกระทั่งในยุค สมัยใหม่จึงมีการประดิษฐ์ “แมวกวัก” ขึ้นมานั่นเอง

72

1) แมวกวัก หรือ Maneki Neko เป็นหนึ่งในเครื่องรางนำโชคตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ ได้รับความนิยมอย่างมาก ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะตั้งรูปปั้นตุ๊กตาแมวกวักไว้หน้าร้าน โดยเชื่อว่าแมว จะกวักเงิน กวักทอง กวักเรียกลูกค้าเพื่อให้กิจการค้าขายเจริญรุ่งเรือง แต่คุณทราบหรือไม่ว่าใน ปัจจุบ ัน ไม่ ได้มี เพียงแมวกวักที่น ำโชคด้านค้าขายเท่านั้น ยังมีแมวกวักนำโชคอีกหลายรูป แบบ หลากหลายสีสันที่มีความหมายแตกต่างกันออกไปอีกด้วย 2) ตำแหน่งมือของแมวกวักที่มีความหมายต่างกัน รูปปั้นตุ๊กตาแมวกวักโดยทั่วไปมักจะอยู่ ในท่ายกมือ (ขา) ข้างเดียวขึ้นมา ราวกับว่ากำลังกวั กเชื้อเชิญลูกค้า โชคลาภ เงินทอง ฯลฯ ตามของ เชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งคล้ายคลึงกับความเชื่อเรื่อง “นางกวัก” ของประเทศไทย ในความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เชื่อว่าแมวกวักนำโชคที่ยกมือขวาจะ “เพิ่มเงินทองและโชคลาภ” มักนิยมใช้รูปปั้นตุ๊กตาแมวเพศผู้ ส่วนแมวกกวักที่ยกมือซ้ายจะ “เรียกแขก เรียกลูกค้า” ซึ่งแมวกวัก ทั้ง 2 แบบต่างก็มีความหมายด้านโชคลาภเงินทองในการค้าขายเช่นเดียวกัน ส่วนแมวกวักที่ยกมือขึ้น ทั้งสองข้าง มีความหมายเหมือนนำแมวกวักที่ยกมือขวาและซ้ายมารวมกัน คือ “เพิ่มเงินทองโชคลาภ และเรียกลูกค้า” แต่ ท ว่ า การยกมื อ ขึ ้ น สองข้ า งพร้ อ มกั น เป็ น แสดงออกเชิ ง สั ญ ลั ก ษณ์ มี ค วามหมายใน ภาษาญี่ปุ่นว่า “Banzai wo suru” (การโห่ร้องไชโย), “Oteage” (การยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดง ท่าทางว่าเราหมดตัว/ยอมจำนนแล้ว) ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าผู้ทำกิจการค้าขายก็มักจะพูดว่า “Banzai wo suru” หรือ “Oteage” ในกรณีทกี่ ิจการร้านค้าขายไม่ดีอีกด้วย เพราะฉะนั้น แมวกวักที่ยกมือขึ้นทั้ง สองข้างจึงไม่นิยมนำมาตั้งที่หน้าร้านค้าด้วยเหตุนี้เอง และมักจะนำแมวกวักสองข้างไปตั้งไว้ที่บ้านพัก เสียมากกว่า 3) ส่วนตำแหน่งการวางแมวกวักที่ถูกต้อง จะวางโดยคำนึงถึงพื้นฐาน 3 ข้อ ดังนี้ • ตั้งไว้ในตำแหน่งที่โดดเด่นสะดุดตา ผู้คนมองเห็นง่าย • ตั้งไว้ให้สูงกว่าระดับสายตา • ตั้งให้แมวกวักหันหน้าออกไปนอกร้าน 4) ความหมายของสี มาถึงส่วนที่ทุกคนน่าจะอยากรู้กันมากที่สุด นั่นก็คือความหมายของสี บนแมวกวัก เพราะนอกจากตำแหน่งมือที่มีความหมายที่แตกต่างกันแล้ ว “สี” ก็มีความหมายตาม ความเชื่อที่แตกต่างกันอีกด้วย จึงขอรวบรวมสีแมวกวักที่พบเห็นได้บ่อยมารวมกันไว้ ดังนี้ • แมวกวักสีขาว = กวักเรียกโชค ลาภ ความสุข (หันหน้าแมวกวักไปทิศตะวันตกเฉียง เหนือเพื่อเพิ่มโชค) • แมวกวักสีดำ = คุ้มครองป้องกันจากภัยอันตราย (หันหน้าแมวกวักไปทิศเหนือหรือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้เพื่อเพิ่มโชค)

73

• แมวกวักสีแดง = คุ้มครองป้องกันจากโรคและความเจ็บป่วย (หันหน้าแมวกวักไปทิศ ตะวันตกเพื่อเพิ่มโชค) • แมวกวักสีฟ้า = เพิ่มโชคด้านการศึกษาหาความรู้ (หันหน้าแมวกวักไปทิศตะวันออก เพื่อเพิ่มโชค) • แมวกวักสีเหลือง = เพิ่มโชคให้ได้พบคู่ครองที่ดี (หันหน้าแมวกวักไปทิศตะวันตกเพื่อ เพิ่มโชค) • แมวกวักสีเขียว = คุ้มครองให้ชีวิตสงบสุข ร่มเย็น ปลอดภัย (หันหน้าแมวกวักไปทิศ ใต้เพื่อเพิ่มโชค) • แมวกวักสีช มพู = เพิ่มโชคด้านความรัก (หัน หน้าแมวกวักไปทิศเหนือหรื อ ทิ ศ ตะวันตกเฉียงใต้เพื่อเพิ่มโชค) • แมวกวักสีทอง = เพิ่มโชคด้านการเงิน (หันหน้าแมวกวักไปทิศตะวันตกเพื่อเพิ่มโชค) • แมวกวักลายเสือดาว = เพิ่มโชคด้านผลการโหวตหรือเลือกตั้งต่าง ๆ (วางตาม ตำแหน่งวางแมวกวักพื้นฐาน) เพชรตาแมว เพชรตาแมวเป็นอัญมณีศักสิทธิ์ เชื่อกันว่าถ้าผู้ใดได้ครอบครองจะถือว่าเป็นผู้มี บุญสูงส่ง แต่ใครจะรู้ว่าในความสวยงามนั้น ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดของเจ้าแมวผู้น่าสงสาร ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครบรอบ 100 ปี ถึง 1,000 ปี จะมีเทพจากสรวงสรรค์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ 1 องค์ โดยเทพดังกล่าวจะมาเกิดเป็นแมว และได้นำแก้วมณีสารพัดนึก ซึ่งเป็นของวิเศษประจำตัวล ง ที่มาโลกมนุษย์ เพื่อชดใช้กรรมที่ยังเหลืออยู่ และก่อนที่เทพองค์ดังกล่าวจะละสังขารแมว ท่านจะ ประทานแก้ววิเศษที่รู้จักกันในนาม "เพชรตาแมว" ให้แก่ผู้ที่มีพระคุณ ที่เลี้ยงดูมาจนถึงวาระที่ได้ชดใช้ กรรมหมดสิ้นแล้ว โดยก่อนจากไปท่านจะเข้ามาคลอเคลียกับผู้ที่เป็นเจ้าของเหมือนเป็นการบอกลา ครั้งสุดท้าย และทิ้งเพชรตาแมวของตนไว้ให้ ก่อนจะกลับขึ้นไปบำเพ็ญตบะบนสรวงสวรรค์ดังเดิม ในขณะเดียวกัน หากมองในแง่ของวิทยาศาสตร์ อาจกล่าวได้ว่า เพชรตาแมวเกิดจากแมวที่ ตาเป็นต้อหิน โดยดวงตาข้างนั้นจะมีน้ำออกในตา แม้แมวไม่เจ็บปวด แต่ตาข้างนั้ นจะไม่สามารถใช้ การได้ และเมื่อแมวตัวดังกล่าวได้ตายลง ดวงตาข้างที่เป็นต้อก็จะแข็งขึ้นราวกับก้อนหิน แต่จะมีความ สวยงาม แวววาว ราวกับเพชร ดังที่เรียกว่า เพชรตาแมว โดยเพชรตาแมว มักมีลักษณะ ดังนี้ 1) เพชรตาแมวชนิดหินใส มีลักษณะใสปนขุ่น ขนาดเท่าลูกแก้ว ในความใสจะเหมือนมี เสี้ยนไผ่อยู่ในตา หรือม่านตา เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะเห็นเป็นรังผึ้งขนาดเล็ก และมีเส้นเลือดขนาด เล็กด้วย 2) เพชรตาแมวชนิดใสเป็นแก้ว เพชรตาแมวชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนดวงตาแมวขณะที่ยัง มีชีวิตอยู่ ในความใสจะไม่มีสีขาวขุ่นมาเจือปน มีมิติซับซ้อน และไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ เนื่องจากเนื้อจะใสบริสุทธิ์ และมีความแวววาวมาก

74

เชื่อกันว่าแมวตาเพชรนั้นจะมีดวงตาที่อำนาจลึกลับ หากแมวตาเพชรจ้องมองไปที่เหยื่อตัวใด นานๆ เช่น จิ้งจก หรือหนู เหยื่อจะไม่สามารถขยับตัวได้และตกลงมาตายในที่สุด โดยที่แมวไม่ต้อง ขยับตัวหรือทำอะไรเลยนอกจากจ้องเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ปัจจุบัน เพชรตาแมว ยังคงเป็นวัตถุมงคล ที่บุคคลจำนวนมากอยากได้มาครอบครอง แต่เนื่องจากเป็นของหายาก และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ราว 1 ในล้าน ดังนั้นสนนราคาของเพชรตาแมวจึง อยู่ในหลักสิบล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะเพชรตาแมวที่มีลักษณะดี หรือเป็นของเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี อย่างไรก็ดี เพชรตาแมวที่จำหน่ายต้องผ่านการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันวิจัย และพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือมีใบรับรองเป็นวัตถุธรรมชาติ จากกรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น พิธีแห่นางแมว พิธีแห่นางแมวของชาวอีสานเพราะเชื่อว่าเหตุที่ฝนไม่ตกมี เหตุผลหลาย ประการ เช่น เกิดจากดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง,ประชาชนชาวเมืองหย่อนในศีลธรรม ,เจ้าเมืองหรือ เจ้าแผ่นดินไม่ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม, เป็นต้น เหตุนี้ชาวเมือง ชาวอีสานจึงต้องทำพิธีอ้อนวอนขอ ฝน และการที่ต้องใช้แมวเป็นตัวประกอบสำคัญในการขอฝน เพราะเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ถ้า ฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที ชาวอีสานจึงถือเอาเคล็ดที่แมวร้องในเวลาฝนตกว่า จะเป็นเหตุให้ฝนตก จริงๆ ชาวบ้านจึงร่วมมือกันสาดน้ำและทำให้แมวร้องมากที่สุดจึงจะเป็นผลดี และชาวอีสานเชื่อว่า หลังจากทำพิธีแห่นางแมวแล้วฝนจะตกลงมาตามคำอ้อนวอน และตามคำเซิ้ง ของนางแมว (สำนักงาน วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ,2560) สัมผัสพิเศษของแมวกับวิญญาณร้าย และช่วยปกป้องเรา เป็นความเชื่อตั้งแต่อดีตมาว่า แมวรู้สึกได้ถึงพลังงานของวิญญาณร้ายในบ้าน สิ่งแรกที่แมวจะทำ คือ การขั บไล่พลังงานดังกล่าว ไม่ให้มารบกวนในบริเวณที่มันอยู่ โดยในเรื่องนี้ทำให้คนประเทศรัสเซียในอดีตจะนิยมการเลี้ยงแมว มาก และมักจะปล่อยให้แมววิ่งเข้าไปบ้านก่อนที่พวกเขาจะเดินตามเข้าไป เพื่อให้แมวได้ส่งสัญญาณ เตือนว่า มีอะไรผิดปกติในบ้านหรือไม่ ขณะที่ความเชื่อของคนบางกลุ่ม ถ้าต้องเข้าไปอยู่ในบ้านหลัง ใหม่ แล้วบ้านหลังนั้นเคยมีคนอยู่มาแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้แมวเข้าไปในบ้านก่อน เพื่อดูว่าภายใน บ้านนั้นมีพลังงานของวิญญาณร้ายวนเวียนอยู่หรือไม่ แมวช่วยเยียวยาจิตใจให้เราได้ ในเรื่องนี้ เจ้าของน่าจะรับรู้ได้ดีที่สุด หากเวลาใดที่ เรารู้สึก ว่า ทุกอย่างรอบตัวไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด หรือรู้สึกผิดหวังจากความสัมพันธ์ แมว คือ สัตว์เลี้ยงที่ สามารถเยียวยาหัวใจและทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะนอกจากมันจะส่งพลังบวกให้กับเจ้าของแล้ว แมวยังคอยปกป้องคุณจากพลังลบต่างๆ ที่เข้าหาเจ้าของด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

75

พลังพิเศษที่ซ่อนอยู่จากสีขนของแมวกับแมวดำ สำหรับความมีความเชื่อในเรื่องนี้กับ “แมวดำ” ว่าเป็นแมวของแม่มด แต่เชื่อหรือไม่ว่า พลังพิเศษของแมวดำนั้น สามารถทำให้ปัญหาหมด ไปจากที่อยู่อาศัยของเราได้ และจะทำให้เจ้าของมีสตินึกรู้มองเห็นทางออกของปัญหาด้วยเช่นกัน แมวสีส้มหรือส้มออกแดง แมวสีส้มนี้ ไม่ว่าแมวเพศใดจะมีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งสุขภาพที่ดี การเงินมั่งคั่ง และความแน่นอนในชีวิตให้แก่ผู้เลี้ยงนั่นเอง แมวสีเทา จะนำมาซึ่งความรัก ความสุข และโชคดี รวมถึงช่วยให้คุณมีความสงบทางอารมณ์ มากขึ้น แมวสีขาว ที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีที่สุด ถ้าคุณรู้สึกว่า ตัวเองกำลังตกอยู่ในความเศร้า หรือ จมอยู่ในความทุกข์มายาวนาน ก็ลองหาแมวสีขาวมาเลี้ยงไว้สักตัว แมววิเชียรมาศ (Siamese Cats) แมวไทยที่มีความเชื่อว่า จะช่วยปกป้องเจ้าของจากความ อิจฉาริษยาที่ล้อมรอบได้ และจะนำพามาซึ่งชื่อเสียง ความสำเร็จ และการมีอายุยืนยาวด้วย แมวสามสี แมวที่มีส่วนผสมของสีขาว สีส้ม และสีดำ โดยมีความเชื่อว่า จะนำมาซึ่งความโชค ดีทั้งบนบกและในทะเล ช่วยปกป้องครอบครัวจากภัยร้าย และสร้างความสุขให้แก่ผู้เลี้ยงด้วยเช่นกัน (บ้านและสวน Pets,2564) 2.1.12 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 เป็นกฎหมายใหม่ที่มุ่ง คุ้มครอง “สัตว์” โดยแบ่งเป็น สัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยง เพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการ อื่นใด จุดประสงค์ของกฎหมาย คือ เพื่อป้องกันการทารุณกรรมสัตว์โดยฝีมือมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ เป็นเจ้าของสัตว์ ที่ปล่อย ละทิ้ง ไม่ดูแลสัตว์ และเพื่อปกป้องมนุษย์จากความเสียหายในทรัพย์สินหรือ ร่างกายที่เกิดจากสัตว์ด้วยเช่นกัน กฎหมายก็ให้มนุษย์มีสิทธิในการต่อสู้ป้องกันตัวได้ตามสมควรแก่เหตุเช่นกัน ประชาชนคน ทั่วไปจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระในเบื้องต้นโดยเฉพาะ ส่วนสำคัญ 4 ประการ ดังนี้ – สัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง หมายถึงสัตว์ประเภทใดบ้าง

76

– การทารุณกรรมสัตว์ หมายความว่าอย่างไร – การกระทำอย่างไรที่ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ – เจ้าของสัตว์ต้องดูแล รับผิดชอบสัตว์อย่างไร จึงจะถือว่าไม่ปล่อยปละละเลย สัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจั ดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มีนิยามที่มุ่งคุ้มครอง “สัตว์” ที่โดยปกติเลี้ยงไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรื อ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่ อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ภาพที่ 2.55 ภาพการเผยแพร่ พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ที่มา: สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2559)

77

การทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 20 “ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร” ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับในมาตรา 3 กำหนดนิยาม คำว่า “การทารุณกรรม” แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ • เป็นการกระทำ หรืองดเว้นการกระทำใด ๆ ที่ทำให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่าทาง ร่างกายหรือจิตใจ ได้รับความเจ็บปวด ความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรืออาจมีผลทำให้สัตว์นั้น ตาย • ให้หมายความรวมถึงการใช้สัตว์พิการ สัตว์เจ็บป่วย สัตว์ชราหรือสัตว์ที่กำลังตั้งท้ อง เพื่อ แสวงหาประโยชน์ ใช้สัตว์ประกอบกามกิจ ใช้สัตว์ทำงานจนเกินสมควร หรือใช้ให้ทำงานอัน ไม่สมควรเพราะเหตุที่สัตว์นั้นเจ็บป่วย ชราหรืออ่อนอายุ

ภาพที่ 2.56 ภาพการเผยแพร่ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ที่มา: สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2559) การกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 21 ได้บัญญัติว่า การกระทำดังต่อไปนี้ ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ได้แก่ 1) การฆ่าสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหาร แต่หมายรวมถึงเฉพาะสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อใช้เป็นอาหาร เช่น สุกร ไก่ 2) การฆ่าสัตว์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการฆ่าสัตว์และจําหน่ายเนื้อสัตว์ 3) การฆ่าสัตว์เพื่อควบคุมโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ 4) การฆ่าสัตว์ในกรณีที่ส ัตวแพทย์เห็น ว่าสัตว์ป่วย พิ การ หรือบาดเจ็บ และไม่สามารถ เยียวยา หรือรักษาให้มีชีวิตอยู่รอดได้โดยปราศจากความทุกข์ทรมาน

78

5) การฆ่าสัตว์ตามพิธีกรรมความเชื่อทางศาสนา 6) การฆ่าสัตว์เพื่อป้องกันอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายของมนุษย์ หรือสัตว์อื่น หรือป้องกัน ความเสียหายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สิน 7) การกระทำใด ๆ ต่อร่างกายสัตว์ซึ่งเข้าลักษณะของการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสัตวแพทย์ 8) การตัด หู หาง ขน เขา หรืองา โดยมีเหตุอันสมควรและไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ หรือการ ดำรงชีวิตของสัตว์ 9) การจัดให้มีการต่อสู้ของสัตว์ตามประเพณีท้องถิ่น 10) การกระทำอื่นใดที่มีกฎหมายกำหนดให้สามารถกระทำได้เป็นการเฉพาะ 11) การกระทำอื่นใดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

ภาพที่ 2.57 ภาพเผยแพร่การกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ที่มา: สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2559) ผู้เป็นเจ้าของสัตว์ต้องดูแล ไม่ปล่อยทิ้ง แม้ว่ากฎหมายจะมุ่งเอาผิดกับผุ้ที่ทารุณกรรมสัตว์ แต่ในส่วนของผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง นั้น กฎหมายก็เอาผิดด้วยเช่นกันโดยเฉพาะหากผุ้ที่เป็นเจ้าของสัตว์ ปล่อย ละทิ้ง ไม่ดูแลสัตว์ โดยไม่มี เหตุผลอันสมควร ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท

79

ภาพที่ 2.58 ภาพเผยแพร่กฏหมายเกี่ยวกับเจ้าของสัตว์ ที่มา: สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2559) พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ถือได้ว่าเป็นกฎหมาย อีกฉบับที่สร้างคุณธรรมความดีให้เกิดกับจิตใจของมนุษย์ นำไปสู่การปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความเมตตา กรุณา ซึ่งจะทำให้ผู้คนในสังคมมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี จิตใจอ่อนโยน เป็นรากฐานให้คนและสัตว์ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย (พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557) 2.2 สถานการณ์ COVID-19 กับยุค New normal COVID-19 คือโรคติดต่อ ซึ่งเกิดจากไวรัสโคโรนาชนิดที่มีการ ค้นพบล่าสุด ไวรัสและโรคอุบัติ ใหม่นไี้ ม่เป็นที่รู้จักเลยก่อนที่จะมีการระบาดใน เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนในเดือนธันวาคมปี2019 ขณะนี้ โรคโควิ ด 19 มี ก ารระบาดใหญ่ ไ ปทั ่ ว ส่ ง ผลกระทบแก่ ห ลาย ประเทศทั ่ ว โลก (World Health Organization, 2564) การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เปรียบเสมือนคลื่นที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของ ผู้คนครั้งใหญ่ ทั้งวิถีชีวิตและเร่งให้เกิด Digital Disruption ทำให้โลกก้าวเข้าสู่ยุค New Normal และ หลายองค์กรต้องปรับตัวให้ทันเช่นกัน 2.2.1 New Normal มีอะไรบ้าง New Normal เป็นคำที่ถูกบัญญัติขึ้นมาใหม่ โดยมีความหมายว่า “ความปกติ ใหม่ รากฐาน ชีวิตหรือรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบใหม่” ซึ่ง New Normal สามารถนำมาปรับใช้ได้หลายบริบทใน

80

การดำเนินชีวิต เช่น วิธีคิด การสื่อสาร วิถีปฏิบัติในชีวิตประจำวัน หรือในบริบทของการทำงาน เช่น การปรับรูปแบบการทำงาน และ การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ เป็นต้น 2.2.2 การจัดงานให้ปลอดภัยจาก COVID-19 เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าหลายๆ บริษัทและ หลายๆ แบรนด์ก็ต้องเลื่อนงานอีเว้นท์ต่างๆ ออกไป หรือไม่ก็ทำการตลาดแบบออนไลน์ทดแทน แต่ สำหรับบริษัทไหนที่ตั้งใจยังอยากจะจัดงานอีเว้นท์ในสถานที่ จริง การจัดงานให้อยู่ภายใต้มาตรการ และความปลอดภัยไว้ก่อนก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งมีดังนี้ การลงทะเบียนออนไลน์ ปรับการลงทะเบียนหรือเช็คอินเข้าร่วมงาน ณ จุดลงทะเบียนหน้างาน ให้เป็นการลงทะเบียน แบบออนไลน์แทนเพื่อเป็นการลดความแออัดของผู้เข้าร่วมงานที่มายืนรอกรอกข้อมู ล และลดการ แพร่กระจายของเชื้อโรคได้อีกด้วย นอกจากนี้พี่กล้วยว่ายังทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการเก็บ ข้อมูลผู้เข้าร่วมงานมากขึ้นด้วย ตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้างาน ตั้งจุดคัดกรองวัดไข้ก่อนเข้างาน และจัดเตรียมอุปกรณ์หน้ากากและเจลแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปไว้สำหรับล้างมือให้เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วมงาน โดยตั้งไว้ตามจุดต่างๆของงาน เช่น บริเวณ ก่อนเข้างาน บริเวณประตูเข้าออก จุดบริการอาหารเครื่องดื่ม ตามมุมต่างๆที่เห็นได้ชัด และห้องสุขา วัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน เบื้องต้นผู้จัดงานสามารถตรวจสอบและดูแลความปลอดภัยผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เพื่อเป็นการตรวจว่ามีผู้เข้างานท่านไหน ที่อุณหภูมิสูงเกินกว่าเกณฑ์ปกติหรือไม่ การมีเครื่องวัด อุณหภูมิก่อนเข้างาน ถือว่าจำเป็นมากๆ ในช่วงนี้ ตรวจ ATK ก่อนเข้างาน ยิ่งบางงานอีเว้นท์ที่มีความเข้มงวดมากๆ ก็ควรจะมีโซนที่ให้ผู้เข้างานได้ตรวจ ATK เพื่อวัดผล โควิดก่อน เป็นการป้องกันในระดับหนึ่ง จะได้เพิ่มความไว้วางใจให้กับสตาฟและผู้เข้างานของคุณ นั่นเอง เพราะบางทีการที่อุณหภูมิปกติ ไม่ได้สูง ก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ไปสัก ทีเดียว หากเป็นงานที่พร้อมสร้างความปลอดภัยมากๆ ก็ควรให้พนักงานและผู้ เข้างานทุกคน ตรวจ ATK กันเบื้องต้นจะดีกว่านั่นเอง

81

จัดตารางให้มีการทำความสะอาดสม่ำเสมอ จัดตารางให้มีการทำความสะอาดบริเวณต่างๆที่ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสสัมผัสบ่อยครั้ง เช่น ประตู ลูกบิดประตูห้องประชุม ลิฟ ต์ ราวบันได ห้องน้ำ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีประสิ ทธิภาพอย่า ง สม่ำเสมอ จัดบูธแบบ Social Distancing นอกจากนั้น การวางโซนและออกแบบแผนผังของงานก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยผู้จัดงานสามารถ วางบูธต่างๆ ให้มีระยะห่างที่พอสมควร เพื่อลดการใกล้ชิดและสัมผัสกันกับคนอื่นๆ หรือเป็นการจำกัด จำนวนคนเข้างานให้มีการเว้นระยะในการเดิ นชมงานได้ ก็ถือว่าเป็ นการรักษาความปลอดภัยใน รูปแบบที่ทำได้ไม่ยาก (Zipevent, 2565) 2.3 หลักการจัดนิทรรศการ 2.3.1 ความรู้เกี่ยวกับนิทรรศการ การสื่อสาร ไม่ว่ารูปแบบใด จะได้ผลดีหรือไม่นั้นต้องอาศัยการวิเคราะห์ประชากรที่เป็น กลุ่มเป้าหมายของสารนั้นอย่างรอบคอบ เพราะจะต้องจัดการให้สอดคล้องกับหลักจิตวิทยาของการ รับรู้และหลักจิตวิทยาสังคมของกลุ่มผู้รับสาร ซึ่งมีอยู่ต่าง ๆ กัน การออกแบบนิทรรศการจะต้อง ออกแบบให้ผู้ชมที่เป็นเป้าหมาย รับรู้ได้ถูกต้องและง่าย ในด้านจิตวิทยาสังคม สิ่งที่จะจัดจะต้อง สอดคล้องกับอารมณ์ ความรู้สึ ก ความต้องการของผู้ชม จึงจะได้ผลดี ดังนั้นการวางแผนการจัด นิทรรศการจึงต้องคำนึกถึงผู้ชม หลักสำคัญที่สุดอันดับ แรกของการวางแผนนิทรรศการ จะต้อ ง คำนึงถึงส่ ว นประกอบของผู ้ช มและทั ศนคติ จะเป็น เครื ่ อ งพิจ ารณา คุณสมบัติ คุ ณภาพ ขนาด ระยะเวลา การแสดง การจัด และการนำเสนอว่ าควรจะเป็นอย่างไรนิทรรศการที่ดีจะต้องพิจารณา หลายทาง ความสำเร็จของนิทรรศการมิได้อยู่ที่จำนวนผู้ชม นิทรรศการที่ ดีไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่มี คนดูมากที่สุด แต่อยู่ที่นิทรรศการนั้น สามารถถ่ายทอดความรู้สึก เร่งเร้า ให้ความรู้ ความบันเทิงใจแก่ ผู้ชมได้มากที่สุด 2.3.2 ประเภทของนิทรรศการ แบ่งตามลักษณะของวิธีการจัดแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1) นิทรรศการถาวร (Permanent Exhibition) หมายถึงนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่อ งราว เดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นที่รวบรวมสิ่งแสดงของที่ใช้จัดอาจจะเป็นของจริง หุ่นจำลอง รูปภาพ ฯลฯ ที่นำมาแสดงนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูป แบบ และวิธีการ จัดอยู่ในอาคารหรือสถานที่เดิม ไม่ เปลี่ยนแปลง ผู้ช มสามารถเข้า มาชมได้ ตลอดเวลา เพื่อศึกษาหรื อหาความรู้/ เพลิ ดเพลิน เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มีจุดประสงค์ เพื่อการศึกษาทั้งทาง ประวัติศาสตร์ศิลป์ โบราณคดี ตลอดจนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ไทย เป็นต้น

82

2) นิทรรศการชั่วคราว (Non-Permanent Exhibition) คือการจัดนิทรรศการเป็นครั้งคราว ในวาระโอกาสหรือเทศกาลพิเศษเพื่อแสดงความรู้ใหม่ๆ แผนงานพิเศษ วาระในวันสำคัญต่างๆ ของ หน่วยงาน นิทรรศการชั่วคราวอาจจัดแสดงในสถานที่เดิมเป็นประจำ แต่สื่อที่นำมาแสดงชุดนั้นๆ จัด อยู่ไม่นาน อาจเป็นสัปดาห์หรือสองสามเดือนก็เปลี่ยนใหม่หรือเลิกไป 3) นิทรรศการเคลื่อนที่ นิทรรศการเคลื่อนที่ หมายถึง นิทรรศการที่จัดขึ้นเป็นชุดสำเร็จ เพื่อ แสดงในหลายๆ สถานที่หมุนเวียนกันไป รูปแบบและสื่อหลักที่นำมาแสดง เป็นแบบเดิม วัตถุประสงค์ ในการจัดเป็นแบบเดิม อาจมี สิ่งของหรือการแสดงประกอบเพิ่มเติมในบางครั้ง ส่วนสถานที่จัดก็ หมุนเวียน เปลี่ยนไปเรื่อย อาจเคลื่อนที่ไปต่างจังหวัดหรือจังหวัดเดียวกันแต่เปลี่ยนชุมชนที่นำไป แสดง เช่น นิทรรศการศิลปะนิทรรศการตราไปรษณียากร ในการเคลื่อนที่ก็จะ ร่วมกับหน่วยงานใน ท้องถิ่นซึ่งหน่วยงานหลักก็คือหน่วยงานในสังกัดสำนักงานไปรษณีย์โทรเลขจังหวัดที่ไปจัด แบ่งตาม ลักษณะของสถานที่จัด มี 3 ประเภท ได้แก่ นิทรรศการกลางแจ้ง นิทรรศการในร่ม นิทรรศการ หมุนเวียน นิทรรศการกลางแจ้ง (Outdoor Exhibition) เป็นการจัดนิทรรศการภายนอกตัวอาคาร และอาจจัดในสนามโดยใช้เต็นท์นิทรรศการประเภทนี้ มีขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับรูปแบบ ลักษณะ วิธีจัดด้วย และมีขอบเขตการแสดงกว้างขวาง นิทรรศการกลางแจ้งแบบชั่วคราว อาจจะจัดในสนาม โดยใช้เต็นท์กาง และยกพื้นขึ้นเพื่อจัดแสดงก็ได้ นิทรรศการ กลางแจ้งแบบชั่วคราวนี้ อาจจะมีขนาด ใหญ่หรือเล็กก็ได้ เช่น งานประจำปี งานฉลองเทศกาลปีใหม่ของจังหวัดต่างๆ ก็จัดค่อนข้างใหญ่ แต่ หากจัดประกอบงานพิธีอื่นๆ ก็มักเล็กลง นิทรรศการกลางแจ้งแบบเคลื่อนที่ มักเป็นนิทรรศการขนาด ย่อยที่สุด เช่น รถเผยแพร่ การทำหมันของโรงพยาบาลซึ่งอาจมีการฉายภาพยนตร์สไลด์หรือวีดีทัศน์ ประกอบ นิทรรศการในร่ม (Indoor Exhibition) คือ นิทรรศการที่จัดในบริเวณอาคาร หรือจัดสร้าง อาคารเพื่อแสดงนิทรรศการโดยวิธี แบบถาวร แบบชั่วคราว หรือแบบเคลื่อนที่ก็ได้ นิทรรศการในร่ม แบบถาวร เช่น ในอาคารของพิพิธภัณ ฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานาคร หรือพิพิธภัณฑ์จังหวัด นิทรรศการในร่มแบบชั่วคราว จัดขึ้นโดยมีระยะเวลาแสดงแน่นอน มีจุดมุ่งหมาย แคบลงแต่เด่นชัด การจัดนิทรรศการประเภทนี้ผู้จัดมีความสะดวกในการเตรียมงานได้ดีกว่าจัดภายนอกอาคาร นิทรรศการหมุนเวียน (Traveling Exhibition) หรือนิทรรศการสัญจร หมายถึงนิทรรศการที่ จัดทำเป็นชุดสำเร็จรูปถาวร สามารถเคลื่อนย้ายไปแสดงในที่ต่าง ๆ หมุนเวียนสลับกันไปหรืออา จ แสดงในรูปของรถเผยแพร่เคลื่อนที่ (mobile units) ซึ่งจัดแสดงเพียงครึ่งวันหรือหนึ่งวันนิทรรศการ ประเภทนี้สามารถเข้าถึงบุคคลเป้าหมายได้ อย่างแท้จริงโดยเฉพาะในท้องถิ่นทุรกันดารการคมนาคม ไม่สะดวก

83

ประเภทของนิทรรศการแบ่งตามจุดประสงค์การจัด มี 6 ประเภท คือ 1) นิทรรศการทางการศึกษา เป็นนิทรรศการที่มุ่งจัดเพื่อการศึกษา และให้ข้อมูลความรู้ทาง วิชาการแก่ผู้ชมโดยเฉพาะอาจจัดเป็นเฉพาะเรื่อง หรือจัดในแบบความรู้กว้างๆ นิทรรศการโดยทั่วไป แทบทุกประเภทจะมีจุ ดประสงค์ เพื่อการศึ กษาแฝงอยู่ ด้ว ยเสมอ เช่น นิทรรศการสัป ดาห์ วั น วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อเผยแพร่วิชาการด้านวิทยาศาสตร์และความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยี นิทรรศการการศึกษา จัดได้ทุกสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการทางด้าน มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะศาสตร์ ตลอดจนวิทยาศาสตร์ประยุกต์สาขาวิชาต่างๆ 2) นิทรรศการทางการตลาด เป็นนิทรรศการอีกแบบหนึ่ ง ที่จัดกันแพร่หลายพอๆ กับ นิทรรศการทางการศึกษาๆ ประเภทนี้อาจจัดในร่มหรือกลางแจ้งก็ได้ แต่เป็นนิทรรศการแบบชั่วคราว เท่านั้น จุดประสงค์เพื่อการขายสินค้า และการพาณิชย์ นิทรรศการทางการตลาดที่ใหญ่ที่สุด คือ งาน มหกรรมการแสดงสิน ค้านานาชาติ (Thailand Expo) ซึ่งหมุ น เวียนจัดในประเทศต่างๆ ทั่ว โลก ห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้าใหญ่ๆ ก็มีการจัดนิทรรศการทางการตลาดกันตลอดปี เพื่อดึงดูดลูกค้า ให้เข้ามาซื้อสินค้านั้น ซึ่งมีการจัดกันอยู่เสมอ โดยทั่วไปจะจัดในช่วงเทศกาลต่างๆ 3) นิทรรศการทางการเมือง ในหลายๆ ประเทศทางด้านการเมืองและรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะ ประเทศกลุ่มสังคมนิยมจะใช้พิพิธภัณฑ์เป็นเครื่องมือปลุกระดม สำนึกทางการเมืองของประชาชน เช่น พิพิธภัณฑ์แสดงร่องรอยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่จัดแสดงโดยรัฐบาลกัมพูชาประชาธิปไตย เพื่อปลุก สำนึกของเยาวชนรุ่นใหม่ ให้มีความรู้สึกร่วม กับบรรพบุรุษรุ่นก่อน ซึ่งถูกกดขี่ทำทารุณกรรม สำหรับ ประเทศไทย นิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาจะจัดนิทรรศการประเภทนี้กันเป็นประจำ 4) นิทรรศการศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม นิทรรศการทางศิลปะรวมถึงศิลปะแขนง อื่นๆ ด้วย เช่น อัญมณี เครื่องแก้ว งานศิลปหัตถกรรมต่างๆ นิทรรศการวัฒนธรรม นอกจากการจัด แบบถาวรแล้ว ก็มีการจัด นิทรรศการเกี่ยวกับการส่งเสริมอนุรักษ์ วัฒนธรรม ต่างๆ ด้วย นิทรรศการ ทางสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีหน่วยงานสมาคม มูลนิธิ สถาบันทางการศึกษาทุกระดับ จัดกันแพร่หลาย โดยเฉพาะการรณรงค์เกี่ยวกับการนำมาใช้ใหม่ นิทรรศการทางศิลปะ ที่เด่นดังและดีเยี่ยมที่ดีที่สุดของ ไทย คือ "นิทรรศการศิลปาชีพ"ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ 5) นิทรรศการทางการทหาร นิทรรศการทางการทหารโดยทั่วไปนิยมจัดแบบถาวรจัดแสดง เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานและเกียรติประวัติการสู้รบของทั้งสามเหล่าทัพ 6) นิ ท รรศการเพื ่ อ การประชาสั ม พั น ธ์ อ งค์ ก ร นิ ท รรศการตลาดนั ด หลั ก สู ต รโดย คณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ จัดขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์ ให้นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ได้รู้ถึงหลักสูตรที่เปิดสอนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ และจัดตามมหาวิทยาลัยในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคการแบ่งประเภทของนิทรรศการ ตามวัตถุประสงค์ ของการจัดนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆด้วยกันคือ นิทรรศการเพื่อการศึกษา กับ นิทรรศการทางการตลาด และนิทรรศการ ทางการตลาดที่สำคัญ และกล่าวถึงกันมากที่สุดก็คือ มหกรรม นานาชาติ หรืองานเอ็กซ์โป Expo และที่นำไปแสดง เช่น นิทรรศการศิลปะ นิทรรศการตรา

84

ไปรษณียากร ในการเคลื่อนที่ก็จะ ร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่นซึ่งหน่วยงานหลักก็ คือ หน่วยงานใน สังกัดสำนักงานไปรษณีย์โทรเลขจังหวัดที่ไปจัด 2.4 หลักการออกแบบ การออกแบบ มีอิทธิพลต่อการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์เรา เกี่ยวข้องกับทุก ระดับอายุ ทุกเพศ ทุกอาชีพ ทุกคนมีความรักสวย รักงาม ดังสุภาษิตไทยที่ว่า " ไก่งามเพราะขน คน งามเพราะแต่ง " เช่น การแต่งกายที่แต่ละคนต่างล้วนเลือกสรรและเลือกอย่างรอบคอบให้เข้ากับ บุคลิคและสรีระของตน เริ่มตั้งแต่ ลวดลาย สีเสื้อผ้าจะต้องกลมกลืนเข้ากัน มีผลต่อความสูง ความ อ้วน เช่น คนตัวเตี้ยควรจะใส่เสื้อลายเส้นตรงแนวดิ่งที่มีหลายเส้น ส่วนคนอ้วนควรเลือกลายเส้นตรง แนวดิ่งที่มีสามสี่เส้น เน้นสีสดอยู่ส่วนที่เป็นแถบกลางตัว สีเข้มมืดๆอยูแถบข้างลำตัวทั้งสองข้าง เป็น ต้น รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ เช่น แหวน นาฬิกา สร้อยคอ เข็มกลัดติดเสื้อ จนถึงแว่นตา ต้องมี การออกแบบเพื่อให้ถูกใจเหมาะสมผู้ใช้ทั้งสิ้น ถ้ามองไปถึงเก้าอี้นั่ ง รูปทรงแบบใดเหมาะกับงานชนิด ใด สถานที่ใด เช่น ใช้กับโต๊ะทำงานปกติ ใช้กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ ติดตั้งบนรถเก๋ง รถโดยสาร รถไฟฟ้า หรือในโรงภาพยนตร์ การเลือกซื้อรถยนต์ เกินกว่า 70 % เลือกที่รูปทรงและสีของรถ แม้แต่เม็ดยาที่ เรากินรักษาโรค ยังต้องออกแบบให้มีสีน่ากิน เคลือบรสหวาน รูปทรงกลม มน กลืนง่าย เป็นต้น 1) หลักการออกแบบกราฟิก THE PRINCIPLE OF GRAPHIC DESIGN ก่อนที่จะทำงานออกแบบกราฟิกประเภทใดก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ การกำหนด จุดประสงค์ที่ชัดเจนของงาน เพราะช่องทาง รูปแบบและวิธีการ ของการนำเสนอมีมาก มีความ รวดเร็ว ไร้ขอบเขต เช่นใน เว็ปไซต์ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตต่างๆ ซึ่งต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ ทันเหตุการณ์ อาจจะทำให้เกิดความสับสน ยุ่งยากในการดำเนินงาน มีผลกระทบต่อการทำงาน เกิด ความไม่เป็นระบบ มีการสูญเสียและสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ดังนั้นผู้ออกแบบจึงควรมีหลักการและข้อ ควรคำนึงก่อนการเริ่มงานเพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง รัดกุมและวางแผนการดำเนินงานให้สำเร็จลุล่วง ไปได้ด้วยดีตลอดจนจบกระบวนการ ไม่มีปัญหาและอุปสรรค หลักการดำเนินงานออกแบบกราฟิก หลักการดำเนินงานและการวางแผนขั้นต้นของการออกแบบกราฟิกมีดังนี้ วัตถุประสงค์เพื่ออะไร ผู้ออกแบบต้องรู้ว่า จะบอกกล่าว เรื่องราวข่าวสารอะไรแก่ผู้รับรู้บ้าง เช่ น ทฤษฎี ห รื อ หลั ก การ การเผยแพร่ ป ระชาสั ม พั น ธ์ ฯลฯ ผู ้ อ อกแบบต้ อ งรู ้ ว ิ ธ ี ก ารนำเสนอ (Presentation) ที่ดีและเหมาะสมกับเรื่องราวเหล่านั้นว่ามีเป้าหมายของการออกแบบเป็นไปเพื่อ วัตถุประสงค์ใด เช่น เพื่อแนะนำ เผยแพร่ เพื่อให้ความรู้ หรือความบันเทิงเป็นต้น กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร แบ่งเป็นเพศ ชาย หญิง หรือบุคคลทั่วไป มีช่วงอายุเท่าใด นิสิต นักศึกษาหรือเฉพาะกลุ่มสนใจ ข่าวสารที่ให้มีระดับความยาก-ง่าย หรือมีความเป็นสากลหรือไม่เฉพาะ

85

คนในประเทศหรือชาวต่างชาติ ซึ่งผู้ออกแบบจำเป็นจะต้องรู้และเข้าใจเพื่อวางแผน ดำเนินการกับ ข่าวสาร ออกแบบ และการนำเสนอให้ตรงจุดกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ถูกต้อง สิ่งที่ต้องการบอกคืออะไร หมายถึง วิธีการที่จะสื่อความหมายกับผู้รับรู้หรือกลุ่มเป้าหมาย และถ้าที่มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ล่วงหน้า ชัดเจนแล้วก็จะทำให้ผู้ออกแบบมีความสะดวกในการ ที่จะบอกหรือสื่อความหมายได้ง่ายขึ้น เช่น การเลือกใช้สัญลักษณ์ เครื่องหมายและภาพประกอบต่าง ๆสื่อแทนคำศัพท์ ข้อความที่เป็นนามธรรม ได้ตรงตามระดับความสามารถในการรับรู้ของผู้รับ จะช่วย ให้เกิดความเข้าใจในความหมายของข่าวสารนั้น ๆ จำได้ในเวลาอันรวดเร็วและจดจำไว้ตลอดไป นำเสนอข่า วสารด้ ว ยสื่ อใด แบบใด ผู้ออกแบบต้องมีความรู้ เกี่ยวกับ ประเภทของสื่ อ ศักยภาพของสื่อชนิดต่างๆ คำนึงถึงการเลือกใช้สื่อในการนำเสนอข่าวสารเป็นรูปแบบใด จึงจะได้ผลดี มีความเหมาะสมกับข่าวสาร และผู้ออกแบบควรจะใช้วิธีการจัดการกับข่าวสารนั้น อย่างไร จึงจะ สามารถโน้มน้าวจิตใจและสื่อความหมายต่อผู้ร ับ ได้อย่างมีป ระสิทธิภ าพสูงสุด เช่น โปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ การออกแบบกราฟิก ส่วนใหญ่เป็นวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกถึงการสื่อความหมาย ในลั ก ษณะของตั ว อั ก ษรและภาพในรู ป แบบต่ า ง ๆ ซึ ่ ง เป็ น การสื ่ อ สารทางทั ศ นสั ญ ลั ก ษณ์ (Visualform) ดังนั้นในการออกแบบจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้เกี่ยว การมองเห็นและ จิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง องค์ประกอบในการออกแบบ ( DESIGN ELEMENTS) 1) จุด (Point) จะเป็นจุดที่ชี้ให้เห็น ตำแหน่งในที่ว่าง หรือที่ต่างๆ ไม่มีความกว้าง ความยาว ความลึก จุดให้ความรู้สึกคงที่ ไม่มีทิศทาง ไม่ครอบคลุมพื้นที่ จุดจะเกิดอยู่ในบริเวณต่างๆดั งเช่น จุด A จุด B 2) เส้น (Line) เส้นเกิดจากการนำจุดหลาย ๆ จุดมาเรียงต่อกัน หรือเกิดจากจุด เคลื่อนที่ เส้นทางออก ที่จุดเคลื่อนที่ไปคือ เส้น มีความยาว ไม่มีความกว้างหรือความหนามาก การกำหนด ทิศทางของเส้นให้อยู่ในแนวที่ต่างกัน จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ดูมั่นคง บางครั้งดูเคลื่อนไหว และ เจริญงอกงาม เติบโต 3) เส้นตั้ง (Verical Line) ให้ความรู้สึกสูงสง่า แข็งแรง มั่นคง ถ้าสูงมาก ๆ ก็จะให้ความ รู้สึก ไม่ปลอดภัย แต่จะบอกความเติบโต ถ้านำมาประยุกต์ในการแต่งกาย โดยใส่เสื้อ ลายแนวเส้นตั้งฉาก แนวดิ่ง จะช่วยให้ดูสูงขึ้น และถ้าออกแบบให้ดูผอมลง อาจใช้เพียง2-3 เส้น 4) เส้นนอน (Horizontal Line) ให้ความรู้สึกสงบ ราบเรียบ แน่นอน มั่นคง ปลอดภัย ความ นิ่ง พักผ่อนเป็นธรรมชาติ

86

5) เส้นเฉียง (Oblique Line) ให้ความรู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัย ตื่นต้น สนุกสนานแสดงการ เคลื่อนที่ ไม่อยู่นิ่ง 6) เส้นโค้ง (Curve) จะให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว นุ่มนวล อ่อนหวาน เชื่องช้า กระชับและเป็น อันหนึ่งอันเดี๋ยว 7) เส้น กระจาย เป็น เส้น ที่อ อกจากจุด ศูน ย์ กลางให้ ความรู้ส ึ ก มีพลังกระปรี ้ก ระเปร่ า สร้างสรรค์ เดินทางออกไปทุกทิศพร้อมๆกัน พองออก แตกตัว เส้นลักษณะอื่นๆ เช่น เส้นหยั ก เส้นประ เส้นจุดผสมเส้นประ ต่างก็ให้ความรู้แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า จะนำไปประกอบ กับรูปอะไร ทิศทาง (DIRECTION) ทิศทาง คือ ลักษณะที่แสดงให้รู้ว่า รูปแบบทั้งหมดมีแนวโน้มไปทางใด ทำให้ผู้พบเห็นเกิด ความรู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหว (Movement) นำไปสู่จุดสนใจ รูปทรงเรขาคณิตและรูปทรงธรรมชาติ • รูปทรงเรขาคณิต (Geometric Form) เป็นรูปทรงที่มีด้านแต่ละด้านคล้ายกัน มีความสัมพันธ์ กันอย่างเป็นระเบียบ มีแกนที่สมดุล มักจะประกอบด้วยเส้นตรงและเส้นโค้ง ที่มีแบบแผน • รูปทรงธรรมชาติ ( Originat Form) มักจะประกอบด้วยเส้นโค้ง (Curves) เส้นอิสระ ทั้งอยู่ ในลักษณะสมดุลและไม่สมดุล รูปทรงธรรมชาติจะให้ความรู้สึกอ่อนไหว • รูปทรงอิสระ (Free Form) รูปด้านแต่ละด้านมักจะไม่สัมพันธ์กัน ไม่มี ความสมดุล ไม่เป็น ระเบียบ ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวได้การเปลี่ยนแปลงรูปทรงเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อความลง ตัว ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ หรือมีรูปทรงใหม่ในเชิงเพิ่ม ลดปริมาตร การแยก ส่วนการเจาะทะลุเป็นต้น เทคนิคการกลับพื้นภาพมีผลต่อสายตาผู้ดู จากการออกแบบกลับพื้นภาพ ทำให้เกิดการสร้างสรรค์งาน เป็นสัญลักษณ์ (Logo)และเป็นที่ นิยม เพราะมีความแปลกใหม่ น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีผลของการมองเห็นว่า ภาพสีขาวที่อยู่ในพื้นสี ดำ จะทำให้ดูโตขึ้น 10-15 % สังเกตภาพตัวอักษร A ในข้อที่ 6 ตัวอักษรดำและขาวโตเท่ากันในการ ทำต้นแบบ เมื่อตัว A อีกตัวหนึ่งไปอยู่ในพื้นดำทำให้ดูโตกว่า เทคนิคนี้นิยมนำไปใช้ทำตัวอักษรพาดหัว ข่าวสำคัญในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์

87

ขนาดและสัดส่วน (Size & Scale) ขนาด (Size) ขนาด คือ การเปรียบเทียบรูปร่ างหรือรูปทรง การวัดสัดส่วน ระยะหรือขอบเขตของรูปร่าง นั้นๆสัดส่วน (Scale) สั ด ส่ ว น คือ ความเหมาะสมของสิ ่ง ของตั้ ง แต่ 2 สิ่งขึ้น ไป มีความสัม พันธ์ก ัน การหา ความสัมพันธ์ของขนาดและสัดส่วนในการออกแบบต้องคำนึงถึงขนาดและสัดส่วนของผู้ใช้ และ กิจกรรมภายในเป็นหลัก ในงานออกแบบโดยทั่วไป มีหลักเกี่ยวกับขนาดและสัดส่วนดังนี้ - ขนาดที่แตกต่างกัน จะให้ความรู้สึกขัดกัน (Contrast) - ขนาดใกล้เคียงกัน ให้ความรู้สึกกลมกลืนกัน (Harmony) - ความแตกต่างของขนาดทำให้เกิดความรู้สึกเคลื่อนไหว (Dynamic) วัสดุและพื้นผิว ( Material and Texture ) วัสดุ คือ วัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการออกแบบ โดยเลือกความเหมาะสม ตรงตามลักษณะของ งาน ถ้าทำลงบนกระดาษวาดเขียน อาจเป็นรูปลอกลวดลายต่างๆแบบทึ บแสง ถ้าทำลงบนแผ่ น โปร่งใสก็ใช้รูปหรืออักษรลอกแบบสีโปร่งแสง เป็นต้น พื้นผิว (Texture) พื้นผิว คือ ลักษณะเฉพาะ ที่เกิดจากโครงสร้างของวัสดุ อาจนำวัตถุดิบหลาย ๆอย่างมาสร้าง ให้เกิดพื้นผิวใหม่ หรือความรู้สึกในการแยก จำแนกความเรียบความขรุขระ ความแตกต่างของพื้นผิว ในทางกราฟิก สามารถแยกออกได้ด้วยประสาทสัมผัส ทางตา เป็นส่วนใหญ่พื้นผิวที่แตกต่างกันจะให้ ความรู้สึกต่างกัน เช่น ผิวขรุขระ ให้ความรู้สึกปลอดภัย มั่นคง แข็งแรง สาก สะดุด หยาบ ระคาย เคือง ในบางสถานะทำให้ดูเล็กกว่า ความจริง เช่น ผิวขรุขระของกำแพงที่ก่อด้วยศิลาแลงหรือหิน กาบ จะดูแข็งแรงบีกบีน ในการสร้างงานกราฟิกลงบนกระดาษ เช่น รูปหลังคาบ้านลายสัง ก ะสี กระเบื้องลอนแบบต่างๆ ผนังตึก ซึ่งลวดลาย ขรุขระ เหล่านี้จะนำมาจากแผ่นรูปลอก ซึ่งใน ปัจจุบัน ใช้ลวดลายสำเร็จรูปจากคอมพิวเตอร์ ผิวเรียบมัน ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง ลื่น หรูหรา วาบหวาม สดใส แสงสะท้อน ในบางสถานะทำ ให้ดูใหญ่กว่าปกติ เช่น ผนังตึกที่ฉาบปูนเรียบหรื ออาคารที่เป็นกระจกทั้งหลังเปราะบาง แวววาว ตัวอย่างงานกราฟิกที่ต้องการความเป็น มันวาว ที่ใช้เทคนิคแผ่นรูปลอกที่มีลายไล่โทนสำเร็จรู ป ตัวอย่างภาพกราฟิกที่สร้างความเป็นมันวาวด้วย เทคนิคพู่กันลม(airbrush) ผสมกับจะดูการวาดด้วย มือ ระนาบ (Plane) ระนาบ คือ เส้นที่ขยายออกไปในทางเดียวกัน จนเกิดเป็นพื้นที่ขึ้นมา แบ่งได้ดังนี้

88

1) Overhead plane ระนาบที่อยู่เหนือศีรษะอยู่ทข้างบน ให้ความรู้สึกปลอดภัย เหมือนมี หลังคาคลุม มีสิ่งปกป้องจากด้านบน 2) Vertical plane ระนาบแนวตั้ ง หรื อ ตั ว ปิด ล้ อ ม เป็ น ส่ ว นบอกขอบเขตที ่ว ่า ง ตาม แนวนอนความกว้าง ความยาว 3) Base plane ระนาบพื้น ระดับดิน หรือระดับเสมอสายตา อาจมีการเปลี่ยนหรือเล่น ระดับเพื่อให้เกิดความรู้สึกต่างๆ การจัดองค์ประกอบ (Composition) 1) ความสมดุล (Balance) คือความเท่ากันหรือเท่าเทียมกันทั้งสองข้าง แบ่งออกเป็น สมดุลแบบทั้ง 2 ข้างเหมือนกัน (Symmetrical balance) ทั้งซ้ายขวาเหมือนกัน การสมดุลแบบนี้จะ ทำให้ดูมั่นคงหนักแน่น ยุตธรรม เช่น งานราชการ ใบวุฒิบัตร ประกาศณียบัตร การถ่ายรูปติดบัตร เป็นต้น สมดุลแบบ 2 ด้วยน้ำหนักทางสายตา เช่น สมดุลด้วยน้ำหนักและขนาดของรูปทรง ด้วยจุด สนใจ ด้วยจำนวนด้วยความแตกต่างของรายละเอียด ด้วยค่าความเข้ม-จางของสี เป็นต้น 2) การเน้นให้เกิดจุดเด่น (Emphasis) ในการออกแบบจะประกอบด้วยจุดสำคัญหรือส่ว น ประธานในภาพ จุดรองลงมาหรือส่วนรองประธาน ส่วนประกอบหรือพวกรายละเอียดปลีกย่อย ต่างๆ หลักและวิธีในการใช้การเน้น - เน้นด้วยการใช้หลักเรื่อง Contrast - เน้นด้วยการประดับ - เน้นด้วยการจัดกลุ่มในส่วนที่ต้องการเน้น - เน้นด้วยการใช้สี - เน้นด้วยขนาด - เน้นด้วยการทำจุดรวมสายตา 3) เอกภาพ (Unity) ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นกลุ่มเป็นก้อน โดยที่องค์ประกอบ ภายในต้องกลมกลืนกันมี 2 แบบคือ เอกภาพแบบหยุดนิ่ง (Static unity) โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตทำให้เกิดลักษณะหนักแน่น เอกภาพแบบเคลื ่ อ นไหว (Dynamic unity) ใช้ ร ู ป ทรงหรื อ รู ป ร่ า งแบบธรรมชาติ ท ำให้ เคลื่อนไหวสนุกสนาน 4) ความกลมกลืน (Harmony) การจัดองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกันหรือคล้าย ๆ กันมาจัด ภาพทำให้เกิดความนุ่มนวลกลมกลืนกันมี 3 แบบ คือ • กลมกลืนในด้านประโยชน์ใช้สอย คือ ทำให้เป็นชุดเดียวกัน • กลมกลืนในความหมาย เช่น การออกแบบเครื่องหมายการค้า & โลโก้ • กลมกลืนในองค์ประกอบ ได้แก่

89

- กลมกลืนด้วยเส้น-ทิศทาง - กลมกลืนด้วยรูปทรง รูปร่าง - กลมกลืนด้วยวัสดุ พื้นผิว - กลมกลืนด้วยสี มักใช้โทนสีที่ใกล้กัน - กลมกลืนด้วยขนาด - สัดส่วน - กลมกลืนด้วยน้ำหนัก 5) ความขัดแย้ง (Contrast) การจัดองค์ประกอบให้เกิดความแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจ หรือให้เกิดความสนุกตื่นเต้น น่าสนใจ ลดความเรียบ น่าเบื่อ ให้ความรู้สึกฝืนใจ ขัดใจ แต่ชวนมอง 6) จังหวะ (Rhythm) จังหวะเกิดจากการต่อเนื่องกันหรือซ้ำซ้อนกัน จังหวะที่ดีทำให้ภาพดู สนุกเปรียบได้กับเสียงเพลงอันไพเราะ ในด้านการออกแบบแบ่ง จังหวะ เป็น 4 แบบ คือ • จังหวะแบบเหมือนกันซ้ำๆกัน เป็นการนำเอาองค์ประกอบหรือรูปที่เหมือน ๆ กัน มาจัดวาง เรียงต่อกัน ทำให้ดูมีระเบียบ (Order) เป็นทางการ การออกแบบลายต่อเนื่อง เช่น ลาย เหล็กดัดลายกระเบื้องปูพื้นหรือผนัง ลายผ้า เป็นต้น • จังหวะสลับกันไปแบบคงที่ เป็นการนำองค์ประกอบหรือรูปที่ต่างกันมาวางสลับกันอย่าง ต่อเนื่อง เป็นชุด เป็นช่วง ให้ความรู้สึกเป็นระบบ สม่ำเสมอ ความแน่นอน • จังหวะสลับกันไปแบบไม่คงที่ เป็นการนำองค์ประกอบหรือรูปที่ต่างกันมาวางสลับกันอย่าง อิสระ ทั้งขนาด ทิศทาง ระยะห่าง ให้ความรู้สึกสนุกสนาน • จังหวะจากเล็กไปใหญ่หรือจากใหญ่ไปเล็ก เป็นการนำรูปที่เหมือนกัน มาเรียงต่อกัน แต่มี ขนาดต่างกันโดยเรียงจากเล็กไปใหญ่หรือจากใหญ่ไปเล็กอย่างต่อ เนื่ องทำให้ภาพมีความลึก มีมิติ 7) ความง่าย (Simplicity) เป็นการจัดให้ดูโล่ง สบายตา ไม่ยุ่งยากซับซ้อนมีมโนทัศน์เดียว ลดการมีฉากหลังหรือภาพประกอบอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องออกไป เพราะการมีฉากหลังรก ทำให้ภาพหลักไม่เด่น นิยมใช้ในการถ่ายภาพที่ปรับฉากหลังให้เบลอ เป็นภาพเกี่ยวกับดอกไม้ แมลง สัตว์และบุคคลนางแบบ เป็นต้น 8) ความลึก (Perspective) ให้ภาพดูสมจริง คือ ภาพวัตถุใดอยู่ใกล้จะใหญ่ ถ้าอยู่ไกล ออกไปจะมองเห็นเล็กลงตามลำดับ จนสุดสายตา ซึ่ งมีมุมมองหลัก ๆ อยู่ 3 ลักษณะ คือ วัตถุอยู่สูง กว่าระดับตาวัตถุอยู่ในระดับสายตา และวัตถุอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 2.5 ทฤษฎีสี ลำดับชั้นของสี (Color Degree) เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าแม่สีนั้นมี 3 สีหลักคือ สีน้ำเงิน สี แดง และสีเหลือง ทั้ง 3 สีนี้คือสีที่ไม่สามารถผสมสีใดๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้สีเหล่านี้ และเมื่อนำแต่ละ

90

สีมาผสมกัน ก็จะกลายเป็นสีอื่ น หรือเรียกว่าวงล้อของสีซึ่งจะประกอบไปด้วย 12 สีหลักๆ และ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ลำดับชั้นนั่นคือ แม่สีขั้นแรกสุด (Primary) ได้แก่ สีน้ำเงิน สีแดง และสีเหลือง แม่สีขั้นที่สอง (Secondary) คือสีที่เกิดจากการผสมกันของแม่สีขั้นที่หนึ่ง ได้แก่ สีม่วง (เกิด จากสีแดง + สีน้ำเงิน) สีเขียว (เกิดจากสีน้ำเงิน + สีเหลือง) สีส้ม (เกิดจากสีแดง + สีเหลือง) แม่สีขั้นที่สาม (Tertiary) คือสีที่เกิดจากการผสมกันของสีขั้นแรกสุดและสีขั้นที่สอง เช่น สี แดง-ม่วง, สีเขียว-เหลือง, สีน้ำเงิน-เขียว เป็นต้น

ภาพที่ 2.59 ทฤษฎีสี ที่มา: Cuboid By CBC (2565) การเลือกชุดสีเพื่อใช้ในงานออกแบบ (Color Combinations) ในการเลือกชุดสีเพื่อนำไปใช้ในการออกแบบนั้นมักใช้ 2-4 สี และไม่ควรใช้จำนวนสีที่มาก เกินไปกว่านี้ หลักการในการจับคู่สีมี 6 รูปแบบดังนี้ Complementary: สีคู่ตรงข้าม คือสีที่อยู่ด้านตรงข้ ามของวงล้อสี หนึ่งสีมักเป็นสีขั้นที่ 1 และอีกหนึ่งสีมักเป็นสีขั้นที่ 2 เช่น คู่สีน้ำเงิน-สีส้ม สีแดง-สีเขียว และ สีเหลือง-สีม่วง Split-Complementary: สีตรงกันข้ามเยื้อง มีลักษณะคล้ายกับคู่สีตรงข้าม เพียงแต่เป็นสี ที่เยื้องไปเล็กน้อย ดังนั้นชุดสีนี้จึงอาจมี 2 หรือ 3 สี เช่น สีเหลืองคู่กับม่วงฟ้าและม่วงแดง Triadic: ชุดสีสามเหลี่ยม คือชุดสีที่ประกอบด้วย 3 สี ซึ่งเทคนิคการเลือกสีคือใช้สามเหลี่ยม ด้านเท่ามาทาบลงบนวงล้อสี Analogous: สีข้างเคียง คือกลุ่มของสีจำนวนสามหรือสี่สีที่ติดกันภายในวงล้อสี โดยที่ชุดสีนี้ จะมีความกลมกลืนเป็นโทนเดียวกัน Square: ชุดสีสี่เหลี่ยม คือชุดสีที่ประกอบด้วย 4 สี ซึ่งเทคนิคการเลือกสีคือใช้สี่เหลี่ยมด้าน เท่ามาทาบลงบนวงล้อสี

91

Tetradic: สีตรงกันข้ามข้างเคียงทั้งสองด้าน คือชุดสีที่มี 4 สี โดย 2 สีจะเป็นสีใกล็เคียง และอีกสองสีจะเป็นสีตรงข้ามใกล้เคียงของ 2 สี แรก หรือดูง่ายๆ ด้วยการใช้สี่เหลี่ยมผืนผ้าทาบลงบน วงล้อสี การปรับเอฟเฟกต์สีเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ Shade คือวิธีการผสมสีดำลงในสีนั้นๆ เพื่อให้สีดูเข้มขึ้นและมืดขึ้น Tint คือวิธีการผสมสีขาวลงในสีนั้นๆ เพื่อให้สีดูอ่อนลงและสว่างขึ้น Tones คือวิธีการเพิ่มสีเทากลางๆ ลงในสีนั้นๆ สีที่ได้จะมีความสดลดลง Monochrome คือการใช้สีเพียงสีเดียว แล้วปรับด้วย Shade Tint หรือ Tones เพื่อสร้าง ค่าชุดสีที่มีค่าน้ำหนักเข้ม และอ่อนได้ การประยุกต์ใช้ทฤษฎีสี หลักการข้างต้นคือ การเลือกชุดคู่สีเพื่อนำมาใช้ในการออกแบบ สำหรับการนำมาประยุกต์ใช้ กับการออกแบบอาคาร หรืองานอินทีเรียนั้น ผู้ออกแบบจำเป็นต้องพิจารณาวัสดุประเภทต่างๆ โดย คำนึงถึงเฉดสีแบบองค์รวม เช่น ผนังไม้โทนสีน้ำตาลเข้ม หรือโทนสีน้ำตาลเหลืองอ่อน หรือพื้นหินสี เทาเข้ม หรือสีเทาอ่อน การเลือกคู่สีให้ตัดเรื่องลวดลายออกไปก่อนก็จะสามารถช่วยให้มองเห็ น บรรยากาศโดยรวมได้ 2.6 ความปลอดภัยในการจัดแสดง ในการจัดนิทรรศการความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้จัดงานต้องคำนึงถึง วิธีป้องกันและ รับมือกับ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งในและนอกสถานที่ รวมถึงตัวอาคารหรือโครงสร้างของงานที่จัดขึ้น จะต้องมี ความเชื่อถือได้ว่าปลอดภัย และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยจากอัคคีภัย คือระบบสั ญญาณ เตือนเพลิง ไหม้ ส่วนประกอบของระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ประกอบด้วยอุปกรณ์ 2 ชุดอุปกรณ์ แจ้งเหตุมีทั้งแบบ แจ้งเหตุอัตโนมัติและอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ เพื่อให้อุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนเพลิง ไหม้ทำงาน ส่วนอุปกรณ์อีกชุดหนึ่งคือ อุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ที่สามารถส่งเสียงหรื อ สัญญาณให้คนที่อยู่ใน อาคารได้ยินหรือทราบอย่างทั่วถึงเมื่อเกิดไฟไหม้ การติดตั้งถังดับเพลิงแบบมือถือห้องแถวหรือตึกแถวที่สูงไม่เกิน 2 ชั้น ต้องติดตั้ง 1 เครื่องต่อ 1 ยูนิต ส่วนอาคารอยู่อาศัยรวม อาคารสาธารณะอื่นๆ ต้องติดตั้งในแต่ละขั้นอย่างน้อย 1 เครื่องต่อ พื้นที่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร ซึ่งแต่ละเครื่องต้องติดตั้งห่างกันไม่เกิน 45 เมตร และต้องอยู่ใน ตำแหน่งที่มองเห็นง่ายสะดวกต่อการดูแลรักษา ป้ายบอกชั้นและทางหนีไฟ ป้ายบอกชั้นและทางหนีไฟป้ายบอกตำแหน่งชั้นและทางหนีไฟพร้อมไฟฉุกเฉินต้องติดตั้งทุก ชั้นของอาคารโดยเฉพาะอาคารสาธารณะที่มีความสูงตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไปอาคารอยู่อาศัยรวมที่มีความ สูง ตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไปและอาคารอื่นๆที่มีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร

92

2.7 สถานที่จัดงาน ศู น ย์ แ สดงสิ น ค้ า และการประชุ ม อิ ม แพ็ ค เมื อ งทองธานี (อั ง กฤษ: IMPACT Arena, Exhibition and Convention Center, Muang Thong Thani) เป็ น ศู น ย์ จ ั ด แสดงสิ น ค้ า และการ ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของเมืองทองธานี ในเขตอำเภอปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี โดยในแต่ละปีจะมีการจัดงานอีเวนท์ต่างๆ มากกว่า 400 งาน และมีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 15 ล้านรายต่อปี ประวัติ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดสร้างศูนย์กีฬาเมืองทองธานีขึ้น เพื่อ สนับสนุนการแข่งขัน กีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ส่วนมากเป็นกีฬาในร่ม เช่นมวยสากลสมัครเล่น และยิมนาสติก หลังจากนั้น มีการพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์แสดงสินค้า และจัดประชุมขนาดใหญ่ โดยตั้งชื่อ ว่า อิมแพ็ค เมืองทองธานี นอกจากนี้แล้ว เมืองทองธานี ยังมีบ ริการรถคิวตู้หลายสาย สำหรับ ให้บริการผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองทองธานี โดยเฉพาะในส่วนของป็อปปูล่า คอนโดมีเนียม ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่ อย่างหนาแน่น และรองรับผู้ที่มาใช้บริการที่ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค เมืองทองธานี พื้นที่จัดแสดง อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ (IMPACT Exhibition Center) อาคารแสดงสินค้า 6 พื้นที่รวม ประมาณ 5,000 ตารางเมตร รองรับงานแสดงสินค้า และงานสัตว์เลี้ยงได้ ภายในฮอลล์ติดแอร์ปรับ อากาศ มีล็อบบี้เก็บของและห้องน้ำ สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งด้านถนนติวานนท์ -เลียบ คลองประปา-ปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ-สนามบินดอนเมือง และมีจุดขึ้นลงทางด่วนภายในโครงการ ทั้ง ด่านเมืองทองขาเข้าที่เชื่อมต่อทางพิเศษศรีรัช และด่านเมืองทองขาออกที่เชื่อมต่อทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวและ การเดินทางเข้า-ออกโดยรถ สาธารณะ ทั้งรถประจำทาง รถประจำทางท้องถิ่น รถสองแถว รวมถึงรถตู้ประจำทางก็ทำได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีบริการ Shuttle Bus เพื่อเดินทางไปยังจุดต่างๆ ภายในเมืองทองธานี และรถไฟฟ้า สายสีชมพู สายปากเกร็ด-หลักสี่-มีนบุรี-สุวินทวงศ์ ซึ่งจะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น การเดินทาง รถประจำทาง เมืองทองธานีมีท่ารถประจำทาง ขสมก. สาย 166 รวมถึงรถเมล์เอกชนร่วมบริการ สาย 33, 52, 90, 150, 367 และ รถเมล์ท้องถิน่ สาย 356 มีรถสองแถว 3 สาย ได้แก่ สาย 1 คอนโดเมืองทองธานี - แจ้งวัฒนะ สาย 2 คอนโดเมืองทองธานี - ติวานนท์ สาย 3 ติวานนท์ - แจ้งวัฒนะ

93

สายเมืองทองธานี - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สายเมืองทองธานี - เดอะมอลล์งามวงศ์วาน สายเมืองทองธานี - มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สายเมืองทองธานี - เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ รังสิต สายเมืองทองธานี - เดอะมอลล์บางกะปิ สายเมืองทองธานี - สีลม (เฉพาะช่วงเช้าวันทำงาน) สายเมืองทองธานี - เซ็นทรัลพลาซ่าปิ่นเกล้า รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีอิมแพคชาเลนเจอร์ - เชื่อมต่อกับอาคารอิมแพ็คชาเลนเจอร์ สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี - เชื่อมต่อกับอาคารอิมแพ็คฟอรั่ม ถนนสายหลัก และ ทางด่วน ถนนติวานนท์,ถนนแจ้งวัฒนะ,ถนนประชาชื่น,ถนนชัยพฤกษ์,ถนนบอนด์สตรีท,ถนนป๊อปปูล่า ,ถนนเมืองทองธานี,ทางพิเศษศรีรัช,ทางพิเศษอุดรรัถยา (Wikipedia, 2564)

ภาพที่ 2.60 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่มา: Wikipedia (2564)

94

2.8 Event and Exhibition ที่เกี่ยวข้องกับแมว Nyanpaku Neko Expo นิ ท รรศการเอาใจทาสแมว กั บ งาน “Nyanpaku Neko Expo” ที ่ โ ตเกี ย ว นิ ท รรศการ ภาพถ่ายแมว “Nyanpaku Neko Expo” จัดขึ้นที่อาคาร Shin Ochanomizu ที่โตเกียว วันที่ 21-22 ธันวาคม 2019

ภาพที่ 2.61 Logo Nyanpaku Neko Expo ที่มา: Japan Guide Book (2562) ธีมของงาน “Nyanpaku Neko Expo” คือ หากคุณได้ทำความคุ้นเคยกับน้องแมวมากขึ้น คุณก็จะชอบพวกมันมากขึ้นเช่นกัน ภายในงานจะมี มุมต่างๆ เช่น นิทรรศการเกี่ ยวกับชีวิตความ เป็นอยู่ของคนกับแมว “Neko Test” คือ การทำความคุ้นเคยกับลักษณะนิสัยของแมว และการจัด แสดงภาพถ่าย วิดีโอของแมว ไปดูภาพของน้องกันว่าจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน นอกจากการจัดแสดงภาพถ่ายแมวและการจัดแสดงวิดีโอแล้ว ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การ ขายสินค้าเกี่ยวกับแมว ที่ Nyanpaku Market และยังสามารถทำความคุ้นเคยอย่างละเอียดเกี่ยวกับ ธรรมชาติและแมวในขณะที่มันกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน รักษ์แมวปาร์ตี้ ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี งานรักษ์แมวปาร์ตี้ เป็นกิจกรรมหาบ้านให้น้องเหมียว รวมถึงตรวจสุขภาพและทำหมันในช่วง 11.00 – 15.00 น. ซึ่งกิจกรรมทำหมันแมวจะมีเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น โดยบูธโรง พยาบาลสัตว์เอกชัย และบูธต่างๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถนำน้องแมวมาถ่ายพยาธิและฉีด วัคซีนพิษสุนัขบ้าฟรี

95

ภาพที่ 2.62 รักษ์แมวปาร์ตี้ ที่มา: รักษ์แมวปาร์ตี้ (2561) Pet Variety “สมาร์ทฮาร์ท พรีเซ้นต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท วาไรตี้” งานรวมพลสัตว์เลี้ยงที่ เอาใจคนรักสัตว์โดยเฉพาะ! ตื่นตาตื่นใจกับการประกวดและกิจกรรมสุดพิเศษที่จะโชว์ความสามารถ ของเหล่าน้องหมาและผองเพื่อน ทั้งแมว นก ปลา กระต่าย และเหล่าสัตว์พิเศษอย่าง Exotic Pet! อีก ทั้งยังเพลิดเพลินกับสินค้าราคาพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ ยงมากมาย ที่ยกขบวนกันมาลดราคาแบบ Year End Sale! ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำหรับน้องหมาและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ขนม แชมพู เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ และหลากหลายเครื่องประดับที่มีสไตล์ เครื่องแต่งกายที่แสนน่ารัก รวมไปถึงสินค้าที่ จะดูแลสุขภาพ สัตว์เลี้ยง กับร้านค้ามากกว่า 200 ร้านค้า

ภาพที่ 2.63 โปสเตอร์งาน Pet Variety ที่มา: รักษ์แมวปาร์ตี้ (2561)

96

2.9 สรุปท้ายบท การเลี้ยงหรือเล่นกับแมวถือว่าเป็นการช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย คลายเหงาได้ ถึงแม้ว่า อาจจะซุกซนไปบ้าง แต่ก็เป็นที่ยอมรับได้ในกลุ่มทาสแมวทั้งหลาย ด้วยความน่ารักและประโยชน์ใน การเลี้ยงแมว จากการที่มีผลการวิจัยออกมานั้น แมวจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ที่จะนำมาจัดงาน ในลักษณะของนิทรรศการและการจัดแสดง ซึ่งจุดเด่นต่างๆ เช่น นิสัย ลวดลาย ความเชื่อเกี่ยวกัแมว และอื่นๆมาเป็นแนวทางในการออกแบบได้

97

บทที่ 3 วิธีและขั้นตอนการดำเนินโครงการ การศึกษาโครงการพิเศษครั้งนี้เป็นโครงการเชิงบำบัด เพื่อออกแบบและนำเสนอโครงการ ออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง " รวมพลคนธาตุแมวแมว " แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผูกพันกับมนุษย์ มาอย่างยาวนานแล้ว และในปัจจุบันยังเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยการที่ มนุษย์ได้รับแรงบันดาลใจจากแมวทำให้เกิดงานศิลปะ และพัฒนาไปสู่การสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ผลจากการศึกษาวิจัยพบว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถบำบัด เยียวยาจิตใจเจ้าของให้เบิก บาน และสามารถบำบัดผู้ที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า โรคเครียดให้ดีขึ้น ด้วยธรรมชาติและคุณลักษณะ เฉพาะเหล่านี้ทำให้แมวมีบทบาทต่อการใช้ชีวิตและเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของชีวิตผู้คนจำนวนมาก มีขั้นตอนการดำเนินโครงการดังนี้ 3.1 วิธีการดำเนินโครงการพิเศษ 3.2 ขั้นตอนการออกแบบ 3.3 ขั้นตอนการจัดแสดง 3.4 เครื่องมือที่ใช้ในโครงการ 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.6 ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 3.1 วิธีการดำเนินโครงการพิเศษ ผู้จัดทำโครงการมีความสนใจและชื่นชอบในเรื่องของแมว และเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบันที่วุ่นวายและแข่งขันกันเพื่อ เอาตัวรอดทั้งในด้านการเรียน การทำงาน รวมถึงสังคมและการ ดำเนินชีวิต จึงต้องหาวิธีที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียด และกระตุ้นการตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ จึงเป็น เป็นงานจัดแสดงภายใต้ชื่อว่า "รวมพลคนธาตุแมว" จึงได้ทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในการจัดทำ โครงการโดยมีขั้นตอนการดำเนินการ 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้น ตอนที่ 1 การศึกษาค้น คว้า ข้ อมูล พื ้น ฐาน ศึกษากรณีศึ ก ษาการจัดงานศึ กษาวิ จ ั ย ที่ เกี่ยวข้อง ศึกษาและเก็บข้อมูลเบื้องต้น สายพันธุ์แมว การเลี้ยงดูแมว ทำไมแมวถึงช่วยทำให้เราผ่อน คลายได้ เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางการจัดโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ กรอบความคิดในการจัดงาน ให้สามารถตอบโจทย์ วัตถุประสงค์ที่ครบถ้วนเพื่อให้ได้เป็นรูปแบบและ กิจกรรมในการจัดงานแนวคิดการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดงงานในปัจจุบันรวมถึงข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคคลทั่วไปที่สนใจและชื่นชอบแมว บุคคลที่สนใจเลี้ยงแมว

98

- ออกแบบเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล สร้า งแบบนำเสนอ และนำเสนอกับที่ปรึกษาหลัก เพื่อพิจารณาและแก้ไข หลังจากนำไปปรึกษาที่ปรึกษาหลักแล้ว ให้ก็นำแบบสอบถามไปนำเสนอกับ อาจารย์ท่านอื่นอีก 3 ท่าน เพื่อทดสอบหาค่าความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม (IOC) พร้อมทั้ง ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของท่านอาจารย์แล้วจึงนำไปเก็บข้อมูล - การเก็บข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มตัวอย่าง โดยการเก็บแบบสอบถามออนไลน์ เป็น แบบสำรวจความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ความคาดหวังในกิจกรรม ก่อนจัดงาน เป็นต้น - ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ได้มาซึ่ง การกำหนดสีสัน การกำหนดระยะเวลา ลักษณะของการจัด ของงานนิทรรศการ สื่อประชาสัมพันธ์การกำหนดขนาดของพื้นที่และกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในงาน ขั ้ น ตอนที ่ 2 การจั ด แสดงงานและการออกแบบ ศึ ก ษาสถานที ่ ก ารจั ด แสดงงาน หา รายละเอียดของพื้นที่และตัวอาคาร นำผลวิเคราะห์กรอบแนวคิดในการจัดงานมาสร้างรูปแบบและ รายละเอียดการจัดงาน ซึ่งจะได้กิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในงานที่มีเหตุและผลที่สอดคล้องกัน นำผล วิเคราะห์กรอบแนวคิดในการออกแบบพื้นที่ การออกแบบตกแต่งพื้นที่ งานเขียนแบบและอื่นๆ ขั้นตอนที่ 3 แบบงานนิทรรศการและการจัดแสดง 1. เขียนแบบภาพ 2 มิติ กำหนดพื้นที่ทั้งหมดของงานลงไปในแบบที่เขียนไว้ ประกอบด้วย ภาพ plan และภาพ elevation 2. สร้างแบบงานเป็นแบบ 3 มิติ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3. ผลิตแบบจำลอง model ขั้น ตอนที่ 4 ประเมิน ความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมว ประเมินความคิดเห็นของ ผู ้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ ท างด้า นการออกแบบ ความเหมาะสมและความเป็ น ไปได้ ใ นการจั ดงานโดยผ่าน ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี 2 ท่าน และผู้ทรงคุณวุฒิ 1 ท่าน 3.2 ขั้นตอนการออกแบบ ขั้นตอนการออกแบบโครงการพิเศษออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง “รวมพลคนทาส แมว" มีขั้นตอนการออกแบบดังนี้ นำผลวิเคราะห์จากกรอบแนวคิดในการจัดงานมาสร้างรูปแบบและรายละเอียดการจัดงาน ซึ่งจะได้กิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในงานที่มีเหตุผลที่สอดคล้องกัน ทั้งการศึกษาข้อมูลเนื้อหาหลักและผล สรุปวิเคราะห์จากการเก็บแบบสอบถาม การวางแผนและกำหนดฝ่ายรับผิดชอบ การจัดนิทรรศการต้องมีการวางแผนกำหนดระยะเวลาดำเนินงานเป็นลำดับต่อไปและจะต้อง มีการประชุมรับผิดชอบงานกันทุกฝ่ายเพื่อดูความคืบหน้าของงาน โดยแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ดังนี้

99

- ฝ่ า ยควบคุ ม นิ ท รรศการ เป็ น ผู ้ ร ั บ ผิ ด ชอบงานนิ ท รรศการทั ้ ง หมด ประสานงานกา ร นิทรรศการในส่วนต่างฤติดตามดูแลการปฏิบัติงานจัดสรรกำลังคน ประสานกับผู้บริหารและแก้ปัญหา - ฝ่ายประสานงาน จัดหา Staff ก่อนวันงาน ติดต่อเชิญผู้เชี่ยวชาญ และบุคคลพิเศษ เจ้าของ ร้านค้าที่จะมาเปิดในงาน - ฝ่ายออกแบบ ออกแบบร่าง sketch design พื้นที่จัดงาน ตกแต่งภายในงาน งานโครงสร้าง องค์ประกอบภายในงาน งานเขียนแบบภาพ Plan, section, Perspective จัดทำแบบ จำลองพื้นที่ จัดงาน Model - งานกราฟิกและสัญลักษณ์ที่ใช้ภายในงาน แผ่นป้าย Poster, Logo - การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ (ก่อนวันงาน) ป้ายโฆษณา โปสเตอร์ ป้ายโฆษณาทาง อินเทอร์เน็ตหรือแบนเนอร์ QR code และจัดโปรโมท ประชาสัมพันธ์ ป้ายและจอในห้างสรรพสินค้า ป้ายในสถานีรถไฟฟ้า และตั้งป้ายที่ร้านสะดวกซื้อ (ภายในวันงาน) ป้ายทางเท้า ป้ายโรลอัพ xbanner ที่จะใช้ติดตั้งในวันงาน - การออกแบบโลโก้ออกแบบจาก concept ที่สอดคล้องกับนิทรรศการ - การออกแบบแต่ ล ะโซนในงาน register, Archway, Event zone, Exhibition zone, Stage zone, Landmark zone , Shop zone - ฝ่ายครีเอทีฟ รับผิดชอบด้านข้อมูลในการนำเสนอทั้งที่เป็นภาพและข้อความกำหนดคำ อธิบาย คิดกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน คิดcontentต่างๆ 3.3 ขั้นตอนการจัดแสดง ขั้นตอนการจัดแสดงโครงการพิเศษออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง "รวมพลคนธาตุ แมว" ใช้ระยะเวลาในการจัดงานทั้งหมด 3 วัน วันที่ 7-9 สิงหาคม 2566 พื้นที่ที่ใช้จัดงานคือ ศูนย์ แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 6 ชื่องานคือ "รวมพลคนธาตุแมว" โดย จัดสรรพื้นที่การจัดนิทรรศการออกเป็น 4 โซน โดยมีการนำเสนอ ดังนี้ โซนที่ 1 แมวมีบุญ (บริจาคช่วยเหลือแมวที่ถูกทิ้ง) นอกจากมารับความสุขไปจากแมวแล้ว ก็ยังสามารถคืนความสุขให้กับแมวได้โดยการบริจาค อาหารและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับแมว รวมถึงได้รับการบรรยายความเป็นมาของแมวและวิธีเลี้ยงดู แมว โซนที่ 2 แมวซุกซน (กิจกรรมเล่นบทบาทสมมุติเป็นแมว) โซนนี้เป็นการจำลองสถานการณ์ การละเล่นแบบแมว โดยจะมีเกมการละเล่นต่างๆ เพื่อให้ ผู้เข้าร่วมงานได้สนุกและเพลิดเพลินไปด้วยกัน โซนที่ 3 แมวเริงรมณ์ (คาเฟ่แมว) เป็นส่วนของการพักผ่อนโดยการนั่งดื่มเครื่องดื่ม และอาหาร พร้อมทั้งนั่งเล่นกับแมวเพื่ อให้ ได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับการเล่นแมว

100

โซนที่ 4 แมวกวัก (โซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแมว) โซนนี้จะเป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าสำหรับแมว เพื่อให้ผู้ที่รักและสนใจในการเลี้ยง แมวได้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน และยังช่วยกระตุ้นการขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวอีกด้วย 3.4 เครื่องมือที่ใช้ในโครงการ แบบสอบถามที ่ ผ ู ้ จ ั ด ทำโครงการสร้ า งขึ ้ น เพื ่ อ ถามความคิ ด เห็ น ของผู ้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ และ ผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้เครื่องมือดังนี้ 1. แบบประเมินความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อการจัดแสดงงานและการออกแบบการ ออกแบบประเมิน ความคิดเห็น ของผู้ทรงคุณวุ ฒ ิที่มีผ ลต่อการจัดแสดงงานและการออกแบบจำ นำเสนอพร้อมกับงานออกแบบและแบบจำลอง โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล อาชีพ ตำแหน่ง ที่ ทำงานประสบการณ์การทำงาน ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อประเมินการจัดแสดงงานและ การออกแบบลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบประเมินค่า (Rating Scale) ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆเป็นแบบสอบถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิได้ แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้อง 2. แบบสังเกตพฤติกรรมแมว เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำการจัดแสดงงานและการออกแบบ การออกแบบ 3. แบบสำรวจสอบถาม เกี่ยวกับความต้องการและความพึงพอใจของผู้ร่วมงาน 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้จัดทำโครงการทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามจำนวน 1 ชุด มาวิเคราะห์ข้อมูล หาคำสถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน แบบสอบถามเพื่อประเมินความคิดเห็นของผู้ผลิตที่มีต่อความเป็นไปได้ในการผลิต แบบสอบถามเพื่อประเมินความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อการจัดแสดงงานและการ ออกแบบ โดยค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่ าเฉสี่ยเลขคณิต ( Arimatic Mean) กำหนดค่า ระดับความคิดเห็นเป็นคะแนน 5 ระดับคะแนน ดังนี้ ระดับคะแนน ระดับคะแนน ระดับคะแนน ระดับคะแนน

5 4 3 2

หมายถึง มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมมากที่สุด หมายถึง มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมมาก หมายถึง มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมปานกลาง หมายถึง มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมน้อย

101

ระดับคะแนน 1 หมายถึง มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมน้อยที่สุด คำนวณค่าอัตราภาคชั้นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลค่าระดับคะแนนความคิดเห็น อันตรภาคชั้น

ค่าระดับคะแนนสูงสุด – ค่าระดับคะแนนต่ำสุด จำนวนระดับคะแนน 5−1 = = 0.80

=

5

แปลความหมายของค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็น ได้ดังนี้ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.21 - 5.00 หมายถึง มีความคิดเห็นเหมาะสมมากที่สุด ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.21 - 4.20 หมายถึง มีความคิดเห็นเหมาะสมมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.61 - 3.40 หมายถึง มีความคิดเห็นเหมาะสมปานกลาง ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.81 – 2.60 หมายถึง มีความคิดเห็นเหมาะสมน้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00 – 1.80 หมายถึง มีความคิดเห็นเหมาะสมน้อยที่สุด 3.6 ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ 3.6.1 ผู้ทรงคุณวุฒิ

นายสัตวแพทย์อภิวัฒน์ เกษมทวีศักดิ์ ประสบการณ์ทำงาน 5 ปี สถานที่ทำงานคลินิกสัตว์ซูโทเปีย Zootopia animal clinic&hotel

102

3.6.2 ผู้เชี่ยวชาญ

ชื่อ-นามสกุล: นายสธนวัชร์ ประกอบผล Designer อิสระ 7 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ปี 2543 - 2564 หลักสูตรออกแบบผลิตภัณฑ์ และหลักสูตร การจัดแสดงและนิทรรศการ พ.ศ. 2553 เปิดบริษัท Paradox Design | Lab 1. ออกแบบบูท และงานนิทรรศการ งานจิวเวอร์รี่แฟร์ 2. งานออกแบบตกแต่งภายในบ้านพักอาศัย 5 ชั้น 3. งานออกแบบคิดคอนเทนต์ งานอีเวนท์ หาดทิพย์ (ไทยน้ำทิพย์สายใต้) 4. งานออกแบบบ้านพักอาศัย 2 ชั้น พ.ศ. 2562 - 2564 1. งานออกแบบบ้านพักอาศัย และงานตกแต่งภายใน จังหวัดนครนายก 2. งานออกแบบบ้านพักอาศัย และงานตกแต่งภายใน จังหวัดฉะเชิงเทรา 3. งานออกแบบบ้านพักอาศัย และงานตกแต่งภายใน จังหวัดนกรุงเทพ พ.ศ. 2565 1. งานออกแบบบ้านพักอาศัย และงานตกแต่งภายใน จังหวัดกรุงเทพ จังหวัดสมุทรปราการ 2. งานออกแบบบ้านพักอาศัย และงานตกแต่งภายใน จังหวัดนนท์บุรี 3. งานออกแบบบูทบริษัท Sp Empire งานสถาปนิก 65 4. งานคิด Content และงานออกแบบ Display บริษัท ECOLOTECH 5. งานออกแบบตกแต่งภายในบริษัท ปุ๋ยตราสามมุงกุฎ จังหวัดอยุธยา อาคารส่วนวิศวกรรม

103

6. ได้รับเชิญให้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ในส่วนของงานออกแบบบ้านสำเร็จรูป กับบริษัท Mogen แบรนด์สุขภัณฑ์ที่เน้นดีไซน์และเป็นที่ยอมรับในประเทศ และต่างประเทศ 3.6.3 ผู้เชี่ยวชาญ

ชื่อ-สกุล ผศ. ว่าที่ ร.ต. ดร.ศรัฐ สิมศิริ ความเชี่ยวชาญ วิจัยเพื่อการออกแบบ ออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าบาติก เกษตรปลอดภัย สถานที่ทำงาน หลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาศิล ปประยุกต์และการออกแบบผลิตภัณฑ์ ภาควิชาเทคโนโลยีศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พ.ศ. 2564 1. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาคุณภาพของบทความวิจัยในการประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีร าชมงคลรัตนโกสิน ทร์ ครั้งที่ 5 และการประชุมวิชาการระดับ นานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ครั้ง ที่ 2 (The 5 th National RMUTR Conference and the 2 th International RMUTR Conference) “นวั ต กรรม เทคโนโลยีและงานสร้างสรรค์ สู่การพัฒ นาอย่างยั่งยืน (Innovative Technology and Creative Work toward Sustainable Development)” 2. จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระดาษ วัสดุปลูก ปุ๋ยชีวภาพและ สีย้อม จากของเหลือใช้ทางการเกษตรและวัชพืช ในโครงการ Waste to Sustain (W2S) เปลี่ยนความด้อยค่า ให้มีคุณค่า อย่างยั่งยืน Co Co Town สวนเกษตรปลอดภัย ต.โคกโค เฒ่า อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 3. Session Chair - RMUTRCON หั ว ข้ อ การอภิ ป ราย ศิ ล ปะประยุ ก ต์ แ ละงาน สร้างสรรค์ในการประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ครั้งที่ 5 (The 5 th National RMUTR Conference)

104

บทที่ 4 ผลลัพธ์ของโครงการ การจัดทำโครงการพิเศษ “รวมพลคนธาตุแมว” ผู้จัดทำโครงการได้นำเสนอผลลัพธ์ของ โครงการตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 4.1 Inspiration ในการดำเนินโครงการ 4.2 Mood & Tone 4.3 การออกแบบพื้นที่งาน Plan 4.4 การออกแบบภาพด้าน งาน Elevation 4.5 การออกแบบทัศนีย์ภาพ Presentation 4.6 ภาพ Logo 4.7 ภาพ Poster 4.8 งานออกแบบ Sing 4.9 กำหนดการภายในวันงาน 4.10 งาน Model 4.11 การประเมินความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ 4.1 Inspiration ในการดำเนินโครงการ ผู้จัดทำโครงการได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก การที่ได้เรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านจากผลกระทบโค วิด -19 ที่ผ ่านมา ทำให้มีการล็อคดาวน์อยู่กับบ้านไม่ออกไปไหนมาช่วงระยะหนึ่ง จึงทำให้เกิด ความเครียด และความเบื่อหน่าย แต่เมื่อได้เล่นกับแมวแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ แมวนั้นไม่ได้เป็นเพียง สัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นเท่านั้น มันยังเป็นเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว และยังมีผลการวิจัยออกมาว่าการ เล่นกับแมว จะทำให้ลดความเครียด และลดโอกาสเสี่ยงโรคต่างๆ ที่มาพร้อมความเครียดได้ๆ อีกด้วย จึงได้ให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างมาก จึงได้มีการถ่ายทอดเรื่องราว จัดกิจกรรมต่างๆ โดยคำนึงไป ถึงผลลัพธ์ที่จะได้ในโครงการนี้อีกด้วย

105

4.2 Mood & Tone

ภาพที่ 4.1 Mood&Tone 4.3 การออกแบบพื้นที่งาน Plan ภาพ Plan top พื้นที่ในการจัดนิทรรศการและการจัดแสดง “รวมพลคนธาตุแมว” โดยจัดที่ อิมแพ็ค เมือง ทองธานี Hall 5 มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง มีขนาด 60x84 = 5,000 ตารางเมตร จึงต้องมี การจัด Plan ดังภาพที่ 4.2

ภาพที่ 4.2 Plan top

106

ภาพที่ 4.3 พืน้ ที่ในการจัดแสดงงาน

ภาพที่ 4.4 เส้นทางการเดินในห้องนิทรรศการและการจัดแสดง

107

4.4 การออกแบบภาพด้าน งาน Elevation

ภาพที่ 4.5 Elevation โซน 1 แมวมีบุญ

ภาพที่ 4.6 Elevation โซน 2 แมวซุกซน

ภาพที่ 4.7 Elevation โซน 3 แมวเริงรมณ์

108

ภาพที่ 4.8 Elevation โซน 4 แมวกวัก 4.5 การออกแบบทัศนีย์ภาพ Presentation โซนที่ 1 แมวมีบุญ (บริจาคช่วยเหลือแมวที่ถูกทิ้ง) นอกจากมารับความสุขไปจากแมวแล้ว ก็ยังสามารถคืนความสุขให้กับแมวได้โดยการบริจาค อาหารและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับแมว รวมถึงได้รับการบรรยายความเป็นมาของแมวและวิธีเลี้ยงดู แมว

ภาพที่ 4.9 ภาพการจัดแสดงโซน 1 แมวมีบุญ

ภาพที่ 4.10 ภาพการจัดแสดงโซน 1 แมวมีบุญ มุมบอร์ดให้ความรู้

109

ภาพที่ 4.11 ภาพการจัดแสดงโซน 1 แมวมีบุญ มุมตรวจสุขภาพ โซนที่ 2 แมวซุกซน (กิจกรรมเล่นบทบาทสมมุติเป็นแมว) โซนนี้เป็นการจำลองสถานการณ์ การละเล่นแบบแมว โดยจะมีกิจกรรม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้สนุกและเพลิดเพลินไปด้วยกัน คือ จำลองแห่นางแมว เครื่องแปลงเสียงPurr ส่องตาแมว และกาชา แมวดูดวง

ภาพที่ 4.12 ภาพนิทรรศการโซน 2 แมวซุกซน

110

ภาพที่ 4.13 ภาพนิทรรศการโซน 2 แมวซุกซน มุมเล่นเสียง Purr โซนที่ 3 แมวเริงรมณ์ (คาเฟ่แมว) เป็นส่วนของการพักผ่อนโดยการนั่งดื่มเครื่องดื่ม และอาหาร พร้อมทั้งนั่งเล่นกับแมวเพื่อให้ ได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับการเล่นแมว

ภาพที่ 4.14 ภาพนิทรรศการโซน 3 แมวเริงรมณ์

ภาพที่ 4.15 ภาพนิทรรศการโซน 3 แมวเริงรมณ์ มุมเล่นแมว

111

โซนที่ 4 แมวกวัก (โซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแมว) โซนนี้จะเป็นการซื้อขาย แรกเปลี่ยนสินค้สำหรับแมว เพื่อให้ผู้ที่รักและสนใจในการเลี้ยงแมว ได้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน และยังช่วยกระตุ้นการขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวอีกด้วย

ภาพที่ 4.16 ภาพการจัดแสดงโซน 4 แมวกวัก

ภาพที่ 4.17 ภาพการจัดแสดงโซน 4 แมวกวัก มุมอาหาร จุดแลนด์มาร์ค เป็นจุดนั่งพักผ่อน ตั้งอยู่ใจกลางของงาน ตัวแมวกวักเป็นแมวโยนเหรียญอธิ ฐานขอพร โดยเอาความเชื่อเรื่องขอพรเข้ามาเกี่ยวข้ อง และจะนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือแมวจรจัด ต่อไป

ภาพที่ 4.18 จุดแลนด์มาร์ค

112

4.6 ภาพ Logo

ภาพที่ 4.19 Logo งานรวมพลคนธาตุแมว 4.7 ภาพ Poster

ภาพที่ 4.20 Poster งานรวมพลคนธาตุแมว

113

4.8 งานออกแบบ Sing สื่อโฆษณาออนไลน์

ภาพที่ 4.21 เพจประชาสัมพันธ์ใน Instagram

ภาพที่ 4.22 เพจประชาสัมพันธ์ใน Facebook

114

สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ป้ายโฆษณา-บิลบอร์ด

ภาพที่ 4.23 ป้ายบิลบอร์ด ถนนสายหลักและทางด่วน

ภาพที่ 4.24 ป้ายโฆษณา BTS

115

ภาพที่ 4.25 ป้ายโฆษณาที่ท่ารถเมย์

ภาพที่ 4.26 เสื้อ staff 4.9 กำหนดการภายในวันงาน วันที่ 7-9 สิงหาคม 2566 10.00 น. 10.00 – 20.00 น. 20.00 น.

ลงทะเบียนสแกน QR Code ผู้ร่วมงาน เดินชมงานในส่วนของ แมวเริงรมณ์ แมวซุกซน แมวกวัก และแมวมีบุญ ปิดงาน

116

4.10 งาน Model

ภาพที่ 4.27 ภาพต้นแบบโซนแมวมีบุญ

ภาพที่ 4.28 ภาพต้นแบบโซนแมวซุกซน

ภาพที่ 4.29 ภาพต้นแบบโซนแมวเริงรมณ์

117

ภาพที่ 4.30 ภาพต้นแบบโซนแมวกวัก

ภาพที่ 4.31 ภาพต้นแบบ Landmark 4.11 การประเมินความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดทำโครงการได้ทำแบบประเมินความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิด้านสัตวแพทย์และด้านการ ออกแบบ จำนวน 3 คน เพื่อหาความพึงพอใจต่อโครงการ รวมพลคนธาตุแมว ดังนี้ (1) นายสัตวแพทย์อภิวัฒน์ เกษมทวีศักดิ์ (2) นายสธนวัชร์ ประกอบผล (3) ผศ. ว่าที่ ร.ต. ดร.ศรัฐ สิมศิริ

ภาพที่ 4.32 การประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ

118

ตารางที ่ 4.1 แสดงค่ า เฉลี ่ ย และส่ ว นเบี ่ ย งเบนมาตรฐาน ระดั บ ความคิ ด เห็ น ของ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อความเป็นไปได้ดานออกแบบ (N=3) แบบประเมิน ความ คิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง การจัดแสดงงาน ค่าเฉลี่ย ความหมาย 1. แนวคิดการจัดแสดงงาน 1. แนวคิดเกี่ยวกั บ รูป แบบการจัด กิจ กรรม/โครงการพิ เศษการ ออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดงเรื่องแมว ภายใต้งาน “รวมพล 5 มากที่สุด คนธาตุแมว” มีความน่าสนใจ 2. มีความเป็นไปได้ในการจัดกิจกรรม/โครงการพิเศษการออกแบบ นิทรรศการและการจัดแสดงเรื่องแมว ภายใต้งาน “รวมพลคนธาตุ 5 มากที่สุด แมว” มีความน่าสนใจ 3. การเรียงลำดับความสำคัญในแต่ละโซนกิจกรรม 4.3 มากที่สุด 4. Mood and Tone 4 มาก 5. รูปแบบการจัดงาน ในเรื่องของการเรียนรู้พฤติกรรมแมว การให้ คำปรึ ก ษาหรื อ ได้ ใ กล้ ช ิ ด กั บ แมว การจำหน่ า ยสิ น ค้ า มี ค วาม 4.3 มาก เหมาะสม 6. ความเหมาะสมของสถานที่ในการจัดงาน อิมแพ็คเมือ งทองธานี 5 มากที่สุด Hall 6 8. กำหนดระยะเวลาจัดงาน (7-9 สิงหาคม 2566) 3.6 มาก 2. พิจารณาด้านการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง 1. สามารถเล่าเรื่องราวผ่านทางนิทรรศการได้อย่างเหมาะสม 4.6 มากที่สุด 2. แนวคิดที่มีความน่าสนใจ 4.6 มากที่สุด 3. เทคนิคที่ใช้ในการนำเสนอนิทรรศการ 4 มาก 4. การออกแบบพื้นที่เหมาะสมสวยงาม 4 มาก 5. การใช้องค์ความรู้ในการออกแบบนิทรรศการ 4 มาก 6. Zone แมวมีบุญ 4.6 มากที่สุด 7 Zone แมวซุกซน 4.6 มากที่สุด 8. Zone แมวเริงรมณ์ 4.3 มากที่สุด 9. Zone แมวกวัก 4.3 มากที่สุด 10. Zone Landmark 4.6 มากที่สุด 11. กิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย (ทาสแมว,ผู้สนใจเลี้ยงแมว) 5 มากที่สุด

119

ตารางที ่ 4.1 แสดงค่ า เฉลี ่ ย และส่ ว นเบี ่ ย งเบนมาตรฐาน ระดั บ ความคิ ด เห็ น ของ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อความเป็นไปได้ดานออกแบบ (N=3) แบบประเมิน ความ คิดเห็นของผู้เชีย่ วชาญด้านการออกแบบหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง (ต่อ) การจัดแสดงงาน ค่าเฉลี่ย ความหมาย 3. ภาพรวมของนิทรรศการ (Exhibition) 1. การออกแบบจัดพื้นที่ 4 มาก 2. นิทรรศการสื่อความหมายได้ตรงจุดประสงค์ของงาน 4.6 มากที่สุด 3. ได้รับองค์ความรู้ตรงตามวัตถุประสงค์ของงาน 4.6 มากที่สุด 4. สอดคล้ อ งกั บ สถานการณ์ Covid-19 ได้ อ ย่ า งเหมาะสม ใน ประเด็นของเรื่องการเลี้ยงแมวลดความเครียด และมาตรการตรวจ 4 มาก คัดกรองป้องกันก่อนเข้างาน 4. พิจารณาด้านกราฟฟิกและสื่อประชาสัมพันธ์ 1. Logo ของงานมีแนวคิดและมีความน่าสนใจ สวยงาม สื่อสารได้ 4.6 มากที่สุด ตรงกับวัตถุประสงค์ของงาน 2. Mood and Tone ของภาพรวมงานนิทรรศการและการจัดแสดง 4 มาก “รวมพลคนธาตุแมว” 3. การออกแบบในโครงการ สามารถนำไปใช้งานจัดนิทรรศการและ 4.6 มากที่สุด การจัดแสดงได้จริง ค่าเฉลี่ยรวม 4.4 มากที่สุด จากตารางที่ 4.1 สรุปความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ มีความเป็นไปได้ในการออกแบบโครงการ ออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดงเรื่องแมว ภายใต้นิทรรศการ “รวมพลคนธาตุแมว” มีค่าเฉลี่ย 4.44 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด

120

บทที่5 สรุปและอภิปรายผล 5.1 สรุปและอภิปรายการดำเนินโครงการพิเศษ จากวัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อจัด งานแมว โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในกรณีศึกษาครั้งนี้ แบ่งออกเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบ โดยใช้แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป ของผู้เชี่ยวชาญ สอบถามด้านรูปแบบ ความน่าสนใจและความเป็นไปได้ของโครงการ ผู้จัดทำโครงการ ทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเป็นแนวทางในการทำโครงการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง “รวมพลคนธาตุแมว” โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนการเก็บข้อมูล การศึกษาค้นคว้าข้อมูลพื้นฐาน ศึกษากรณีศึกษาการจัดงาน ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษา และเก็บข้อมูล เบื้องต้น ในเรื่อง พันธุ์แมว นิสัยของแมว ประโยชน์ของแมวในการบำบัดความเครียด การดูแลแมว กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลักการออกแบบการจัดนิทรรศการและจัดแสดง ทฤษฎีแสงและสี หลักการออกแบบกราฟิก องค์ป ระกอบในการออกแบบ ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับ พฤติกรรม ผู้บริโภค ความปลอดภัยในการแสดง รวมถึงรูปแบบการจัดงาน รูปแบบกิจกรรม เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลมารวบรวมและประมวลผล ในขั้นตอนต่อไปเพื่อเป็นแนวทางการจัดโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์กรอบความคิดในการ จัดงาน ให้สามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์ที่ครบถ้วนเพื่อให้ได้เป็นรูปแบบและกิจกรรมในการจัดงาน แนวคิดการออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดงงานในปัจจุบัน ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนการประมวลผล ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากขั้นตอนที่แล้วโดยตรง เมื่อเราได้รับข้อมูลในจำนวนมาก มาแล้ว ทางผู้จัดทำได้นำข้อมูลทั้งหมดในแต่ละหัวข้อต่างๆมาคัดแยกและจัดหมวดหมู่ในแต่ละหัว ข้อ จากนั้นจึงค่อยมาประมวลผลข้อมูลในหัวข้อนั้นๆ โดยเน้นไปที่ข้อมูลที่สำคัญและสามารถตอบโจทย์ใน หัวข้อนั้นๆได้อย่างชัดเจนและกระชับได้ใจความ เมื่อทำการรวบรวมข้อมูลและสรุปได้แล้ว จะนำเข้าสู่ กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล ทำการแยกหมวดหมู่เพื่อทำการวิเคราะห์ สำหรับ นำไปใช้ประโยชน์ในทางออกแบบ การกำหนดกิจกรรมและนิทรรศการ รวมถึงทำการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากแบบสอบถาม โดยใช้สถิติค่าร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากนั้นนำข้อมูล

121

จากแบบสอบถาม เป็น ข้อเสนอแนะอื่น ๆ และความคิดเห็น มาวิเคราะห์ โดยการสังเคราะห์จั ด หมวดหมู่ของคำตอบตัดข้อมูล ที่มีความซับซ้อนออกเรียบเรียงภาษาให้ถูกต้อง แต่งความหมายเดิม นำมาสรุปเป็นปัจจัยเฉพาะด้านและนำเสนอในรูปแบบตาราง และ เชิงพรรณนา นำข้อมูลที่ได้จาก แบบสอบถามที่แบ่งตามประเด็นที่ตั้งไว้มาวิเคราะห์ แนวทางเบื้องต้นในการออกแบบนิทรรศการและ การจัดแสดง รวมพลคนธาตุแมว ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนการออกแบบ ขั้นตอนการออกแบบโครงการพิเศษออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง “รวมพลคนธาตุ แมว” มีขั้นตอนการออกแบบ ที่เริ่มจากการวิเคราะห์กรอบแนวคิดในการออกแบบการศึกษาโครงการ พิเศษออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง ผู้จัดทำโครงการต้องการนำเสนองานในรูปแบบ Event & Exhibition เพื่อนำเสนอ รวมพลคนทาสแมว ที่จัดเป็นกิจกรรมต่างๆ รวมถึงนิทรรศการ และการซื้อ ขายสิน ค้าที่เกี่ยวข้อง จากนั้น ออกแบบร่าง Sketch Design พื้น ที่การจัดแสดงและตกแต่ ง งาน โครงสร้างและองค์ ป ระกอบภายในงาน รวมทั้งงานเขีย นแบบภาพ Plan ภาพ Elevation ภาพ Presentation จัดทำแบบจำลองพื้นที่งาน Study Model งาน Sign งานกราฟฟิกและสัญลักษณ์ที่ใช้ แผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ Poster Logo รวมถึงของที่ระลึกสำหรับแจกและจ่ายภายในงาน ขั้นตอนที่ 5 ขั้นตอนการจัดแสดง การกำหนดโซน (Zone) พื้นที่ทางเข้าหลักของงานจะเป็นโซนต้อนรับสำหรับผู้ที่เข้ามาร่วม ชมนิททรรศการโดยบริเวณด้านหน้าของงานมีการตกแต่งที่สื่อถึงงาน มีการสแกน QR Code เพื่อรับ สิทธิพิเศษ และกำหนดการต่างๆ ภายในงาน โดยกำหนดรูปแบบงานเป็น โซน Exhibition และ โซน Event ดังต่อไปนี้ โซน 1 แมวมีบุญ (บริจาคช่วยเหลือแมวที่ถูกทิ้ง) นอกจากมารับความสุขไปจากแมว แล้ว ก็ยังสามารถคืนความสุขให้กับแมวได้โดยการบริจาคอาหารและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับแมว รวมถึงได้รับการบรรยายความเป็นมาของแมวและวิธีเลี้ยงดูแมว และมีซุ้มตรวจสุขภาพแมวฟรี โซนที่ 2 แมวซุกซน (กิจกรรมเล่นบทบาทสมมุติเป็นแมว) โซนนี้เป็นการจำลองสถานการณ์ การละเล่นแบบ แมว โดยจะมีเกมการละเล่นต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สนุกและเพลิดเพลินไปด้วยกัน โซนที่ 3 โซน แมวเริงรมณ์ (คาเฟ่แมว) เป็นส่วนของการพักผ่อนโดยการนั่งดื่มเครื่ องดื่ม และอาหาร พร้อมทั้ง นั่งเล่นกับแมวเพื่อให้ได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับการเล่นแมว โซนที่ 4 แมวกวัก (โซนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์สำหรับแมว) โซนนี้จะเป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าสำหรับแมว เพื่อให้ผู้ที่รักและสนใจ ในการเลี้ยงแมวได้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน และยั งช่วยกระตุ้นการขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมว โซน แลนด์มาร์ก เป็นจุดแวะพักและจุดถ่ายภาพ

122

5.2 ข้อเสนอแนะ 5.2.1 ข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ ดูในเรื่องของวัคซีนป้องกันโรค ยาหยอดป้องกันเห็บหมัด เรื่องของกลิ่นอึ กลิ่นต่างๆ อาจจะมี อยู่บ้าง แต่เนื่องจากเป็นห้องโถงกว้างจึง ไม่เป็นปัญหาอะไรมาก ภาพรวมงานน่าสนใจเหมาะกับคน เลี้ยงแมว 5.2.2 ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ ควรใส่ความสนุกในงานที่จะแสดงตั้งแต่ Graphic โครงร่างของ Booth หรือ Furniture ต่างๆ ที่อยู่ในงานให้มีอัตลักษณ์ของแมวมาประกอบมากขึ้น เพิ่มเติม Graphic ของสื่อประชาสัมพันธ์ อธิบายที่มาของสี รูปทรง รูปภาพต่างๆ เพื่อความสมบูรณ์ของสื่อประชาสัมพันธ์ ปรับ Mood and Tone ของงานโดยให้ดูเทรนในปี 2022 ปรับแก้ไข 5.2.3 ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ ปรับเปลี่ยนชื่อโครงการจาก “รวมพลคนธาตุแมว” เป็น “รวมพลคนทาสแมว” จะโดนใจ มากกว่า ในโซนแมวมีบุญส่วนของการรับเลี้ยงแมวจรจัด เปลี่ยนจากการนำแมวมาในสถานที่จริง เป็น แคตตาล็อกและสื่อวิดีโอ จะเหมาะสมกว่า เพื่อป้องกันแมวไม่ถูกกันและอาจทำร้ายกันได้ และเพิ่มที่ นั่งพูดคุยกันด้วย ในโซนแมวเริงรมณ์ถ้าระหว่างนั่งพักมีกิจกรรมหรือลุกเล่นอะไรด้วยจะดีมาก

123

เอกสารอ้างอิง สุดา วงศ์สวัสดิ์. (2563). องค์ความรู้การดูแลสุขภาพใจในสถานการณ์การระบาด โควิด-19 “ใจ พร้อมไม่ยอมป่วย”. สืบค้นเมื่อ 2563 กุมภาพันธ์ 16. นนทบุรี. กรมสุขภาพจิต กระทรวง สาธารณสุข. นงค์นุช แนะแก้ว. (2560). ความเครียด ความวิตกกังวล และการพยาบาลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อ หัวใจตายเฉียบพลันในหอผู้ป่วยวิกฤติโรคหัวใจ. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 22. งานการ พยาบาลอายุรศาสตร์และจิตเวชศาสตร์ ณัชชา ซาวปิง. (2562).วิทยานิพนธ์การจำแนกกลุ่มของสายพันธุ์แมวจากคุณลักษณะรูปทรงของ ดวงตาด้วยเทคนิคการประมวลผลภาพแบบจับคู่. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 27. เข้าถึงได้ จาก:http://library.tni.ac.th/thesis/upload/files/ThesisISNey/Nacha%20Zawping%20Thes is%20MIT%202019.pdf อุไร จิรมงคลการ. (2560). คู่มือเลี้ยงแมว. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 27. เข้าถึงได้จาก: https://images-seed.com/ws/Storage/PDF/978616/184/9786161844486PDF.pdf ผศ.ดร.ประภาพร ตั้งธนธานิช. (2560). การเลี้ยงดูแมว. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://vet.kku.ac.th/physio/cat1_4.pdf บ้านและสวน. (2565). ลักษณะสายพันธุ์และนิสัยแมว. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://www.baanlaesuan.com/pets/breeds ศิริณดา. (2560).เหตุผลของสัตว์เลี้ยง ที่ฮีลให้หัวใจของคุณพองโต. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://www.thailandexhibition.com/talk/detail/?id=5ef44daecf8c2 ชนากานต์ จริยวัฒนากุลกิจ. (2560). ศิลปะนิพนธ์การศึกษาแมวไทยเพื่อออกแบบคาแรคเตอร์เกม. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://www.ubu.ac.th/web/files_up/30f2019050115492212.pdf

124

สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2559). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ. คุ้มครอง สัตว์. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://www.pmdu.go.th/animal-protection-act/ Jurairat N. (2561). ระวัง! 6 โรคร้ายที่ติดต่อจากสัตว์เลี้ยงสู่คนได้. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://www.sanook.com/health/2361/ The MATTER Team. (2560). สัตว์เลี้ยงบำบัด ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยหมาแมวและอื่นๆ. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://thematter.co/science-tech/pet-ishealing/26003 ส่องสัตว์. (2564). แมว. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://songsaad.com/category/%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b8%a7/ Royal Canin Club. (2563). ศึกษาข้อมูลสายพันธุ์แท้ของแมว. สืบค้นเมื่อ 2564 ตุลาคม 28. เข้าถึงได้จาก: https://www.royalcanin.com/th/cats/breeds/breed-library Zipevent. (2565). จัดงานอีเว้นท์อย่างไรให้ปลอดภัยในสถานการณ์โควิด. สืบค้นเมื่อ 2565 มีนาคม 6. เข้าถึงได้จาก: https://www.zipeventapp.com/blog/ World Health Organization. (2564). โควิด-19 คืออะไร. สืบค้นเมื่อ 2565 มีนาคม 6. เข้าถึงได้ จาก: https://www.who.int/docs/default-source/searo/thailand/update-28 AVL Design. New Normal มีอะไรบ้างที่องค์กรต้องปรับตัว เพื่อก้าวทันยุคใหม่. สืบค้นเมื่อ 2565 มีนาคม 6. เข้าถึงได้จาก: https://avl.co.th/blogs/new-normal-what-things-doorganizations-need-to-adjust/

125

ภาคผนวก

126

ภาคผนวก ก. แบบประเมิน

127

128

129

130

131

132

133

134

135

136

137

138

139

ภาคผนวก ข. ภาพการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญและประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ

140

141

142

143

ภาคผนวก ค. ประวัติผู้ดำเนินโครงการ

144

ชื่อ-นามสกุล รหัสนักศึกษา วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ Line การศึกษา

นางสาว ธนัตดา เนตรแพ 6111050431002 17 กันยายน 2542 70 หมู่ 2 ต.วังคัน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 72180 0883706534 tiwthanatdanuest ประถมศึกษา โรงเรียนวัดทัพผึ้งน้อย จังหวัดสุพรรณบุรี มัธยมศึกษาตอนต้น-ตอนปลาย โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 จังหวัดสุพรรณบุรี ปริญญาตรี หลักสูตรออกแบบนิทรรศการและการจัดแสดง โรงเรียนการท่องเที่ ยว และการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี สถานที่ฝึกงาน Kaidang Design

Data Loading...