เล่มที่-7 ความสามัคคี ชักเย่อ - PDF Flipbook

เล่มที่-7 ความสามัคคี ชักเย่อ

299 Views
83 Downloads
PDF 0 Bytes

Download as PDF

REPORT DMCA


ชักเย่อ

เล่ม 7 ความสามัคคี

จิรันธนิน ขันติโชติบริบูรณ์ / เรื่อง กิ่งกาญจน์ นรินรัมย์ / ภาพ

ชักเย่อ

เล่ม 7 ความสามัคคี

กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

จิรันธนิน ขันติโชติบริบูรณ์ / เรื่อง กิ่งกาญจน์ นรินรัมย์ / ภาพ

คานา “ชักเย่อ” เป็นหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุดคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ เล่มที่ 7 ความสามัคคี เนื้ อ หาของหนั ง สื อ ให้ ค วามรู้ เ กี่ ย วกั บ การขาดความสามั ค คี ข องนั ก เรี ย น ในขณะเล่ ม เกม เมื่ อ นั ก เรี ย น ขาด ความสามั ค คี จะเกิ ด ผลเสี ย อย่ า งไร ผู้ เ ขี ย นเรื่ อ งได้ ใ ช้ ตั ว การ์ ตู น เป็ น นั ก เรี ย นชั้ น ประถมศึ ก ษาปี ที่ 6 เป็นตัวดาเนินเรื่อง เพื่อให้นักเรียนหรือผู้ที่สนใจได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพลิดเพลินกับภาพน่ารักของตัวละครในการ ดาเนินเรื่อง เอกลั กษณ์เฉพาะของภาพในหนั งสื อส่ งเสริ มการอ่าน เล่ มนี้ คือ ภาพการ์ตูนทุกภาพวาดด้ว ย เทคนิ คทางคอมพิว เตอร์ ภาพแต่ล ะภาพจึ งเป็ น ตัว การ์ ตูน แบบคลิ ป อาร์ ต เมื่ อน าภาพการ์ ตูน ใส่ ไ ว้ใ นเครื่ อ ง คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ค ไม่ว่านักเรียน คณะครูหรือผู้ที่สนใจ สามารถนาภาพการ์ตูนที่เป็นคลิปอาร์ต ไปสร้างเป็น ภาพใหม่ เขียนเนื้อหาของหนังสือส่งเสริมการอ่านได้เพิ่มขึ้นมาอีกเป็นจานวนมาก โดยผู้จัดทา ได้จัดทาภาพการ์ตูน เป็น 2 ลักษณะ คือ เป็ นภาพลายเส้น และภาพสีส วยงาม ภาพลายเส้นเมื่อสร้างเป็ นนิทาน แล้ วพิมพ์ออกมา สามารถนาไปฝึกระบายสีเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้อีกด้วย ผู้จัดทา ขอขอบพระคุณ นายถวิล เติมรัมย์ ผู้อานวยการโรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม สานักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรี รัมย์ เขต 1 ที่อานวยความสะดวก ส่ งเสริมและสนับสนุน ให้ผู้จัดทาได้พัฒนา หนังสือส่งเสริมการอ่านเล่มนี้ เพื่อแนวทางในการส่งเสริมให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคุณธรรม จริยธรรม ตามที่ สถานศึกษาตั้งเป้าหมายไว้ ผู้จัดทา ขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ ผู้รายงาน ขอขอบพระคุณ นางนัยนา ขุมทรัพย์ ครูเชี่ยวชาญ (ข้าราชการบานาญ) โรงเรียน เทศบาล 1 “บุรีราษฎร์ดรุณวิทยา” จังหวัดบุรีรัมย์ และนางจินตภาณี ชื่นประโคน ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียน อนุบาลห้วยราช สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ที่ได้ช่วยอ่านและตรวจสอบสานวน ภาษา ในเนื้อหาของหนังสือส่งเสริมการอ่านเล่มนี้ ผู้รายงานขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ ผู้ร ายงาน ขอขอบพระคุณ นางสาวกิ่งกาญจน์ นริ นรั มย์ นักศึกษาสาขาวิช าศิล ปะ ชั้ นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่ได้ช่วยถ่ายทอดเนื้อหาของหนังสือส่งเสริมการอ่านออกมาเป็นภาพ มีสีสันสวยงาม น่าสนใจ ผู้จัดทาขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ บุญ บารมีทั้งหลาย ที่ผู้ จัดทาได้พัฒ นาหนังสือส่งเสริมการอ่านเล่มนี้ เพื่อเป็ นแนวทางในการ พัฒ นาคุณธรรม จริยธรรม ของนั กเรี ยน ขอจงดลบั น ดาลให้ ทุก ๆ ท่านที่มีส่ ว นร่ว มในการพัฒ นาครั้ งนี้ มีแต่ ความสุข จิรันธนิน ขันติโชติบริบูรณ์ 29 กันยายน 2561

1

วันนี้ในชั่วโมงพลศึกษา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ไปรอ คุ ณ ครู จิ รั น ธนิ น ที่ ข อบสนามฟุ ต บอล คุ ณ ครู ส วมเสื้ อ คอโปโลสี ช มพู กางเกงวอมส์สีกรมท่า ซึ่งเป็นสีของโรงเรียนเหมือนกับ นักเรียน เมื่อครู มาถึงได้ให้นักเรียนมานั่งรวมกันเป็นรูปครึ่งวงกลม ส่วนครูนั่งลงที่ขอบปูน ที่ก่อเป็นวงกลมล้อมรอบต้นไม้ และวางถุงเก็บเชือกมะนิลาลงกับพื้น

2

“คุณครูครับ ในถุงที่วางมีอะไรอยู่ข้างในหรือครับ” กฤษณะเอ่ย ถามด้วยความสงสัยเหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ “อ๋ อ เป็ นอุ ป กรณ์ ใ นการเล่ นเกมวันนี้ แต่ค รูยัง ไม่ บ อกว่า คื อ อะไร ให้ นั ก เรี ย นพากั น ไปชั่ ง น้ าหนั ก เสี ย ก่ อ น หลั ง จากนั้ น ให้ นั ก เรี ย น แบ่งกลุ่มไม่จากัดจานวนคนแต่มีเงื่อนไขว่า เมื่อเอาน้าหนักของสมาชิกใน กลุ่มรวมกันทั้งหญิงและชายรวมกันได้ไม่ น้อยกว่า 270 กิโลกรัม และ ไม่เกิน 310 กิโลกรัม นักเรียนใช้เวลา 20 นาที มีใครสงสัยบ้างคะ” ครู สอบถามเผื่อนักเรียนสงสัย

3

เมื่อ นัก เรียนทั้ งชายและหญิง ชั่ง น้าหนัก เสร็จแล้ว ต่า งมาจั บ กลุ่มเพื่อรวมน้าหนักของแต่ละคนให้ได้ตามที่ครูแนะนา “นับจานวนคนแล้วกลุ่มของเรามีหญิง 3 คน ชาย 5 คน น้อย กว่ากลุ่มของ วงศกร 1 คน” ธนดลบ่น “ก็ ก ลุ่ ม ของเรามี ผู้ ช ายอยู่ 5 คน ส่ ว นเธอมี น้ าหนั ก 49 กิโลกรัม กลุ่มของวงศกรมีนักเรียนหญิง 5 คน ชยากรกับอนุชาตัวเล็ก นิดเดียวจานวนคนในกลุ่มจึงมากกว่าเรา” พีรพัฒน์พูดขึ้นชี้แจงให้ธนดล เข้าใจ จากนั้นจึงพากันเดินไปหาครูที่รออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

4

“พวกเราแบ่ ง กลุ่ ม ได้ ทั้ ง หมด 2 กลุ่ ม ครั บ กลุ่ ม ของผมมี สมาชิ ก จ านวน 9 คน ส่ ว นกลุ่ ม ของธนดลมี ส มาชิ ก 8 คนครั บ ” วงศกรบอกคุณครูเมื่อเดินกลับมายืนรวมกันที่เดิม “มี ก ลุ่ ม ไหนน้ าหนั ก เกิ น 310 กิ โ ลกรั ม หรื อ เปล่ า คะ” ครู สอบถามด้ว ยใบหน้า ยิ้ม แย้ม เพราะครูรู้แล้ว จากข้อ มูลน้าหนัก ส่ วนสู ง ประจาเดือนในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน

5

“ไม่ มี ค่ ะ เราช่ ว ยกั น บวกน้ าหนั ก ของสมาชิ ก 9 คนแล้ ว น้าหนักรวมกัน 309 กิโลกรัม ” พลอยชมพูตอบคุณครูพร้อมในมือถือ กระดาษรวมน้าหนักของเพื่อน ๆ ในกลุ่มของตน “กลุ่ ม ของผมรวมน้ าหนั ก ได้ 303 กิ โ ลกรั ม ครั บ ธนดล กับกฤษณะมีน้าหนักมากที่สุด” พีรพัฒน์ตอบเสียงดังฟังชัด

6

“น้าหนักของทั้ง 2 กลุ่มใกล้เคียงกัน” ครูพูดและยิ้มพร้อมกับ หยิบเชือกป่านที่อยู่ในถุงขึ้นมาถือไว้ในมือ “คุณครูจะให้เล่นกระโดดเชือกแน่เลย” เสียงของกมลลักษณ์ พูดขึ้นด้วยใบหน้าดีใจที่คิดว่าจะได้กระโดดเชือกแล้ว “เชือกป่านเส้นใหญ่เกินไปไม่ใช่เล่นกระโดดเชือกแน่นอน” เสียง ของวิจต ิ ราพูดแย้งขึ้นมา

7

หลังจากฟังนักเรียนแสดงความคิดเห็นแล้ว ครูจึงได้ชี้แจง ขึ้นว่า “เกมกีฬาที่จะให้นักเรียนเล่นโดยมีเชือกป่านเส้นนี้เป็นอุปกรณ์ ในการเล่น กติกาสาคัญ คือ นักเรียนในกลุ่มทั้ง 2 ทีม ต้องมีความสามัคคี และใช้กาลังร่วมกันเพียงอึดใจเดียว โดยมีผ้าสีแดงที่ผูกไว้ตรงกลางเชือก เป็นตัวกากับว่า เมื่อผ้าสีแดงไปอยู่ในแดนของทีมไหน แสดงว่าทีมนั้นเป็น ฝ่ายชนะ” ครูชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจกติกาเบื้องต้น

8

“ชักเย่อครับคุณครู” เสียงของพงศกรพูดพร้อมกับยกมือค้างไว้ “ใช่แล้วค่ะ เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา วัดในหมู่บ้านได้จัดให้มี กิจกรรมแข่งขันชักเย่อ ทั้งทีมเด็ก และผู้ใหญ่ หนูได้เข้าร่วมแข่งขันด้วยค่ะ ” เสียงของกลมลักษณ์ตอบด้วยความสุขใจ “เก่งมากค่ะ ชักเย่อ สามารถเป็นได้ทั้งกีฬา ทั้งเกม ถ้า เราแบ่ง ที ม ได้ แ ล้ ว ชั ก เย่ อ จะเป็ น เกมกี ฬ าที่ เ ล่ น เพี ย งระยะสั้ น ๆ วั น นี้ ค รู จ ะให้ นั ก เรี ย นดึ ง ชั ก เย่ อ แข่ ง ขั น 3 ครั้ ง ที ม ไหนชนะ 2 ครั้ ง ถื อ ว่ า เป็ น ที ม “ชนะเลิศ” ครูชี้แจงและให้นักเรียน ทั้ง 2 ทีม เอาเชือกออกไปที่ขอบเส้น สนามฟุตบอล

9

ครูให้นักเรียนทั้ง 2 ทีม ลากเชือกนาจุดกึ่งกลางที่ผูกด้วยผ้า สีแดง ไปวางไว้บนเส้นขอบสนาม แล้วนาไม้แหลมไปขีดเส้นให้ห่างจาก จุดกึ่งกลางผ้าสีแดงออกไป ข้างละประมาณ 2-3 เมตร ให้นักเรียนทั้ง 2 ทีมเห็นเขตแดนของทีมตนเองอย่างชัดเจน ถ้าทีมใดสามารถดึงเชือก ไปในแดนของตนได้ ใ นเส้ น แดน 2-3 เมตรนี้ ถื อ ว่ า ชนะ เมื่ อ ทั้ ง 2 ที ม เข้ า ใจกติ ก าแล้ ว ครู จึ ง ให้ นั ก เรี ย นเข้ า ไปยื น ตามเขตที่ ก าหนดเพื่ อ ให้ นักเรียนได้เตรียมตัวว่าใครจะยืนจุดใดของเส้นเชือก

10

“ปรี๊ดดดดดๆๆๆ” เสียงสัญญาณนกหวีดที่ครูเป่าดังยาวพร้อม กั บ ครู ก ระโดดปล่ อ ยเท้ า ที่ เ หยียบเส้ นเชื อ กตรงจุด กึ่ ง กลางผู ก ผ้ า สี แดงไว้ เสียงคาว่า “ดึงเร็ววววว ๆ” พร้อมด้วยการใช้เท้ายันพื้นดินให้ตัวเองมีแรง ในการช่วยกันดึงเพื่อชัยชนะก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

11

ด้วยเวลาไม่ถึง 1 นาที ทีมของธนดลก็ปล่อยเชือกออกจากมือ และล้มลงกองกันระเนระนาด พร้อมด้วยเสียงหัวเราะของนักเรียนทั้ง 2 ทีม เมื่อดูผ้าผูกสีแดงที่เป็นจุดกึ่งกลางการตัดสิน ปรากฏว่าอยู่ในแดน ของทีมวงศกรและพลอยชมพู

12

เมื่อทีมของธนดล พีรพัฒน์ และเพื่อน ๆ แพ้ ทุกคนต่างก็โทษ ไปที่พงศกร และกฤษณะ เพราะกฤษณะยืนเป็นคนที่ 1 เหยียบเท้าของ พงศกรซึ่ ง ยื น เป็ น ล าดั บ ที่ 2 เมื่ อ พงศกรล้ ม ไปหาคนที่ 3 การล้ ม จึ ง กลายเป็นโดมิโนต่อกันไป คนอยู่ หลังเกิดความเข้าใจผิดจึงปล่อยเชือก ทา ให้ทีมฝ่ายตรงข้ามดึงเชือกไปโดยง่ายดายและต่างก็ล้มลงด้วยกันทั้ง 2 ทีม

13

ที ม ของธนดลและพี ร พั ฒ น์ ซึ่ ง มี จ านวนคนน้ อ ยกว่ า ที ม ของ วงศกรและพลอยชมพูอยู่แล้ว จึงกลับมาวางแผนกันใหม่ โดยให้ธนดลยืน เป็นคนที่ 1 ต่อด้วยพีรพัฒน์ พงศกร กฤษณะ และนักเรียนหญิงต่อกัน ไป พีรพัฒน์หัวหน้าทีม ได้บอกกับทุกคนว่า พวกเราต้องมีพลังสามัคคี ทีมเรา จึงจะชนะ

14

จากนั้นการแข่งขันจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ด้วยพลังแห่งความสามัคคี จึงทาให้ทีมของพีรพัฒน์ ธนดล และเพื่อน ๆ ชนะทีมของวงศกรทั้ง 2 ครั้ง “ดีใจด้วยนะ ที่ทีมของพีรพัฒน์ชนะ” วงศกรและพลอยชมพู เข้ามาแสดงความยินดี ครูผู้สอนยืนยิ้มอย่างมีความสุข ที่เห็นนักเรียนทั้ง 2 ทีม แสดงน้าใจนักกีฬาต่อกัน

15

“ครู ดี ใ จด้ ว ยนะคะ กั บ ที ม ที่ ช นะเลิ ศ และที ม ที่ แ สดงน้ าใจ นักกีฬา เห็น หรือยังคะว่า การเล่นเกมหรือกีฬาใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะ ประเภททีม ถ้าในทีมขาดความสามัคคี ทีมนั้นจะชนะทีมคู่แข่ง เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่นักเรียนรวมทีมแล้วจานวนสมาชิกในทีมมีมากมีน้อยกว่ากันเพียง 1-2 คน ไม่มีผลต่อการแข่งขัน สิ่งสาคัญ “ความสามัคคี” ของทีมต่างหาก ที่ความสาคัญ ในห้องเรียนของเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าพงศกรกับกฤษณะ ซึ่ง ทะเลาะกั นบ่อ ย ๆ เมื่อต้ อ งมาเล่ นกี ฬาในที ม เดียวกั น นั กเรียนต้อ งมี ความสามั ค คี จึ ง จะท าให้ ส ามารถเอาชนะคู่ แ ข่ ง ได้ ” ครู พู ด ให้ ข้ อ คิ ด กั บ นักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจกัน

16

พอดี

“กริ้ง ๆๆๆ กริ้งๆๆๆ กริ้งๆๆๆ” เสียงสัญญาณหมดเวลาดังขึ้น

“จากการเล่นชักเย่อวันนี้ ครูเชื่อว่า นักเรียนจะมีความสามัคคี กันมากขึ้นและให้นักเรียนนาสิ่งดี ๆ จากการเล่นไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับ ตัวเองและคนรอบข้าง เพราะทุกวันนี้สังคมไทยต้องการความสามัคคี ถ้า เรามี ค วามสามั ค คี กั น จะท าให้ ส ามารถผ่ า นพ้ น อุ ป สรรคและประสบ ความสาเร็จในการทางานร่วมกันได้ด้วยดี ส่วนใครที่อยากจะเล่นชักเย่อใน เวลาว่าง ให้นักเรียนส่งตัวแทนไปเบิกอุปกรณ์การเล่นจากครูได้นะคะ” ครู พูดให้ข้อคิดก่อนให้นักเรียนเลิกแถวและเดินแถวไปเรียนวิชาอื่นต่อไป

ประวัติผแ ู้ ต่งหนังสือ

ชื่อ นางจิรันธนิน ขันติโชติบริบูรณ์ วัน เดือน ปีเกิด 8 พฤศจิกายน 2504 อายุ 58 ปี เริ่มรับราชการ 1 พฤษภาคม 2524 การศึกษา ปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีนวัตกรรมทางการศึกษา จาก วิทยาลัยครูบุรีรัมย์ ปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยรามคาแหง ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชานาญการพิเศษ โรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม สพป. บุรีรัมย์ เขต 1

Data Loading...